Ep.925 - กำลังรบทรงพลังขึ้น

1/4

Ep.925 - กำลังรบทรงพลังขึ้น

“ถ้าคุณสนใจ จะลองใช้มันดูก็ได้นะ”

ยิ่งแข็งแกร่ง ฉินเฟิงก็ยิ่งไม่กลัวว่าคนอื่นแอบดูสมบัติของเขา หลังจากบอกวิธีใช้งาน เขาก็ยื่นรูบิควิเศษให้แก่หูซาน

อย่างไรก็ตาม หูซานไม่จำเป็นต้องสร้างอุปกรณ์ใดๆ ในสภาวะที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง เขาพึงพอใจกับบรรยากาศเช่นนี้อยู่แล้ว

แต่หนานกงซีหมิงสนใจมาก เขาเลือกวัสดุสัตว์ร้ายเลเวล A หลายชิ้น ยัดมันลงไป สร้างอุปกรณ์รูนสีขาวหิมะเหมือนของฉินเฟิง ช่วยป้องกันความหนาวเย็น

จากนั้น เป่ยถังเฉียนและเลเวล A คนอื่นๆ แม้พวกเขายังไม่ได้ล่าอะไรที่นี่ แต่พอมีวัตถุดิบสัตว์ร้ายที่มีขนหนา ช่วยเพิ่มความอบอุ่นเก็บเอาไว้ ดังนั้นเริ่มจัดทำชุดใหม่ อย่างน้อยพวกมันก็ช่วยป้องกันไม่ให้พวกเขาหนาวเกินกว่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม แม้พวกเขาสลับกันสร้างเสื้อกันหนาวจนครบทุกคนแล้ว แต่การต่อสู้ด้านนอกยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง

“ท่านผู้ใหญ่หู ผมขอตัวออกไปข้างนอกสักพัก”

หูซานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หันไปมองศพมังกรเกล็ดปีศาจเหล่านั้น แม้ตัวเลือกนี้ของฉินเฟิงจะไม่อยู่ในความคิดเขา แต่ก็ยังพอเข้าใจได้

เพราะความแข็งแกร่งของฉินเฟิง ผิดแผกจากทุกคน

“ตกลง แต่คุณต้องระมัดระวัง ใส่ใจตัวเองด้วย”

“ครับ ผมจะติดตั้งฐานส่งสัญญาณขนาดเล็กเอาไว้ที่นี่ ถ้าเป็นในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตร ในกรณีที่พวกคุณตกอยู่ในอันตราย จะสามารถติดต่อผมได้ทันที”

ปัจจุบันฉินเฟิงครอบครองเทคโนโลยีชั้นสูงมากมาย เครื่องส่งสัญญาณก็เป็นหนึ่งในนั้น เพียงติดตั้งเสาก็สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารในบริเวณนั้นๆได้ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเกิดพายุพลังงานอีกครั้ง หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องป้องกันไม่ให้คนเหล่านี้หลงทิศหลงทางระหว่างต่อสู้ ถ้ามีสัญญาณ พวกเขายังสามารถหาทางกลับผ่านอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองได้

ด้วยเครื่องส่งสัญญาณนี้ กลุ่มของหูซาน จะเท่ากับมีดวงตาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคู่

นี่นับว่าฉินเฟิงช่วยสุดๆแล้ว มากไปกว่านี้คงไม่ได้!

“ขอบคุณ รบกวนนายพลฉินแล้ว” หนานกงซีหมิงกล่าว

คนอื่นๆเอ่ยแสดงความขอบคุณ

จากนั้น หูซานเปิดประตูทางเข้าถ้ำ ฉินเฟิงเชิดมังกรเกล็ดปีศาจ เดินออกไป

ห่างจากถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้เพียง 1 กิโลเมตร ปรากฏฝูงสัตว์ร้ายกำลังห้ำหั่น นี่เองคือสาเหตุที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนก่อนหน้านี้ และบนสมรภูมิของพวกมัน มีฝั่งหนึ่งกำลังเสียเปรียบ เป็นฝั่งมังกรเกล็ดปีศาจ

ภายใต้การต่อสู้ชุลมุนของสัตว์ร้าย กลิ่นอายคือตัวชี้วัดวัดระดับศัตรู อย่างมนุษย์มีร่างกายอ่อนแอ กลิ่นอายเลยไม่แรง นี่เท่ากับถูกทำเครื่องหมาย ตีตราว่าเป็นอาหารของพวกสัตว์ร้าย ดังนั้นง่ายต่อการถูกจู่โจม

อย่างขณะนี้ ฝูงสัตว์ร้ายเองก็ตัดสินด้วยกลิ่นอาย ตราบใดที่ศัตรูไม่แข็งแกร่งจนเกินไป พวกมันจะกล้าดาหน้าเข้าต่อสู้เข่นฆ่า

และสัตว์ร้ายกลุ่มนี้ เป็นแบบนั้นเป๊ะๆ

ฝั่งหนึ่งเป็นมังกรเกล็ดปีศาจระดับจักรพรรดิจำนวน 8 ตัว อีกฝั่งเป็นแมมมอธธารน้ำแข็งกว่า 20 ตัว นอกจากนี้ยังมีสัตว์ร้ายอีกหลายสายพันธ์เข้าผสมโรง แต่หลายสายพันธ์ที่ว่า ทุกตัวกำลังปิดล้อมเผ่ามังกรเกล็ดปีศาจ

“ลุย!”

ฉินเฟิงควบคุมหุ่นเชิดมังกรเกล็ดปีศาจ สั่งการพวกมันเข้าสู่สนามรบ

แม้กลิ่นอายของหุ่นเชิดแห่งความตายจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่มองยังไงมันก็คือมังกรเกล็ดปีศาจ แมมมอธธารน้ำแข็งหันวับมาทันที พุ่งเข้าสกัดกั้นมัน

ฉินเฟิงเหยียดมือออกไป ปลดปล่อยรูนมืดเข้าปกคลุม

รูนแห่งความมืดสกัดกั้นการรับรู้ของแมมมอธธารน้ำแข็งเหล่านี้ วินาทีต่อมา ฉินเฟิงเชิดหุ่นแห่งความตาย กระโจนซ้ายปาดขวา ฝ่าฝูงของพวกมันไป

ฝูงแมมมอธถูกก่อกวนจนปั่นป่วน ระหว่างนั้นอบิลิตี้มืดของฉินเฟิงระเบิดออกมา หนึ่งดรรชีแห่งความตายถูกชี้ออก พลังชีวิตของมังกรเกล็ดปีศาจลดหลั่นลงอย่างรวดเร็ว

ไม่นาน มังกรเกล็ดปีศาจฝูงนี้ ก็กลายเป็นสมาชิกหุ่นเชิดแห่งความตาย

เป้าหมายของฉินเฟิง ยังคงเป็นมังกรเกล็ดปีศาจ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยเหลือพวกมันสู้กับแมมมอธธารน้ำแข็ง

แมมมอธกลุ่มนี้พ่นกระแสลมรุนแรงจากทางจมูกของพวกมัน ปัดเป่ารูนแห่งความมืด หลังจากวิสัยทัศน์กลับคืน สิ่งที่พวกมันเห็น คือหุ่นเชิดแห่งความตายของฉินเฟิง กำลังไล่ฆ่ามังกรเกล็ดปีศาจที่เหลืออยู่ไม่กี่ตัว

แมมมอธไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ไม่นานมันก็ตัดสินใจเข้าร่วมการต่อสู้ อย่างไรก็ตาม กองทัพสัตว์ร้ายฉินเฟิงก็เคยสู้มาแล้ว ดังนั้นกับอีแค่ฝูงสัตว์ร้ายไม่กี่ตัว จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร?

หลังจากทำให้มังกรเกล็ดปีศาจทุกตัวกลายเป็นพวกสำเร็จแล้ว หุ่นเชิดแห่งความตายของฉินเฟิง ก็เพิ่มจำนวนขึ้นอีก 8 ตัว กลายเป็นกลุ่มที่มีกำลังรบทัดเทียมกับฝูงแมมอธ เมื่อตระเตรียมการพร้อมสรรพ เขาก็เริ่มหันไปสังหารฝูงแมมมอธ

ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ลอยฟุ้งอยู่รอบตัว หลังจากสัตว์ร้ายพวกนี้ตายลงแล้ว พลังงานจากศพก็ถูกหลอมรวมเข้ากับร่างของฉินเฟิงโดยความสามารถของพลังพิเศษดูดกลืน

ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ

ในมิติเดิม ตอนนี้หากฉินเฟิงคิดยกระดับในแต่ละขั้น มันยากปานปีนป่ายขึ้นสู่สวรรค์ ทุกเซลล์ในร่างกายเขาแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ การยกระดับแต่ละขั้น จำเป็นต้องใช้พลังงานในปริมาณมหาศาล

แต่ตอนนี้ ในมิติที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานฟ้าดิน ขอเวลาแค่ไม่นาน เขาก็จะสามารถยกระดับไปได้อีกขั้น!

“ฆ่า!”

ฉินเฟิงตรงเข้าสังหารศัตรูเบื้องหน้าเขา

ตูมมม!

แมมมอธยักษ์ตัวหนึ่งร่วงลงกับพื้นในพริบตา 19 มังกรเกล็ดปีศาจโจมตีอย่างมีแบบแผน ห้าตัวคอยขัดขวางสัตว์ร้ายตัวที่ยังไม่ล้ม อีกสามคอยก่อกวนฝ่ายตรงข้าม ส่วนหุ่นเชิดที่เหลืออยู่ กระโจนเข้ารุมทึ้งตัวที่ล้มลง

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดการต่อสู้ก็จบลง เลือดอาบไปทั่วพื้น อาจเป็นเพราะไม่มีสัตว์ร้ายอยู่ใกล้ๆแถวนี้อีก ความวุ่นวายค่อยสงบลง ทว่าแม้สังหารสัตว์ร้ายทั้งหมดไป แต่เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงยังไม่พอใจ

“ควบคุมความตาย!”

ฉินเฟิงวาดมือ ศพแมมมอธยักษ์กว่า 20 ตัวถูกเขาควุบคุม เข้าร่วมกองทัพแห่งความตาย ฉินเฟิงไม่สนใจวัตถุดิบสัตว์ร้ายเหล่านี้ เพราะยิ่งมีสัตว์ร้ายในกองทัพมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งปลอดภัยเท่านั้น

“ไปได้!”

ฉินเฟิงสั่งการฝูงสัตว์ร้าย ออกทำการสำรวจต่อ

หลังจากฉินเฟิงจากไป ผ่านพ้นไปอีกครึ่งชั่วโมง ดูเหมือนข้างนอกถ้ำจะไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นอีกแล้ว หูซานและคนอื่นๆที่ซ่อนอยู่ ค่อยๆออกมาอย่างเงียบๆ สำรวจสถานการณ์ภายนอก

“การต่อสู้ยุติลงแล้ว”

“ไม่พบสัตว์ร้าย!”

“เมื่อครู่เสียงการต่อสู้อยู่ใกล้มาก ต้องมีฝูงสัตว์ร้ายต่อสู้กันอยู่แน่ๆ อาจมีซากศพเหลืออยู่ก็ได้!”

แม้พวกเขามีความแข็งแกร่งถึงเลเวล S แต่ยิ่งมีคนช่วยสำรวจมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งได้ข้อมูลของมิติแห่งนี้มากขึ้นเท่านั้น ก็อย่างว่า เผ่ามนุษย์น่ะอ่อนแอ คนพวกนี้ หากอยู่ในมิติเดิม นับเป็นการดำรงอยู่ที่สามารถเรียกสายลมและสายฝนได้ เอ่ยปากอะไรก็มีคนรับใช้ทำตาม แต่ตอนนี้ พวกเขาได้แค่หวังให้สัตว์ร้ายฆ่ากันเอง จะได้สามารถเก็บกู้ซากศพฟรีๆ

คนพวกนี้ออกจากถ้ำ พบว่าเบื้องหน้าเหลือแค่เพียงสายลมกับหิมะ และรอยเท้าของหุ่นเชิดมังกรเกล็ดปีศาจที่ฉินเฟิงทิ้งเอาไว้ ดังนั้นใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึงสนามรบเมื่อครู่

ซากสนามรบเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เลือดแห่งความตายถูกหลอมรวมเข้ากับหิมะ สุดท้ายถูกแช่แข็ง กลายเป็นพื้นหิมะสีชมพู

“ไม่มีซากศพสัตว์ร้ายเลย ไม่มีแม้แต่ตัวเดียว!”

“เป็นไปได้ไหมว่า …”

“ไม่น่าผิดพลาดแล้ว สัตว์ร้ายทั้งหมดถูกฆ่า ยิ่งไปกว่านั้น ซากศพทั้งหมดยังถูกเก็บกู้ออกไปด้วย”

ส่วนคนเก็บกู้ แน่นอนว่าเป็นฉินเฟิง

ยังไม่พอ ยิ่งสำรวจพวกเขาก็พบร่องรอย ว่าหุ่นเชิดมังกรเกล็ดปีศาจที่ฉินเฟิงพาออกจากถ้ำในตอนแรก กับในตอนออจากสนามรบ อย่างหลังมีจำนวนมากกว่า มุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางที่ไกลออกไป

กำลังรบของฉินเฟิง ทรงพลังไปอีกขั้น!

“ฉินเฟิงแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว” หูซานถอนหายใจ บังเกิดความรู้สึกโศกเศร้าที่คลื่นลูกหลังของแม่น้ำแยงซีซัดเข้ามา โถมกลืนคลื่นลูกหน้าอย่างพวกเขา

หนานกงซีหมิงพยักหน้า และกล่าวว่า “หลังจากออกไป ถ้ามีโอกาส ฉันจะเชิญเขาเข้าร่วมพันธมิตร!”

หูซานพยักหน้าเห็นด้วย

ไม่ใกล้ไม่ไกล เป่ยถังเฉียนแม้จะตกใจกับความสามารถของฉินเฟิง แต่เขาไม่นึกฝันเลย ว่าหนานกงซีหมิงจะตัดสินใจเช่นนี้

“มันจะดีหรอ? อย่าลืมสิว่าเขาเป็นแค่เลเวล A!”