Ep.923 - คลื่นลูกเก่ายังไม่หาย คลื่นลูกใหม่ก็มาแล้ว
3/4
Ep.923 - คลื่นลูกเก่ายังไม่หาย คลื่นลูกใหม่ก็มาแล้ว
ตระกูลหนานกงมีทัศนคติที่ดีต่อฉินเฟิงเสมอมา นอกจากนี้ยังมีการติดต่อทางธุรกิจบางอย่างกับกลุ่มเฟิงหลี
หนานกงซีหมิงรู้จักตัวตนของฉินเฟิงจากปากหนานกงชิ ได้ยินมาว่านี่คือดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ทั้งสามารถคว้าอันดับหนึ่งในงานประลองลูกรักของพระเจ้าเมื่อปีที่แล้ว
เดิมหนานกงซีหมิงคาดการณ์ว่าอนาคตของฉินเฟิงคงไร้ที่สิ้นสุด และมีแนวโน้มสูงที่จะยกระดับขึ้นสู่เลเวล S แต่อนาคตที่ว่านี้ อาจเป็นในอีกสิบปีต่อมา หรืออาจจะสัก 20 ปี มิใช่ปัจจุบัน
กระนั้น ทุกสิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า ได้แจ้งให้หนานกงซีหมิงทราบแล้ว ว่าเขาคาดการณ์ผิดอย่างสิ้นเชิง
ฉินเฟิงขี่มังกรเกล็ดปีศาจ เข้าห้ำหั่นกับสัตว์ร้ายเลเวล S ความแข็งแกร่งระดับนี้ ไกลเกินความคาดหมายของหนานกงซีหมิงไปมากโข
สามารถกล่าวได้ว่า กำลังรบของฉินเฟิงเพียงลำพัง เทียบเท่าได้เลยกับกลุ่มสำรวจมิติเกาะมังกรของพวกเขา
สิ่งที่ตนประเมินไว้ก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่อย่างที่คิดเลย ทุกอย่างต้องโยนทิ้ง แล้วประเมินฉินเฟิงอีกครั้ง
ประเมินใหม่ว่าเป็นอีกหนึ่งคน ..หนึ่งคนที่หนานกงซีหมิงควรปฏิบัติอย่างเท่าเทียม!
ภายในสนามรบ ฉินเฟิงสั่งมังกรเกล็ดปีศาจล็อคแขนล็อคขาหมีหิมะเอาไว้
พละกำลังของหมีหิมะ ทรงประสิทธิภาพยิ่ง ไม่เพียงร่างกายของมันจะผ่านการพัฒนาอย่างหนักหน่วง และทนทานอย่างหาที่ใดเปรียบ แต่มันยังสามารถพ่นหอกน้ำแข็งออกมาได้
หอกน้ำแข็งเหล่านี้เกิดจากการรวมตัวกันของรูนอบิลิตี้พิเศษ ความเย็นของหอกน้ำแข็งต่ำกว่าอุณหภูมิในตอนนี้ของเกาะมังกรหลายเท่า ชนิดที่ว่าต่อให้เป็นหุ่นเชิดมังกร หากถูกความเย็นนี้แทรกซึม ยังถูกแช่แข็งทันที หากเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดเนื้อ เกรงว่าคงถูกแช่กลายเป็นปฏิมากรรมน้ำแข็ง
แต่ที่โชคดีก็คือ ศัตรูเบื้องหน้าเป็น สัตว์ร้ายเลเวล S ระดับสามัญเท่านั้น
สัตว์ร้ายที่สามารถปีนป่ายมาถึงเลเวล S ความแข็งแกร่งทางกายภาพจะแข็งแกร่งกว่าสัตว์เทวะเลเวล A เล็กน้อย ขณะที่วิธีการล่าสังหารของพวกมัน ไม่ได้แกร่งไปกว่าสัตว์เทวะเลเวล A มากมายนัก ดังนั้นเหตุการณ์ที่สัตว์เทวะเลเวล A สังหารสัตว์ร้ายสามัญเลเวล S จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ในทำนองเดียวกัน หากเป็นฝ่ายสัตว์ร้ายเลเวล S ที่ครอบครองทักษะบางอย่างเล็กๆน้อยๆ พวกมันจะไม่หวาดกลัวการดำรงอยู่ในระดับสูงสุดอย่างสัตว์เทวะเลย เอาจริงๆกลายเป็นฝ่ายกดดันด้วยซ้ำ
แม้หูซานและคนอื่นๆจะถูกไล่ล่าและหลบหนีน่าสังเวช แต่พวกเขายังสามารถยันสถานการณ์เอาไว้ได้ นอกจากนี้ยังเป็นเพราะมีผู้ใช้พลังเลเวล S อยู่ถึงสามคน
“มีดกษัตริย์ครามของฉันยกระดับขึ้นตั้งนานแล้ว ฉะนั้นถ้าคิดทะลวงการป้องกันของสัตว์ร้ายตัวนี้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา!”
