Ep.941 - เลเวล SSS หายตัวไป
Ep.941 - เลเวล SSS หายตัวไป
หลิวหานมาจากตระกูลสาขา มิได้รับทรัพยากรมากมายอะไร ทั้งหมดทั้งมวลที่สามารถมาถึงจุดนี้ ล้วนปีนป่ายด้วยความยากลำบาก หากฉินเฟิงทำผลงานได้ไม่ดีในครั้งนี้ และหลิวหานสามารถบดขยี้อีกฝ่ายต่อหน้าหลิวหลง เขาคงได้รับความชื่นชมยิ่งกว่าเดิม
แต่ตอนนี้ เกรงว่าในใจของหลิวหลงคงก่นด่านหลิวหานว่าเป็นแค่ขยะ!
ในความคิดของหลิวหาน หากไม่มีฉินเฟิง เหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น เขารู้สึกเกลียดฉินเฟิงมาก
แต่อีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร ฉินเฟิงไม่สนใจ
ตรงกันข้ามกับหูซาน ฉินเฟิงช่วยเขากำจัดความเจ็บแค้นเดือดดาล ทั้งยังประกาศกร้าวต่อคนอื่นๆ ว่าในมิติของพวกเขา ใช่จะยินยอมถูกผู้อื่นกดขี่
“ผลลัพธ์นี้พอได้ไหมครับ?” ฉินเฟิงถาม
“มันต้องได้อยู่แล้ว ถ้าผลลัพธ์นี้ไม่ดี แล้วของคนอื่นๆจะเป็นอย่างไร ไม่กลายเป็นไร้ค่าไปเลยหรือ?” หูซานกล่าว
“ได้ยินแบบนี้ก็โล่งอกครับ”
หลังจากข้อมูลแต้มพลังโจมตีถูกป้อนลง ฉินเฟิงก็ได้รับบัตรประจำตัว พอหยดเลือดลงไป การยืนยันตัวตนก็เสร็จสมบูรณ์ เขาเปลี่ยนมาใส่อุปกรณ์สื่อสารใหม่ ในที่สุดฉินเฟิงก็ได้กลายเป็นสมาชิกของพันธมิตรมนุษย์อย่างเป็นทางการ
แน่นอน สถานะที่ได้รับการรับรองของเขาคือผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล S มิใช่ผู้ใช้วรยทุธโบราณเลเวล A1 แบบในโลกมนุษย์ของตน
หูซานยังคงแนะนำเรื่องราวเพิ่มเติม “ในบรรดามิติของพันธมิตร มนุษย์แบ่งออกเป็นสี่อาชีพ ในหมู่พวกเขายังคงมีผู้ใช้วรยุทธโบราณ , ผู้ใช้อบิลิตี้ , มือปืน สุดท้ายเป็นผู้ฝึกสัตว์เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่ง และอาชีพสุดท้ายนี้ คล้ายคลึงกับของคุณมาก เพียงแต่ในมิติของพวกเรา สัตว์ร้ายแข็งแกร่งเกินไป อาชีพนี้เลยไม่เป็นที่นิยม!”
“ในที่นี้ เนื่องจากมนุษย์ทุกมิติมารวมตัวกัน การแลกเปลี่ยนจึงบังเกิดขึ้น ในบรรดาการแลกเปลี่ยนที่ว่า วรยุทธโบราณมีจำนวนมากที่สุด บ้างดีบ้างร้ายปะปนกันไป หากคุณคิดเรียนรู้ต้องตั้งใจเลือกดีๆ รองลงมาเป็นเทคนิคอบิลิตี้ เพราะอำนาจของอักษรรูน เป็นเรื่องง่ายที่จะเรียนรู้ ต่อไปเป็นอาวุธปืน ของสิ่งนี้มีราคาแพงที่สุด แต่ละมิติสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ก็จริง แต่เนื่องด้วยวิทยาการและเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ทำให้ไม่ค่อยมีใครอยากซื้อมัน เพราะหากซื้ออาวุธสำเร็จรูปมา แล้วเกิดเสียหาย การซ่อมแซมจะเป็นปัญหามากเกินไป สุดท้ายเป็นอาชีพฝึกสัตว์สามารถใช้พลังสมาธิควบคุมสัตว์ร้ายได้ แต่วิธีการใช้พลังสมาธิเข้าควบคุมนั้น แทบไม่มีข้อมูลเปิดเผยออกมา”
“สำหรับคุณ การมาเยือนพันธมิตรมนุษย์ในครั้งนี้ คือโอกาสทอง เป็นใบเบิกทางสู่ต่างมิติ ที่จะช่วยให้สามารถได้รับทรัพยากรมากขึ้น!”
