ตอนที่ 388 มนุษย์และยอดอาวุธระดับสรวงสวรรค์
ตอนที่ 388 มนุษย์และยอดอาวุธระดับสรวงสวรรค์
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ซู่จิงได้วางลูกประคำเอาไว้บนฝ่ามือข้างขวาอย่างระมัดระวังก่อนที่จะใช้มือซ้ายของตัวเองลูบไปที่ลูกประคำ ตัวเขาได้หันกลับไปพูดกับลู่โจว “ขอบคุณมากท่านปรมาจารย์จี”
เมื่อมีลูกประคำของชาวพุทธ พลังวรยุทธที่ซู่จิงมีก็เพิ่มขึ้นมากขึ้น ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่จะฟื้นฟูความรุ่งเรืองของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์จะไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองอย่างไม่แยแสก่อนที่จะสังเกตการณ์ที่เชิงเขาต่อไป
เมื่อซู่จิงมีลูกประคำชาวพุทธอยู่ในมือ ในตอนนั้นกลิ่นอายรอบตัวของซู่จิงก็ได้เปลี่ยนไป “ตั้งขบวนเขตแดนใหม่ซะ”
“ครับ ท่านเจ้าอาวาส”
ซู่จิงในตอนนี้สวมใส่ลูกประคำที่คอของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เมื่อพลังลมปราณได้พุ่งสูงขึ้น ลูกประคำก็สัมผัสได้ถึงพลังที่กำลังเอ่อล้นเข้ามา มันได้ส่องแสงสีทองตอบรับออกมาอย่างแผ่วเบา
“กระจกแห่งแสง”
สาวกของซู่จิงที่อยู่ด้านหลังได้สวดพระสูตรไปพร้อมๆ กับซู่จิง เสียงของเหล่านักบวชดังฟังชัดกว่าเดิม
ที่ใต้เท้าของเหล่านักบวชมีแสงสว่างส่องประกายขึ้นมา พลังที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งเริ่มขยายขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น ลวดลายอันงดงามและแสงส่องประกายของมันได้ขยายใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง
อีกครั้งที่ชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าจะได้พลังที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งขึ้นมา ทุกๆ คนที่กำลังต่อสู้อยู่มองขึ้นไปบนกลุ่มนักบวชที่อยู่บนฟากฟ้า
ซู่ฮ่องกงที่เห็นแบบนั้นพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “นักบวชเฒ่า สักวันข้าจะเลี้ยงเครื่องดื่มดีๆ กับเจ้าเอง!”
“อมิตตาพุทธ” เมื่อเอ่ยถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซู่จิงก็เริ่มขมวดคิ้ว ตัวเขาถือว่าเป็นนักบวชคนหนึ่ง เป็นธรรมดาที่จะไม่สามารถดื่มสุราได้
ในขณะเดียวกันฝานลี่เทียนก็ได้โจมตีกงหยวนจนะกระเด็นถอยไปอีกครั้ง ฝานลี่เทียนพยายามที่จะใช้น้ำเต้าของตัวเองโจมตีไปที่ด้านหลังของศีรษะกงหยวนมาโดยตลอด
แต่ถึงแบบนั้นกงหยวนก็ไม่เหมือนกับหุ่นเชิดตัวอื่นๆ ในแง่ของพลังวรยุทธกงหยวนก็มีมากกว่าหุ่นเชิดตัวอื่นๆ มาก และในเรื่องของการตอบสนองเองก็เช่นกัน นอกจากนี้พลังอวตารวิถีพุทธปีศาจของเขาก็ยังปรากฏตัวออกมาเป็นครั้งคราว ด้วยพลังทั้งหมดที่ว่ามาทำให้ฝานลี่เทียนต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี
กงหยวนจ้องมองไปที่ซู่จิงที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อเขาได้เห็นลูกประคำบนคอของซู่จิงกงหยวนก็ดูโกรธมาก กงหยวนที่โกรธแค้นได้ปล่อยพลังฝ่ามือสีดำใส่ฝานลี่เทียนอย่างไม่หยุดยั้ง
พลังวรยุทธของฝานลี่เทียนยังไม่ฟื้นตัวจนเต็มที่ ตัวเขาแทบที่จะไม่สามารถโจมตีกงหยวนโดนด้วยพลังจากน้ำเต้าได้เลย ดูเหมือนว่าฝานลี่เทียนจะไม่สามารถต่อสู้กับกงหยวนตรงๆ ได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ฝานลี่เทียนทำได้แค่หลบการโจมตีเท่านั้น
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
พลังฝ่ามือสีดำได้ลอยไปทั่วทั้งอากาศ แต่ถึงแบบนั้นฝานลี่เทียนก็ยังสามารถหลบได้
“ฝานลี่เทียน เจ้ายังไหวสินะ?” เล้งลั่วที่กำลังเคลื่อนหาฝูงหุ่นเชิดได้เอ่ยถามออกมาอย่างเย้ยหยัน
หวืออ!