ฉินเฟิงเฝ้ามองหาจังหวะในสนามรบ ระหว่างนั้นมีหุ่นเชิดจักรพรรดิมังกรสามตัวถูกแช่แข็งกลายเป็นรูปสลัก ถ้าเขายังไม่ยอมลงมืออีก สถานการณ์ที่ฝั่งตนกำลังกุมความได้เปรียบคงหายไป และไม่กลับมาอีกแล้ว!
ได้ข้อสรุปเช่นนั้น อักษรรูนที่เพิ่งได้มาใหม่ของฉินเฟิง พรั่งพรูออกมาปกคลุมกายเขา ช่วยให้ร่างของเขาเบาบาง ลอยในอากาศได้เหมือนนกนางแอ่น กระทั่งเปลี่ยนร่างตนให้กลายเป็นสายลม ไม่มีน้ำหนักใด
เมื่อฉินเฟิงขบคิดแผนการ ร่างกายเขาก็เคลื่อนไหวไปพร้อมกับมัน โดยไม่ทันตั้งตัว เขาก็ได้มาถึงเบื้องหลังของหมีหิมะแล้ว
หมีหิมะสามารถเข้าถึงเลเวล S ได้ สมรรถภาพทางกายและความสามารถในการต่อสู้ย่อมไม่เลวร้าย มันหันขวับมามองฉินเฟิง ทว่ามีดกษัตริย์ครามได้กวาดเข้าถึงตัวแล้ว
แขนของหมีหิมะตะปบลงมา หมายหยุดการโจมตีของฉินเฟิง
อย่างไรก็ตาม เป็นมีดกษัตริย์ครามที่กุมชัยชนะ สามารถตัดแขนของหมีหิมะได้
“พลังป้องกันของมันก็ทนทานมากเหมือนกัน!” ฉินเฟิงอดชื่นชมไม่ได้ แม้เขาจะสามารถตัดอุ้งมือหมีหิมะ แต่สัมผัสมันไม่เหมือนยามกวัดแกว่งเสมอมา ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง สมแล้วที่เป็นเลเวล S ของมิติแห่งนี้
ทุกครั้งที่แล้วๆมายามสะบั้นมีดกษัตริย์คราม มันจะให้ความรู้สึกเหมือนตัดเต้าหู้ แต่คราวนี้ กลับให้ความรู้สึกเหมือนตัดยาง จนเกือบไม่สามารถถอนคมมีดออกมาได้ หากไม่ใช่เพราะคุณสมบัติสั่นสะเทือนอันเป็นเอกลักษณ์ของการโจมตีทับซ้อน มีดเล่มนี้อาจติดอยู่ในมัดกล้ามของศัตรู
“โฮ---”
หมีหิมะร้องลั่นน่าเวทนา การโจมตีของฉินเฟิงทำให้แขนของมันถูกตัดขาด แล้วแบบนี้จะไม่โอดครวญได้อย่างไร?
