ตอนที่ 29 หมู่บ้านหลุนฮุยที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว
กล่าวได้ว่าในชีวิตที่ผ่านมาคนที่ทำให้เย่เฉินประทับใจมากที่สุด นอกจากผู้ที่แข็งแกร่งแล้ว ก็ยังมีอีกสองคน
หนึ่งในนั้นคือหมาตัวนี้
เทพหมาฮัสกี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์มอนสเตอร์ ซึ่งมันแตกต่างจากเผ่าพันธุ์มอนสเตอร์ส่วนใหญ่
หลังจากมันวิวัตนาการแล้ว มันก็ไม่ได้ทิ้งเจ้าของไป แต่มันกลับถือว่าตัวเองเป็นสามีของเจ้าของ
พูดง่ายๆว่าเจ้าหมาฮัสกี้ หลงรักเจ้าของมันเป็นความรักข้ามเผ่าพันธุ์ ที่มีเรื่องราวที่เกินคำบรรยาย
นี่ไม่ใช่กุญแจสำคัญกุญแจสำคัญคือเจ้าหมาฮัสกี มีความพิเศษเรื่องการผสมพันธุ์
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือมอนเตอร์ก็ตาม ใครก็ตามที่ได้รับความสนใจจากมัน มันก็จะล่อลวงและจัดการพวกเธอ และจะแอบหนีไปในตอนเช้า
มิฉะนั้นเจ้าของของมัน และบรรดาเหล่าหญิงสาวถึงต้องการที่จะจับมันตอน
แม้ว่าฮัสกีจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็ทำให้หญิงสาวแปดเปื้อนไปมากเช่นกัน
สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นเรื่องเล็กน้อย สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือมันกล้าที่จะทำให้ลูกสาวของราชาปีศาจฉีซานแปดเปื้อน
จนกระทั้งเย่เฉินจะเกิดใหม่ เทพหมาฮัสกีก็ยังคงถูกไล่ล่าสังหารโดยเหล่าปีศาจนับไม่ถ้วน
แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าเทพหมาฮัสกีนั้นอยู่ฝ่ายเดียวกับมนุษย์
เขาไม่ได้สนใจมนุษย์ ยกเว้นเจ้านายของเขาและสาวงามเหล่านั้น คนอื่น ๆ อาจถูกมันปล้นหรือถูกมันกินได้
เขามักจะเก็บตัวไม่ว่าจะในเกมหรือในโลกความเป็นจริง จึงเป็นเรื่องยากที่จะสู้กับเขา
และเรื่องทั้งหมดนี้ได้รับการบอกเล่าจากหญิงสาว และเจ้าของของเทพหมาฮัสกี
นอกจากนี้โชคของเจ้าเทพหมาฮัสกีก็ดีมากเช่นกัน เขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว และเขาก็แข็งแกร่งมากแถมยังชอบยั่วยุผู้คนไปทั่ว
ผู้คนเกลียดเขา แต่ก็ไม่สามารถฆ่าเขาได้ ผู้คนต่างวางแผนเพื่อฆ่าเขา แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง
เนื่องจากการประกาศของหมาฮัสกี้ตัวนี้ ในช่องแชทโลกผู้คนเริ่มพูดคุยกันอย่างบ้าคลั่ง
"ไอ้หมอนี่สุดยอดมาก เขาใช้ชื่อนี้จริงๆ "
"มารดาเถอะ ฉันว่าไร้สาระมาก ที่บางคนถูกเรียกแบบนี้"
“ฮ่าๆๆๆๆๆ ฮัสกี้ไปกินขี้ตัวเองซะ”
“หืม? พวกมนุษย์หน้าโง่ จงหวาดกลัวซะ นายท่านหมาผู้นี้คือราชาเทพหมาฮัสกีผู้ยิ่งใหญ่ ที่มุ่งมั่นจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก”
