Ep.932 - บททดสอบด่านต่อไป
4/4
Ep.932 - บททดสอบด่านต่อไป
อบิลิตี้นับไม่ถ้วนถูกฉินเฟิงดูดกลืน เขาไล่ดูดพวกมันย้อนกลับไปทิศทางประตูทางเข้า ไกลออกมาเรื่อยๆจนไม่เห็นแม้แต่เงาของจิ้งจอกหิมะ
เวลานี้ ฉินเฟิงได้พบหูซานอีกครั้ง ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยามแล้วนับแต่เข้ามาในวิหาร แต่หูซานกลับเพิ่งสามารถเรียนรู้อบิลิตี้ได้เพียงสองเทคนิค แถมยังเป็นระดับต่ำ เขากำลังมองหาเทคนิคดีๆเตรียมเรียนรู้ต่อ แต่ไม่นึกเลย ว่าเสาน้ำแข็งที่อยู่โซนลึกเข้าไป ตอนนี้ล้วนเปลือยเปล่า ไม่เหลือร่องรอยของอักษรรูนอีก!
การปรากฏตัวของฉินเฟิง ยิ่งทำให้ดวงตาของหูซานเบิกกว้าง
“คุณเพิ่งเข้าไปข้างในมาใช่ไหม? พอจะรู้รึเปล่าว่าอักษรรูนหายไปไหนหมด? อย่าบอกนะว่า … คุณเรียนรู้พวกมันหมดแล้ว???”
“อา! ยังไม่ใช่ทั้งหมดหรอกครับ” ฉินเฟิงกล่าว
“โล่งอกไปที!” หูซานผ่อนลมหายใจ แต่คำพูดต่อมาของฉินเฟิง ทำให้เขาอดรู้สึกหดหู่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ผมเหลือทิ้งไว้สองเทคนิคให้กับคู่จิ้งจอก เพราะผมไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ หรือพวกเราจะร่วมมือกัน แล้วฆ่าพวกมันดี?” ฉินเฟิงยื่นข้อเสนอ
มุมปากของหูซานกระตุก “ฉันว่าพวกเราเรียนรู้เทคนิคต่อก่อนจะดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าเขตแดนลับแห่งนี้จะอยู่อีกนานแค่ไหน ฉะนั้นรวบรวมเทคนิคเท่าที่จะทำได้สำคัญกว่า!”
“ถูกของคุณ ตกลงตามนั้น” ว่าจบ ฉินเฟิงก็เริ่มเดินไปยังเสาน้ำแข็งถัดไป จากนั้นหูซานถึงค่อยได้เห็นกับตา ว่าฉินเฟิงสามารถดูดซับอักษรรูนได้อย่างง่ายดายไม่ต่างจากการดูดบะหมี่ มันดูผ่อนคลายและสบายเหลือเกิน
หูซานไม่เสียเวลาอึ้ง เขาหันไปเรียนรู้อีกเทคนิคหนึ่ง และเฝ้าหวังว่าจะดูดซับมันให้เร็ว มิฉะนั้นหากชักช้า จะเหลืออบิลิตี้ให้เขาเรียนรู้อีกรึเปล่า คงไม่ต้องเสียเวลานึกหาคำตอบ
อย่างไรก็ตาม หลังจากฉินเฟิงดูดซับไปได้อีกหลายเสา เหมือนเขาจะหยุดฝีเท้า ไม่ดูดกลืนอีกต่อไป นั่นเพราะเขาพบว่า อักษรรูนจากเสาที่เหลือ เขาครอบครองพวกมันทั้งหมดแล้ว
เนื่องจากอบิลิตี้ระดับสูงประกอบไปด้วยอักษรรูนระดับต่ำ จากเทคนิคง่ายๆไปถึงเทคนิคยาก เป็นขั้นเป็นตอน แต่ฉินเฟิงเลือกดูดซับอักษรรูนยากก่อน แล้วย้อนกลับมา ดังนั้นอักษรรูนพื้นฐานเหล่านี้ไม่จำเป็นอีกต่อไป
“เทคนิคอบิลิตี้ของผมมากพอแล้ว ท่านผู้ใหญ่หู ขอให้คุณค่อยๆศึกษาพวกมันอย่างวางใจ ผมจะปกป้องคุณเอง!” ฉินเฟิงกล่าว
แม้คำพูดของฉินเฟิงจะดูจริงใจ และหูซานก็ไม่คิดปฏิเสธมัน แต่ทำไมกันนะ? ทำไมเขาถึงเกิดความริษยาน้อยๆในหัวใจ?
ฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้า ถึงช่วงบริเวณ ⅓ ของห้องโถงใหญ่ ในที่สุดเขาก็ได้พบกับสัตว์ร้ายตัวอื่น สัตว์ร้ายเหล่านี้ศึกษารูนข้างหน้าทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว และพวกมันต้องการรูนเพิ่ม!
“โฮกกก!!”
สัตว์ร้ายเสือขาวเห็นฉินเฟิงก้าวออกมาจากส่วนลึก มันคำรามเกรี้ยวกราด บังเกิดความรู้สึกดั่งราชันย์ที่คล้ายถูกรุกรานอาณาเขตตน
ฝั่งฉินเฟิง เขาไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย สัตว์ร้ายทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคู่แข่งของเขา ดังนั้นเหยียดมือออกไปข้างหน้า ปลดปล่อยเทคนิคหอกน้ำแข็ง
ฉินเฟิงเรียนรู้เทคนิคอบิลิตี้ระดับสูงแล้วก็จริง แต่พลังสมาธิของเขายังอยู่ในเลเวล D เท่านั้น อีกอย่าง ความเร็วของเขาลดลงเป็นอย่างมาก ความแข็งแกร่งทางกายภาพแทบไม่ต่างจากตัวอื่นๆ ดังนั้นตระหนักดีว่าควรใช้เทคนิคอะไรเข้าต่อกร
เทคนิคของน้ำแข็งของฉินเฟิงของฉินเฟิง ฝ่ายตรงข้ามไม่แม้จะสามารถหลบเลี่ยง!
ฉัวะะะ!
ปลายหอกแหลมแทงทะลุร่างของสัตว์ร้ายเสือขาวในพริบตาเดียว
“เทคนิคระเบิดน้ำแข็ง!”
ตูมมม!
บังเกิดเสียงระเบิดหนักทึบ แยกร่างเสือขาวตัวนั้นเป็นชิ้นๆในพริบตา
ในตอนนั้นเอง ร่างที่แหลกสลายของเสือขาว เริ่มเรืองแสงกลายเป็นจุดหิ่งห้อย หายไปจากจุดเดิม ไม่ต้องสงสัยเลย ว่ามันหมดคุณสมบัติ ไม่มีสิทธิรับสืบทอดมรดกอีกต่อไป!