พลังอวตารที่สูงกว่า 100 ฟุตปรากฏตัวขึ้น
ฝานลี่เทียนได้ตอบกลับมา “ข้าจัดการได้!”
ในตอนนั้นเองพลังจากกระจกแห่งแสงก็ได้ส่องเข้าหาพวกเขาทั้งคู่ พลังที่ว่าได้เพิ่มพลังให้กับฝานลี่เทียน จุดตันเถียนของตัวเขาโปร่งโล่งสบาย ฝานลี่เทียนสามารถเดินพลังลมปราณได้สะดวกสบายมากขึ้นแล้วนั่นเอง
ยิ่งเวลาผ่านไปบนเชิงเขาก็เต็มไปด้วยซากศพ ลู่โจวที่ยืนอยู่ด้านหลังบี่เอี๊ยนกำลังสำรวจพื้นที่ที่อยู่ตรงหน้า หลังจากนั้นลู่โจวก็มองไปยังป่าในระยะไกล
กงหยวนได้ปรากฏตัวออกมาจากป่าส่วนนั้น ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นจึงสรุปได้ว่าไป่มาผู้ใช้เวทมนตร์คาถาคงจะอยู่ที่ป่าแห่งนั้นคอยควบคุมหุ่นเชิดอยู่แน่
ด้วยพลังที่ได้มาจากวิชากระจกแห่งแสงทำให้ชาวศาลาปีศาจลอยฟ้ากลับมาได้เปรียบอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของหุ่นเชิดดูช้าลงอย่างชัดเจน
ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้ก้าวไปด้านหน้า พลังอวตารที่สูง 10 ฟุตของนางได้ปรากฏตัวออกมา เมื่อหยวนเอ๋อพุ่งผ่านเหล่าหุ่นเชิดไป หุ่นเชิดทั้งหลายก็จะถูกเตะจนกระเด็นไปสู่ขอบฟ้า หยวนเอ๋อสามารถจัดการกับเหล่าหุ่นเชิดได้อย่างง่ายดาย
“ศิษย์น้องเล็ก ทำไมเจ้าถึงไม่จู่โจวพวกหุ่นเชิดที่ด้านหลังศีรษะล่ะ? เจ้าพวกนั้นไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรหรอกนะ” หมิงซี่หยินได้พูดกับหยวนเอ๋อ
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นได้ตอบกลับมา “ข้าเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน!”
ที่บนหุบเขาทองเสียงสวดพระสูตรก็ยังคงดังก้องไปทั่ว
ที่ต้นไม้ภายในป่า ไป่มาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ตะโกนสาปแช่งออกมา “เจ้านักบวชหัวโล้น!”
ในตอนนั้นเองพลังสีม่วงจากทางด้านขวาของตัวเขาก็ได้พุ่งเข้าหาตัวของจางหยวนฉาน
ดวงตาของจางหยวนฉานเบิกกว้าง
ไป่มาได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก “ไปฆ่าพวกมันให้หมดซะ!”