"บ้าเอ้ย! เขาเป็นพวกชอบโอ้อวดหรอ มารดามันเถอะ นี่มันตลกมาก"
"ให้ตายเถอะ นี้มันตลกจริงๆ"
“มันไม่มีเหตุผลเลย ช่างเป็นการเปรียบเทียบที่น่าขันนัก มันใช่คนที่สามารถสร้างหมู่บ้านที่สิบได้จริงหรอ”
เย่เฉินมองดูแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจ เขาคิดว่าสนใจไปก็ไร้ประโยชน์
เผ่าพันธุ์มอนสเตอร์สามารถสร้างหมู่บ้านได้เช่นกัน แต่ต่างจากมนุษย์ก็คือในหมู่บ้านของพวกเขาล้วนเป็นสัตว์ร้าย
ในสนามรบในอนาคตคุณมักจะได้เห็นกองทัพที่ประกอบไปด้วยสัตว์ร้ายนับหมื่นหรือแม้กระทั่งนับแสน นั่นคือกองทัพที่ถูกนำโดยลอร์ดของเผ่ามอนสเตอร์
ตอนนี้เย่เฉินมีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องทำคือเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาโดยเร็วที่สุด
เพราะเร็ว ๆ นี้พล็อตประวัติศาสตร์เรื่องแรกจะเปิด
และนกและสัตว์ร้ายบนโลกซึ่งเป็นผู้เล่นด้วยเช่นกัน พวกมันจะเริ่มโจมตีมนุษย์ทุกคนในเวลานั้น
ทั้งผู้เล่นและชาวพื้นเมืองในเกมเป็นเป้าหมายของพวกมัน
สำหรับพวกมันเนื้อและเลือดของมนุษย์คือถ้วยรางวัลที่ดีที่สุด
ความโกลาหลในโลกของเกมจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในขณะนั้น
เย่เฉินไม่สนใจเหยาซู เพราะตลอดมาในโลกของเกม เหยาซูเป็นศัตรูของเผ่าพันธุ์มนุษย์มาโดยตลอดและการพบกันทำให้เกิดการต่อสู้ทุกครั้ง
ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะสนใจเรื่องนี้ มันเป็นศัตรูคู่อาฆาตในระยะยาว
เย่เฉินสนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์การลุกฮือของกบฏโพกผ้าเหลือง
ในชีวิตก่อนหน้านี้เย่เฉินสามารถฆ่าสมาชิกกบฏโพกผ้าเหลืองได้เพียงบางส่วนเท่านั้น และได้รับคะแนนคุณความดีมาน้อยนิดจนน่าสมเพช
แต่ต่อจากนี้มันจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว
ในชีวิตนี้เย่เฉินไม่ต้องการพลาดอะไรอีกต่อไป
"ฮืมมมมม" เย่เฉินระบายลมหายใจเป็นเวลานาน จากนั้นก็ออกจากคฤหาสน์ของหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อเขาออกมาข้างนอกเย่เฉินอดไม่ได้ที่จะตะลึง
ทุกที่ที่คุณก้าวไป มีชาวบ้านพลุกพล่านไปทั่วทุกที่ในหมู่บ้านหลุนฮุย บางคนแบกไม้ บางคนลากหิน,ขนส่งแร่เหล็ก
บางคนแบกจอบ ทำให้ดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าจำนวนชาวบ้านในหมู่บ้านหลุนฮุยนั้นเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
นอกจากชาวบ้านที่พลุกพล่านแล้วยังมีอาคารอื่น ๆ ถูกสร้างขึ้นอีกมากมายในหมู่บ้านหลุนฮุย มี้ทั้งร้านเหล้า,
ร้านตัดเสื้อ,ปากกาขนสัตว์ โรงเรียน ร้านขายของชำ, ร้านช่างตีเหล็ก,และมีการสร้างห้องโถงทางการแพทย์ใหม่ทั้งหมด ยังมีค่ายทหารขนาดใหญ่อยู่ห่างออกไปและมีทหารดูแข็งแรงสองคนยืนเฝ้าอยู่ที่ประตู
เมื่อเห็นหมู่บ้านหลุนฮุยเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้เย่เฉินพอใจมาก
ในเวลานี้เย่เฉินไม่คิดว่าใครจะสามารถพัฒนาได้เร็วกว่าตัวเขา
ตอนนี้ ผ่านกู่ยังไม่ได้เปิดระบบแลกเปลี่ยน
มีเพียงคนเดียวในกลุ่มผู้เล่นทั้งหมด ที่ร่ำรวยที่สุดในขณะนี้นั่นก็คือเย่เฉิน
ดังนั้นการพัฒนาอย่างรวดเร็วของหมู่บ้านหลุนฮุยในขณะนี้จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และไม่มีใครสามารถเหนือกว่าหมู่บ้านของเขาอย่างแน่นอน
" คารวะท่านลอร์ด" เตียวเหิงที่รีบวิ่งมาในขณะนี้และโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
เย่เฉินพยักหน้ายิ้มและถามว่า "เตียวเมิ่งอยู่ที่ไหน"
"เขากำลังพาทหารที่เพิ่งได้รับเลือกไปฝึกในค่ายทหาร" เตียวเหิงกล่าวอย่างรีบร้อน
“ดี!! การฝึกไม่สามารถละเลยได้ แล้วตอนนี้มีทหารกี่คนในหมู่บ้านหลุนฮุย?” เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยและกล่าว
“ปรมาจารย์ยุทธ,จนถึงตอนนี้มีสิบสองคนแล้ว” เตียวเหิงโค้งคำนับและตอบ
“สิบสองคน ...” เย่เฉินถอนหายใจ, แล้วกล่าวต่อ:“สิบสองคนนี้เป็นสิบสองคนระดับหัวกะทิ ซึ่งเหนือกว่าผู้คนมากมาย”
"ท่านลอร์ดมองการณ์ไกล ในอนาคตหมู่บ้านหลุนฮุย จะมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก" เตียวเหิงกล่าวด้วยความสัตย์จริง
ใช้เวลานานแค่ไหนกัน ก่อนที่หมู่บ้านหลุนฮุยจะสามารถคัดเลือกทหารสิบสองคนออกมาได้ ซึ่งทุกคนล้วนอยู่ในระดับซี
กล่าวโดยละเอียดคือ หลังจากเข้าร่วมหมู่บ้านหลุนฮุยทุกคนก็กลายเป็นระดับ A!
ถ้าเปลี่ยนไปหมู่บ้านอื่นเกรงว่าจะได้แค่ระดับ F และระดับ D ก็ถือว่าดีแล้ว
หมู่บ้านเหล่านั้นไม่มีอะไรที่สามารถเทียบได้กับหมู่บ้านหลุนฮุย
เมื่อเย่เฉินได้ยินเช่นนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขากำลังจะถามเรื่องอื่น จู่ๆก็มีคำอุทานดังออกมา
"เสี่ยวหู่, เสี่ยวหู่ อยู่ที่ไหน"
เสียงดังมาจากห้องโถงพยาบาลและเป็นเตียวหยูที่พูด
เตียวหยูรีบออกจากห้องโถงพยาบาล และกำลังจะออกไปตามหาหยานหู่ แต่เธอบังเอิญเห็นเย่เฉินทันใดนั้นเธอก็รีบตะโกนออกมาด้วยความกังวล:
“นายท่าน เสี่ยวหู่หายไป ...”
อธิบายเล็กน้อย สำหรับผู้อ่านที่ยังไม่รู้กบฏโพกผ้าเหลืองคือกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวมีจุดมุ่งหมายเพื่อล้มล้างราชวงศ์ฮั่น เป็นหนึ่งในเรื่องราวในยุคสามก๊กหากใครสนใจสามารถหาข้อมูลต่อได้ในอากู๋เลยครับ