ตอนที่แล้วEp.936 - ปล้นศิลาศักดิ์สิทธิ์น้ำแข็ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.938 - การแจ้งเตือนของพันธมิตรมนุษย์

Ep.937 - หวนคืน


1/4

Ep.937 - หวนคืน

หูซานอิจฉาฉินเฟิงแทบตาย เขารีบขุดศิลาศักดิ์สิทธิ์น้ำแข็งอีกรอบ ลากมันกลับมา

ฉินเฟิงก็ไม่ยอมน้อยหน้า ผู้ทดสอบคนอื่นๆสามารถขุดศิลาจากดาวเคราะห์ออกมาได้สองครั้ง แต่ฉินเฟิงสามารถขุดพวกมันขึ้นมาได้ถึงสามครั้ง ด้วยเหตุนี้ จำนวนศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่เขาครอบครองเลยมีเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 3,000 ก้อน

ช่างน่าเสียดายที่หลังขุดรอบสาม เรือใหญ่ก็ลอยออกมาไกลแล้ว ไกลจนมิอาจขุดศิลาได้อีก ฉินเฟิงไม่สามารถเข้าควบคุมเรือใหญ่ หรือแหวกว่ายออกจากเรือได้ เพราะเขาไม่กล้ารับประกัน ว่าถ้าทำลงไป จะเกิดผลกระทบอะไรขึ้น ตัวเขาอาจระเบิดแตกเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกผลักตกในตอนแรกก็ได้

เพราะยังไงซะ นี่คือดาวเคราะห์อบิลิตี้ของจ้าวเหนือหัว ด้วยรากฐานในปัจจุบันของฉินเฟิง ยังอ่อนแอเกินไปหากคิดลองดี

“ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมมันถึงถูกเรียกว่ามิติของพระเจ้า นี่คือสถานที่ของจ้าวเหนือหัว บางทีในชีวิตก่อนของฉัน หูซานอาจได้รับมรดกนี้ไป และลงหลักปักฐานในมิติแห่งนี้ก็ได้!”

“แต่ใช่ว่าฉันจะมาครั้งเดียวแล้วจะไม่มาอีกเลยซะหน่อย เอาไว้หลังจากนี้ ค่อยกลับมาสำรวจอีกครั้ง!”

เมื่อความแข็งแกร่งมาถึงในระดับเดียวกับฉินเฟิง สิ่งที่คนในระดับนั้นต้องการคือของสะสม พวกเขาไม่ได้อยากรวยแล้ว นั่นคือเหตุผลให้ผู้ใช้พลังเลเวล S จำเป็นต้องมีผู้ใต้บังคับบัญชามากมาย ตนจะได้มีเวลาออกสำรวจมิติอื่น

ขณะเดินเรือและยังไม่ถึงที่หมาย กลุ่มสัตว์ร้ายมิได้อาละวาดแย่งชิงใดๆอีก พวกมันเริ่มหันมาดูดซับพลังงานอีกครั้ง ทุกตนสงบเสงี่ยมเรียบร้อย จะมีก็แต่ฉินเฟิงที่ดูดกลืนอย่างมูมมามบ้าคลั่ง

เรือลำใหญ่ค่อยๆแล่นออกจากส่วนลึกใต้ทะเล สูงขึ้นไปเรื่อยๆ พลังงานรอบตัวค่อยๆเบาบางลง

สิ่งมีชีวิตอื่นๆหลับตาเพื่อดูดซับ แต่ฉินเฟิงปล่อยให้พลังพิเศษดูดกลืนทำงาน ส่วนตนลืมตา ดังนั้นสามารถมองเห็นฉากอันน่าทึ่งทั้งหมด

เรือลำใหญ่นี้ ที่แท้มันดิ่งลงไปเบื้องหลัง จากจุดเริ่มต้นที่มันจากมา เบื้องล่างลึกสุดล้วนเป็นของเหลวพลังงาน เมื่อขึ้นสูงก็กลายเป็นชั้นน้ำแข็งสีฟ้าเข้ม เอาจริงๆแล้วตรงส่วนนี้น่าจะเป็นชั้นดินชนิดพิเศษมากกว่า จากนั้นชั้นน้ำแข็งก็ค่อยๆโปร่งใส แสงอาทิตย์ภายนอกสาดเข้ามาให้เห็นรำไร

เรือลำใหญ่ลอยสู่ผิวน้ำ การเดินทางเฉพาะขากลับจริงๆแล้วใช้เวลาถึงสิบวัน แม้ความเร็วของเรือจะไม่มากนัก แต่อย่างน้อยน่าจะได้สัก 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะเดินทางลึกลงไปถึงแกนกลางของดาวดวงนี้!” ฉินเฟิงกล่าว

