ตอนที่ 175 อีไลแอสแห่งเผ่าปฐพีและการล่มสลายของกองทัพจีนาสในแดนเหนือ
ตอนที่ 175 อีไลแอสแห่งเผ่าปฐพีและการล่มสลายของกองทัพจีนาสในแดนเหนือ
“บ้าเอ๊ยรุนแรงเกินไปแล้วมันแรงเกินกว่าครั้งนั้นซะอีก อย่าบอกว่าไม่ใช้แค่ชั้นกลางแต่เป็นชั้นในด้วย” ไนเรลบินขึ้นกลางอากาศลอยตัวมองการสั่นไหวของโลกด้วยสีหน้ากังวล
แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ระยะเวลามันนานกว่าครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว อาคารภายในเมืองหลวงไทกีล่าเหมือนโดนเขย่าอย่างต่อเนื่อง ผู้คนพากันวิ่งหนีตายออกมาพากันไปยังที่หลบภัยที่ซึ่งสมาพันธ์นักล่าจัดเตรียมไว้ให้
เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เสียงอาคารที่พังถล่มและพื้นดินที่ดังสนั่นเลื่อนลั่นอยู่ตลอดเวลา
แต่มันยังไม่หมดแค่นั้นเพราะเกิดการเคลื่อนตัวของผลึกกำแพงโดมทำให้มีรอยแยกเกิดขึ้นมามากมายตามพื้นผิวโลก แต่ยังโชคดีที่ว่าไม่มีรอยแยกขนาดใหญ่เกิดขึ้นไกลกับเมืองหลวงไทกีล่าและเมืองซานติเกีย
แม้จะไม่มีรอยแยกที่นี่แต่ก็ใช่ว่าที่อื่น ๆ จะไม่มี เช่นรอยแยกใหญ่สุดคือสามรอยต่อของประเทศจีนาส ประเทศมิสทาล และประเทศไทกีล่า และถ้าจะบอกให้เจาะจงไปอีกก็คือสถาบันวิจัยนานาชาติ ที่ซึ่งเคยกักขังเนโคไว้ สถานที่มีโบราณสถานใต้ดินขนาดใหญ่อย่างพีระมิดปริศนา
ณ เมืองหลวงไทกีล่า หลังจากที่แรงสั่นสะเทือนหยุดลงทุกอย่างก็เต็มไปด้วยฝุ่นควันหลายจุดจากอาคารที่ถล่มลงมา เจ้าหน้าที่ทำงานกู้ภัยช่วยเหลือผู้บาดเจ็บกันไม่หยุด ทุกสิ่งทุกอย่างดุเหมือนจะวุ่นวาย แต่อันที่จริงแล้วมันกลับอยู่ในการควบคุมของสมาพันธ์นักล่าตลอด
ทำให้สถานการณ์ภายในเมืองซานติเกียและเมืองหลวงไทกีล่าควบคุมได้อย่างรวดเร็ว
มีคนตายจากเหตุตึกถล่มและอื่น ๆ แต่ไม่มาก คนที่ตายถูกตามเก็บศพอย่างรวดเร็วและจัดการตอกศีรษะเพื่อไม่ให้กลายเป็นซอมบี้ ตรงไหนที่กำแพงพังเสียหายจะได้รับการซ่อมแซมก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์กลายพันธุ์ฉวยโอกาสเข้ามาวุ่นวาย
.......
ณ ภูมิภาคเหนือของจีนาส เนินเขาแดนเหนือ หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว 1 วัน กองทัพยักษ์เถื่อนจำนวน 6 แสนตนก็บุกโจมตีเนินเขาที่กองทัพของจีนาสยึดครองไว้
การบุกของยักษ์เถื่อนรวดเร็วเป็นอย่างมาก พวกมันแบ่งออกเป็นสามทัพ มีกองทัพของเผ่าอัคคีขี่แรดเกราะหนัก กองทัพยักษ์เถื่อนเผ่าปฐพี และสุดท้ายเผ่าวารี
ยืนเรียงหน้าอยู่ในสนามรับเนินเขาแดนเหนือส่วนแนวหน้า ซึ่งในการรบที่ผ่าน ๆ มาพื้นที่แถบนี้ถูกปืนใหญ่พลังงานยิงจนทุกสิ่งราบเรียบไปหมดแล้ว ไม่สิต้องบอกทุกสิ่งที่ตั้งตระหง่านพังหมด เหลือแต่หลุมบ่อที่เกิดจากการระเบิดเท่านั้น
ทางด้านของฝั่งทหารจีนาสกองทัพแดนเหนือหลายหมื่นชีวิตยังไม่ฟื้นตัวจากการเกิดเหตุแผ่นดินไหวแต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกต้องออกมาประจำการตามแนวรบ
พวกทหารมองดูกองทัพยักษ์เถื่อนร่างสูงใหญ่ 4-5 เมตรของพวกมันก็พลางกลืนน้ำลายไปด้วยกล่าว
“แค่ยักษ์เถื่อนตัวเดียวก็ถล่มพวกเขาได้นับสิบแล้ว แต่นี่มีกันเป็นแสนตัว”
“ใช่ทำไมพระเจ้าถึงสร้างสิ่งมีชีวิตพวกนี้มาด้วย”
“แล้วไง พระเจ้าสร้างพวกมัน แต่จีนาสเราสร้างปืนใหญ่พลังงาน E3 ที่ถล่มพวกมันตายไปเป็นแสนตัวแล้ว”
“ใช่ ปืนใหญ่พลังงานจะฆ่าพวกมันเพิ่มอีกแสน”
ทหารจีนาสในแนวหน้าต่างพากันพูดให้กำลังใจตัวเอง และมองไปยังปืนใหญ่พลังงานความหวังของพวกเขาที่มีนับร้อย ๆ กระบอก แม้จะไม่ได้มีประสิทธิภาพทำลายล้างแบบนิวเคลียร์แต่ก็ห่างกันไม่มากนักถ้ารวมกันหลายสิบกระบอก
“ยิงถล่มพวกมันให้กลุ่มลงไปในหลุมเลย” เสียงสั่งการยิ่งปืนใหญ่พลังงานดังออกมาทันที ใส่กองทัพยักษ์เถื่อนที่โห่ร้องด้วยความหิวกระหายตรงมายังเนินแดนเหนือ พวกยักษ์เถื่อนใช้โล่ขนาดใหญ่ยกขึ้นป้องกันปืนใหญ่พลังงานที่ยิงถล่มพวกมัน
ร่างของยักษ์เถื่อนที่ถูกยิงด้วยปืนใหญ่พลังงานแหลกสลายไปในทันที และจำนวนการตายยังมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ทางฝั่งของทหารจีนาสพากันโห่ร้องด้วยเรียกขวัญกำลังใจ หยิบปืนของตัวเองยิงไปที่ยักษ์เถื่อนเช่นกัน
แต่ความจริงก็กระแทกเข้าไปที่จิตใจของทหารจีนาสอย่างรวดเร็วนั้นก็คืออัศวินยักษ์เถื่อนระดับ 6 ปรากฏตัวออก ร่างของเขาสูงใหญ่กว่า 10 เมตร สวมเกราะสีดำซึ่งสร้างจากเหล็กพิภพ อัศวินเทพไททันตนนี้คือ อีไลแอส
“พวกมดปลวกที่อ่อนแอ พวกเจ้าเอาแต่พึ่งของเล่นพวกและภูมิใจที่หยุดเผ่าพันธุ์ของพวกข้าได้งั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นลองไม่มีพวกมันเจ้าจะทำอะไรได้หรือไม่”
อีไลแอสดึงค้อนขนาดใหญ่หนักหลายตันของตนออกมา ยกสูงและฟาดลงกับพื้นดินภายใต้สายตาที่งุนงงของทหารนับหมื่นนายของจีนาส
ตูม!
เพียงหนึ่งการโจมตีก็เกิดหนามแหลมงอกออกมาจากขนาดของมันใหญ่จำนวนมากเสียบแทงทำลายทุกอย่างในระยะ 20 กิโลเมตรจากจุดที่อีไลแอสยืนอยู่จนไปถึงปืนใหญ่พลังงานทั้งหมด
ทำให้ปืนใหญ่พลังงานถูกกระแทกลอยขึ้นฟ้าบางชิ้นพังลงทันที เกิดการระเบิดของแก่นพลังงานจำนวนมากจากปืนใหญ่พลังงานที่ถูกขัดขว้างการยิงอย่างกะทันหัน
ทหารนับพันนับหมื่นนายที่อยู่ในระยะตกตายไปด้วยเช่นกัน
ทหารที่เหลือรอดซึ่งอยู่ไกลกว่าปืนใหญ่พลังงานงานก็มองภาพตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันฝันไป มันต้องเป็นเพียงความฝัน”
“หรือแม้แต่พระเจ้าก็ทอดทิ้งมนุษย์ ประเทศจีนาสคือไม่ใช่ผู้กอบกู้อย่างนั้นหรือ”
ทหารทุกนายต่างสิ้นหวังตอนนี้พวกมันรู้แล้ว ว่าสิ่งใดคือพลังสิ่งใดคือของเล่นตามคำพูดของยักษ์เถื่อนระดับ 6
.......
ณ อาคารศูนย์บัญชาการ นายทหารระดับสูงมองภาพตรงหน้าที่ถูกส่งมาด้วยสีหน้าไม่ต่างจากทหารแนวหน้าสักเท่าไหร่
“ตอนนี้แนวหน้าแตกแล้ว มีรายงานมาว่ามียักษ์เถื่อนระดับ 6 ปรากฏตัวออกมา นี่สินะพลังของสิ่งมีชีวิตระดับสูง”
“พวกนั้นรู้ได้ยังไงว่าเป็นระดับ 6”
“ที่รู้เพราะการโจมตีเพียงครั้งเดียวสามารถทำลายพื้นที่ในรัศมี 10 กิโลเมตรระดับ 5 ไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน อีกอย่างเขาบนหัวมองมันเป็นสีม่วง”
“สีม่วง?”
“ใช่สีม่วง จากการวิจัยที่ผ่านมา ระดับของทั้งมนุษย์และยักษ์เถื่อนสามารถใช้ระดับสีแบบเดียวกันระบุพลังงานได้ และหลังจากสีน้ำเงินก็คือสีม่วง ตอนนี้แม้ปืนใหญ่พลังงาน E3 จะทรงพลัง แต่มันก็ใช้ต่อกรกับระดับ 6 ไม่ได้อย่างแน่นอน”
“อืม...ก็จริง ถ้าใช้ได้ประเทศอามิวกัสคงไม่ล่มสลายแบบนี้แน่นอน”
“เราจะทำไงต่อ”
“ไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นรัฐบาลกลาง หน้าที่ของกองทัพแดนเหนือคือปกป้องเนินเขาแดนเหนือ”
“เดี๋ยวหมายความว่ายังไง?”
“รัฐบาลจีนาสติดต่อพาราซัสแล้ว พวกเขากำลังอพยพกองกำลังหลักทั้งหมดไปที่ไทกีล่า เมืองหลวงแห่งใหม่ ส่วนพวกเราจะอยู่ที่นี่จนกว่าพวกเขาจะไปถึงไทกีล่า จะไม่มียักษ์เถื่อนตัวไหนผ่านพวกเราไปได้”
“บัดซบ ฉันไม่ยอมมาตายที่นี่อย่างแน่นอน ชีวิตของนายทหารระดับสูงอย่างฉันมีค่ามากกว่านั้น” กล่าวจบชายวัยกลางคนก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไป
ฉึบ!
ยังไม่ทันที่พ้นประตู ศีรษะชายวัยกลางคนล้มลงเลือดสาดกระจายโดยที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าตายยังไง ถึงแบบนั้นก็ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
“มีใครจะไปอีกไหม” เสียงของชายที่มีอำนาจมากที่สุดในแดนเหนือแห้งนี้ดังขึ้นมา เขาคือ พลเอกแดนเหนือ
ทุกคนตะลึงกับการตายของชายวัยกลางคนอยู่จึงไม่มีใครตอบกลับ
“ว่าไงมีอีกไหม?”
“ไม่มีครับท่านพลเอกแดนเหนือ”
“ดี!!! ไปเตรียมตัวในสงครามสุดท้ายของแดนเหนือได้แล้ว”
“ครับท่านพลเอก” ทุกคนรับคำสั่งทันที พวกเขามองไปที่ร่างชายวัยกลางคนที่นอนตกตายอยู่ ด้วยความสงสาร แต่ก็มีบางคนที่หยามเหยียดคนที่ขี้ขลาดตาขาว ชายคนนี้พึ่งย้ายมาที่ที่ไม่นานดังนั้นจึงไม่รู้ว่าพลเอกแดนเหนือเป็นอย่างไร
ถ้าจะให้พูดต้องบอกว่า คำสั่งของพลเอกแดนเหนือที่เนินเขาแดนเหนือมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งจากส่วนกลางซะอีก
ดังนั้นการที่กล้าขัดคำสั่งและจะหนีทัพก็เท่ากับเอาคอไปขึ้นเขียงแล้ว อีกอย่างพลังของพลเอกแดนเหนือไม่ใช่ธรรมดา เขาคือระดับ 5 ขั้นกลาง
เวลากลางวันที่เนินเขาแดนเหนือ กองทัพแดนเหนือของจีนาสทั้งหมด สองแสนประจำตำแหน่งอยู่บนเนินเขา ภายในบังเกอร์ติดกับศูนย์บัญชาการ
ทุกนายจับอาวุธแน่นมือสั่นเทาแววตาเต็มไปด้วยความกลัว แม้หิมะจะตกหนักแต่ไม่ไกลจากแนวหน้าก็มีกลุ่มควันจากการพังของปืนใหญ่พลังงานอาวุธที่พวกเขาเชื่อมัน ซึ่งตอนนี้มันได้กลายเป็นสิ่งยืนยันความกลัวไปแล้ว เพราะแม้แต่มีปืนใหญ่แนวหน้ายังพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว แล้วพวกเขาที่มีปืนใหญ่ไม่ถึงครึ่งของแนวหน้าก็ไม่ต้องคิดเลยแม้แต่น้อย
“นายว่าพวกเราจะรอดไปได้ไหม”
“ไม่รู้ แต่พวกเราอยู่ที่นี่ครอบครัวเราจะเดินทางไปที่ไทกีล่าได้อย่างปลอดภัย”
“แต่ฉันไม่มีครอบครัว”
“นายเป็นเพื่อนฉัน ดังนั้นครอบครัวของฉันก็คือครอบครัวของนายคนจีนาสที่รอดไปได้จะเป็นครอบครัวของเรา”
“นั้นสินะ ถุย! ไอ้พวกยักษ์เถื่อนตัวเหม็นเข้ามาเขาชีวิตฉันสิวะ”
ทหารนายนั้นถุยน้ำลายและร้องตะโกนเพื่อปลุกขวัญกำลังใจภายในบังเกอร์ที่ตัวเองอยู่
ตุบ!
แต่แล้วก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นบังเกอร์ที่สั่นเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น” ชายที่ถุยน้ำลายชะโงกหัวออกไปเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอก
อยู่ ๆ ก็มีมือขนาดใหญ่จับที่หัวของชายคนนั้นและบดขยี้คามือยักษ์เถื่อนเละไม่มีชิ้นดี สมองและและทุกอย่างไหลออกมาตาซอกนิ้วมือของยักษ์เถื่อน ทหารคนอื่น ๆ ยังไม่ทันได้ตอบสนองยักษ์เถื่อนก็กระทีบเท้าจนป้อมอัดลงจมกับดิน
หลังจากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่การรบเต็มรูปแบบ ไม่มีใครรู้ว่าการต่อสู้ยาวนานแค่ไหน แต่มีสิ่งหนึ่งที่สามารถยืนยันได้คือไม่มีมนุษย์คนใดได้ออกไปจากเนินเขาแดนเหนืออีกแม้แต่พลเอกแดนเหนือที่ยอมตายในฐานะนักรบของเนินเขาแดนเหนือ
........
Witterry : เห้อ...16 นี้ก็โดนกินอีกแล้ว เจอกันวันที่ 1 ข้าจะแก้แค้นเจ้า