บทที่ 77 ไฮเอล์ฟ (4)
พวกเขาใช้เวลาครึ่งวันในการไปถึงหมู่บ้านของไฮเอลฟ์ลิลันด์
เฟรย์และอีวานมองไปที่ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ไกลๆ
“เมื่อสักครู่นี้มันไม่มีอะไรเลยนิ?”
“มันต้องถูกซ่อนไว้ด้วยกำแพงเวทย์”
"ถูกตัอง"
ไซแอ็กซ์พยักหน้าและอีวานก็ยื่นคางออกมา
“นั่นคือต้นไม้โลกหรอ? มันใหญ่สมชื่อจริงๆ”
“เราเรียกมันว่าฮรูฮิราล”
“ฮิ…อะไรนะ?”
“ฮรูฮิราล”
อีวานที่พยายามจะออกเสียงคำๆนี้อยู่สองสามครั้งแต่ในไม่ช้าก็ยอมแพ้
“ยากจริงๆ การฝืนออกเสียงสองสามครั้งทำให้รู้สึกว่าลิ้นของฉันกำลังบิดเบี้ยว”
“เพราะมันเป็นภาษษเอลวิช พวกเราไม่ได้มีปัญหากับการออกเสียงนั้น”
ไซแอ็กซ์ยืนอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน
มีรั้วเล็กๆล้อมรอบแต่ดูเหมือนว่าพวกมันไม่ได้มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้อะไรเข้ามา
อย่างไรก็ตามมีเอลฟ์สองคนยืนอยู่ที่นั่นซึ่งดูเหมือนจะเป็นองครักษ์ซึ่งทั้งคู่เป็นผู้หญิง
คนทางซ้ายเดินเข้ามา
“ไซแอ็กซ์? คุณกลับมาเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้”
เธอพูดเป็นภาษาเอลวิช
อีวานไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดและเฟรย์ก็แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจและนิ่งเงียบ
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยนะปิ๊ปปิ้น ทุกอย่างโอเคไหม?”
"ทุกอย่างปรกติดี แล้วการตามล่าเนโครแมนเซอร์เป็นอย่างไรบ้าง?”
“…เรายังตามหาอยู่”
เอลฟ์ที่ชื่อปิ๊ปปินชำเลืองมองเฟรย์และอีวาน
“พวกที่อยู่ข้างหลังคุณ…ดูเหมือนจะเป็นมนุษย์”
“ฉันได้รับความช่วยเหลือขณะตามหาเนโครแมนเซอร์ พวกเขาเป็นคนที่จะช่วยฉัน”
โชคดีที่เธอแนะนำพวกเขาเหมือนที่เฟรย์ได้บอก
สีหน้าของเธอดูแข็งกระด้างเล็กน้อยเพราะคำโกหกแต่ปิ๊ปปิ้นก็ไม่สงสัยในคำพูดของเธอเลย
“ถึงอย่างนั้นมีเหตุผลอื่นไหมที่คุณพาคนทั้งสองคนนี้เข้ามาในเมือง”
“ฉันได้รับมอบหมายภารกิจจากราชินี ฉันมีอำนาจมากพอที่จะพาคนนอกสองคนนี้เข้ามาในหมู่บ้านนะปิ๊ปปิ้น”
“แน่นอนฉันรู้เรื่องนั้นดี”
เธอยักไหล่
“ฉันไม่ได้พยายามหาเรื่อง ฉันรู้ว่าคุณฉลาดและมีประสบการณ์”
“ขอบคุณ ฉันขอโทษที่ทำตัวก้าวร้าวมากไปหน่อย”
"ไม่เป็นไร แต่คุณไม่สามารถให้คนนอกเหล่านี้อยู่ในหมู่บ้านได้นานเกินไป คุณก็รู้ใช่มั้ย?”
"แน่นอน"
ทั้งสองคุยกันอย่างรวดเร็วและไซแอ็กซ์ก็หันหน้าไปหาเฟรย์
“เป็นขั้นตอนมาตรฐานสำหรับบุคคลภายนอกในการทักทายกับราชินี เคน …ไม่สิเฟรย์พวกเราไปที่ฮรูฮิราลกันก่อนดีไหม?”
“ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ต้องทำก็แน่นอนเราควรทำตามนั้น”
"แต่ฉันง่วงนอนแล้วอะ" (อีวาน)
“พวกเขาใช้เวลาไม่นานหรอกน่า หลังจากนั้นนายจะได้พักสายตาอยู่บนเตียงนุ่มๆเลยละ” (เฟรย์)
“เตียงนุ่มๆ นายนี้รู้ดีไปหมดเลยนะว่าควรพูดอะไรเพื่อโน้มน้าวใจฉัน” (อีวาน)
จากนั้นเขาก็ติดตามไซแอ็กซ์ไปพร้อมกับอีวาน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าสู่ป่าใหญ่
นั่นเป็นเพราะเมื่อ 4,000 ปีก่อนเขาไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเอลฟ์มากนัก ยิ่งกว่านั้นพวกเขาปิดป่าแห่งนี่โดยสิ้นเชิงเพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าชม
นั่นคือเหตุผลที่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นฮรูฮิราลด้วยตัวเอง ต้นไม้ยักษ์เปล่งรัศมีอันสง่างามซึ่งเหมาะกับชื่อของมัน
อีกทั้งบรรยากาศของหมู่บ้านก็เงียบสงบและเย็นสบาย มันแตกต่างอย่างมากกับสิ่งที่เขาคิดว่าหมู่บ้านจะเป็นอย่างไร
มันเหมือนกับมนุษย์ที่มีแนวโน้มและนิสัยที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับเชื้อชาติภูมิภาคและประเทศ
ก็ไม่น่าแปลกใจมากนัก
“ห้องโถงของราชินีอยู่ในฮรูฮิราล พวกเราจะใช้เวลาไม่นานดังนั้นได้โปรดพยายามรักษาระดับความสุภาพขั้นพื้นฐานเอาไว้ด้วย”
ด้วยคำพูดเหล่านั้นเธอจ้องมองอีวานด้วยความวิตกกังวล
“ฉันรู้ว่าคุณคงเข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนที่หยาบคาย เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณเห็นแต่คุณก็ไม่ควรมีอคตินะ”
เขาจ้องไปที่เฟรย์
“นายเองก็ประหม่าเหมือนกันใช่ไหม?”
“ไม่เลยสักนิด ราชินีเอลฟ์ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นคนที่ดี เธอเป็นผู้ดีและคำว่าสง่างามเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะอธิบายตัวของเธอได้ ถ้านายได้เห็นเธอด้วยตาของนายเองนายจะไม่สามารถดูหมิ่นเธอได้แม้ว่านายต้องการก็ตาม”
“…”
ไซแอ็กซ์มองเฟรย์ด้วยความประหลาดใจเพราะดูเหมือนว่าเขาจะรู้เกี่ยวกับราชินีมากกว่าที่เธอคาดไว้
นอกจากนี้ความสัมพันธ์ของเขากับอีวานก็ค่อนข้างแปลก
'บางครั้งพวกเขาดูเหมือนเป็นเพื่อน ... แต่บางครั้งมันก็เหมือนกับศิษย์หัวดื้อที่กำลังถูกสั่งสอนด้วยอาจารย์ของเขา'
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงฮรูฮิราล
เมื่อเงยหน้าขึ้นแม้ว่าจะเอียงคอขึ้นไป 90 องศา มันก็ไม่สามารถมองเห็นปลายสุดของด้านบนได้
โชคดีที่พระราชินีไม่ได้อยู่ชั้นบนสุด
เห็นได้ชัดว่าต้องใช้เวลานานมากในการปีนต้นไม้ที่ใหญ่กว่าหอคอยเวทมนตร์ใดๆ
หลังจากปีนบันไดธรรมชาติที่ทำจากลำต้นแล้วพวกเขาก็เห็นพื้นที่ขนาดใหญ่ภายในต้นไม้โลก
พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าพื้นที่นั้นถูกสร้างหรือปรากฏขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ถึงแม้จะมีพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนี้มันกลับไม่มีปัญหาเมื่อพิจารณาขนาดของฮรูฮิราล
เมื่อพวกเขามาถึงบันไดขั้นสุดท้าย ไฮเอลฟ์สี่คนก็ลอยลงมาจากด้านบน
ดวงตาของอีวานส่องประกายแวววาวเมื่อพวกเขาลงจอดอย่างนุ่มนวลโดยไม่มีเสียง
เขารู้สึกว่าเอลฟ์เหล่านี้เป็นนักรบเวทมนตร์ที่มีทักษะสูงมาก
“ไซแอ็กซ์คนที่อยู่ข้างหลังคุณคือใคร?”