จางหยวนฉานได้จากไป่มาไปก่อนที่จะพยายามหาชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าทั้งหลาย
จางหยวนฉานในปัจจุบันได้แตกต่างไปจากในตอนที่มีชีวิตอยู่มาก เมื่อจางหยวนฉานเดินทางมาเจอหยวนเอ๋อ ตัวเขาก็ได้ใช้พลังหนวดอันน่าสะพรึงกลัวจากแขนจู่โจมไปที่หยวนเอ๋อในทันที
“พยายามที่จะจับตัวข้าอย่างงั้นหรอ? ฝันไปซะเถอะ วิชาเจ็ดดวงดาวล่องเมฆาบดขยี้!”
จางหยวนฉานที่เห็นแบบนั้นก็ได้เหยียดแขนออกมา น้ำเสียงที่ฟังดูชั่วร้ายของเขาได้ดังขึ้นหลังจากนั้น “เจ้าหนีไม่รอดแน่!”
“สายสะพายนิพพาน!” สายสะพายนิพพานได้ปรากฏตัวขึ้นมาก่อนที่จะโอบอุ้มร่างของหยวนเอ๋อเอาไว้ ที่สายสะพายมีพลังปกคลุม สายสะพายได้ปกป้องด้านหน้าของหยวนเอ๋อเป็นอย่างดี
ในเวลาเดียวกัน พลังสหัสะราวีของต้วนมู่เฉิงก็ได้ปรากฏขึ้น มันเป็นพลังที่ใช้เพื่อช่วยหยวนเอ๋อนั่นเอง
ตู๊ม!
ภาพของเงาหอกนับพันได้ฟาดฟันเข้าใส่หน้าอกของจางหยวนฉาน เมื่อการโจมตีของอาวุธระดับสรวงสวรรค์จู่โจมจุดเดียวกันอย่างต่อเนื่อง ร่างของจางหยวนฉานก็เป็นรูจนได้
“ขอบคุณค่ะศิษย์พี่สาม” หยวนเอ่อเหวี่ยงสายสะพายของนางออกไปเพื่อที่จะขับไล่เหล่าหุ่นเชิดทั้งหลายที่อยู่รอบตัว
เมื่อหุ่นเชิดกระเด็นถอยกลับไป ในตอนนั้นลูกธนูพลังงานทั้งหลายก็ได้พุ่งลงมาจากฟากฟ้าเหนือศาลาปีศาจลอยฟ้า ลูกธนูพลังงานพวกนั้นล้วนแต่พุ่งเข้าใส่ด้านหลังศีรษะของเหล่าหุ่นเชิด
หุ่นเชิดทั้งหลายล้มลงไป มันไม่สามารถที่จะขยับได้อีกต่อไป
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นได้หันไปยกนิ้วโป้งให้กับศาลาปีศาจลอยฟ้า “พี่สาวยู่จิงมีฝีมือจริงๆ”
ฮั๊วยู่จิงที่ได้ฟังคำชมได้ยิ้มออกมา ในตอนนี้นางรู้สึกมั่นใจขึ้นมาก
จางหยวนฉานที่ถูกจู่โจมยังไม่ถูกจัดการไปซะทีเดียว เขาคนนี้ก็คือยอดฝีมือผู้ที่ฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ ในเรื่องของความต่างของพลังทำให้ต้วนมู่เฉิงเองรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่
เป็นไปอย่างที่คาดไว้ จางหยวนฉานได้กระโดดมาจากด้านข้างในทิศทางตรงกันข้ามกับทิศที่ซู่จิงลอยลอยอยู่
ซู่จิงขมวดคิ้ว “มุทราแห่งการปกป้อง! พลังอวตารพุทธองค์กายาทองคำ!”
