บทนำ (รีไรท์ E-BOOK)
บทนำ
ว่ากันว่าในสมัยปลายปีราว 400-500 ปีก่อนได้เกิดโรคระบาดชื่อว่า X มันเป็นโรคระบาดที่ไม่มีที่มาแน่ชัด ว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออะไรหรือใช้กำจัดมนุษยชาติโดยแท้จริง ผลของมันร้ายแรงเกินกว่าจะประมวลออกมาเป็นประโยคที่ถูกต้อง ต่างๆ นานา
ล้วนแล้วแต่กระจัดกระจายและสาบสูญไปบ้าง เหลือเพียงกลุ่มมนุษย์ไม่กี่ร้อยคนที่รวมตัวกันพัฒนาและสร้างห้องทดลองตัดแต่งพันธุกรรมจนกลายออกมาเป็นเหล่ามนุษย์ทั้ง 4 รูปแบบ
รูปแบบแรกคือ อัลฟ่า เปรียบเสมอจ่าฝูง ล้วนแล้วแต่มีพละกำลังที่มากเหนือคำบรรยาย หากได้ต่อกรกับพวกเขาเท่ากับเอาชีวิตโยนทิ้งลงปากเหว
รูปแบบสองคือ โอเมก้า ว่ากันตามตรงพวกเขาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่น่าอร่อยเหมือนดั่งขนมหวาน เป็นดั่งตัวทดลองที่ถูกเชิดชูในฐานะพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ในรูปแบบต่างๆ กันไป
รูปแบบสุดท้ายคือ เบต้า พวกเขาเหล่านี้คือกลุ่มมนุษย์ที่ได้ขยับขยายเผ่าพันธุ์และรวบรวมเหล่าผู้เหลือรอดอยู่จนกลายเป็นกลุ่มคนแบบปกติทั่วไป
กลุ่มสุดท้ายที่ว่ากันว่าคือสุดยอดของอาวุธชิ้นสุดท้ายที่จะนำพามาต่อกรกับโรคระบาด X พวกเขาถูกขนานนามว่าผู้กล้าว่า เหล่าตัวทดลองจำนวนเพียงหยิบมือจากทั้งหมด 1 หมื่นคน เหลือรอดราว10คน รูปลักษณ์ที่แตกต่างจากผู้คนและความสามารถราวกับสวรรค์สรรค์สร้าง พวกเขาเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ นามของพวกเขาเหล่านั้นคือ Guardian
ฤทธิ์ของโรคระบาด X ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้อีกและยังทำให้พวกเขาเหล่านั้นสูญเสียร่างกายและถูกแทนที่ด้วยร่างกายที่แปรสภาพคล้ายกับสัตว์ประหลาดตัวมหึมา
มีเพียง Grn หรือ Guardian ที่สามารถหยุดยั้งและช่วยชีวิตผู้คนเหล่านั้นได้แต่ว่าพวกเขากลับกลายเป็นเพียงตำนานที่สาบสูญยากที่จะตามหา หลงเหลือเพียงบันทึกเล็กๆ ของพวกเขาที่ทิ้งไว้ก่อนหายจากไปตลอดกาล สิ่งเดียวที่ทุกคนทำได้คือการสร้างเมืองขนาดใหญ่และกำแพงกั้นระหว่างรอบไว้เพื่อป้องกันเหล่าผู้ติดเชื้อ X
“ฟู่..หนาวจังเลย” นั่งถูมือของตัวเองเพื่อบรรเทาอากาศหนาวเย็นของวัน หลังจากออกไปหาเก็บเศษอาหารจากในถังขยะมากิน แต่มันกลับไม่พอประทังความหิวได้มากเท่าไหร่ จึงจำเป็นที่จะต้องไปหาของป่ามาบรรเทาอาการหิวของตัวเองแก้ขัดไปก่อน