เอลฟ์ที่อยู่ด้านหน้าเป็นคนที่พูด
มีเพียงริ้วรอยเล็กน้อยบนใบหน้าของเขา แต่เมื่อพิจารณาถึงอายุขัยของเอลฟ์เขาอาจมีอายุประมาณ 200 ปี
“พวกเขาเป็นคนนอกที่ช่วยดิฉันตามล่าเนโคแมนเซอร์ ดิฉันคิดว่าพวกเราจะต้องอยู่ในหมู่บ้านเป็นเวลาสั้นๆ เพราะเหตุนั้นดิฉันจึงพาพวกเขามาที่นี่เพื่อทักทายราชินีและขออนุญาตค่ะ”
"…เข้าใจแล้ว"
เอลฟ์คนนั้นมองพวกเขาด้วยสายตาที่เฉียบคมก่อนจะพูดภาษามนุษย์
“ระวังคำพูดและการกระทำของคุณต่อหน้าราชินีด้วยนะคนนอก”
เฟรย์พยักหน้าก่อนจะมองไปที่อีวาน
อีวานที่กำลังจะพูดอะไรที่ดูฉลาดแต่กลับยักไหล่และปิดปากไว้เมื่อเห็นท่าทางของเฟรย์
ราวกับจะบอกให้กับเฟรย์รู้ว่าเขาควรทำอะไร
ตอนนั้นเอง
มีคนเดินออกมาจากฮรูฮิราล
หลังจากเห็นพวกเขาเฟรย์ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เป็นกลุ่มดาร์กเอลฟ์ที่มีผิวสีเข้มและผมสีเงินเป็นเอกลักษณ์
และคามิลล์ก็ยังเป็นหนึ่งในคนที่อยู่แถวหน้าของกลุ่มนั้น
ชายวัยกลางคนจ้องเขาครู่หนึ่งก่อนจะพูดอะไรบางอย่างกับชายข้างๆคามิลล์
“ฉันไม่รู้ว่ามันจะไปได้ด้วยดีนะหัวหน้ารีฟส์”
ชายที่ถูกเรียกว่ารีฟส์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฉันคิดว่ามันจะได้ผลในที่สุด”
“อืม…ค่อยโล่งใจหน่อย ฉันดีใจมากที่คุณเป็นหัวหน้าเผ่าแบลคทูธ”
“คุณยังชมด้วยคำพูดหวานๆได้เสมอเลยนะ แต่ตอนนี้เราจะต้องขอลาไปก่อน”
รีฟส์หันหน้าไปมองกลุ่มของเฟรย์ในขณะที่เขาจ้องไปที่เฟรย์เขาก็ส่งสายตาดุร้ายไปที่อีวาน
“…คนนอกเหรอ? ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเก่งพอตัว”
“ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดว่าอะไร แต่ฉันชอบท่าทางของนาย นายอยากจะประลองกันหน่อยมั้ย?” (อีวาน)
“ใจเย็นๆ”
เสียงสองเสียงซ้อนทับพร้อมกัน
นั่นเป็นเสียงของเฟรย์และเอลฟ์ชราที่ยืนอยู่ข้างๆรีฟส์
ดวงตาของเอลฟ์เฒ่าและเฟรย์สบตากันในขณะนั้นก่อนที่พวกเขาจะพยักหน้าพร้อมกัน
รีฟส์หักห้ามความปรารถนาของเขาก่อนจะเดินต่อไปอย่างเร่งรีบ
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะทิ้งพวกมือใหม่ไว้ให้คุณดูแล คามิลล์คุณเลือกเอาเองเลยก็แล้วกัน”
“ค่ะหัวหน้า”
“เราจะพาคนเด็กๆพวกนั้นไปกับเรา”
หลังจากพยักหน้าแล้วพวกดาร์กเอลฟ์ก็จากไป
ขณะที่เธอเดินผ่านไปคามิลล์ก็ได้สบตากับเฟรย์
“…?”
เธอเอียงศีรษะ
ไม่ใช่เพราะเธอเห็นผ่านภาพลวงตาของเฟรย์ แต่เป็นเพราะเธอสงสัยว่าทำไมคนนอกคนนี่ถึงจ้องมองมาที่เธอ
ในไม่ช้าเฟรย์ก็ลดสายตาลง
สำหรับตอนนี้เขาควรมุ่งเน้นไปที่การพบกับราชินี
* * *
ราชินีเอลฟ์อยู่ในส่วนด้านในสุดของต้นไม้โลก
ช่วงเวลาที่เข้าไปข้างในห้องนั่นมันไม่มากเกินไปที่จะบอกว่าเสียงของโลกได้หายไป
“…”
“…”
และบุคคลนี้ที่สามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้อย่างง่ายดายกำลังนั่งบนบัลลังก์ที่ทอจากหญ้า
เธอมีผมสีขาวบริสุทธิ์ที่ดูเหมือนหิมะสดและผิวซีดที่ดูเหมือนจะขาวกว่าที่คิด
ดวงตาสีเงินทั้งสองของเธอส่องประกายราวกับดวงดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืน
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของเธออีวานถึงกับพูดไม่ออก
เมื่อเทียบกับไซแอ็กซ์ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกอาจเรียกได้ว่าไม่ธรรมดาแล้วแต่ความงามของราชินีนั้นเหนือยิ่งกว่าใครๆ
เธอยังแสดงออกถึงการปรากฏตัวร่าวกับเทพซึ่งมันยากที่จะมองตรงไปที่เธอ
ไซแอ็กซ์ก้มศีรษะของเธอ
ราชินีดูเหมือนจะสวยกว่าที่เธอจำได้
และมันจะยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไป
“…”
เฟรย์สังเกตเห็นความจริงอีกอย่าง
เธอแทบจะไม่มีลักษณะของไฮเอลฟ์เลย เธอเป็นไฮเอลฟ์มาตั้งแต่แรกหรือเปล่า?
เขาไม่สามารถบอกได้เพราะหูของเธอซ่อนอยู่หลังผมที่เปล่งประกายของเธอ
‘ราชินีเอลฟ์ที่ฉันรู้จักนั่นเป็นไฮเอลฟ์ทั้งหมด’
เขาไม่ค่อยเข้าใจ
เขารู้สึกว่าเธอไม่ใช่ไฮเอลฟ์และมันเป็นเพราะสถานการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอปรากฏตัวออกมาเช่นนี้
ดูเหมือนจะเป็นไปได้
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องกังวลในตอนนี้
ริมฝีปากของเธอค่อยๆแยกออก
“ไซแอ็กซ์”
แม้แต่เสียงของเธอก็ยังไพเราะ
มันรู้สึกเหมือนเสียงกระซิบอันแสนหวานของคนรัก
อีวานรู้สึกหนาวสั่นลงกระดูกสันหลังและเหวี่ยงแขนโดยไม่มีเหตุผล
ไซแอ็กซ์โค้งคำนับอย่างสุภาพอีกครั้ง
“ไซแอ็กซ์ลูกสาวคนแรกของอนาริลทักทายพระบาทสมเด็จพระราชินี”
“คุณไม่จำเป็นต้องทักทายฉันอย่างสุภาพหรอกนะเพื่อนเก่าของฉัน”
“…ฉันขอบคุณสำหรับความใจดีของคุณ”
ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในการแสดงออกของราชินีในคำพูดเหล่านั้น แต่มันหายไปเร็วกว่าที่มันปรากฏ
ดวงตาสีเงินของเธอหันไปหาอีวานและเฟรย์
“คุณบอกได้ไหมว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคุณคือใคร?”
“พวกเขาเป็นคนที่ช่วยฉันตามหาเนโครแมนเซอร์ …อีวานเฟรย์ทักทายสมเด็จพระราชินีสิ”
อีวานส่ายหัวเล็กน้อย เขารู้สึกเหมือนเขาจะเป็นบ้าแน่ถ้าหากเขายังคงมองไปที่ร่างของราชินี
เขารู้สึกกังวลเพราะการได้เห็นราชินีทำให้บางสิ่งในตัวเขาปั่นป่วนอย่างควบคุมไม่ได้
เป็นผลให้คำพูดของเขาติดขัดก่อนที่มันจะออกมา
“อีวาน!”
จากนั้นเขาก็หลับตาลงราวกับว่าเขาได้พูดทุกอย่างที่เขาอยากจะพูด
เขาทำเพียงเพราะเขาไม่สามารถทนมองราชินีได้อีกต่อไป แต่เป็นที่ชัดเจนว่าการกระทำดังกล่าวจะถูกมองจากคนรอบข้างอย่างไร
"หยาบคาย…"
ใบหน้าของเอลฟ์ชราข้างๆราชินีกลายเป็นสีแดง
การแสดงออกของไซแอ็กซ์ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
“พฤติกรรมของเจ้า...กล้าดียังไง…”
“เจลพิคพอได้แล้ว”
“แต่พระบาทสมเด็จพระราชินี…”
“เป็นไปไม่ได้ที่เราจะยัดเยียดมารยาทของเอลฟ์ให้กับมนุษย์ คุณคิดแบบนั่นไหม?”
"…กระหม่อมขอโทษ"
เจลพิคก้มศีรษะของเขาที่ราชินีแต่เขายังคงมองไปที่อีวานด้วยสายตาที่ดุร้าย
เขาไม่รู้ว่าทำไมอีวานถึงหลับตาแต่เฟรย์กลับเดาะลิ้นเล็กน้อย
บรรยากาศเริ่มตึงเครียด
ราชินีผู้มีอำนาจสูงสุดดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นมากนัก แต่ผู้อาวุโสรอบๆตัวเธอมีการแสดงออกที่ไม่ดี
คำตัดสินของ "เอลฟ์อาวุโส" เป็นรองเพียงราชินีเท่านั้น ไม่มีอะไรดีที่จะมาจากการทำให้พวกเขาเป็นศัตรูกันโดยไม่มีเหตุผล '
ราชินีจ้องมองไปที่เฟรย์
เฟรย์ค่อยๆก้มหน้าขณะพูด
“ขอให้ความสง่างามของผืนป่าไหลไปชั่วนิรันดร์และขอให้แสงแดดส่องท้องฟ้าให้สว่างไสว กระหม่อมมีชื่อว่าเฟรย์เป็นพ่อมดจากอาณาจักรคัสต์เคาพะยะค่ะฝ่าบาท”
“โอ้ว…”
“อืม”
การแสดงออกของผู้อาวุโสนั้นดีขึ้นมาก
บางคนรวมถึงไซแอ็กซ์มองเฟรย์ด้วยความประหลาดใจ
ราชินีมองเฟรย์ด้วยสายตาแปลกๆ
“พ่อมดเฟรย์ดูเหมือนคุณจะคุ้นเคยกับมารยาทของเอลฟ์เป็นอย่างมาก แม้ว่ามันจะดูล้าสมัยไปหน่อยแต่ก็น่าทึ่ง”
“กระหม่อมมีโอกาสไม่กี่ครั้งที่จะได้เป็นเพื่อนกับพวกเอลฟ์พะยะค่ะ”
ไซแอ็กซ์เอียงศีรษะเล็กน้อยด้วยความสงสัย
คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเรียนรู้คำทักทายที่ล้าสมัยจากดาร์กเอลฟ์เพราะพวกเขาไม่เคยชอบสิ่งเหล่านี้
เขามีคนรู้จักที่เป็นเอลฟ์คนอื่นด้วยหรือ?
“ฉันมีนามว่าสโนว์ ดิ พรีดิกวูด ราชินีแห่งเอลฟ์”
“…”
ในขณะนั้นคิ้วของอีวานกระตุกและเขาก็เปิดตาข้างหนึ่ง
เฟรย์ที่เงียบอยู่ครู่หนึ่งก้มศีรษะของเขาอีกครั้ง
“…เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับพระราชินีพะยะค่ะ”
สำหรับเอลฟ์ชื่อกลางนั้นมีความหมายพิเศษและไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน
‘ดิ’ เป็นชื่อกลางที่เฉพาะผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ในฐานะราชินีเท่านั้นที่สามารถรับได้
แต่สิ่งที่เฟรย์และอีวานให้ความสนใจมากที่สุดคือนามสกุลของเธอ
"พรีดิกวูด"
มันเหมือนกับของโอดิน
พวกเขามีความประหลาดใจอย่างแรง
พระญาติของพระราชินี...เฟรย์สงสัยว่าสิ่งต่างๆจะซับซ้อนกว่าที่เป็นอยู่
ในขณะเดียวกันเขาก็ดีใจอย่างยิ่งที่เขาตัดสินใจที่จะไม่เปิดเผยชื่อของโอดินให้กับไซแอ็กซ์ มันเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
“มันคงไม่นานนัก แต่ฉันก็ยังหวังว่าคุณจะมีความสุขกับการพักผ่อนนะไซแอ็กซ์ คุณช่วยสอนเพื่อนของคุณเกี่ยวกับกฎของสังคมของเราได้มั้ย?”
“แน่นอนค่ะฝ่าบาท”
สโนว์กระตุกเล็กน้อยในตอนนั้น
เฟรย์และไซแอ็กซ์โค้งคำนับอีกครั้งในขณะที่อีวานหันหน้าหนี
ใบหน้าของผู้อาวุโสเปลียนเป็นโกรธอีกครั้งแต่อีวานดูเหมือนจะไม่สนใจ
พวกเขาติดตามไซแอ็กซ์และเดินออกจากฮรูฮิราล
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงที่ต้นไม้ต้นอื่น
เนื่องจากมันเป็นหมู่บ้านของไฮเอลฟ์ต้นไม้ทุกต้นจึงค่อนข้างใหญ่ สิ่งนี้ทำให้เอลฟ์สามารถสร้างบ้านได้โดยไม่ต้องทำลายต้นไม้
ตาก!!
ไซแอ็กซ์ที่ปิดประตูมองไปรอบๆ ดวงตาของเธอดูเหมือนจะสว่างขึ้น
นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าเธอโกรธ
“อีวานนายนี่จริงๆเลย… นายจะหยาบคายกับสมเด็จพระราชินีได้อย่างไร? หากไม่ได้เป็นเพราะไหวพริบที่รวดเร็วของเฟรย์ทุกอย่างอาจจะแย่ไปแล้ว!”
“…”
อีวานที่เป็นคนที่ไม่ยอมหุปปากหรือยอมใครง่ายๆกลับถอนหายใจก่อนพูดว่า
"ฉันขอโทษ"
"…ฮะ?"
“มันเป็นความผิดของฉันเอง ทั้งหมดเลย ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้”
“…”
สิ่งนี้ทำให้ไซแอ็กซ์พูดไม่ออกไปชั่วขณะเพราะเธอไม่เคยคาดหวังให้เขาก้มหัวลงและขอโทษ
เธออ้าปากค้างสองสามครั้งโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก่อนที่จะถอนหายใจ
“…พวกคุณสองคนสามารถอยู่ที่นี่ได้ในขณะที่พวกคุณอยู่ในเมือง”
“คุณอยู่คนเดียวเหรอ?”
ด้วยคำถามของเฟรย์เธอพยักหน้า
"ถูกตัอง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?"
“…”
เฟรย์ไม่รู้จะพูดอะไร
ถือว่าเป็นเรื่องที่กล้าหาญมากในหมู่มนุษย์สำหรับผู้หญิงโสดที่ยังไม่ได้แต่งงานที่จะมีผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่สองคนอยู่กับเธอในบ้านของเธอ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งนี้ไม่ใช่อะไรพิเศษในหมู่ของพวกเอลฟ์
“ฉันต้องออกไปข้างนอกสักพัก ฉันมีบางสิ่งที่จะรายงานทุกครั้งที่กลับมาที่เมือง ฉันอาจจะกลับมาไม่ทันก่อนพระอาทิตย์ตกดังนั้นโปรดอย่าออกนอกบ้าน”
“ในห้องนอนใหญ่มีอาหารเตรียมไว้แล้ว แล้วไว้เจอกัน”
หลังจากพูดอย่างนั้นไซแอ็กซ์ก็ออกจากบ้านทันที
เฟรย์และอีวานสบตากันก่อนที่จะเดินไปที่ห้องนอน
ขณะที่พวกเขามองไปที่อาหารบนโต๊ะไม้พวกเขาก็ตกตะลึง
พูดได้สั้นๆว่ามันคือสลัด
ไม่มีแม้แต่การตกแต่งใดๆ
คนที่กินมันอาจจะไม่ได้ลิ้มรสอะไรนอกจากหญ้าในขณะที่กินมัน
การแสดงออกของอีวานยับยู่ยี่จนมองแทบไม่เห็น
“นี่มันอาหารแพะชัดๆ…”
เฟรย์หยิบเนื้อออกมาจากกระเป๋าอย่างเงียบๆแล้วโยนมันใส่เขา
สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของอีวานสดใสขึ้นทันที
“การเตรียมการของนายนี้ละเอียดถี่ถ้วนดีจริงๆ”
“มันก็ไม่ได้มากมายอะไรแต่นั่นไม่สำคัญหรอกฉันเตรียมมาโดยเฉพาะคนที่มีสัญชาตญาณเหมือนสัตว์ป่าอย่างนาย”
"ไม่จริงเลยเหอะ"
อีวานยิ้มและกระตุกเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็หยุด
โดยปกติแล้วถ้าหากใครกล้าแซวอีวานแบบนี้อาจจะโดนอีวานตบเกรียนแตกโดยไม่ลังเล แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงกลับยอมรับมันได้?
แทนที่จะกินเนื้อเฟรย์เริ่มกินอาหารที่ไซแอ็กซ์เตรียมไว้ให้
ผักที่ไม่มีน้ำสลัดจะมีรสชาติตามธรรมชาติเท่านั้น
อีวานมองเขาและทำท่าทางแปลกๆ
“รสชาติเป็นยังไง?”
“หลังจากกัดไปไม่กี่คำมันก็จะมีรสชาติในตัวของมันเอง นายควรบ้างไหม?”
"ไม่มีทาง"
[เรื่องนี้เริ่มซับซ้อนขึ้นมาก]
“…”
เฟรย์พูดสิ่งนี้โดยใช้กระแสจิต
เขาไม่ได้พยายามที่จะอวด แต่ถ้าหากเอล์ฟกำลังจับตาดูอยู่พวกเขาจะสามารถได้ยินเสียงกระซิบแม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรก็ตาม
อีวานตอบกลับอย่างไม่เป็นทางการขณะที่เคี้ยวเนื้อในปาก
[เพราะโอดินเป็นญาติของราชินี?]
[ใช่ หากเราไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เราจะถูกขับไล่ออกในทันที]
[แล้วเราจะทำยังไงดี?]
[เราจะค้นหาสิ่งที่ริกิบอกฉัน]
"ฮะ?"
อีวานส่งเสียงประหลาดใจ
เมื่อเฟรย์จ้องมองเขา เขาก็แกล้งพูดออกมาอย่างตั้งใจ
“นี้มันเนื้อปลาวาฬหรือเปล่า? ทั้งเหนียวแถมรสชาติแย่มาก”
[เขาพูดว่าอะไร?]
[เขาบอกแค่ฉันคนเดียวเท่านั้น]
[แล้วทำไมไม่บอกฉันด้วยละ? พวกนายมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันแล้วสินะ]
เฟรย์ไม่สนใจคำพูดของอีวาน
[ริกิบอกว่าโอดินจะต้องใช้สื่อที่จะติดต่อกับอะโพคาลิปส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาต้องใช้สิ่งของที่ทรงพลังซึ่งสามารถส่งสัญญาณออกไปนอกป่าทึบนี้ได้]
[สื่อ?]
[เขาไม่รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร อาจเป็นสร้อยข้อมือหรือต่างหูรูปปั้นขนาดเล็กหรือหินหน้าตาธรรมดาๆ มันอาจเป็นรอยสักบนร่างกายของเขาก็ได้]
[มันคลุมเครือมาก เราจะหามันได้ยังไง?]