หูซานแนะนำเรื่องราวต่างๆอีกมากมาย แต่บอกเล่ามากมายแล้วอย่างไร? เรื่องส่วนใหญ่ฉินเฟิงสามารถค้นพบได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
“อ้อจริงสิ ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญมาก” ท่าทีของหูซานเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ถ้าคุณบังเอิญเจอกับตัวตนทรงอำนาจของพันธมิตรองค์กรมืดจากมิติอื่น จงระมัดระวังตัวให้ดี”
ฉินเฟิงชะงักไป
“ในมิตินับพันหมื่นของมนุษย์ ก็มีพันธมิตรองค์กรมืดเหมือนกันงั้นหรือ?”
เดิมฉินเฟิงคิดว่าพันธมิตรองค์กรมืดเป็นแค่การดำรงอยู่ในมิติของเขา ไม่เคยคาดคิดเลย ว่าท่ามกลางพันธมิตรมนุษย์จากทุกมิติ จะมีการดำรงอยู่ขององค์กรมืดด้วยเช่นกัน
หลังกลับมาเกิดใหม่ ฉินเฟิงเคยเผชิญกับเหอเทียนสิง , เทพวูดู ,ตาปีศาจ รวมไปถึงไอซาน แต่ฉินเฟิงค้นพบว่า พวกระดับสูงอย่างหูซานและคนอื่นๆ สำหรับคนฝั่งองค์กรมืด พวกเขาไม่ได้มีความเป็นปรปักษ์ หรือเกลียดชังกันมากขนาดนั้น
หลังจากได้มาเยือนพันธมิตรมนุษย์ที่แท้จริง ฉินเฟิงยังสงสัยอยู่เลย ว่าเหอเทียนสิงและพวกองค์กรมืดคนอื่นๆคงมีวิธีการเข้ามาที่นี่เช่นกัน แม้บนโลกมนุษย์นับว่าต่างฝ่ายต่างเป็นศัตรู แต่ในความเป็นจริง อีกฝ่ายน่าจะได้รับการยอมรับในฐานะสมาชิกกลุ่มพันธมิตรมนุษย์เช่นกัน
เลยไม่ทันนึกคิด ว่าจะมีกรณีเช่นนี้ด้วย
“นั่นเพราะแนวคิดไม่ตรงกัน” หูซานกล่าว “เมื่อพวกเรามีความแข็งแกร่งถึงระดับนี้ ได้ครอบครองพลังที่แข็งแกร่ง เลยเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของแต่ละคน มนุษย์น่ะปรารถนาสิ่งใดย่อมทำสิ่งนั้น พวกเขาต้องการที่จะวิวัฒนาการ ดังนั้นอยากครอบครองทรัพยากรที่ช่วยให้ตนแข็งแกร่งขึ้น แต่ความคิดของฝั่งพันธมิตรมนุษย์ คือในมิติที่มีมนุษย์อยู่อาศัย ไม่ควรใช้แก่นพลังงานธาตุของมิติโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณเคยเห็นเจ้าสิ่งนั้นมาแล้ว ที่กล่าวมาคือแก่นอบิลิตี้ของจ้าวเหนือหัว!”