อุ้งมืออีกข้างของมันเหวี่ยงกวาดอย่างแรง ตะปบกรงเล็บเข้าใส่ฉินเฟิง
โล่ปราณกำลังภายในของฉินเฟิงปะทุเข้าต้านทาน เกิดเสียงปะทะเลือนลั่น ฉินเฟิงลอยกลับหัวกลับหาง กลิ้งกระเด็นราวกับลูกบอล
“ไม่ดีแล้ว รีบช่วยกันปกป้องฉินเฟิง!” หูซานตะโกน คนอื่นๆเมื่อเห็นถึงสถานการณ์ พากันก้าวออกไปข้างหน้าทันที ปิดล้อมโจมตีหมีหิมะ
เพียงแต่ว่าในมือพวกเขามิได้กุมอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพเอาไว้ ดังนั้นยามอาวุธฟาดฟันลงบนขนของมัน ก็ราวกับแท่งไม้เจอขดลวดหน้า ไม่อาจตัดเข้าไปได้
มีเฉพาะผู้ใช้พลังเลเวล S ที่ยังพอมีประโยชน์
“พวกคุณถอยกลับไป!” ฉินเฟิงเห็นว่าแม้เลเวล A กลุ่มนี้จะแข็งแกร่ง แต่ไม่มีประโยชน์ในสถานการณ์นี้ และมีแนวโน้มว่าจะเลวร้ายลงหากพวกเขาได้รับบาดเจ็บ!
แม้กลุ่มเลเวล A จะรู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง แต่ก็ได้แต่ทำใจ ยอมถอยออกมา เหลือเพียงเลเวล S สามคนเท่านั้นที่ยังคงอยู่
“พวกเราคอยยื้อมันไว้ แล้วปล่อยให้ฉินเฟิงรับหน้าที่หลักในการโจมตี!”
คงมีแค่ฉินเฟิงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้เลเวล S ออกปากเช่นนี้ หากเป็นเลเวล A คนอื่นๆ คงไม่มีทางได้รับเกียรติอย่างการมีผู้ใช้พลังเลเวล S สามคนคอยรั้งศัตรูเอาไว้
เมื่อมีสามเลเวล S ให้ความร่วมมือ ฉินเฟิงก็สามารถรับมือหมีหิมะได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่นาน มีดกษัตริย์ครามก็สามารถเฉือนลำคอหมีหิมะได้ในที่สุด
สัตว์ร้ายเลเวล S ตกตาย แรงกดดันก็สลายหายไป ในที่สุดฝูงชนก็สามารถผ่อนลมหายใจโล่งอก
หูซานคิดตรงเข้ามาเอ่ยปากขอบคุณฉินเฟิง แต่ในเวลานั้นเอง สีหน้าของทุกคนกลับแปรเปลี่ยนไป
พวกเขาเงยหน้าขึ้น มองขึ้นไปบนท้องฟ้า กลุ่มสิ่งมีชีวิตประเภทมังกร ที่มีเกล็ดสีขาวราวหิมะปรากฏตัวขึ้น
“นั่นมังกรปีกขาว!”
“รีบหนีกันก่อนเร็ว!”
มังกรปีกขาวเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นประเภทอยู่รวมกันเป็นฝูง มีทั้งสิ้นเจ็ดตัว สายลมแรงพัดผ่านจากร่างกายของพวกมัน ท้องฟ้าที่เดิมสดใส เมื่อพวกมันบินผ่าน กลับค่อยๆก่อตัวเป็นพายุไซโคลน หิมะและน้ำแข็งโปรยปรายลงมา
บนแผ่นดินกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต การปรากฏตัวของฉินเฟิงและคนอื่นๆ มันเด่นสะดุดตาเกินไป!
“รีบหนีเถอะ อย่าเพิ่งพูดมากเลย! ทุกคนขึ้นไปบนหุ่นเชิดแห่งความตาย!”
ฉินเฟิงกล่าวอย่างเร่งร้อน คนอื่นๆไม่สนใจอะไรอีก ปีนขึ้นไปบนหุ่นเชิดแห่งความตาย ส่วนศพสัตว์ร้ายบนพื้น ฉินเฟิงเก็บพวกมันทั้งหมดลงในพื้นที่มิติ กระตุ้นให้มังกรเกล็ดปีศาจวิ่ง
เห็นได้ชัดว่ามังกรปีกขาวสังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตบนบก มันอ้าปากร่ำร้อง ถลาลงมาทันที
“เขตแดนวายุ!”
ฉินเฟิงกวาดแขนไปเบื้องหลัง วาดมือปลดปล่อยอักษรรูนมหาศาลออกมา ปกคลุมมังกรปีกขาวเหล่านั้นเอาไว้
ในฝูงมังกรปีกขาว ไม่มีการดำรงอยู่ในระดับสัตว์เทวะ ทั้งหมดล้วนเป็นจักรพรรดิสัตว์ร้าย แม้ฉินเฟิงจะไม่กลัวอีกฝ่าย แต่เห็นได้ชัดว่าการมาเยือนของพวกมัน เป็นแค่จุดเริ่มต้น
เกรงว่ากระแสกองทัพสัตว์ร้ายที่ปรากฏ จะทวีจำนวนมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้ฉินเฟิงไม่ได้อยู่คนเดียว อย่างน้อยเขาควรส่งคนพวกนี้ไปยังที่ปลอดภัย
เขตแดนวายุก่อตัวขึ้น ดั่งพายุไซโคลนพลังงานขนาดย่อม ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ กระทั่งจักรพรรดิมังกรปีกขาว ยังไม่สามารถรักษาสมดุลเอาไว้ได้ ถูกก่อกวนจนปีกเป๋ไปเป๋มา
แต่ก็เท่าที่บอก แค่เสียสมดุล ยังไม่มากพอที่จะทำร้ายพวกมันได้ ตรงกันข้าม พายุไซโคลนนี้กลับยิ่งทำให้มังกรปีกขาวโกรธจัด
แต่ฉินเฟิงรู้อยู่แล้วว่าต้องออกมาในรูปแบบนี้ ดังนั้น--
“--เขตแดนที่สอง! เขตแดนเปลวเพลิง : เพลิงฟ้าบรรลัยกัลป์!”
พลังสมาธิระลอกสองถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง อักษรรูนไฟนับไม่ถ้วนพรั่งพราวออกจากกายเขา
แต่ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ รูนไฟถูกกดดันจนถึงขีดสุด ไม่มีกระทั่งธาตุไฟในอากาศเลย เสื้อคลุมราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์บนร่างฉินเฟิง บวกกับศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิงในจักรวาลแห่งจิตสำนึก ทั้งสองได้ถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มที่ ขับหนุนให้อำนาจโจมตีจากเปลวเพลิงของฉินเฟิง รุนแรงขึ้นกว่าเดิมสามเท่า
ในพริบตา เมฆสีแดงสดก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า จากนั้นเปลวเพลิงตกลงไปท่ามกลางสายลมกรรโชก สนับสนุนกันและกัน และเมื่อทั้งสองหลอมรวม เปลวเพลิงยิ่งลุกโชนมอดไหม้ ทวีความน่าสะพรึงยิ่งกว่าเดิม
บนท้องฟ้า เสาเปลวเพลิงขนาดยักษ์ก่อตัวขึ้น พายุไซโคลนก่อตัวเป็นทอร์นาโดเพลิง ม้วนกลืนฝูงมังกรปีกขาว
“ก๊าซซซ …”
ฝูงมังกรปีกขาวร่ำร้องโหยหวนน่าเวทนา เปลวเพลิงยิ่งมายิ่งล้างผลาญ สุดท้ายทนไม่ไหว สยายปีกหลบหนีไป!