เมื่อจางหยวนฉานพุ่งเข้าใส่ซู่จิง เป็นอีกครั้งที่การเคลื่อนไหวของเขาได้ทำให้ซู่จิงตกใจ จางหยวนฉานได้พุ่งเข้ามาโจมตีด้วยฝ่ามืออันทรงพลัง
“แบบนี่แย่แน่! ถอยเร็วเข้า!” ซู่จิงและสาวกของเขาได้ถอยกลับไปพร้อมกับเขตแดนพลัง ด้วยเหตุนี้เองพลังของวิชากระจกแห่งแสงจึงถูกยกเลิกการใช้งานไป
“ทำลายตัวเองอย่างงั้นหรอ?” การทำเช่นนี้มันคล้ายกับสิ่งที่เล้งลั่วได้ทำในตอนที่เผชิญหน้ากับสิบคนทรง
ในตอนนั้นเองจางหยวนฉานก็ได้ตะคอกออกมาก่อนที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว “ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับเจ้าเอง!”
จางหยวนฉานได้พุ่งมาพร้อมกับพลังลมปราณอันมหาศาลอีกครั้ง
เล้งลั่วรีบใช้พลังอวตารของตัวเองก่อนที่จะปกป้องซู่จิงที่อยู่ด้านหลังเอาไว้
ในที่สุดจางหยวนฉานก็ได้สั่นสะเทือน ตัวเขาได้ระเบิดพลังและควันสีม่วงออกจากร่างกาย ในตอนนั้นเองควันก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งเชิงเขา
ตู๊ม!
หวืออ!
หวืออ!
เหล่าสาวกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็ใช้พลังอวตารออกมาเพื่อที่จะปกป้องตัวเองจากพลังควันสีม่วง
...
ไป่มาได้กวาดตามองชาวศาลาปีศาจลอยฟ้า เหล่าสาวกส่วนมากต่างก็มีอาวุธระดับสรวงสวรรค์ที่ส่องแสงอยู่ในมือของตัวเอง...
ต้วนมู่เฉิงกำลังควงหอกราชันย์อยู่ภายในมือ
จ้าวยู่เองก็ใช้มีดท้องนภาด้วยมือข้างเดียวอยู่
หยวนเอ๋อศิษย์คนเล็กก็ได้ใช้สายสะพายนิพพานโอบตัวเองเอาไว้
ซู่ฮ่องกงก็ยังใช้ถุงมือนักสู้จู่โจมเป้าหมายอย่างไม่หยุดพัก
ขวดน้ำเต้าของฝานลี่เทียนเองก็กำลังหมุนรอบตัวเขา
ฮั๊วยู่จิงที่อยู่บนท้องฟ้าในส่วนที่ไกลที่สุดก็กำลังใช้ธนูจันทราที่มีจู่โจมมาจากระยะไกล
ช่างเป็นพวกชอบโอ้อวดซะจริง ไป่มาที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่แอบสาปแช่งทุกคนอยู่ในใจ
ไป่มาพยายามระงับความตื่นเต้นและความโกรธเอาไว้ ตัวเขาจะต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยังไงซะยอดฝีมือผู้ที่ครอบครองอาวุธชั้นเลิศทั้งหมดจะต้องจบชีวิตลงในวันนี้
พลังหมอกควันสีม่วงได้ตกลงมาสู่พื้นดิน ไป่มายืดแขนออกมาก่อนที่จะจ้องมองไปบนท้องฟ้า ตัวเขาได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “สำหรับลั่วหลาน...สำหรับศิษย์น้องข้า การเสียสละของเจ้าไม่ใช่อะไรที่สูญเปล่าแน่!”
พลังม่านควันสีม่วงได้บดบังทัศนวิสัยที่เล้งลั่วมี ตัวเขาได้ใช้พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบของตัวเองเพื่อที่จะป้องกันตัวเองจากทำลายตัวเองของจางหยวนฉาน เมื่อป้องกันพลังที่ว่าได้ตัวเขาก็ได้รีบเรียกพลังอวตารของตัวเองกลับไป
ซู่จิงแหละเหล่าสาวกยังคงล่าถอยกันต่อไปในระหว่างที่ยังคงเขตแดนเอาไว้ ในที่สุดพลังกระจกแห่งแสงก็ถูกทำลายเข้าจนได้
ในขณะเดียวกันฝานลี่เทียนและนักบวชอย่างกงหยวนเองก็เริ่มที่จะต่อสู้กันดุเดือดมากยิ่งขึ้น เมื่อควันสีม่วงได้ล้อมพวกเขาทั้งคู่ไว้ได้ กงหยวนดูเหมือนจะไม่ได้รับอันตรายอะไร
แต่สำหรับฝานลี่เทียนไม่ใช่แบบนั้น ตัวเขารู้แล้วว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นที่ร่างกายของตน
แค่ก! แค่ก!
