ตอนที่ 169 เดินเล่นในเมือง
ตอนที่ 169 เดินเล่นในเมือง
ไนเรลเอื้อมมือไปสัมผัสกับของชิ้นนั้นอย่างช้า ๆ มันมีลักษณะเป็นหกเหลี่ยม ด้านในมีรอยเส้นขีดที่ดูราวกับลึกหยั่งถึงอยู่จำนวน 6 รอยไขว้ตัดกันไปมาราวกับประกายแสงของดวงดาว
กึก!
เขาใช้แรงเกือบทั้งหมดดึงมันออกมาจากบัลลังก์กระดูกจนรอบ ๆ กระดูกและทองคำที่ยึดติดไว้ยุบตัวแตกหัก แต่วัตถุรูปทรงหกเหลี่ยมในมือของไนเรลกับไร้รอยขีดข่วน
“มันสร้างมาจากอะไรกัน คงแข็งแกร่งและทนทานยิ่งกว่าโลหะพิภพอย่างแน่นอน ถ้าเกิดกินมันเข้าไป เมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการจะย่อยมันได้ไหม?” ไนเรลพูดอย่างอยากรู้ แต่ถึงเขาจะอยากรู้ ก็คงไม่โง่กินเข้าไปเพราะแค่สงสัยในวัสดุของมันอย่างแน่นอน ไนเรลรู้ว่าสิ่งนี้จะต้องสำคัญมาก แน่ ๆ เพราะมันคือของที่ติดอยู่ข้างกล่องแพนโดร่า
ถ้าจะพูดให้เจาะจงกว่านั้นคือมันเหมือนกับวัตถุที่สามารถใส่ไปในช่องหนึ่งในหน้าทั้ง 6 ของกล่องแพนโดร่า
ย้อนกลับไปตอนนั้น ตอนที่เขาได้กล่องแพนโดร่าออกมาจากเมืองมิสทาล แม้เขาจะต้องหนีตายอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็มีเวลาศึกษากล่องมันมากพอสมควร
ชายหนุ่มมองไปที่วัตถุทรงหกเหลี่ยมในมือและก็นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง
“กุญแจ! กุญแจทั้ง 8 ดอก เดียวก่อน แต่หน้ากล่องแพนโดร่ามีแค่ 6 หน้า ถ้ามันเป็นกุญแจก็มีแค่ 6 หรือแล้วอีก 2 ดอกใช้ทำอะไร? ว่าอีก 2 ดอกที่เหลือใช้ทำอย่างอื่น เช่นสถานที่นั้น ที่พาราซัสพยายามเข้าไป”
ไนเรลพลางขมวดคิ้วคิดแต่เมื่อคิดจนได้ข้อสรุป ก็มีปัญหาอีกอย่างนั้นคือ เขาไม่อาจจะยืนยันได้ว่าจริงนี้จะเป็นกุญแจที่ตามหากันไหม เพราะเขาไม่เคยเห็นกุญแจที่ว่ามาก่อน แต่มีคนที่เคยเห็นและสัมผัสมันอย่างแน่นอน
ไนเรลนั่งลงบนบัลลังก์กระดูกทองคำและรีบติดต่อไปที่จูเรียให้หาทางติดต่อ เนโคที่อยู่ในประเทศจีนาสทันที
แม้มันจะเป็นเรื่องยาก แต่ก่อนที่พาราซัสจะยึดเมืองหลวงใหม่ไทกีล่า ทางรัฐบาลของแต่ละที่ได้มีช่องทางการติดต่อถึงกันอยู่แล้ว และมันไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีทิ้งไว้ใน ๆ หลายเมืองย่อย เพื่อในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินพวกเขาจะยังสามารถติดต่อประเทศอื่น ๆ ได้
และแน่นอนว่าหนึ่งในหลายเครื่องพวกนั้นได้ตกมาอยู่ภายใต้สมาพันธ์ ซึ่งจูเรียก็ได้ศึกษามันมานานแล้วและต้องบอกว่าจูเรียสมกับที่ได้ฉายาว่า “กาเบรียล ทูตสวรรค์ไซเบอร์” จริงไม่มีอะไรที่เธอไม่สามารถทำได้ในโลกอินเทอร์เน็ต และยิ่งเธอเป็นมนุษย์ชั้นสูงสายพลังจิตไปแล้วทำให้ความสามารถของเธอก้าวกระโดดไปจนน่ากลัว
หลังจากรออยู่สักพักในที่สุดก็สามารต่อได้
“ปู่”
เมื่อเนโครับสายและได้ยินคนเรียกตัวเองว่าปู่ก็อึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ถามกลับมาด้วยความแปลกใจ “มีอะไร?”
“ปู่จำรื่องกุญแจได้ไหม มันมีหน้าตาแบบนี้ใช่หรือเปล่า” ไนเรลตรงเข้าเรื่องทันที หยิบวัตถุ หกเหลี่ยมขึ้นมาให้เนโคเห็น
ในคราวนี้เนโคตกใจราวกับแมวโดนเหยียบหางแทบจะพุ่งออกมาจากหน้าจอตะโกนว่า “นี่มันกุญแจ ไปเอามาจากไหน? ไม่ใช่สิมันไม่เหมือนกับของที่ฉันมี อันนี้มีแค่ 6 ขีด”
“ถ้างั้นนี่ก็คือกุญแจสินะ”
“ไปเอามันมาจากไหน” เนโคยังถามที่มาของมันเหมือนเดิม
“ผมเอามาจากรังของซอมบี้สติปัญญาในเมืองหลวงไทกีล่า ตอนนี้พวกเรายึดเมืองหลวงคืนมาได้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นแบบที่หลานพูดจริง ๆ กุญแจทั้ง 6 คือสิ่งที่ใช้เปิดกล่องแพนโดร่าและประเทศจีนาสและมิสทาลก็รู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน บางทีรัฐบาลประเทศอื่น ๆ อาจจะรู้ด้วย เรื่องนั้นช่างมันก่อน ถ้าเกิดพวกมันรู้ว่ามีกุญแจอีกดอกอยู่ที่นั่นมันต้องไปตามเล่นงานหลานอย่างแน่นอน”
“ผมกลัวพวกมันจะไม่กล้ามาซะมากกว่า” ไนเรลตอบแบบยิ้ม ๆ ถ้ามันกล้ามาหาเขารับรองว่าไนเรลจะขอบคุณพวกมันมาก ๆ แต่เขาคิดว่าพวกมันคงไม่โง่มาตายอย่างแน่นอน อีกอย่างคือพวกมันคงยังไม่รู้เรื่องนี้
“ปู่จะกลับมาที่นี่เมื่อไหร่ ทางนั้นพาราซัสกับจีนาสเป็นยังไงบ้าง”
“พวกมันกำลังจะสังหารกองทัพยักษ์เถื่อนทั้งหมด ส่วนพาราซัสอพยพกันไปตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว”
“ถ้างั้นพวกมันก็ทำสงครามกับรัฐบาลไทกีล่าอยู่”
หลังจากคุยกันสักพักและเขาบอกให้ปู่ระวังตัว ถ้าทางที่ดีถอยกลับมาที่ไทกีล่าได้ยิ่งดี เพราะเขากลัวว่าพวกนั้นจะล่อให้ปู่ไปติดกับและอาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้
......
หนึ่งเดือนต่อมา
เมืองหลวงไทกีล่าเปลี่ยนไปมาก จากฝีมือแรงงานที่มีนับล้านคน หลังจากที่ยึดเมืองหลวงไทกีล่าได้สำเร็จ ก็มีการซ่อมแซม สร้างเมืองกันใหม่ ซึ่งทำให้มันแทบจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อนเกิดวันสิ้นโลก
แต่ที่ต่างไปก็คงเป็นเมืองหลวงไทกีล่าถูกออกแบบให้มีกำแพงสามชั้น ซึ่งแบ่งออกเป็นสามเขต เขตแรงชั้นนอกสุดถูกแบ่งให้เป็นสถานที่เพราะปลูกและเลี้ยงสัตว์กลายพันธุ์ที่กินพืชเป็นอาหารส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแค่ระดับ 2 และ 3 เท่านั้น
ถัดมากำแพงที่สองด้านในเป็นที่อยู่อาศัย ย่านการค้าและอื่น ๆ
ส่วนชั้นในสุดเป็นที่ของสมาพันธ์ล่าซึ่งกินพื้นที่ไม่มากแค่ 50 กิโลเมตรเท่านั้น ตรงจุดศูนย์กลางที่ก่อนหน้านั้นมีวังกระดูกทองคำของไนเรลสั่งให้รื้อมันออก และนำทองคำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นเช่นพวกอุตสาหกรรมอาวุธและเทคโนโลยี
ซึ่งที่ผ่านมาปืนใหญ่พลังงาน E1 และ E2 ถูกประจำการไว้จำนวนเยอะมากรอบกำแพงทั้งสาม ซึ่งมันตรงพลังมากแม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ระดับ 5 ขั้นสูงโจมตีไนเรลก็เชื่อว่ามันจะต้องไม่ได้กลับออกไปอย่างแน่นอน
และในระหว่างเดือนที่ผ่านมา เมสันสามารถถอดแบบปืนใหญ่พลังงาน E3 สีดำของจีนาสได้ ซึ่งการหามาได้นั้นก็มาจากเมืองหลวงไทกีล่าที่ยังคงสู้ตายกันอยู่
อันที่จริงแล้วมันยังมีบางส่วนจากเมืองไทกีล่าของรัฐบาลไทกีล่าด้วย ซึ่งต้องยกความดีให้จูเรียและแน่นอนว่าทางรัฐบาลถึงกับตั้งค่าหัวของเธอสูงถึงร้อยล้านเหรียญไทกีล่า (เมืองไทกีล่า ชื่อเดิมคือเมืองย่อย 33 หรือเมืองของยักษ์)
แต่ไม่มีใครโง่บุกเข้าเมืองซานติเกียมาฆ่าเธออย่างแน่นอน
นอกจากมีปืนใหญ่พลังงานแล้วที่พัฒนาก็ยังมีเส้นทางระหว่างสองเมืองหลวงและเมืองซานติเกียที่มีรถไฟเชื่อมถึงกันกว่า 8 สายคู่และเดินทางตลอดเวลา
วันนี้ท้องฟ้าด้านบนยังคงเต็มไปด้วยหิมะที่ตกอย่างหนักเหมือนเดิม จึงทำให้มีคนที่มีหน้าที่กวาดหิมะทำงานกันอยู่ตลอด แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ได้รับค่าแรงหลายเหรียญ G ในแต่ละชั่วโมง
ในระหว่างนั้นก็มีชายรูปหนุ่มแต่งตัวมิดชิดสวมเสื้อฮู้ดปิดบังใบหน้าไว้เดินอยู่ท่ามกลางหิมะที่ตกอย่างต่อเนื่อง
แต่น่าแปลกคือไม่มีหิมะสามารถสัมผัสตัวของเขาเลยแม้แน่นอน
ชายคนนั้นก็คือไนเรลที่ออกมาเดินเล่นรอบ ๆ เมืองหลวงไทกีล่าตอนบ่ายและที่ต้องแต่งตัวจนคนอื่นจำไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้เดินไปไหนก็ต้องมีคนทำความเคารพหรือไม่ก็เข้ามาทักทายอยู่ตลอดเวลา
“เฮ้อการเป็นคนดังมันก็ลำบากเหมือนกัน” ไนเรลพูดออกมาอย่างเบื่อ ๆ เพราะเขาไม่มีอะไรทำเลยแม้แต่น้อยนอกจากพยายามมองหาสัตว์กลายพันธุ์ระดับสูงเพื่อเพิ่มพลังของตัวเองแล้ว เขาก็ว่างงานตลอด
ไนเรลเดินเรื่อย ๆ มาจนถึงเขตชั้นสองที่อยู่อาศัย รอบด้านเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและมีของกินวางขายอยู่มากมาย มีหลายอย่างที่เขาคิดว่าจะไม่ได้กินอีกแล้วเพราะคนที่ทำเป็นอาจจะตายจนหมด แต่ดูเหมือนเขาจะคิดมากไป
เขาสั่งทุกอย่างทั้งไก่ย่าง ข้าวเหนียว ส้มตำ ซึ่งถูกส่งลงท้องเขาไปอย่างรวดเร็ว ยังมีแมลงกลายพันธุ์ทอด
เมื่อมองดูแมลงกลายพันธุ์เหล่านี้ที่ยังมีหลายตัวคล้าย ๆ กับแมลงก่อนหน้าที่จะกลายพันธุ์ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกสงสารพวกมัน ย้อนกลับไปช่วงแรก ๆ หลังเคลียร์ซากศพซอมบี้ได้แล้วก็เกิดมีฝูงแมลงระบาด
ดูเหมือนแมลงพวกนี้จะมาผิดประเทศถ้ามันไปจีนาสหรืออามิวกัสก็อาจจะสร้างหายนะได้ แต่ที่นี่พวกมันเป็นได้แค่อาหารที่เข้าคู่กับซอสปรุงรสของไทกีล่าเท่านั้น
ไนเรลมองพวกแมลงทอดจากนั้นก็โยนพวกมันเข้าปากกินเล่นอย่างเมามันก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ร้านหมูกระทะแห่งหนึ่ง
เขามองไปที่ร้านก็นึกถึงตอนที่เคยพานิเรียไปกินล่าสุดและโดนเปรียบเทียบหน้าตากับน้องสาวอย่างนิเรีย เขาโทรไปหานิเรียและเอวาชวนมากินหมูกระทะกันทันที
แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเอวาปฏิเสธ เนื่องจากติดงานและกำลังเดินทางไปที่เมืองซานติเกีย พร้อมกับชารอน ดีแลนและเกรย์สัน (2 ใน 5 ที่รอดตายมาจากตอนสังหารสมาชิกระดับสูงของสมาพันธ์นักล่า)
ส่วนทางด้านน้องสาวของเขา นิเรียก็ดูเหมือนกำลังทดสอบอาวุธและชุดสูทใหม่กับเมสันและจูเรียอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าเธอพ่นเรื่องที่ไนเรลทำตัวว่างอยู่บ่อยครั้ง
นั้นทำให้เขาต้องไปกินคนเดียว และในตอนนั้นเองเซนก็โทรมาหาเขาบอกเรื่องที่ให้สอบสวน พลตรีวินเซนต์ก็ได้เรื่องเรียบร้อยแล้วและกำลังเดินทางมาที่เมืองหลวงไทกีล่าพอดี
เขาจึงบอกให้เซนมาที่ร้านหมูกระทะเลยจากนั้นก็ให้ซีโร่ส่งตำแหน่งไปให้และก็เดินเข้าไปในร้านหมูกระทะ ในระหว่างที่เดินเข้าไปในร้านพนักงานต้อนรับสาวสวยก็มองไนเรลแปลก ๆ เพราะเขาแต่งตัวมิดชิดมีเสื้อคลุมหนังและใบหน้าราวกับพวกพ่อมดไม่มีผิด
แต่เธอก็ให้ไนเรลเข้าไป เพราะมักจะมีพวกแต่งตัวแบบนี้เยอะโดยเฉพาะมนุษย์ชั้นสูง เธอพาเขามานั่งที่โต๊ะบริเวณชั้นสองติดริมหน้าต่าง
หลังจากมองดูชุดเมนูแล้วเขาก็สั่งชุดเนื้อขนาดใหญ่สุดของร้าน แต่เพราะกลัวว่าจะได้น้อยและกินไม่อิ่ม เขาเลยสั่งเพิ่มอีกสองชุดรวมเป็นสาม
“คุณลูกค้าจะรับสามชุดใช่ไหมคะ” ถามไนเรลซ้ำเพราะกลัวจะได้ยินผิด
“ใช่ แค่สามชุดก่อน”
พนักงานที่รับออเดอร์อึ้งไปเล็กน้อยกลัวว่าไนเรลจะไม่รู้จึงบอกว่า “ที่ร้านเราใช้เนื้อสัตว์ระดับ 3 เป็นหลัง ลูกค้าอาจจะทานไม่หมดก็ได้”
ไนเรลถามว่า “มีเนื้อระดับ 5 บ้างไหม”
“เออต้องขอโทษด้วยคุณลูกค้าเนื้อระดับ 5 ถือว่าเป็นของที่แพงเป็นอย่างมากเราไม่สามารถหามาได้ แต่เรามีเนื้อระดับ 4 อยู่ แต่ลูกค้าต้องชำระเงินก่อน” พนักงานสาวบอกไปอย่างรวดเร็ว เธอทำงานที่นี่มาสักพักแล้ว ร้านหมูกระทะนี่ส่วนใหญ่ที่สั่งเนื้อระดับ 4 ได้มักจะเป็นมนุษย์ชั้นสูงระดับสูงดังนั้นท่าทีของเธอจึงสุภาพมากขึ้น
“งั้นเอาเนื้อระดับ 4 ก็ได้”
ไนเรลจ่ายเงินทันที ด้วยจำนวนเงินแค่ไม่กี่พัน G มันน้อยมากสำหรับเขา