ขณะเดียวกัน หูซานออกจากห้วงภวังค์สมาธิ หลังจากเรือทิ้งช่วงห่างใต้ทะเล พลังงานที่ให้ดูดซับก็ไม่เพียงพออีกต่อไป เมื่อใกล้ถึงระดับผิวน้ำ หูซานก็หยุดฝึกฝน เพราะคาดว่าอีกไม่นาน สัตว์ร้ายพวกนี้ก็จะคืนสติเช่นกัน ถึงเวลานั้น อาจได้เกิดการต่อสู้กันก็ได้

“หลังจากนี้ ถ้าคุณได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันกำลังจะพาไป เดี๋ยวคุณจะล่วงรู้เรื่องราวต่างๆมากขึ้นเอง”

การออกสำรวจในครั้งนี้ ฉินเฟิงรู้สึกว่าทัศนคติของหูซานเปลี่ยนไปเล็กน้อย แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ฉินเฟิงสัมผัสได้ ว่าสิ่งที่หูซานเพิ่งพูด ในชีวิตที่แล้ว ฉินเฟิงไม่น่าจะเคยพบเคยเจอมันมาก่อน

ไม่ทันให้ฉินเฟิงได้ถามไถ่อย่างละเอียด เรือลำใหญ่ก็โผล่พ้นผิวน้ำ จากนั้นโล่แสงที่คอยปกป้องผู้ทดสอบก็หายไป ทั้งเกิดพลังอำนาจขับไล่ เรือใหญ่โคลงเคลง เหวี่ยงผู้ทดสอบออกอย่างไม่ลังเล

จากนั้น มันก็ค่อยๆจมลง ประเด็นก็คือ ครั้งนี้เรือใหญ่ไม่มีโล่แสงครอบเอาไว้แล้ว มันกลืนหายลงไปกับธารน้ำแข็ง หายไปในพริบตา พลังงานจากใต้ดินปะทุขึ้นอีกครั้ง แต่เป็นพลังงานที่น่าหวาดกลัวอีกชนิดหนึ่ง ไม่ใช่แบบคราวแรก

ครั้งนี้เป็นพายุพลังงาน!

ที่แท้ต้นกำเนิดของพายุพลังงานก็อยู่ตรงจุดนี้นี่เอง

พลังงานปะทุโหม กวาดปกคลุมไปทั้งโลกหล้า รอยแยกขนาดใหญ่ค่อยๆหุบเข้าหากัน ประเด็นก็คือ พายุพลังงานเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภัยพิบัติชนิดทำลายล้างสวรรค์กำลังก่อตัวขึ้น

ช่วงเวลานี้ สัตว์ร้ายทั้งฝูงต่างมองมาทางฉินเฟิงด้วยแววตาละโมบ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉินเฟิงคือผู้คว้าผลประโยชน์มากที่สุดในครั้งนี้ อีกทั้งในแง่ของเลเวลฉินเฟิงต่ำกว่าพวกมัน

“คิดจะยั่วโมโหฉันอีก? พวกแกอยากตายหรอ!” พลังสมาธิของฉินเฟิงถ่ายทอดเสียงออกไป

สัตว์ร้ายเหล่านี้ย่อมเข้าใจความหมายของฉินเฟิง พวกมันอ้าปากคำรามคล้ายต้องการประท้วง แต่พลังสมาธิของฉินเฟิงกวาดออกมาอีกรอบ ยิ่งทำให้สัตว์ร้ายเหล่านี้สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวของเขา

ถึงจุดนี้ คู่จิ้งจอกหิมะหันหลัง และกลืนหายเข้าไปในพายุหิมะ เป็นตัวแรกที่หนีจากไป

นั่นคือจิ้งจอกน้อยสองตัวที่ได้เรียนรู้เทคนิคระดับสูงไป

เมื่อเห็นทั้งสองหนี สัตว์ร้ายตัวอื่นๆแม้ไม่เต็มใจแต่ก็ต้องจากไป พวกมันร้องคำรามอย่างไม่ยินยอม สุดท้ายหันหลังและจากไป

พายุใหญ่เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ หลังจากฝูงสัตว์ร้ายแยกย้าย ฉินเฟิงกับหูซานก็ไม่คิดรั้งอยู่เช่นกัน ทั้งสองสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆอยู่พักหนึ่ง หลังจากค้นหาทิศทางที่ถูกต้อง ก็พากันล่าถอย

หลังวิ่งออกมาจากใจกลางพายุพลังงานได้ไม่กี่ชั่วโมง อุปกรณ์สื่อสารในข้อมือของหูซานก็ดังขึ้น

หูซานก้มมอง และพบว่าเป็นสายติดต่อจากหนานกงซีหมิงและเป่ยถังเฉียน กดรับทันที

“หูซาน ไอ้แก่เลือดร้อน นายไม่เป็นไรใช่ไหม?” เป่ยถังเฉียนตะโกน

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร แถมยังได้รับผลกำไรก้อนโต!” หูซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“นั่นก็ดีแล้ว ดีจริงๆ!” เป่ยถังเฉียนกล่าว เพราะคนรุ่นราวคราวเดียวกับเป่ยถังเฉียน ตอนนี้เหลืออยู่ไม่มากแล้ว พวกเขาล้วนเป็นคนจากยุคก่อน ดังนั้นมักอยู่รวมกลุ่มกันเพื่อความสบายใจ และไม่อยากให้สหายเก่าแก่บางคนเกิดเรื่องจนต้องลาจากไป

“จริงสิ แล้วเจ้าหนูฉินเฟิงเล่า เขาไปอยู่ที่ไหน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาใช่ไหม? เห็นว่านายต้องการแนะนำเขาให้เข้าร่วมพันธมิตรมนุษย์นี่”

หูซานคิดในใจ ว่าเดิมทีหากไม่มีอะไรผิดพลาดหรือเกิดเรื่องไม่คาดฝันอย่างการปรากฏตัวของฉินเฟิง ผู้ที่สามารถได้รับผลประโยชน์สูงสุดในครั้งนี้คงเป็นเขา

“ฉินเฟิงก็ไม่เป็นไร เอาล่ะ ไว้รอพบหน้ากันแล้วค่อยคุยเถอะ”

เนื่องจากฉินเฟิงติดตั้งเสาส่งสัญญาณที่ปากทางเข้าถ้ำ เสานี้ทำหน้าที่ได้ดีมากๆในการค้นหาผู้คนท่ามกลางทุ่งหิมะอันกว้างใหญ่ มันช่วยระบุทิศทาง ดังนั้นกลุ่มของหูซานจึงใช้ถ้ำแห่งนั้นเป็นสถานที่รวมตัว หลายวันที่ผ่านมาพวกเขาออกล่าสัตว์ร้าย รอคอยหูซาน

“ท่านผู้ใหญ่หู ผมขอไม่ตามไปด้วยนะครับ เพราะตอนที่เข้ามา ผมมาจากรอยแยกมิติอื่น มันจะดีกว่าหากกลับไปทางเดิม เพราะผมยังมีเรื่องที่ต้องทำ” ฉินเฟิงกล่าว

หูซานพยักหน้าว่าเข้าใจ การมาเยือนในครั้งนี้ เดิมหูซานเพียงต้องการสำรวจ แต่เขาไม่นึกฝันเลยว่าจะพบเจอโอกาสทองจากสรวงสวรรค์ กลับมาครั้งนี้ เขาจะต้องยึดครองรอยแยกมิติรอยแยกมิติฝั่งตน มาเป็นทรัพยากรในมือให้จงได้ และทางฉินเฟิงคงคิดทำเช่นกัน

“ตกลง แต่หลังจากคุณเสร็จธุระแล้ว ฉันมีบางอย่างจะแนะนำ เอาไว้คุณรอฉันข้างนอกสัก 2 - 3 วัน และมันจะดีกว่าถ้าไปรอที่เมืองเฟิงหลี”

ฉินเฟิงรู้สึกว่าหูซานน่าจะพูดเรื่องของพันธมิตรมนุษย์ เขาผงกหัวรับ

จากนั้น ฉินเฟิงกับหูซานก็แยกทางกัน

ฉินเฟิงมุ่งหน้าไปยังธารน้ำแข็งในตอนแรก และพบถ้ำน้ำแข็งของเหอเทียนสิง

โดยไม่ทันรู้ตัว เขาอยู่ในดินแดนน้ำแข็งนี้มาเป็นเวลาเกือบเดือน แม้ฉินเฟิงไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไร แต่ตอนนี้เขาแตกต่างจากเมื่อก่อนแล้ว กลุ่มเฟิงหลีกำลังเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นไม่อาจขาดผู้นำ

ด้วยเหตุนี้ ฉินเฟิงเลยตั้งใจจะกลับไปพักผ่อนสักเล็กน้อย แล้วค่อยกลับมาที่นี่อีกครั้ง ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าหูซานมีเรื่องจะพูดกับเขา

ที่โชคดีก็คือ แม้จะไม่รู้ว่าทำไม แต่ด้วยเหตุผลบางประการ รอยแยกมิติบนเกาะมังกร มันสามารถเคลื่อนตัวไปพร้อมกับธารน้ำแข็งได้ หากมันไม่เคลื่อนตาม พิกัดมิติคลาดเคลื่อนแล้ว

ฉินเฟิงก้าวเข้าไปในรอยแยกมิติ

ความมืดมิดเข้าครอบคลุมวิสัยทัศน์ เมื่อมันสลายไป ฉินเฟิงรู้สึกได้ทันทีว่าอากาศรอบตัวเขาร้อนขึ้น คลื่นความร้อนรุกล้ำเข้ามา ลมทะเลชื้นอันเป็นเอกลักษณ์ของเขตร้อนโชยกระทบใบหน้า บ่งบอกว่าเขากลับมายังเกาะในตอนแรกแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด