บทที่ 74 ไฮเอล์ฟ (1)
โดยไม่สนใจปฏิกิริยาของเฟรย์และอีวานริกิวาดเส้นกลางอากาศด้วยนิ้วของเขา
จากนั้นศีรษะของอินดราก็ถูกแบ่งครึ่งราวกับว่าถูกตัดด้วยดาบ
มือของริกิขยับเร็วยิ่งขึ้น
สองสี่แปด ... และเขาก็ตัดหัวอย่างต่อเนื่อง ไม่นานหัวของอินดราก็ถูกทำลายจนหมด
อีวานอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นของเขา มันเป็นการแสดงทักษะที่น่ากลัว
ทักษะที่ริกิเพิ่งแสดงเป็นสิ่งที่แม้แต่อัศวินระดับมาสเตอร์ก็ยังไม่สามารถทำได้แม้ว่าพวกเขาจะใช้ดาบที่คมที่สุดก็ตาม
ในที่สุดเฟรย์ที่เงียบไปสักพักก็ยอมเปิดปาก
“นั่นคือเดมิก็อดที่มีพลังสายฟ้าหรือเปล่า?”
"ถูกตัอง แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฉันจะพิสูจน์ได้ว่า…”
“ไม่ ไม่มีความจำเป็น”
ถึงมันจะเป็นเพียงแค่ส่วนหัวแต่เขาสามารถบอกได้ในทันที
นี่เป็นเพราะเฟรย์เคยได้พบกับพวกเดมิก็อดมามากที่สุดจากสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทวีป
หัวที่ริกินำกลับมามีพลังศักดิ์สิทธิ์ในระดับมหาศาล
ไม่ใช่สิ่งที่จะเลียนแบบได้แม้จะเป็นอัครสาวก
ริกิเหลือบไปเห็นสีหน้าที่มั่นใจของเฟรย์
“คุณทำตัวราวกับว่าคุณเคยพบกับเราชาวเดมิก็อดมาก่อน คุณเป็นมนุษย์ที่น่าสนใจกว่าอีวานมากเลยนะ”
“…”
"เอาละ มันไม่สำคัญในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม…จัดการกับโอดินให้ได้เร็วที่สุด”
“ดูเหมือนจะมีเหตุผลพิเศษอะไรบางอย่าง”
"ถูกตัอง อัครสาวกที่ได้รับการแต่งตั้งโดยอะโพคาลิปส์นั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ ดังที่ฉันได้บอกไปก่อนหน้านี้ ไม่เพียงแต่ความสามารถในการปกปิดพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเท่านั้น แต่พลังที่พวกเขามียังสูงกว่าหลายเท่าและที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นด้วยอัตราที่สูงมาก”
ริกีชี้ไปที่อีวาน
“สองเดือนก่อนอีวานคนเดียวก็น่าจะเพียงพอที่จะจัดการกับโอดิน เขาเพิ่งได้เป็นอัครสาวกในช่วงเวลาสั้นๆ ตอนนี้พวกคุณอาจจะไม่สามารถเอาชนะเขาได้แม้ว่าพวกคุณจะเข้าสู้พร้อมกันก็ตาม”
“…เขาแข็งแกร่งได้ในเวลาเพียงสองเดือนเลยหรอ?”
เฟรย์พบว่าสิ่งนี้ยากที่จะเชื่อ
เขาไม่รู้ว่าริกิประเมินความแข็งแกร่งของพวกเขามากแค่ไหน แต่เฟรย์มั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะอัครสาวกสองสามคนในระดับเดียวกับลูคส์ได้ในเวลาเดียวกันหากเขาร่วมมือกับอีวาน
“อันเดดที่ปรากฏตัวอยู่ในป่าใหญ่เรย์นอลส์เป็นพลังตกค้างหลังจากที่โอดินใช้พลังของเขา”
พลังตกค้าง
หากใครพิจารณาการเข่นฆ่าฝ่ายเดียวของเฟรย์และอีวานแล้วพวกอันเดดอาจดูเหมือนไม่มีอะไรมากนัก แต่กลุ่มของอันเดดในป่าสามารถทำลายล้างทหารรับจ้างระดับ B ที่โชคร้ายพอที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขาได้ง่ายๆ
ในตอนแรกอันเดดระดับสูงอย่างดูลาฮานหรือเดธไนท์นั้นมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกันหรืออาจแข็งแกร่งกว่าทหารรับจ้างระดับ A ด้วยซ้ำ
หากอันเดดเหล่านั้นเป็นเพียงของเหลือใช้สิ่งที่เขาไม่ได้ตั้งใจสร้างขึ้นมา เขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนหากเอาจริง?
‘เขาอันตราย’
ตอนนี้โอดินแข็งแกร่งมาก แต่อย่างที่ริกิกล่าวส่วนที่น่ากลัวอย่างแท้จริงคือศักยภาพในการเติบโตของเขา
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอะโพคาลิปส์คนอื่นๆหรือแม้กระทั่งลอร์ดได้แต่งตั้งอัครสาวก?
จะเป็นอย่างไรถ้าเวลาผ่านไปหลายปีหรือหลายทศวรรษ?
อัครสาวกเหล่านั้นที่เติบโตขึ้นมาอย่างไม่มีขีดจำกัดจะมีอำนาจมากแค่ไหน?
"ฉันมีหนึ่งคำถาม"
“ว่ามาเลย”
“คุณเป็นอะโพคาลิปส์ใช่มั้ย?”
“…”
ดวงตาที่ว่างเปล่าของริกิจ้องมองเฟรย์ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
“ฉันคือเดมิก็อดที่มีพลังของดาบ”
มันเป็นไปตามที่เขาคาดไว้
เดมิก็อดทั้งสามที่เซอร์เคิลมีข้อมูลอยู่คือดาบความตายและพิษ
ริกิเป็นอะโพคาลิปส์แห่งดาบ
สิ่งนี้ทำให้เฟรย์สับสนมากยิ่งขึ้น
เขาไม่ใช่แค่เดมิก็อดธรรมดาๆแต่เป็นคนที่โดดเด่นแม้กระทั่งในหมู่เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมนั้น
ทำไมเขาซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่รองแค่ลอร์ดถึงได้ทรยศ?
"มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะถาม"
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาทำให้เฟรย์ไม่สามารถบังคับให้ริกิตอบได้
แต่เฟรย์รู้สึกว่าเขายังไม่สามารถเชื่อใจผู้ชายตรงหน้าได้อย่างเต็มที่จนกว่าจะรู้เหตุผลนั้น
นอกเหนือจากนั้นการมีตัวตนของริกิยังช่วยเฟรย์ได้เป็นอย่างดี
เขาฆ่าอัครสาวกแล้วชายคนนี้ก็จะฆ่าเดมิก็อด
นั่นหมายความว่าวิธีการที่จะทำให้เป้าหมายของเขาสั้นลงภายในสองสามทศวรรษได้ปรากฏขึ้น
“ในอีกหนึ่งเดือนลอร์ดและอะโพคาลิปส์ทั้งห้าร่วมถึงเดมิก็อดคนอื่นๆอีกมากมายจะรวมตัวกัน พวกคุณต้องฆ่าโอดินให้ได้ก่อนหน้านั้น”
“ทำไมคุณถึงต้องรวมตัวกันด้วยละ”
“เพื่อกำจัดคนทรยศยังไงละ ฉันได้ฆ่าเดมิก็อดที่จำศีลมาแล้วมากมายในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาและมีเพียงคนเดียวที่สามารถทำสิ่งนี้ได้ก็คือเดมิก็อด แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสังเกตเห็นว่าเป็นฉัน บางทีลอร์ดอาจตั้งใจที่จะตรวจสอบพวกเราด้วยตาของเขาเอง”
“แล้วทำไมเราต้องฆ่าโอดินก่อนหน้านั้นด้วย?”
“มีความเป็นไปได้สูงที่เดมิก็อดจะเข้าร่วมในงานนี้พร้อมๆกับอัครสาวกของพวกเขา ขณะนี้โอดินอยู่ในป่าใหญ่เรย์นอลและเมื่อถึงเวลาเขาจะไปกับนอซด็อกและหลังจากนั้นจะเป็นการยากที่จะบอกว่าเขาจะหายไปไหน”
ริกิหลับตาขณะพูด
“โอดินยังไม่เข้าใจพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาอย่างเต็มที่ พวกคุณอาจจะไม่รู้สึกถึงมันแต่ฉันสัมผัสได้ถึงเสียงสะท้อน แต่ถ้าเขาหายไปพร้อมกับนอซด็อกแล้วละก็ฉันก็จะไม่มีทางพบตัวเขา”
“อืม…ฉันคิดว่าฉันเข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังพูด”
มันไม่ได้ยากที่จะเข้าใจแต่อีวานก็ยังคงส่ายหัว มันไม่ใช่ความผิดของเขา เพียงแค่ว่าเมื่อใดก็ตามที่การสนทนามีความซับซ้อนเขาก็พบว่ามันยากที่จะจับใจความได้ต่อไป
ราวกับว่าเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้วริกิก็เลยพูดขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำให้มันง่ายขึ้น หากเรากำจัดอะโพคาลิปส์ได้แม้แต่คนเดียวมันจะเป็นประโยชน์มากสำหรับพวกคุณ นั่นคือทั้งหมดที่คุณต้องรู้ไว้ในตอนนี้”
“ฮึ่ม นายควรจะพูดแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้วนะ”
อีวานบ่นอยู่ข้างๆขณะที่เฟรย์ยังคงวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็น การประชุมของเหล่าเดมิก็อดจะมีขึ้นในอีกหนึ่งเดือน แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องฆ่าโอดิน
“ในการทำเช่นนั้นสิ่งที่สำคัญอันดับแรกคือการที่เราเข้าไปในป่าใหญ่”
“ฉันมีความคิดที่ดี”
"มันคืออะไร?"
“นายบินตอนที่เรามาที่นี่ใช่ไหม?”
ดวงตาของเฟรย์หรี่ลงเมื่อเขารู้ทันทีว่าอีวานกำลังจะพูดอะไร
“นายต้องการให้เราบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและเข้าไปในป่าด้วยวิธีนั้นหรือ?”
“นายตามได้ทันนิ นายคิดว่าไง? ถ้าเราอยู่บนท้องฟ้าป่าบ้านั้นก็ไม่สามารถปิดกั้นพวกเราได้จริงมั้ย?”
เมื่อเผชิญกับการแสดงออกจากชัยชนะของอีวานริกิและเฟรย์ก็ถอนหายใจออกมาพร้อมๆกัน
“ฉันเข้าใจละแล้วนายตามล่าตัวอัครสาวกด้วยวิธีงี่เง่ามาตลอด”
“นั่นคือเหตุผลที่ฉันยินดีที่จะต้อนรับคุณด้วยความจริงใจ”
“ว่าไงนะ!”
เมื่อมองไปที่อีวานที่กำลังระบายความโกรธของเขาเฟรย์ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เห็นใจ
“แล้วนายจะทำยังไงหลังจากที่เราเข้าไปทางนั้น? หากนายเข้าไปในป่าใหญ่โดยไม่ได้รับอนุญาตนายจะถือว่าเป็นผู้บุกรุก”
“ดังนั้นเราต้องอย่าให้ใครสังเกตเห็นยังไงละ…”
“ต้นไม้โลกในหมู่บ้านไฮเอลฟ์เป็นแกนกลางของป่าใหญ่เรย์นอลและเชื่อมต่อกับต้นไม้ทุกต้นในป่า ราชินีผู้แบ่งปันจิตใต้สำนึกของเธอกับต้นไม้โลกจะสังเกตเห็นการบุกรุกของเราในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง”
อีวานขมวดคิ้ว
"เห้อ แม้ว่าฉันจะบีบสมองออกแต่สิ่งที่ฉันคิดได้ก็เป็นเรื่องไร้สาระ แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีละ? นายเป็นคนฉลาดก็คิดแผนสิ "
“…อืมมีคนที่ฉันขอให้ช่วยได้อยู่”
"อะไร? ใครกัน?"
เฟรย์ทำสีหน้าแปลกๆขณะที่เขาจำหญิงไฮเอลฟ์ที่เขาเจอในกลุ่มทหารรับจ้างได้
* * *
“โห! ในที่สุดเราก็รอดออกไปได้!”