“โครกกก..อื้อ..ทำไมถึงหิวอีกแล้วล่ะ” บ่นอุบอิบกับตัวเองระหว่างนั่งจ้องมองดูผู้คนมากหน้าหลายตาเดินเพ่นพ่านไปมา พร้อมกลิ่นหอมหวานที่ปะปนกันเหมือนดอกไม้ที่เบ่งบาน เพียงแต่ว่ามีไม่กี่คนที่มีกลิ่นหอมหวานเหมือนดอกไม้
“โครกกก..อือ..หิวจังเลย..ทั้งๆ ที่กินเข้าไปตั้งเยอะแล้วแท้ๆ” นั่งบ่นกับตัวเองไม่หยุดปากก่อนหยิบเศษขนมปังเล็กๆ ที่ตอนนี้มีพวกสัตว์ขนปุยสี่ขาตัวจ้อยวิ่งเข้ามายื้อแย่งไปกินเอาเข้าปาก ตอนนี้ทำได้เพียงนั่งกินด้วยแววตาที่เหม่อลอยว่างเปล่า ก่อนชันเข่าขึ้นเพื่อบรรเทาอากาศหนาวเย็น
“หนาว” ปากเล็กๆ สั่นเทิ้มด้วยความหนาวเย็นของอากาศ ริมฝีปากแห้งชืดและเกร็ดเลือดสีแดงเข้มแห้งเกรอะกรังติดเล็กน้อย เพราะว่าอากาศนั้นแห้งและหนาวจัดจึงทำให้ริมฝีปากเกิดการแห้งและลอก
เด็กน้อยอายุ 4 ขวบเศษนั่งสั่นเทิ้มกอดเข่ามนไว้เพื่อบังลมหนาว โดยอาศัยอยู่ในลังกระดาษที่ขาดยับเยินเป็นรูใช้กำบังร่างกายจากลมหนาว ร่างเล็กในชุดมอมแมมทำได้เพียงกอดเข่าของตนเองจนร่างกายสั่นเทิ้ม เหล่าผู้คนมากหน้าหลายตาเดินผ่านโดยไม่สนใจเด็กสาวร่างเล็กแม้แต่น้อย ทำเหมือนเด็กสาวเป็นเพียงอากาศว่างเปล่า
ระหว่างที่เด็กสาวนั่งสั่นเทิ้มคล้ายกับจะหมดสติในอีกไม่กี่อึดใจอยู่นั้น กลับมีร่างของใครบางคนปรากฏขึ้น ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่ของบุคคลปริศนาทำการสอดเข้าไปรับร่างเล็กของเด็กสาวที่หมดสติขึ้นบ่า ไม่ช้าเจ้าของร่างสูงค่อยๆ เดินหายลับปะปนไปกับเหล่าผู้คนบนท้องถนนในช่วงค่ำคืน
6 ปีต่อมา
เสียงเจี้ยวจ้าวของเด็กๆ กำลังพูดคุยหยอกล้อกันด้วยความสนุกสนานบริเวณสนามหญ้าและโซนของเล่นขนาดใหญ่ที่ถูกจัดไว้สำหรับเด็กๆ เหล่านี้
“ฮ่าๆ..ดูสิเธอสามารถหักท่อนไม้ ได้ด้วยมือข้างเดียว”
“โอ้โหไม่อยากเชื่อ”
“ฉันว่าเธอโม้แน่ๆ เลยให้ตายเธอก็หักมันไม่ได้หรอก”
“แต่ฉันว่าเธอทำได้..โชว์ให้พวกเราดูสิ”
เสียงเจี้ยวจ้าวของเด็กอายุราว 10 ขวบเศษ ประมาณ 4 คน กำลังยืนถกเถียงกันโดยมีเด็กตัวเล็กคนหนึ่งที่ยืนสูงสุดบนเนินดินเตี้ยๆ เหมือนกับหัวหน้าหมู่บ้านที่กำลังประกาศบอกลูกบ้านที่พากันน้องตาละห้อยจ้องมองเจ้าของเสียง
“ฉันจะ...จะหักไม้ให้ทุกคนดู”
“โอ้โห..ไม้งอแล้ว”
“โอ้ว!!!” เด็กๆ ต่างร้องตกใจเป็นตาเดียวกันเมื่อกิ่งไม้ขนาดใหญ่ถูกหักลงต่อหน้าต่อตา สร้างความตกตะลึงให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก
“เด็กๆ ถึงเวลากินข้าวแล้วจ้า!!” เสียงโห่ร้องตะโกนของคนดูแลบ้านเด็กกำพร้ากำลังป้องปากส่งเสียงเรียกเด็กๆ ที่พากันมาเล่นในสวนอย่างสนุกสนาน ต่างพากันลุกฮือวิ่งกันเข้าไปในบ้านหลังใหญ่พร้อมเพรียงกัน
“เอาล่ะ..ฉันว่าคุณมาลีนคงจะดุเราแน่ๆ หากไม่ไปกินข้าว” เสียงเล็กๆ ของใครบางคนพูดแทรกขึ้น ก่อนที่เด็กในชุดสีเหลืองคนหนึ่งทำการยันตัวลุกขึ้นปัดเศษดินที่อยู่บนร่างกายออก
“งั้นเราไปกินข้าวกันเถอะ...”
“เอาด้วย!!”
“แล้วเธอล่ะจะไปกินข้าวกับพวกเรารึเปล่า?”
“...” เด็กสาวทำได้เพียงเม้มปากแน่นก่อนพยักหน้ารับช้าๆ
“งั้นก็ลงมาสิ..เอ้าจับดีๆนะระวังลื่น” มือเล็กขนาดกะทัดรัดยื่นออกมาตรงหน้าเด็กอีกคน ไม่ช้าเด็กสาวค่อยๆ วางฝ่ามือของตัวเองลงไปบนฝ่ามือของเด็กชุดเหลือง เพียงแค่ออกแรงกระตุกเพียงเล็กน้อยเด็กสาวคนนั้นก็เซถลาล้มตัวลงมายืนข้างล่างแล้ว
ก่อนที่ทั้ง 4 จะพาวิ่งหน้าตั้งเข้าไปในบ้านเพื่อกินมื้อเที่ยงตามปกติ เพียงแต่วันนี้กลับมีบางอย่างที่จะทำให้เด็กๆ ต่างแปลกประหลาดใจเป็นแน่ เมื่อมาลีนหรือผู้ดูแลได้เดินเข้ามาบอกข่าวดีเกี่ยวกับผู้อุปการะคนใหม่ที่จะมาในช่วงบ่ายเพื่อรับเลี้ยงเด็กๆ ในบ้านหลังนี้ เด็กๆ ทั้งหลายต่างส่งเสียงดีใจกันยกใหญ่
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนมาอุปการะน่ะ..หวังว่าเขาคงจะไม่เอาพวกเราไปขายก็พอนะ..ฮ่าๆ” เด็กในชุดสีเหลืองพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกระหว่างตักข้าวเข้าปากกินคำโต
“อย่าพูดแบบนั้นสิเควิน”
“ก็เรื่องจริง..หากให้ฉันแยกเด็กๆ จากในกลุ่มก้อนเหล่านี้ทุกคนล้วนเป็นเบต้าทั้งหมด มีเพียงพวกเราทั้ง 4 คนที่ดันเป็นอัลฟ่าและโอเมก้าจากที่เคยอ่านหนังสือมาพวกเขาจะมีกลิ่นที่หอมหวานเหมือนดอกไม้ แต่ว่าเด็กสาวคนนั้นกลับมีกลิ่นที่แปลกไป” เควินหรี่ตาจ้องมองเด็กตัวเล็กที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งกับเขากำลังหยิบไว้กรอกชิ้นใหญ่เข้าปากกิน
“รัม..เป็นอัลฟ่าธรรมดา..”
“ไม่ใช่หรอกเดน..ถ้าเกิดเจ้าตัวเป็นอัลฟ่าธรรมดาทำไมถึงมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้กันล่ะ?”
“เอ๊ะ??นายหมายความว่าอะไรนะเควิน??”
“ใจเย็นๆ เถอะน่าพวกนายทั้งสองคนอย่าพูดเรื่องอะไรแปลกๆ ต่อหน้ารัมสิ”
“ใช่สิเธอเป็นแค่โอเมก้านี่รัน นายก็ด้วยเดนนายก็เป็นโอเมก้าอย่าลืมสิว่าอัลฟ่าน่ะมีจมูกที่ดีกว่าคนปกติซะอีก” เควินกอดอกเชิดหน้าใส่เพื่อนทั้งสองของตนที่หันหน้ามองกันตาปริบๆ เพราะไม่เข้าใจคำพูดของเขา
“เอาล่ะเด็กๆ ได้เวลาไปอาบน้ำและกลับมารวมตัวที่ห้องโถงในเวลา 13.00น. นะจ๊ะ”
“เย่!!ตึกๆตึกๆ!!” เด็กราว 20 คน วิ่งกรูกันออกไปทิ้งไว้เพียง เดน เควิน รันและรัม ที่พากันนั่งกินอาหารเที่ยงเงียบๆ ก่อนถูกมาลีนเข้ามาดุและไล่เด็กทั้งสี่ให้ไปอาบน้ำอาบท่า เพราะว่าเดี๋ยวจะมีคนเข้ามารับพวกเขาไปดูแล
เนื่องจากมาลีนอยากให้เด็กทุกคนได้มีครอบครัวที่อบอุ่น หน้าที่ของเธอทำได้เพียงดูแลเด็กๆ ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ซู้ดดด..ให้ตายเถอะทำไมต้องเร่งเราขนาดนี้ด้วยนะอีกอย่างเราไม่ได้อยากมีครอบครัวสักหน่อยว่าไหม?เคน”
“อะไรนะเควิน?..”
“เวรเอ๊ยนี่แกไม่ได้ฟังฉันอีกแล้วเหรอ..ฮึย..ซู้ดดด” เควินระบายความโกรธทั้งหมดที่มีด้วยการดูนมรสหวานเสียงดังใส่เพื่อนตัวแสบของเขา
“รัม..ถ้าเกิดมีคนมารับเธอไปเลี้ยงเธออยากทำอะไรเป็นอย่างแรก?”
“..อยาก..กินไอศกรีม..”
“ว้าว..ไอศกรีมเหรอฉันก็อยากกินเหมือนกัน..” รันพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางจูงมือรัมเดินตามก้นไปติดๆ จนมาถึงห้องน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกแบ่งเป็นสัดส่วนสำหรับชายและหญิง
“หวังว่าเราจะมีวันนั้นนะรัน..เจอกันทั้งสอง..แล้วก็แกไอ้เคนตามมานี่!!”
“โอ๊ยยย..อย่าดึงหูฉันเควิน!!!”
“ฮ่าๆ..พวกเขาเหมือนคนบ้านี่เนอะ..ปะอาบน้ำกันรัม..”
“อื้อ..” เด็กสาวทำได้แค่พยักหน้ารับช้าๆ และเดินตามเพื่อนสาวคนเก่งตามหลังไปติดๆ ด้วยท่าทีนิ่งสงบ จนรันยังอดเป็นห่วงไม่ได้ว่ารัมกำลังกังวลอะไรหรือว่ามีเรื่องทุกข์ใจไม่สบายอยู่ตลอดเวลารึเปล่านะ
ห้องโถงใหญ่
เด็กเกือบ 30 คน ต่างนั่งรอด้วยใบหน้าชื่นบานเหมือนดอกทานตะวันรอรับแดด หลังมาลีนบอกว่าจะมีคนมารับเด็กไปเลี้ยงดู ซึ่งทุกคนต่างพากันนั่งตัวเกร็งจนตูดแทบไม่ติดพื้น โอกาสดีๆ แบบนี้นานหนจะมีสักครั้งซึ่งเด็กๆเองก็ตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอครอบครัวใหม่มารับไปเลี้ยงดูกันด้วยแววตาที่บ่งบอกได้ถึงความหวังเล็กๆ ของพวกเขาทั้งหมด
“ตื่นเต้นจังเลยเนอะรัม..”
