WS บทที่ 76 ปัญหาพันลึก PART 2
เคานต์เซลินได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของเขา ตัวเขานั้นปกครองเมืองปรากาซมาช้านานจึงไม่แปลกเลยที่เขาจะมีศัตรูมากมาย
อย่างไรก็ตามการมีศัตรูนั้นก็เป็นเรื่องปกติแต่การมีศัตรูที่แข็งแกร่งนั้นเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสนใจ เห็นได้ชัดว่าการที่เมอแรงค์กล้าที่จะแก้แค้นเคานต์เซลินในช่วงระยะเวลาไม่นานเพียงแค่ 5ปี มันบ่งบอกได้ว่าเขาต้องมีใครสักคนหนุนหลังแน่อน
“ข้าได้ตรวจสอบข้อมูลของเมอแรงค์อย่างละเอียดแล้ว ภายหลังจากที่เขารอดชีวิตไปได้ เขาได้ผ่านอะไรมามากมายและได้กลายเป็นนักเวทย์ เขาคงคิดว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งจนถึงขนาดกล้าที่จะส่งจดหมายมาขู่ฆ่าข้า”
เคานต์เซลินดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก เขาไม่คิดว่าการกำจัดขุนนางที่ทรยศจะนำภัยให้เขาเดือดร้อนในท้ายที่สุด
“นักเวทย์งั้นเหรอ?” เมอร์ลินพึมพำเบา ๆ สิ่งที่เคานต์เซลินได้เล่ามาทำให้เมอร์ลินหายสงสัยว่าเหตุใดการรักษาความปลอดภัยถึงได้แน่นหนาขนาดนี้ ดูเหมือนวาพ่อมดคนนั้นต้องมีพลังอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใต้แขนเสื้อของเขา
“ท่านพ่อไม่ต้องกังวลไป เพียงแค่ 5ปี มันไม่มากพอที่จะทำให้เมอแรงค์แข็งแกร่งเท่าผมหรอกครับ หากเขากล้าเข้ามาในปราสาท ผมจะฆ่ามันด้วยมือของผมเอง!!” คูกกล่าวอย่างมั่นใจ ตัวเขาเป็นนักดาบธาตุระดับห้าและฆ่าหมาป่าน้ำแข็งด้วยมือเปล่ามาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวภัยคุกคามใด ๆ
หลังจากที่คูกกบ่าวจบเขาก็หันไปมองเมอร์ลิน ทางด้านเมอร์ลินเขารู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมาแต่เขาพยายามทำเป็นไม่สนใจ เขากำลังวิเคราะห์ข้อมูลที่เคานต์เซลินได้ให้มา
สำหรับเรื่องนี้เห็นให้ชัดว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก คนที่แบกรับความแค้นมาตลอดห้าปีอย่างเมอแรงค์ หากเขาไม่มั่นใจ เขาคงไม่กล้ากลับมาแน่อน
หากเขาทำได้สำเร็จและเมอร์ลินที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เขาอาจจะติดร่างแหไปด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม เขาสังเกตเห็นว่าในปราสาทมีนักดาบธาตุระดับสี่อย่างน้อยสิบคน รวมถึงคูกที่แข็งแกร่งเหนือผู้ใด เขาคิดว่าพวกเขาน่าจะมีโอกาสชนะเมอแรงค์
หลังจากที่เขาพิจารณาอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจที่จะช่วยเคานต์เซลิน หากเขาช่วยให้เคานต์เซลินผ่านวิกฤตินี้ไปได้ ตระกูลวิลสันกับตระกูลเพอร์แมนจะได้มีหลักแหล่งอยู่กันซะที
“ท่านเคานต์เซลินครับ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ ไว้หลังจากที่ผมจัดการธุระของตระกูลเสร็จ ผมจะกลับมาที่ปราสาททันที”
เคานต์เซลินพยักหน้าและหันไปพ๔ดกับคูก “คูก ลูกไปส่งพ่อมดเมอร์ลินทีสิ”
“ท่านพ่อ หนูขอเป็นคนไปส่งพ่อมดเมอร์ลินนะคะ” เชลลี่กล่าวขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
จากนั้นเธอก็คว้าตัวเมอร์ลินออกไปทันทีโดยไม่รอคำตอบของเคานต์เซลิน
หลังจากที่เมอร์ลินออกไป เคานต์เซลินได้ส่ายหัวและพูดว่า “จริง ๆ เลย ข้าไม่คิดว่าโฟแมนจะไม่ส่งพ่อมดจากป้อมปราการเรเวนมา พวกเขาเหล่านั้นล้วยเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง ถ้าได้พวกเขามาล่ะก็ ข้าคงไม่ต้องกลัวเจ้าเมอแรงค์หรอก”
“ท่านพ่อไม่ต้องกังวลไป พวกผมจะจัดการเจ้าเมอแรงค์เอง! พวกนักเวทย์ต่างก็มีจุดอ่อนเหมือน ๆ กัน นั่นก็คือลูกศรที่ถูกระดมยิงออกมา!” คูกกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“แต่ถึงยังไงเราก็ต้องระมัดระวังอยู่ดี คูก ลูกช่วยตรวจตราทุกซอกทุกมุมของปราสาทให้ละเอียด อย่าให้พลาดแม้แต่จุดเดียว หากเจอเมอแรงค์ล่ะก็ให้ฆ่าเขาทันทีโดยไม่ต้องลังเล!!”
“ท่านพ่อโปรดมั่นใจ ผมจะทำให้มันต้องตกอยู่ในความสิ้นหวังอีกครั้ง” คูกกล่าวด้วยแววตาที่ดุร้าย
...
เมื่อเมอร์ลินกลับไปที่โรงแรม เขาก็พบว่าไม่ใครอยู่ตรงนั้นเลย นอกเสียจากลุงแพรตต์กับอัศวินอีกไม่กี่นาย
“ลุงแพรตต์ทุกคนหายไปไหนกันหมดเหรอครับ?”
“คุณชายเมอร์ลิน ท่านบารอนได้สั่งให้ผมรอคุณชายอยู่ที่นี่ ก่อนหน้านี้หลังจากที่คุณชายออกไป ท่านบารอนได้พบกับปราสาทร้างที่อยู่หลังเมือง หลังจากที่ได้ทำการสอบถามก็พบว่าที่นั่นเคยเป็นของบารอนในเมืองปรากาซ ตอนนั้นบารอนได้เสียชีวิตหลัง จากนั้นครอบครัวที่เหลือก็แยกย้ายออกไป หากจะต้องลงหลักปีกฐานก็ต้องมีที่อยู่เสียก่อน ด้วยเหตุนี้ท่านบารอนได้ตัดสินใจทำการซื้อมันด้วยเงินสองแสนเหรียญทอง”
“เร็วจังเลย ลุงแพรตต์พาผมไปที่นั่นทีครับ”
ในตอนแรกเมอร์ลินวางแผนไว้ว่าจะต่อรองขอบางอย่างจากเคานต์เซลิน เขาต้องการที่อยู่ให้กับตระกูลวิลสันกับตระกูลเพอร์แมน หากไม่ได้แบบถาวรอย่างน้อย ๆ แบบชั่วคราวก็ยังดี
แต่อย่างไรก็ตามเลห์แมนได้หาที่อยู่ด้วยตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ในไม่ช้าเมอร์ลินก็มาถึงปราสาทที่เลห์แมนค้นพบ
ปราสาทแห่งนี้ถูกทิ้งร้างไปนานพอสมควร กำแพงด้านนอกพังทลายโดยสมบูรณ์ หญ้าที่แห้งเหี่ยวได้ปกคลุมทั่วลานกว้างของปราสาท
อย่างไรก็ตามตอนนี้พ่อบ้านได้พาคนรับใช้มาทำความสะอาดรอบปราสาทแล้ว
ปราสาทแห่งนี้ใหญ่โตกว่าปราสาทหลังเก่าซะอีก สามารถรองรับคนกว่าสองพันคนได้สบาย ๆ
เมอร์ลินเดินเข้ามาในห้องโถง เขาเห็นเลห์แมนและบารอนเพอร์แมนสั่งการคนรับใช้ พวกเขายุ่งกับการเอาของมากมายออกจากรถม้าเข้าไปในปราสาท
ตอนนี้ทุกคนเริ่มมีสีหน้าที่ผ่อนคลายมากขึ้น ความกลัว ความกังวลที่เป็นอยู่ตลอดการเดินทางได้หายไป ภายหลังจากที่พวกเขาสามารถปักหลังในเมืองปรากาซได้แล้ว
“เมอร์ลิน ลูกคิดอย่างไรกับปราสาทหลังนี้” เลห์เห็นเมอร์ลินเดินเข้ามาจากด้านหลังของเขา เขาเลยถามเมอร์ลินด้วยความคาดหวัง
เมอร์ลินได้กวาดตามองรอบ ๆ แม้ว่าห้องโถงจะเต็มไปด้วยฝุ่นแต่การตกแต่งโดยรวมค่อนข้างหรูหรา
นอกจากนี้ที่นี่มีพื้นที่กว้างขวางและมีหลายห้อง สามารถอยู่ได้ทั้งสองตระกูล ถือว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่สามารถซื่อปราสาทหลังนี้เอาไว้ได้
เมอร์ลินพยักหน้าและพูดว่า “มันดีมากเลยครับ แม้ว่าจะต้องซ่อมแซมอีกสักหน่อยแต่เขาก็สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้”
เลห์แมนกับบารอนเพอร์แมนพอใจกับปราสาทหลังนี้มาก คุณภาพของมันคุ้มค่ากับเงินที่พวกเขาได้เสียไป
จากนั้นพวกเขาได้เรียกเมอร์ลินเข้ามาในห้อง ๆ หนึ่งซึ่งได้รับการทำความสะอาดแล้ว
เมื่อมาถึงเลห์แมนได้ถามอย่างจริงจังว่า
“เมอร์ลิน หลังจากที่พบกับเคานต์เซลิน ลูกได้รู้ถึงปัญหาของเขาแล้วรึยัง?”
เลห์แมนกับบารอนเพอร์แมนดูกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก หากสถานการณ์ของเคานต์เซลินมันเลวร้ายเกินไปเกินกว่าจะรับมือได้ เรื่องนั้นมันจะส่งผลกระทบต่อที่จะอาศัยอยู่ในเมืองปรากาซ