“เรามาถึงเร็วกว่าที่ฉันคาดไว้”
“นั่นเป็นเพราะเราไม่ได้พบกับเหล่าอันเดดเลย”
“ชายกล้ามโตคนนั้นต้องทำลายพวกมันทั้งหมดแน่”
ทหารรับจ้างถอนหายใจขณะที่พวกเขาเกือบจะทรุดตัวลงกับพื้น
พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาสามารถไปที่ทางเข้าของป่าใหญ่เรย์นอลได้อย่างไรอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะไปถึงที่นั่นได้โดยไม่พบกับอันตราย แต่พวกทหารรับจ้างก็ยังคงเหนื่อยล้าเพราะพวกเขาไม่สามารถผ่อนคลายได้เลยในระหว่างการเดินทาง
อัลคอนปรบมือก่อนกล่าว
“พวกคุณทำงานได้ดีมากเลยนะไอ้พวกสารเลว เอลฟ์จะปรากฏตัวในวันพรุ่งนี้เท่านั้นดังนั้นวันนี้พักผ่อนให้เพียงพอ แน่นอนว่าถ้ามีไอ้ตัวแสบคนไหนที่กล้าถอดเสื้อเกราะออกและวางอาวุธลงฉันจะฆ่ามันซะ”
“กัปตันแล้วคุณไม่เหนื่อยเหรอ?”
“ตั้งแต่ฉันกลายมาเป็นทหารรับจ้างระดับ S สิ่งที่แย่ที่สุดที่ฉันในระหว่างการเดินทางคืออาการคอเคล็ด”
ทหารรับจ้างแลกเปลี่ยนการหยอกเย้าขี้เล่นด้วยการแสดงออกที่ผ่อนคลาย
ไซแอ็กซ์สังเกตพวกเขาจากระยะไกลก่อนจะเข้าไปใกล้อัลคอนและพูด
“ฉันจะดูรอบๆก่อนแล้วจะกลับมา”
“อืมบริเวณนี้นะหรือ? เราอยู่ที่พรมแดนของดินแดนเอลฟ์…”
“ไม่ต้องกังวลไป ฉันจะไม่ประมาท”
อัลคอนมองไปที่ไซแอ็กซ์ครู่หนึ่ง
เธอเป็นวิซาร์ดแก่ที่ดูเหมือนจะอายุเจ็ดสิบปีดังนั้นเธออาจมีประสบการณ์มากมาย
และด้วยท่าทีสงบที่ไซแอ็กซ์แสดงออกมาจนถึงตอนนี้ อัลคอนจึงไม่คิดว่าเขาจะต้องเป็นห่วง
“อย่าไปไกลจนเกินไปละ”
"ขอบคุณ"
ไซแอ็กซ์พยักหน้าก่อนออกจากที่ตั้งแคมป์
เสียงของที่ตั้งแคมป์ค่อยๆจางหายไปก่อนที่มันจะหายไปอย่างสมบูรณ์และมีเพียงเสียงฝีเท้าแผ่วเบาของไซแอ็กซ์เท่านั้นที่ได้ยิน
‘…ป่ามันเงียบเกินไป’
เธอไม่ได้ยินเสียงของสัตว์นกหรือแม้แต่แมลง
โดยปกติผู้คนจะไม่สังเกตเห็นเสียงเหล่านี้ แต่เธอซึ่งเป็นเอลฟ์นั้นแตกต่างออกไป
ไซแอ็กซ์กัดริมฝีปากของเธออย่างประหม่า
‘นี่มันไม่ดีเลย หากยังคงมีอันเดดปรากฏขึ้นอีก…ก็มีโอกาสที่ป่านี้จะตาย
ป่าและพื้นดินที่อยู่ตรงนั้นจะตาย
สำหรับเอลฟ์การเฝ้าดูสิ่งนั้นก็เหมือนกับการเฝ้าดูแม่ของพวกเขาตาย ดังนั้นเธอจึงตั้งใจที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อหยุดมัน
ไซแอ็กซ์เป็นหนึ่งในเอลฟ์ที่ท่องไปทั่วโลกแทนที่จะอยู่ในป่า
เป็นเรื่องที่หาได้ยากในหมู่ของไฮเอลฟ์ ตั้งแต่เธอเป็นเด็กเธอรู้สึกอึดอัดที่ถูกล้อมรอบไปด้วยป่าทึบ
