Ep.940 - พลังโจมตีอันน่าทึ่ง

4/4

Ep.940 - พลังโจมตีอันน่าทึ่ง

ไม่เพียงเท่านั้น แต่ชายที่อยู่ข้างๆฉินเฟิง จริงๆแล้วดูหนุ่มมาก อายุน่าจะราวๆซัก 20 ปีเท่านั้น

ด้วยวัยดังกล่าว หากอยู่ในโลกมิติของฉินเฟิง เป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นสู่เลเวล S แต่หลังจากฉินเฟิงมาที่นี่ แม้อายุเท่านี้จะหายาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี

“หลิวหาน จงอย่าลังเลที่จะทดสอบ” ชายคนหนึ่งกล่าว เพราะท้ายที่สุดแล้ว หลิวหานเป็นเลเวล S ตัวจริง ฉะนั้นจะไม่สามารถผ่านการทดสอบได้อย่างไร?

“ขอรับท่านลุง!” รุ่นเยาว์กล่าว เขาต้องงัดความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาอยู่แล้ว เพราะแรงโน้มถ่วงที่นี่ร้ายแรงมาก ลึกๆเขาก็กังวลอยู่เหมือนกัน ว่ามันจะส่งผลต่อแต้มคะแนนของเขา

ชายคนนั้นไม่ได้สนใจคนอื่นที่อยู่ข้างๆเลย เนิ่นนานกว่าจะกวาดสายตามอง แต่เมื่อเห็นฉินเฟิงกับหูซาน เขาก็แสดงสีหน้าคาดไม่ถึง

“ดูเหมือนว่าคุณจะเป็น … อ้อใช่! หูซาน มนุษย์จากมิติชั้นต่ำใช่ไหม?”

หูซานเห็นชายคนนี้ก่อนแล้ว บอกตามตรงเขาไม่อยากคุยกับอีกฝ่าย  แต่ไม่นึกเลย ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยปากทักทายตน

ชายคนนี้ดูเหมือนเพิ่งอายุได้เพียง 35 ปี เอาจริงๆนี่เหมือนจะเป็นอายุจริงของเขาเช่นกัน แต่กลับมีความแข็งแกร่งมากถึงเลเวล S9 แล้ว แข็งแกร่งกว่าหูซานถึงสองขั้น

แต่ความแตกต่างที่สังเกตเห็นได้ชัดที่สุดสำหรับทั้งสอง ก็คืออายุ

หูซานกว่าจะไปถึงเลเวล S อายุก็ปาเข้าไป 60 ปีแล้ว  และหลังจากผ่านการสึกกร่อนมานานกว่า 200 ปี ตอนนี้ร่างกายของเขาได้มาถึงวัยชรา บวกกับในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังจากผ่านอาการบาดเจ็บชอกช้ำต่างๆ เขาเลยเคยชินกับรูปลักษณ์แก่ชรา ดังนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงโฉม

แต่ในมุมมองของคนอื่นๆ นี่บ่งบอกชัดว่าเป็นเพราะพรสวรรค์อ่อนแอ ไม่ได้มีความแข็งแกร่ง และแทบไม่มีโอกาสก้าวหน้าอีกแล้วในอนาคต

ไม่ต้องกล่าวถึง ประโยคช่วงท้าย ที่แสดงความหมายชัดว่ากำลังดูถูกกันสุดๆ

“หลิวหลง! ไอ้คำพูดมิติชั้นต่ำนั่นมันอะไรกัน? ถ้าวันหนึ่งมิติของพวกเราปรากฏจ้าวเหนือหัวขึ้น คุณยังจะกล้าเรียกแบบนั้นอีกหรือไม่!” หูซานโมโห

หลิวหลงหัวเราะ ประชดแดกดันเล็กน้อย “คนในมิติของคุณ มันก็มีเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ? พวกคุณจะไปหาจ้าวเหนือหัวได้จากที่ไหนอีก? ฉันไม่เห็นว่าจะมีคนมีพรสวรรค์อยู่เลย อ้อเกือบลืมไป เหมือนจะมีอยู่คนหนึ่ง ชื่อหลี่เซียวอะไรนั่นใช่ไหม มีพรสวรรค์แค่นั้น คนจากในตระกูลสาขาของพวกเรายังเก่งกว่าอีก!”