เมื่อเสือขาวตาย สัตว์ร้ายตัวอื่นๆก็ยิ่งอาละวาด ฝูงสัตว์มากมายเข้าปิดล้อมเขา ยิ่งได้เห็นท่าทีหยิ่งผยองของฉินเฟิง พวกมันยิ่งคำรามกราดเกรี้ยวและต้องการฉีกฉินเฟิงเป็นชิ้นๆ
สัตว์ร้ายอย่างน้อยหลายสิบตัวเข้าโจมตีเขา ในบรรดาพวกมัน มีหลายตัวครอบครองสติปัญญา ที่กล่าวมาปลดปล่อยอบิลิตี้น้ำแข็ง อักษรรูนหิมะและน้ำแข็งก่อตัวขึ้น โอบล้อมฉินเฟิงจากทุกทิศทาง
“เทคนิคโลกหิมะและน้ำแข็ง!” ฉินเฟิงเปิดใช้งานอบิลิตี้เขตแดนที่พอปลดปล่อยได้ทันที รัศมีรอบกายเขาในระยะ 30 เมตร กว้างพอที่จะปกคลุมสัตว์ร้ายหลายสิบตัวเหล่านั้น ค่อยๆโปรยปรายเกล็ดหิมะลงจากท้องฟ้า
กระแสลมเย็นพัดผ่าน บนพื้นปกคลุมไปด้วยหิมะอันหนาวเหน็บ สัตว์ร้ายหลายสิบตัวถูกกลืนไปกับหิมะและน้ำแข็ง ความหนาวเย็นเสียดลึกถึงกระดูกทำให้เลือดและเนื้อของพวกมันเชื่องช้า หัวใจเริ่มหยุดเต้น
ยิ่งเกล็ดหิมะพอกพูนมากเท่าไหร่ ร่างกายก็จะยิ่งแข็งขึ้นเท่านั้น สุดท้ายค่อยๆสิ้นสติไป ภายในเขตแดน ราวกับทั้งสวรรค์และปฐพีเหลือเพียงหิมะและน้ำแข็งที่ยังคงอยู่ ส่วนสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น กลายเป็นตุ๊กตาหิมะไปแล้ว ศพข้างในถูกแช่เป็นน้ำแข็งเรียบร้อย
ลมหนาวโชยพัดผ่าน ตุ๊กตาหิมะเหล่านี้ ทั้งหมดพังทลายลง ร่วงกลืนเข้ากับพื้นหิมะ ปรากฏจุดหิ่งห้อยนับสิบกลุ่ม ลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า
ศัตรูมากกว่าสิบตัวถูกกำจัดในลมหายใจเดียว สัตว์ตัวอื่นๆเมื่อเห็นฉินเฟิงดุร้ายโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทั้งหมดต่างถอยกรูด สัญชาตญาณของสัตว์ร้ายทำให้พวกมันกระหายเลือดก็จริง แต่ขณะเดียวกัน ก็ช่วยให้พวกมันมีประสาทอันคมชัด สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของความตาย
กลิ่นอายของฉินเฟิงที่ส่งมายังพวกมัน อันตรายเกินไป ดังนั้นพวกมันไม่กล้าก้าวต่อมาข้างหน้า
มีสัตว์ร้ายบางตัว ต้องการอ้อมฉินเฟิงเข้าไปด้านหลัง แต่ฉินเฟิงย่อมไม่อนุญาต ก่อร่างกำแพงน้ำแข็งขึ้น แบ่งแยกวิหารช่วงหน้ากับช่วงท้ายออกเป็นสองส่วน
“โฮ!!!” สัตว์ร้ายคำรามขู่ด้วยความไม่พอใจ แต่ยังรั้งฝีเท้าในจุดเดิม ไม่กล้าโจมตีฉินเฟิง พวกมันได้แต่หันไปศึกษาเรียนรู้จากเสาน้ำแข็งสองข้างทาง แต่นี่เป็นเพียง ⅓ ของวิหารเท่านั้น และเลเวลสูงสุดของอบิลิตี้คือขั้น C ประเด็นอีกอย่างก็คือ เหลือสัตว์ร้ายอยู่มากเกินไป ดังนั้นหากจะสั่งสมรูนอบิลิตี้ให้ครบเป็นเรื่องยาก ทุกตนต้องหันมาสู้กันอย่างดุเดือด