พอเธออายุมากขึ้นเธอก็จากไป จากนั้นเธอก็เรียนรู้เวทมนตร์ในเวลาว่างซึ่งตอนนี้เธอใช้มันปลอมตัว
ด้วยเหตุนี้เธอจึงสามารถมีชีวิตที่มั่นคงในฐานะทหารรับจ้างได้โดยไม่ต้องวุ่นวายเพราะเชื้อชาติของเธอ
ไซแอ็กซ์เดินทางไปทั่วทวีปเพื่อขยายความรู้ของเธอ อย่างไรก็ตามเธออยู่ใกล้กับพิลเล็ตเมื่อไม่นานมานี้ภายใต้หน้ากากของหญิงชรา
นั่นคือจนกระทั่งเธอได้รับข้อความจากราชินี
ดูเหมือนว่าจะมีเนโครแมนเซอร์เข้ามาอาศัยอยู่ใกล้ชายแดนของป่าใหญ่และกำลังปล่อยอันเดดของพวกเขาเข้าสู่ภูมิภาค
ป่าใหญ่เป็นบ้านของเอลฟ์ทั้งหมด เอลฟ์พเนจรนั้นไม่เคยลืมบ้านเกิดของตัวเอง
ไซแอ็กซ์ได้รับภารกิจจากราชินีเพราะทักษะที่ยอดเยี่ยมและประสบการณ์มากมายหลังจากสำรวจทวีปเป็นเวลาหลายปี
ภารกิจของเธอคือการตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นในป่าใหญ่
อย่างไรก็ตามเธอยังไม่พบร่องรอยของเนโครแมนเซอร์
‘เขาออกจากพื้นที่ไปแล้วเหรอ? เขาไม่สามารถเข้าไปในป่าใหญ่ได้แน่ๆ… ’
หรืออาจซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆที่นี่
การแสดงออกของไซแอ็กซ์แข็งกระด้าง
เนโครแมนเซอร์ที่ทรงพลังเช่นนี้จะเป็นภัยคุกคามต่อป่า เพียงแค่การปรากฏตัวของพวกเขานั้นก็เพียงพอที่จะถูกกำจัด แต่เธอจะจัดการกับคนแบบนั้นได้ด้วยตัวเธอเองจริงๆหรือ?
“…”
ไซแอ็กซ์จำชายกล้ามโตที่เข่นฆ่าพวกอันเดดได้ในทันที
เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่พลังที่แสดงออกมานั้นน่าทึ่งมาก มันจะดีมากถ้าเธอสามารถขอความช่วยเหลือจากชายผู้มีพลังคนนี้ซึ่งปฏิบัติต่ออันเดดระดับสูงเหมือนก็อบลิน
‘ไม่หรอก นี่มันเป็นงานของฉัน '
เธอไม่สามารถแสดงความอ่อนแอได้
นี่เป็นงานที่ราชินีมอบให้เธอซึ่งเป็นเกียรติของเหล่าเอลฟ์ทุกคนโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ
แม้ว่าเธอจะเสียชีวิตแต่เธอก็ต้องทำมันให้สำเร็จ
ซุกๆๆ
พุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ๆสั่นสะเทือน
ไซแอ็กซ์ยกไม้เท้าขึ้นทันทีและเริ่มระมัดระวังตัว
เธอไม่รู้สึกอะไรมาก่อนแต่ตอนนี้เธอรับรู้ว่ามีคนอยู่ใกล้ๆ
คนที่เก่งพอที่จะหลบหนีจากการได้ยินและการมองเห็นของเอลฟ์ได้เลือกที่จะเปิดเผยตัวเอง
เขาเป็นเนโครแมนเซอร์?
ไซแอ็กซ์จับไม้เท้าของเธออย่างประหม่า
ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากพุ่มไม้ตรงหน้าเธอ
"คุณ…"
เป็นชายผมบลอนด์ที่มีสีหน้าอ่อนโยน
นี้มันเคนริกซ์ตัน พ่อมดที่หายตัวไปอย่างกะทันหันนิ