หลี่เซียวเป็นความหวังของผู้คนในโลกของฉินเฟิง แต่ท่ามกลางพันธมิตรมนุษย์ซึ่งมีโลกนับพันหมื่น หลี่เซียวไม่นับเป็นสิ่งใด ไม่ถือเป็นผู้มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมอะไร สำหรับโอกาสที่จะได้ขึ้นเป็นจ้าวเหนือหัว ความหวังนั้น อาจเรียกได้ว่าเลือนราง

ต้องรู้นะว่า ต่อให้พันธมิตรมนุษย์ทรงพลังเพียงใดก็ตาม แต่ว่ากันว่าจำนวนของจ้าวเหนือหัว มีอยู่ไม่มากนัก

--แค่ 8 คนเท่านั้น

หูซานอายุมากแล้ว ไม่มีอารมณ์โต้เถียงกับพวกคนหนุ่มอีกต่อไป แต่พอเห็นหลิวหลงดูหมิ่นมิติของตน ก็ทำให้อดรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้

ในตอนนั้นเอง หลิวหานได้ชกลงบนเครื่องทดสอบ

ตูม!

กำปั้นกระแทกลงบนก้อนหินที่มีความสามารถในการทานรับน้ำหนักมหาศาล จากนั้นตัวเลขบนหน้าจอก็เริ่มวิ่ง พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว!

1,000 … 2,000 …. 3,000 …

จนสุดท้าย ตัวเลขมาหยุดลงที่ 3928

ใบหน้าของหูซานกลายเป็นแข็งค้าง

ฝั่งฉินเฟิงเขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

เครื่องจักรวัดค่าพลังโจมตีนี้ แตกต่างจากเครื่องจักรในมิติของฉินเฟิง 1 แต้มจะเท่ากับ 10,000 พลังโจมตี กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ฝ่ายตรงข้ามทำแต้มโจมตีได้เกือบ 40 ล้าน!

คราวก่อนในมิติธารโลหิต หมัดเทพเจ้ากู่ไท่เองก็สามารถระเบิดกำปั้นได้รุนแรงประมาณนี้เช่นกัน แต่เจ้าหนูเบื้องหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เลเวล S รุ่นเก่าเหมือนกู่ไท่ แต่เพิ่งยกระดับมาหมาดๆ ทว่ากลับครอบครองพลังโจมตีเช่นนี้ ช่างน่าทึ่งจริงๆ

“ท่านลุง ผมทำได้แล้ว!” หลิวหานร้องบอก ว่าจบเขาก็หันมามองฉินเฟิง ในแววตาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเหนือกว่า

เห็นได้ชัดว่าเขาได้ยินบทสนทนาของหลิวหลง ดังนั้นหมัดนี้มิใช่การชกธรรมดา แต่ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี มันจึงทรงพลังมาก หากเป็นผู้ใช้พลังเลเวล S ธรรมดา และเพิ่งยกระดับมาใหม่ๆ ไม่มีทางได้ตัวเลขนี้

หลิวหลงพอเห็นความสำเร็จของหลิวหาน พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ลึกๆในหัวใจเกิดความรู้สึกภาคภูมิเช่นกัน

จากนั้น สายตาของหลิวหลง ก็เบนมาตกลงบนร่างฉินเฟิง

หูซานมีพื้นเพมาจากมิติระดับด้อยกว่า ดังนั้นฉินเฟิงจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนเชียว? เจ้าหนูนี่ ควรได้รับความอับอายขายหน้าซักนิดซักหน่อย จะได้รู้ซึ้งถึงความจริงว่าตนเองอ่อนแอแค่ไหน

“หลานชายของฉัน เป็นลูกหลานสายรองจากตระกูลหลิวของพวกเรา แต่ก็ถูกฉันฝึกหนักมาตั้งแต่เด็กจนโต และเขาแทบไม่เคยทำให้ผิดหวัง! ว่าแต่ว่าเถอะ คุณเหมือนจะพารุ่นเยาว์มาที่นี่ด้วยใช่ไหม คงมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเหมือนกันใช่รึเปล่า ไหนลองชกให้ดูหน่อยสิ ฉันอยากจะรู้ว่าเขาจะได้สักกี่คะแนน!”

หลิวหานมองฉินเฟิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบว่าฉินเฟิงเหมือนจะเด็กกว่าตนนิดหน่อย แต่กลับมีห้วงอารมณ์สงบนิ่ง บุคลิกมั่นคงเด็ดเดี่ยว แต่ …. ก็แล้วมันยังไง? มนุษย์จากมิติชั้นต่ำ ต่อให้สามารถปีนป่ายมาถึงเลเวล S ได้ แต่กำลังรบของพวกเขา เกรงว่าจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไร

เมื่อได้ข้อสรุปดังนี้ สีหน้าของหลิวหานแสดงออกถึงความเหยียดหยาม

“ท่านผู้ใหญ่หู ขอให้ผมทดลองดู”

ฉินเฟิงมองไปยังทั้งลุงทั้งหลานที่แสดงท่าทีหยิ่งผยอง ในหัวใจกลับยิ้มเยาะเย็นชา

ใครบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่ในมิติของพวกเขาจะไม่มีทางถือกำเนิดตัวตนระดับจ้าวเหนือหัวขึ้น?

อนาคตจ้าวเหนือหัว … ฉินเฟิงนี่แหละจะเป็นให้ดู!

เมื่อตัดสินใจแน่วแน่ ฉินเฟิงรีดเร้นความแข็งแกร่งจากทั่วทั้งร่างกาย ระดมมันมายังกำปั้นเขา

ความแข็งแกร่งทางกายภาพเลเวล A1 ในระดับสัตว์เทวะเพียงอย่างเดียว โจมตีเต็มที่น่าจะได้สัก 1,500 แต้ม!

--แต่ไพ่ในมือเขามีแค่นั้นซะที่ไหน!!

ปลดปล่อยทักษะลับกลืนดารา! คูณพลังโจมตีเพิ่มขึ้นไปอีกสิบเท่า!!

เปิดใช้งานดาราทั้งเก้า! เพิ่มพลังโจมตีไปอีกเก้าเท่า!!

ปงงงงงงงง!!!

หมัดของฉินเฟิงกระแทกเข้าใส่เครื่องทดสอบ มันรุนแรงจนเกือบทำให้ตัวยึดที่สร้างจากวัสดุพิเศษบุบลึกเข้าไปด้านใน สั่นสะเทือนไปตั้งตัวเครื่อง

จากนั้น ตัวเลขวิ่งพึ่บพั่บดั่งพายุเฮอร์ริเคน

หูซานเฝ้ามองตัวเลขบนจอด้วยความตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าฉินเฟิงสามารถควบคุมดารากำลังภายในได้ถึงเก้าดวง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทักษะฝึกฝนกำลังภายในของฉินเฟิงชื่ออะไร แต่ ณ ขณะนี้ มันได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มรูปแบบ ไม่มีการปิดซ่อนใดๆ สร้างความสยองเกล้าแก่ผู้คนอย่างหาที่เปรียบมิได้

28531 แต้ม!!

เมื่อเปลี่ยนเป็นพลังโจมตีแล้ว จะเท่ากับรุนแรงเกือบ 300 ล้าน!

ในตอนที่อยู่ในมิติธารโลหิต ฉินเฟิงเพิ่งสามารถยกระดับความแข็งแกร่งทางกายภาพขึ้นเป็นเลเวล A ส่วนตอนนี้แม้เพิ่งขยับเป็น A1 อาจมองแค่ขยับเพียงขั้นเดียว แต่เมื่อผสานเข้ากับทักษะการฝึกยุทธ และอะไรหลายๆอย่าง มันช่วยให้พลังโจมตีของฉินเฟิง เพิ่มขึ้น 100 ล้าน

อำนาจทำลายดังกล่าว เป็นอะไรที่น่าหวาดกลัวมาก

หลิวหานกับหลิวหลง อ้าปากตาค้างด้วยความตกใจ!

พลังโจมตีของฉินเฟิง มากกว่าหลิวหานถึงเจ็ดเท่า!

ณ จุดๆนี้ หมัดของฉินเฟิงคล้ายมิได้ชกลงบนเครื่องทดสอบ แต่ชกลงบนใบหน้าพวกเขา

กระทั่งหลิวหลงที่คิดว่าตนเองเป็นอัจฉริยะ แต่เมื่อครั้งเขาเพิ่งมาถึงเลเวล S และเข้ารับการทดสอบ พลังโจมตีของเขาอยู่ที่ 90 ล้านเท่านั้น

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ หลิวหลงมองใบหน้าฉินเฟิง พบว่ามันไม่แดงหรือแสดงถึงอาการเหนื่อยหอบเลย เขาสัมผัสได้ว่าการโจมตีด้วยหมัดนี้ มิได้ใช้กำลังภายในมากนัก

แต่นี่มันจะเป็นไปได้จริงๆหรือ?

มีเรื่องให้ต้องคาดเดามากเกินไป หลิวหลงไม่กล้าฟันธงว่าฉินเฟิงโกง แต่ที่บอกได้แน่ๆคิแทักษะฝึกยุทธของฉินเฟิงไม่ธรรมดา

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ยอดเยี่ยม! ดูเหมือนว่าการถือกำเนิดของจ้าวเหนือหัวในมิติของพวกเรา จะอยู่ไม่ไกล!” ช่วงเวลานี้ หูซานฉีกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์

“ฮ่าฮ่า … ขอแสดงความยินดีด้วย!” หลิวหลงกล่าวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ด้วยผลลัพธ์นี้ โต้แย้งไปคงไม่ต่างจากคนอ่อนแอ เขาได้แต่หันหลังและจากไป

“ฉันจะจำแกไว้!” หลิวหานมองฉินเฟิง กระแสความเกลียดชังปะทุเดือดในสายตา