ในตอนแรกที่สัตว์ร้ายเข้ามาในห้องโถง พวกมันมีจำนวนมากถึง 500 ตัว แต่ปัจจุบันเหลือไม่ถึง 200 ตัว ศึกช่วงชิงรูน กำจัดสัตว์ร้ายได้เป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน อีกฝั่ง ⅔ ที่ฉินเฟิงใช้กำแพงน้ำแข็งปิดกั้นเอาไว้ ในเวลานี้หูซานทำการเรียนรู้อบิลิตี้อย่างต่อเนื่อง
บางเทคนิคเขาสามารถศึกษามันจนถ่องแท้ได้อย่างง่ายดาย บางเทคนิคแม้ยากเข็ญแต่สุดท้ายศึกษาจนบรรลุ
เนื่องจากมนุษย์ไม่โดดเด่นด้านความแข็งแกร่งทางกายภาพ ดังนั้นมีระดับการพัฒนาทางสติปัญญาเป็นเลิศ ความสามารถในการเรียนรู้ ห่างชั้นเกินกว่าพวกสัตว์ร้ายจะเทียบเปรียบได้
หากไม่นับฉินเฟิงที่ใช้กลโกงชั่วร้าย หูซานคงไม่พ้นเป็นคนที่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากที่สุด
แน่นอน เพราะมีฉินเฟิงเช่นกัน หูซานถึงสามารถทำความเข้าใจอักษรรูนได้เร็วยิ่งขึ้น
สามวันต่อมา อักษรรูนบนเสาน้ำแข็ง ทั้งหมดถูกดูดซับไม่มีหลงเหลือ
ฝั่งด้านในวิหาร ผู้ได้รับกำไรมากที่สุดคือฉินเฟิง รองลงมาเป็นหูซาน และคู่จิ้งจอกหิมะ ตามลำดับ
เมื่ออักษรรูนในวิหารใหญ่หายไป ประตูห้องถัดไปก็เปิดออก
ภายนอก ครูหิมะยังคงมีสีหน้าเย็นชา ไร้ซึ่งการแสดงออกใด แต่เมื่อมองเข้ามายังวิหาร แล้วเห็นสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น ในสายตาของเธอ คล้ายบังเกิดความคาดหวังที่มองไม่เห็น ราวกับว่าพวกเขาในโถงใหญ่ สามารถบรรลุผลลัพธ์ที่ดี
แต่ในเวลานั้นเอง ท้องฟ้าพลันกลายเป็นมืดมิด รังสีทมิฬปกคลุมโลกหล้า
พลังสมาธิของเหล่าหญิงหิมะ เปล่งเสียงกรีดร้องออกมาทันที
“อสูรกายทมิฬ! เป็นอสูรกายทมิฬ!”
“ไม่นะ! ฉันยังไม่อยากถูกความมืดกลืนกิน!”
“เร็วเข้า! รีบปิดประตูวิหาร ปกป้องเด็กๆ!”
ประตูวิหารถูกปิดลง กระแสเวลาเริ่มไหลเร็วขึ้น ตามมาติดๆด้วยเสียงโครมใหญ่ของประตูผละเปิดออกอีกครั้ง
หญิงหิมะนับไม่ถ้วนปรากฏตัวที่หน้าประตู ดวงตาของพวกเธอ เปลี่ยนเป็นสีดำย้อมไปด้วยเลือด กระทั่งร่างอันบริสุทธิ์ดั่งผลึกน้ำแข็ง ยังคุกรุ่นไปด้วยควันสีดำแปลกๆลอยออกมา
หญิงหิมะเหล่านี้ เริ่มกระโจนเข้าโจมตีด้วยฟันและกรงเล็บของพวกเธอ คล้ายไม่สามารถจดจำได้ว่าตนก็ครอบครองอบิลิตี้ ทำแค่เพียงใช้ร่างกายต่อสู้ฆ่าฟัน
ช้างเผือกตัวหนึ่งถูกหญิงหิมะข่วนเอา พริบตานั้นร่างของมันปนเปื้อนไปด้วยหมอกดำ กรีดร้องด้วยความตกใจ ถูกกลืนกินโดยความมืดในลมหายใจเดียว ก่อนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแห่งความมืด หันมาโจมตีสัตว์ร้ายตัวอื่นๆที่อยู่ข้างๆ
สถานการณ์พลิกผันอย่างกะทันหันนี้ ดั่งระฆังดังกังวานในใจของฉินเฟิง
“หรือว่า … นี่จะเป็นบททดสอบด่านต่อไป?”