“ฝานลี่เทียน!”
“ผู้อาวุโสฝาน!”
กงหยวนได้คำรามออกมา ในตอนนั้นเองที่ด้านหลังของเขาก็มีพลังอวตารสีดำปรากฏขึ้น
ทุกคนในศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่เคยเห็นยู่ฉางตงใช้ดาบเชือดเฉือนร่างอวตารสีดำของกงหยวนมาก่อน ถ้าหากมีใครได้เห็นเช่นนั้น คนคนนั้นจะต้องหวาดกลัวในพลังที่ยู่ฉางตงมีแน่ แต่พลังอวตารสีดำที่ควรจะถูกดาบทำลายไปแล้วได้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ดูเหมือนว่าพลังของคนตายจะไม่ใช่สิ่งที่สามารถคาดเดาได้อีกต่อไป
พลังร่างอวตารสีดำได้พุ่งเข้าหาฝานลี่เทียน
“น้ำเต้าเพชร!” ในตอนนั้นเองม่านพลังก็ได้ไหลออกมาจากขวดน้ำเต้าที่อยู่ในมือของฝานลี่เทียน
ตู๊ม!
พลังอวตารพุทธปีศาจได้เข้าปะทะกับม่านพลังไป
ฝานลี่เทียนไม่อาจต้านทานได้ ตัวเขาได้กระอักเลือดออกมา ใบหน้าที่เหี่ยวแห้งของเขากำลังดูซีดเซียว
ฟรึ๊บ!
ฝานลี่เทียนตกลงไปกับพื้น
ทุกๆ คนที่เฝ้ามองเหตุการณ์ต่างก็วิ่งมาหาฝานลี่เทียน
“หมอกควันนั่นมันคืออะไรกัน?” หมิงซี่หยินได้ถามออกมา
“นั่นมันคือคำสาปเลือด!” เล้งลั่วตอบกลับ
“คำสาปเลือดอย่างงั้นหรอ?”
“คำสาปเลือดจะเป็นพลังที่ได้มาจากเลือดของเหล่าผู้ฝึกยุทธยอดฝีมือ มันเป็นพลังที่คนทรงจะใช้เพื่อจู่โจมเป้าหมาย ถ้าหากพวกเราโดนคำสาปเลือดเข้าไป พวกเราก็คงจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก” สิ่งที่เล้งลั่วพูดออกมาฟังดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
“นี่มันอะไรกัน!” หมิงซี่หยินไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชิงชัง “พวกเราทำได้เพียงเดินพลังของตัวเองอย่างงั้นหรอ?”
ถ้าหากไม่มีพลังของกระจกแห่งแสง พลังลมปราณที่เหล่าสาวกศาลาปีศาจลอยฟ้ามีก็ดูเหมือนจะหมดลงไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ฝานลี่เทียนถูกโจมตี กงหยวนก็ได้หันไปหาซู่จิงและเหล่าสาวกแทน ใบหน้าของเขาซีดเซียวและยังดูน่าหวาดกลัวเช่นเคย พลังอวตารสีดำของกงหยวนได้พุ่งเข้าหาซู่จิงไปอีกคน
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้ว ตัวเขาคิดว่าคงจะไม่คุ้มเท่าไหร่ที่จัดการเป้าหมายที่ตายไปแล้วด้วยการ์ดการโจมตีของเพชรฆาต และแล้วในที่สุดลู่โจวก็ได้ตะโกนสั่งการออกมา “ถอยกลับมาซะ”
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย