chapter 23
โดยปกติแล้วสตาร์กอินดัสทรีย์ก็ซื้อเกราะเหล็กและกลับไปศึกษา โอลด์หวังว่าโทนี่หรือผู้มีความสามารถในแผนกอาวุธของสตาร์กอินดัสทรีย์จะสามารถทำลายเกราะเหล็กได้ มูลค่าทางสงครามที่เกราะเหล็กแสดงให้เห็นนั้นสามารถมองออกได้แม้กระทั่งคนตาบอด หากพวกเขาสามารถเจาะระบบหรือก็อปปี้ได้ สตาร์กอินดัสทรีย์จะไม่แพ้เบลดอินดัสทรีย์.
จากนั้นขณะที่โทนี่กำลังรื้อเกราะเหล็ก เกราะเหล็กก็ระเบิดและทำลายทุกสิ่งในระยะ 500 เมตร.
โชคดีที่โทนี่อยู่คนเดียวและด้วยชะตาของเขาเขาเลยวิ่งหนีออกมาได้ทันเวลา แต่แผนกอาวุธของสตาร์กอินดัสทรีย์โชคไม่ดีนัก.
หลังจากนั้นเมื่อเผชิญกับการร้องเรียนจากสตาร์กอินดัสทรีย์ เบลดอินดัสทรีย์ก็ตอบว่า พวกเขาได้เขียนคู่มือไว้สำหรับเกราะเหล็กแล้วและเบลดอินดัสทรีย์จะไม่รับผิดชอบต่อผลที่ตามมาทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการถอด-รื้อโดยไม่ได้รับอนุญาต.
แม้ว่าเทคโนโลยีของคริปตอนและเทคโนโลยีของโลกจะมีเส้นทางของระบบที่แตกต่างกัน เนื่องจากปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่แตกต่างกัน แต่ก็ไม่น่าจะจำลองแบบได้ แต่โทนี่ สตาร์กก็คือโทนี่ สตาร์ก ท้ายที่สุดแม้ว่าเขาจะให้โทนี่เป็นคนผลิตเอง เขาก็ไม่อาจทำให้ดีได้เท่ากับซอด เพียงแค่เพิ่มระบบระเบิดตัวเองให้กับเกราะเหล็กแต่ละเครื่อง มันก็ทำลายทุกอย่างโดยไม่เหลือร่องรอยใดๆ
ประเทศอื่นๆก็เจอสิ่งที่คล้ายๆกัน มีเพียงเฉพาะจีนเท่านั้นที่อ่านคู่มืออย่างระมัดระวังและหยุดมือในขั้นตอนสุดท้ายของการถอด-รื้อ.
ออสบอนอินดัสทรียังได้รับผลกระทบจากเกราะเหล็กเช่นกัน คำสั่งทางทหารสำหรับเซรุ่มซุปเปอร์โซลเยอร์ได้ถูกยกเลิก ทำให้ออสบอนอินดัสทรีสูญเงินเกือบหมื่นล้านดอลลาร์ มีการค้นคว้าและลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่โครงการเซรุ่มซุปเปอร์โซลเยอร์ก็ถูกถอดถอนโดยผู้ถือหุ้นรายอื่นของออสบอนอินดัสทรี.
ทหารไม่ได้โง่ พวกเขาต้องการทหารระดับสูงอย่างซุปเปอร์โซลเยอร์ พวกเขาเหล่านี้จะสามารถต่อสู้กับคน 100 คนได้ด้วยตัวของซุปเปอร์โซลเยอร์เพียงคนเดียว ตอนนี้เกราะเหล็กบรรลุเป้าหมายนี้ได้อย่างสมบูรณ์และพวกมันก็ไม่ต้องการการขนส่งหรือปัจจัยอื่นๆมากนัก นับประสาอะไรกับการสู้ 1-100 ต่อให้คนหลายร้อยพร้อมกับอาวุธครบมือ พวกเขาจะจัดการกับเกราะเหล็ก 1 ตัวนี้ได้อย่างไร.
อาวุธทางทหารยุคใหม่มาถึงแล้ว โลกได้เริ่มการแข่งขันทางทหารรอบใหม่ของอุตสาหกรรมทางทหาร มีบริษัททางทหารจำนวนมากที่หายไปเพราะเกราะเหล็กตัวเดียว เพียงชั่วข้ามคืน ซอดที่กลายเป็นเป้าหมายเบอร์หนึ่งของโลกนักฆ่าและยังมีการเสนอค่าหัวของเขาหลายร้อยล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตามเบลดอินดัสทรีย์ได้นำเกราะเหล็กออกมา ทำให้มันได้รับความสนใจจากอเมริกาและถือได้ว่าเป็นอุสาหกรรมทางทหารที่สำคัญกว่าอุตสาหกรรสตาร์ก แม้ว่าทางกองทัพจะพยายามส่งคนไปปกป้อง แต่ก็ถูกเบลดอินดัสทรีย์ปฏิเสธ เบลดอินดัสทรีย์ก็ได้รับการสนับสนุนอีกด้านเช่นกัน ใบอนุญาตปืนและใบอนุญาตสังหาร,บริษัทรักษาความปลอดภัย,การติดอาวุธหนักล้วนอยู่ในความครอบครองของเบลดอินดัสทรีย์ พร้อมกับการกระสุนจริง.
ภายในมีการปกป้องกันอย่างหนาแน่นโดยแอนนิมอลโซลเยอร์ แม้ว่าจะเป็นกัปตันอเมริกาเข้ามา ขาก็จะถูกสังหารและฝังอยู่ในหลุม.
ทุกคนให้การยกย่องให้ ซอด เป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่มีอิทธิพลมากที่สุดในรอบ 10 ปี และตอนนี้เขากำลังค้นคว้ากับผลิตภันฑ์บางอย่างที่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไรนัก.
"ยากำจัดแมลงสาบที่ทรงพลัง เมื่อคุณฉีดมันที่บ้าน มันจะสามารถคงอยู่ได้ถึง 1 สัปดาห์และคุณจะไม่เห็นแมลงสาบอีกเลย."
"ยาฆ่ายุงและแมลงวัน เพียงแค่วางไว้ในบ้าน คุณจะไม่ถูกยุงรบกวนและแมลงวันเป็นเวลาหนึ่งเดือน."
"ยาเบื่อหนูสำหรับหนูท่อและหนูบ้าน จะหายไปนานถึง 1 เดือน."
ทั้งหมดนี้มีชื่ออยู่ในแผนกแพทย์เบลด(Blade's Medical Department)และผลิตภันฑ์ดูแลสุขภาพฉีเทียนก็รวมอยู่ในนั้นด้วย.
โดยไม่คาดคิดว่ายากำจัดแมลงที่ดูไม่โดดเด่นทั้งสามนี่จะขายได้มากมาย ส่วนใหญ่เป็นเพราะมีผลดีกับมนุษย์ที่เผชิญหน้ากับภัยพิบัติทั้งสามนี้มาเป็นเวลานาน.
โอลด์ยังประหลาดใจกับยาฆ่าแมลงสาบ รายได้จากการขายยากันยุงและยาเบื่อหนูนั้นเกิน 100 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนและยังเพิ่มขึ้นทุกๆเดือน.
เมื่อเผชิญหน้ากับความสงสัยของโอลด์ ซอดเลยตอบคำถามของเธอ.
"ยิ่งเป็นเรื่องที่ๆไม่คาดคิดมาก่อนเหล่านี้ มันอาจจะมีผลประโยชน์มากมายมหาศาลอย่างคาดไม่ถึง ยิ่งลึกก็ยิ่งได้กำไร ถ้าคนมากกว่า 6,000 ล้านคนใช้ยาของเรา คุณคิดว่าเราจะได้เงินเท่าไหร่? เงินที่เราจะได้มากแค่ไหน?"
ซอดพูด เหมือนกับโทนี่สตาร์กที่อยู่ในจักรวาลแห่งความงาม เครื่อสำอาง,ยาอันตรายทั้งสามและแม้แต่ปุ๋ย สิ่งเหล่านี้ทำกำไรจนไม่อาจประเมิณได้.
ยาทั้งสามที่ซอดทำนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์และเขาก็ไม่ได้ฆ่ามันจนหมด ท้ายที่สุดแม้ว่าแมลงสาบ,หนูและยุงจะน่ารำคาญ แต่ก็เป็นส่วนสำคัญของสภาพแวดล้อมระบบนิเวศ ดังนั้นส่วนใหญ่จึงทำได้แค่ขับไล่. .
อย่างไรก็ตามตราบใดที่พวกมันไม่ปรากฏตัวตามบ้าน,ถนนด้านนอกและระบบระบายน้ำขนาดใหญ่ของอเมริกาก็เพียงพอที่จะรองรับพวกมันได้.
ด้วยเงินทุกที่เพียงพอ ประกอบกับสถานะในตอนนี้ของเบลดอินดัสทรีย์ ท้ายที่สุดซอดก็ได้เครื่องมือที่มีความแม่นยำซึ่งเขาไม่อาจหามันได้แม้ว่าเขาจะมีเงินมาก่อนหน้านี้
โดยทั่วไปเครื่องมือเหล่านี้มีให้ใช้เฉพาะในหน่วยงานระดับประเทศและยังมีแค่จำนวนหลักเดียวในโลก.
แน่นอนว่ายังคงเป็นเรื่องหยาบคายมากสำหรับความคิดของซอด แต่เขาไม่มีทางที่จะปล่อยตัวเองโดยไม่มีป้อมปราการที่โดดเดียวในขั้วโลกเหนือ หากเขามียานคริปตอน เขาจะสามารเริ่มต้นได้ทั้งหมดตั้งแต่ต้น
ซอดไม่สนใจเรื่องการเจาะระบบ เพราะเกราะเหล็กเหล่านั้นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีของคริปตอนและหากไม่ได้ชาร์จเป็นเวลานานๆมันก็อาจจะพัง เขาก็พูดได้เพียงแค่ว่า คุณสมควรแล้ว
จากนั้น ออสบอนอินดัสทรีก็เข้ามา เขาเห็น ดร.คอนเนอร์ ผู้รับผิดชอบโครงการเซรุ่มซุปเปอร์โซลเยอร์และถูกล้างสมอง ทำให้เขากลายเป็นนักวิจัยที่ซื่อสัตว์ต่อเวิร์ดสเน็ก เพื่อช่วยกันวิจัยทหารอสูร ในขณะเดียวกันซอดก็รู้สึกว่า หากเขาสามารถหาบอสลับได้ และเขาได้รับยีนของฮักล์ เขาก็อาจจะได้นายพลอสูร.
กลางคืนในถนนนิวยอร์ก ภายในบาร์ใต้ดินสุดคึกคัก.
เชฟโรเล็ต SUV สีดำสามคันได้มาหยุดที่ทางเข้าบาร์ใต้ดินแห่งนี้ มีชายสิบห้าคนในชุดต่อสู้สีดำลงจากรถ.
ก่อนที่พนักงานของบาร์ใต้ดินสองคนที่เฝ้าประตูจะซักถาม พวกเขาก็ถูกคนอีกสองคนเดินเข้ามามากดตัวเข้ากับกำแพงทันที.
"ที่นี่?"
ชายคนนั้นมุ่งหน้าไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและไร้ความปราณีและให้ความรู้สึกเหมือนหุ่นยนต์.
"ฮีท ซอดตรวจพบมานานแล้ว มันต้องอยู่นี่."
อีกคนตอบ.
"งั้นก็เข้าไป"
ในเวลานี้ ทหารทั้งสองคนที่ถูกกดเข้ากับกำแพงจู่ๆก็มีเขี้ยวงอกออกมาและใบหน้าของพวกเขาก็กลายเป็นน่าหวาดกลัว.
แวมไพร์!
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คิดว่าแม้พวกเขาจะแยกเขี้ยวแล้วก็ตาม แต่คนกลุ่มนี้ยังไม่มีอารมณ์ใดๆและไม่อาจหลุดออกจากแขนของพวกเขาได้.
ประตูเหล็กบาร์ถูกเตะเปิดกระเด็นและคนในชุดดำก็เข้าไป จากนั้นก็มีเสียงดังนับมากมายดังมาจากบาร์ใต้ดิน แต่ภายใน 20 นาทีทุกอย่างก็เงียบลง.
จากนั้น'ออพติมัสไพร์ม'ก็ขับออกไปและชายชุดดำลากแวมไพร์สองตัวที่สลบไปฉีดยาชาจากนั้นก็ออกจากบาร์ก่อนที่จะโยนพวกเขาเข้าไปในรถ.
ไม่นาน ออพติมัสไพร์มที่มีแวมไพร์อยู่ภายในก็ขับเข้าสู่ฐานของเบลดเทคโนโลยีอินดัสทรีย์.