[ไม่ทางใดก็ทางหนึง]
อีวานรู้สึกว่าคำพูดนั้นคลุมเครือ แต่เฟรย์เพิ่งคิดว่าเรื่องนี่มันซับซ้อนขึ้น
เขารู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดในขณะที่คิดหาวิธีเปิดเผยตัวตนของโอดินในฐานะอัครสาวกและสังหารเขา
มันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
หากพวกเขาสามารถฆ่าอะโพคาลิปส์ได้ด้วยการทำงานหนักเพียงครั้งเดียวมันก็คุ้มค่า
มันเป็นสิ่งที่ยังคงคุ้มค่าถึงแม้พวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่านี้ถึง 100 เท่าก็ตาม
นี่คือเหตุผลที่เฟรย์รู้สึกโชคดีมากที่ได้พบกับริกิในตอนนี้
‘แม้ว่าฉันจะไม่สามารถเชื่อใจเขาได้เต็มที่ก็ตาม’
อย่างไรก็ตามเขายังไม่ยอมคลายข้อสงสัย
ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีของเขากับเดมิก็อดกินเวลานานเกินกว่าที่เขาจะทำยอมรับมันได้ง่ายๆ
ริกิคงรู้เรื่องนั้น
คนหนึ่งดูน่าสงสัยส่วนอีกคนก็รู้มาก
อย่างไรก็ตามทั้งสองไม่ลังเลที่จะทำงานร่วมกัน พวกเขาตระหนักดีว่านี้เป็นวิธีเดียวที่จะบรรลุเป้าหมายที่ซ้อนทับกันได้
แน่นอน ‘เป้าหมาย’ ของริกิคือสิ่งที่ทำให้เขาสงสัยมากขึ้น
เดมิก็อดหรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งอะโพคาลิปส์แห่งดาบ
เขาเป็นหนึ่งในห้าเดมิก็อดที่อยู่รองจากลอร์ดโดยตรง เขาต้องฆ่าพวกเดียวกันด้วยเหตุผลอะไร?
‘…’
ความคิดของเขาเริ่มหลงทาง
เฟรย์ใช้โทรจิตอีกครั้ง
[ถ้าเขาติดต่อกับนอซด็อกมันควรจะมีร่องรอยของพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่อาจไม่สามารถสัมผัสได้จากที่นี่ แต่ฉันสามารถสัมผัสได้ จากนั้นเราจะพบว่าสื่อคืออะไร]
[โห ฉันเข้าใจละ แปลว่าเราจะรออยู่ที่นี่จนกว่าโอดินจะติดต่อกับเดมิก็อด?]
[ใช่]
มันง่ายกว่าที่เขาคาดไว้
จู่ๆอีวานก็นึกขึ้นได้และถามด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย
[แล้วถ้าเขาไม่ติดต่อล่ะ?]
[เราจะต้องเพิ่มแรงกดดันให้กับเขาในปริมาณที่เหมาะสม ในการทำเช่นนั้นเขาจะกังวลมากจนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากติดต่อกับเดมิก็อด]
รอยยิ้มเหยียดทั่วริมฝีปากของเฟรย์
[ในที่สุดฉันก็คิดแผนการดีๆได้แล้ว]
[หืม?]
ในขณะนั้นเฟรย์กำลังคิดถึงคามิลล์
เป้าหมายแรกของเขาคือการติดต่อกับเธอ
อีวานถอนหายใจ
[ฉันจะเบื่อเอานะ ไม่มีสัตว์ประหลาดรอบๆให้ฉันฆ่าแล้วฉันจะฆ่าเวลายังไงละ?]
เขาจ้องมองไปที่เฟรย์ที่ส่ายหัวอย่างหนักแน่น
[ฉันทำไม่ได้เพราะฉันจะมีธุระที่ต้องจัดการ]
[เอาน่า อย่างน้อยก็ฝึกสู้กับฉันสักสองสามครั้งจะได้ไหม?]
[มันสำคัญมาก เราค่อยมาว่ากันในเรื่องนี้หลังจากงานของเราเสร็จสิ้น]
เขาไม่รู้ว่าจะสามารถเข้าไปในหมู่บ้านของไฮเอลฟ์ได้อีกทีเมื่อไหร่
พูดให้ถูกต้องเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นต้นไม้โลกแบบใกล้ชิดอีกเลย
ต้นไม้โลกฮรูฮิราล
มีบางอย่างที่เขาต้องการทดสอบกับต้นไม้โลกซึ่งมีอายุมากว่า 5,000 ปี
ถ้าเขาสามารถทำในสิ่งที่เขาคิด ... เขาจะได้รับผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เขาคาดไว้