“อื้อ”
เด็กทุกคนนั่งรอใจจดใจจ่อด้วยแววตาลุกวาวเป็นประกาย ไม่นานนักก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นก่อนที่ประตูหน้าห้องโถงจะถูกเปิดออก
กลุ่มคนราว 10 คน เดินเข้ามาโดยที่พวกเขาสวมเพียงชุดสูทสีดำเข้มและยังมีจี้รูปแปลกๆ ที่ปกคอเสื้อกันทุกคน แต่ว่ามีเพียงหนึ่งคนที่แปลกไปจากคนอื่นนั่นก็คือ เด็กสาวอายุ 17 ปี เส้นผมสีแดงสดปลิวไสวลู่กับสายลมเย็นๆ ของวัน กลิ่นหอมประหลาดลอยฟุ้งไปทั่วห้อง มีเพียงแค่เด็กสองคนที่รับรู้ได้ถึงกลิ่นประหลาดที่กำลังลอยฟุ้งในอากาศ
“อึก..ก..” เควินที่นั่งชันเข่าถึงกับกัดริมฝีปากแน่นตอนได้กลิ่นหอมประหลาดที่ลอยฟุ้ง มีเพียงรัมที่นั่งนิ่งๆ ไม่ไหวติงกับกลิ่นหอมยั่วยวนใจ ก่อนถูกเควินสะกิดเจ้าตัวยกใหญ่
“รัม..รัม..ธะ..เธอได้กลิ่นนี่ไหม?..นี่มันกลิ่นของพวกExtra..อึก” เควินพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักโดยที่เขาทำได้เพียงกัดฟันแน่นไม่เผลอตัวกระโจนเข้าใส่เด็กผู้หญิงวัยรุ่นที่ยืนอยู่ตรงหน้าในชุดนักเรียน
“ฉันเลือกเด็กคนนั้น..” นิ้วขาวเนียนชี้ไปที่รัมในพริบตาร่างเล็กถูกอุ้มขึ้นฟ้าแนบบ่าของชายในชุดสูทที่ทำตามเด็กสาวอย่างว่าง่าย โดยมีรันที่นั่งอยู่ติดกันรีบส่งเสียงเรียกชื่อเพื่อนสาวตัวเล็กของเธอด้วยน้ำเสียงขาดห้วง เพราะนึกไม่ถึงว่าคนที่โดนรับเลือกจะเป็นรัม
“รัม!!อย่าไป..อย่าไปน้า!!”
“รัน..” เคนทำได้เพียงกอดรัดเพื่อนสาวคนเก่งไว้แน่น ก่อนรัมถูกอุ้มหายลับออกไปผ่านประตูห้องโถง โดยมีเสียงร้องไห้สะอื้นของรันที่ร้องเรียกหาเจ้าตัวไม่หยุด
“แอ๊ดด..เชิญครับคุณหนูโรส” บอดี้การ์ดหนุ่มในชุดสูทไม่รอช้าเปิดประตูรถให้กับคุณหนูของเขาทันที พร้อมส่งมอบเด็กสาวจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าเข้าไปในรถ ก่อนที่เขาจะทำการเดินวกกลับไปนั่งประจำที่ดังเดิม
“ขอบใจ..เฮ้อออ..ให้ตายเถอะใครจะคิดล่ะว่าฉันจะต้องมาตามหา Ultra ที่เป็นเด็ก 10 ขวบ แบบนี้..ว่าไงตัวเล็กหนูชื่ออะไรเอ่ย?” โรสเบนหน้ากลับไปถามเด็กผู้หญิงตัวเล็กผอมแห้งที่กำลังนั่งนิ่งไม่ไหวติงเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาเจ้าของร่างสูงโปร่งที่นั่งอยู่ข้างกัน
“รัม..รัม..” เด็กสาวเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอยก่อนถูกฝ่ามือขาวเนียนสอดเข้าไปใต้วงแขนและจัดการอุ้มเจ้าตัวขึ้นมานั่งบนตักโดยมีเธอที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนเบาะนุ่มแสนสบาย
“อึก..ก” รัมถึงกับสะดุ้งตกใจเฮือกใหญ่กับกลิ่นหอมแปลกๆ ที่ลอยฟุ้งออกมาจากผู้หญิงคนนี้ แม้มันจะมีกลิ่นที่หอมเหมือนดอกไม้แบบที่เธอชอบแต่ว่าทำไมมันถึงมีกลิ่นแปลกๆ บางอย่างแอบแฝง
เหมือนกลิ่นของไอศกรีมแสนอร่อยที่เธอเคยได้กลิ่นเมื่อนานมาแล้ว ทั้งหอมและเย้ายวน จนอยากเอาเข้าปากกินให้หายอยาก แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้รัมเองก็ไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นอะไร รู้แค่ว่าตอนนี้หน้าแดงแจ๋และหัวใจเจ้ากรรมดวงน้อยนั้นกำลังเต้นหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่ามันจะทะลุออกมาจากร่าง
“ทำไม?มีอารมณ์เหรอ?..แต่ว่าเรายังเป็นเด็กอยู่เลยน้า..แต่ถ้าอยู่ใกล้ฉันมากๆ จะมีอารมณ์ก็ไม่แปลกหรอกเพราะว่าวันนี้ฉันน่ะพึ่งจะ..ฮีทเป็นครั้งแรกแหละ” ประโยคท่อนหลังเบาหวิวกระซิบแหบพร่าข้างแก้มนุ่มของรัมที่ตอนนี้หน้าแดงแจ๋เพราะว่าลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดข้างแก้มของเธอ
“ยะ..อย่ามาใกล้นะ..อื้ออ” รัมพยายามใช้มือเล็กๆ ของตัวเองยันแก้มนุ่มที่พยายามจะกดลงมาบนแก้มของเธอ ด้วยท่าทีแปลกๆ พร้อมกลิ่นหอมที่ฟุ้งมากเป็นพิเศษเล่นเอาร่างของเธอก็ร้อนผ่าวไม่ต่างกัน
“ทำไมล่ะ?ไม่อยากรู้เหรอว่าถ้าถูกเอ็กตร้ารุกครั้งแรกมันจะสนุกหรือเปล่า..จุ๊บ!”
“อ๊ากกกกกก!!” เสียงร้องแหกปากของรัมสร้างความสนุกปนขบขันในกับโรสได้เป็นอย่างดี เธอก็เลยแกล้งแหย่ด้วยการจุ๊บเบาๆ ที่แก้มนุ่มแต่ว่าออกจะแฟบไปหน่อยเพราะไม่ค่อยได้กินของอร่อยเยอะ
“ฮึกๆฮือออ..” เด็กสาวสะอื้นตัวโยนพลางยกแขนขึ้นมาปิดหน้าปิดตายกใหญ่กันไม่ให้หญิงสาววัยรุ่นเข้ามาทำมิดีมิร้ายเธอ
“โอ๋ๆพี่แค่แกล้งนิดเดียวเอง..ไม่ร้องน้า..” โรสเลยต้องมารับบทเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปตลอดทางเพราะว่าเธอดันมีอารมณ์ขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุจนเผลอเกือบทำอย่างที่ปากพูดเมื่อกี้จริงๆ
‘ให้ตายเถอะทำไมฉันต้องเกิดมาเป็นเอ็กตร้าด้วยนะ..เฮ้อออ’