ฉินเฟิงพอจะเข้าใจแล้วว่าหูซานกำลังจะเอ่ยต่อว่าอะไร “ดังนั้น ก็หมายความว่าสมาชิกฝั่งพันธมิตรองค์กรมืด ไม่ได้สนใจว่ามิติจะพังทลาย หรือแหล่งพลังงานจะเหือดแห้งหรือไม่ ขอแค่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุดก็พอแล้ว นี่ใช่ไหมความคิดที่แตกต่างกันของพวกเขา”
“ถูกต้อง สมาชิกขององค์กรมืดน่ะบ้าคลั่งและเห็นแก่ตัว บางคนถึงขั้นจงใจทำลายมิติที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ ปล้นชิงทรัพยากร ตรงกันข้ามกับแนวคิดของพันธมิตรมนุษย์ ที่เชื่อในกฏธรรมชาติ การล่มสลายของมิติคือปรากกฏการณ์ทางธรรมชาติ ส่วนมันจะล่มสลายลงเมื่อไหร่นั้น ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถแทรกแซงได้”
ฉินเฟิงเข้าใจในที่สุด
จากนั้น หูซานก็นำยานรบออกมา พาฉินเฟิงออกไปจากที่นี่
“ตรงนี้ถูกเรียกว่าเซ็นทรัลซิตี้ มิติมนุษย์ของพวกเราก็เหมือนกับที่หลิวหลิงเคยกล่าวไว้ เป็นมิติในระดับต่ำ ต่อให้คุณมีเงินล้นฟ้า มากจนสามารถซื้อที่ดินที่นี่ได้ก็ตาม แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถรักษามันไว้ได้อยู่ดี มีแต่จะทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะ พวกเราจึงสร้างเมืองเล็กๆขึ้น โดยอยู่ห่างจากที่นี่ไปครึ่งชั่วโมง”
หูซานคิดจัดเตรียมห้องพักแก่ฉินเฟิง เพราะนับจากนี้ไปฉินเฟิงต้องมีที่อยู่อาศัยในมิตินี้
บนยานรบ หูซานคล้ายหวั่นใจว่าฉินเฟิงยังไม่สะดวกในการพบหน้ากับเลเวล S คนอื่นๆ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ด้านความแข็งแกร่งของฉินเฟิง แม้จะแกร่งมากทั้งยังผ่านการทดสอบ แต่ในมิติของพวกเขา ฉินเฟิงยังเป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล A1 เท่านั้น
“ในเมืองเล็กๆนี้ไม่ค่อยมีใคร แต่เพราะเทคโนโลยีได้รับการพัฒนาเป็นอย่างดี ดังนั้นมีหุ่นยนต์คอยบริการทั้งหมด”
“ครับ” ฉินเฟิงรับคำคราหนึ่ง “ว่าแต่ตอนนี้พันธมิตรมนุษย์ในมิติของพวกเรา มีเลเวล S ทั้งหมดอยู่กี่คนกันแน่?”
เรื่องพวกนี้ ฉินเฟิงไม่เคยทราบมาก่อน
หูซานถอนหายใจ “ในพันธมิตรมนุษย์ของโลกเรา มีเลเวล S ทั้งสิ้น 283 คน ,เลเวล SS มีทั้งสิ้น 11 คน ส่วนเลเวล SSS … เมื่อก่อนก็เคยมี แต่ตอนนี้หายสาบสูญไปแล้ว คนผู้นั้นเคยอยู่ในพันธมิตรหัวเซี่ยของพวกเรามาก่อน”
“คงเป็นคนจากตระกูลขององค์ชายเซียวสินะครับ” ฉินเฟิงเคยได้ยินแซดพูดถึงเรื่องนี้ ว่าตระกูลหลี่เคยมีการถือกำเนิดของผู้ใช้พลังเลเวล SSS
“ถูกต้อง เป็นดาบนักบุญหลี่หยวน แต่เขาหายตัวไปกว่า 30 ปีแล้ว บางทีอาจจบชีวิตลงแล้วก็ได้! แต่ตอนนี้ในตระกูลหลี่ยังมีเลเวล SS อยู่ ขณะเดียวกัน องค์ชายเซียวเหมือนกำลังพยายามอย่างหนัก คาดว่าคงสามารถตัดผ่านได้ในเร็ววัน ด้วยเหตุนี้ ตระกูลหลี่ในหัวเซี่ยของพวกเรา เลยมีสถานะสูงส่ง”
ฉินเฟิงพยักหน้า แม้เขาจะเคยมีปัญหากับรุ่ยฉงมาบ้าง แต่ในเวลาต่อมาเขาได้ร่วมเข้าต่อต้านเผ่ามังกรร่วมกับหลี่เซียว ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจเรื่องที่ฉินเฟิงไปล่วงเกินศิษย์เขา
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ฉินเฟิงไม่ได้ไปแตะต้องผลประโยชน์ของอีกฝ่ายเลย
และนับจากนี้ต่อไปควรจะเป็นเช่นนั้น ฉินเฟิงควรจัดการอย่างระมัดระวัง เพราะเลเวล SSS ของตระกูลหลี่อาจปรากฏตัวขึ้นได้ทุกเมื่อ ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีไพ่อะไรในมือบ้าง
ในระยะเวลาสั้นๆ หูซานคิดไม่ออกว่าจะพูดเรื่องอะไรดี เขาเลยบอกให้ฉินเฟิงทดลองใช้งานอุปกรณ์สื่อสาร
ฉินเฟิงนึกไปถึงเรื่องที่หูซานอธิบายเกี่ยวกับกระบวนท่าวรยุทธก่อนหน้านี้ เกิดความสนใจเล็กน้อย เปิดเข้าใช้งานฟังก์ชันของมัน
แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ปรากฏไอค่อนซื้อขายบนอุปกรณ์สื่อสาร หลังจากฉินเฟิงคลิกที่มัน ก็มีการแยกประเภทวรยุทธออกมาให้เลือกสรร ฉินเฟิงเลือกเลเวล S ปรากฏรายชื่อมากกว่า 50,000 รายการ ภาพเบื้องหน้าทำให้ฉินเฟิงตกตะลึง
รู้ใช่ไหมว่า ทักษะฝึกฝนเลเวล S ในมิติของฉินเฟิงเป็นอะไรที่หายากมาก! กระทั่งในเมืองหลวงมังกร ยังครอบครองอยู่ไม่กี่สิบทักษะ!
แต่ที่นี่ กลับมีมากกว่า 50,000 อย่างกะทันหัน
ฉินเฟิงเข้าไปอ่านคำแนะนำของแต่ละท่าทันที แต่ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งรู้สึกงงงวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะฝึกฝนกำลังภายใน ทำไมพวกมันถึงได้ด้อยประสิทธิภาพขนาดนี้? อย่างที่ดูดีที่สุด แท้จริงแล้วกลับสามารถระเบิดพลังออกมาได้เพียงสามเท่าแค่นั้น
ในขณะที่ทักษะลับกลืนดาราของฉินเฟิง มันสามารถระเบิดอำนาจออกมาได้มากถึง 10 เท่า! เดิมฉินเฟิงกำลังคิดว่าในเมื่อทักษะลับกลืนดารามาถึงแค่เลเวล S ดังนั้นถึงคราวที่เขาต้องเปลี่ยนเทคนิคฝึกยุทธแล้วใช่หรือไม่? แต่มองถึงจุดนี้ เห็นได้ชัดว่านี่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของทักษะลับกลืนดารา
‘เดี๋ยวก่อนนะ!’ ฉินเฟิงคิดในใจ พริบตานั้นดั่งอัสนีบาตฟาดผ่า เกิดความคาดเดาอันน่าตกใจขึ้นในจิตใจของเขา