ตอนที่ 3
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
ตำรวจสามคนรีบเข้ามาในร้านทันที.
พวกเขาสวมชุดแบทเทิ้ลสูทอยู่และในมือก็มีกระบองเอาไว้สู้กับมอนส์เตอร์.
แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นว่าทุกอย่างจบลงแล้วจึงไปถ่ายรูปศพกอบลิ้นที่หัวเป็นรู.
จากนั้นตำรวจนายหนึ่งก็เดินมาทางโดจุน.
“ขอโทษนะครับ คุณเป็นคนฆ่ากอบลิ้นนี่ใช่ไหมครับ?”
ที่ยืนอยู่หน้าศพของกอบลิ้นนั้นเป็นชายหุ่นดีอายุราว20ปลายๆและวัยรุ่นสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง. ตำรวจจึงคิดว่าผู้ชายคนนั้น, โดจุน, เป็นคนที่ฆ่าเจ้ากอบลิ้นนั่น.
โดจุนรีบส่ายหัวทันทีจากนั้นก็เอามือไปจับไหล่ทั้งสองข้างของโซลยุนฮีแล้วผลักเธอไปด้านหน้า.
“ลูกสาวผมเป็นคนฆ่าครับ”
(ฉากนี้ตามรูปประจำหน้าเลยครับ)
จากนั้นคุณตำรวจก็พยักหน้าเบาๆ.
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เด็กวัยรุ่นจะฆ่ากอบลิ้นได้.
ความจริงแล้ว คนอายุใดก็ตาม ขอแค่ความสามารถตื่นขึ้นมาหรือผ่านการดัดแปลงด้วยหินมานาก็สามารถทำงานเป็นฮันเตอร์และได้รับความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์ได้ทั้งนั้น.
“ไม่ทราบว่ามีบัตรประจำตัวหรือเปล่าครับ?”
ตำรวจคนนั้นที่ถือปากกับกับสมุดจดอยู่หันมาถามโซลยุนฮี.
เธอหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาแล้วยื่นบัตรนักเรียนให้ตำรวจคนนั้น.
ตอนนี้เธอยังไม่ขึ้นม.ปลายก็เลยเอาบัตรนักเรียนม.ต้นให้.
“ช่วยบอกเบอร์โทร, ที่อยู่บ้านแล้วก็เลขบัญชีด้วยครับ. เดี๋ยวจะมีเงินรางวัลส่งไปให้ครับผม”
“รางวัล?”
ตำรวจคนนั้นพยักหน้า.
“นอกจากจะได้ตามหินมานาจากกอบลิ้นและศพของมันแล้ว ทางตำรวจจะมอบให้เพิ่มในฐานะที่คุณช่วยปกป้องชีวิตของชาวเมืองด้วยครับ. คุณคงเป็นผู้ปกครองเธอสินะครับเพราะงั้นช่วยบอกเลขบัญชีของคุณแทนได้ไหมครับ?”
โซลยุนฮีเป็นคนจับกอบลิ้นนั่นด้วยตัวเองหมดเลย.
แถมโดจุนก็ไม่ใช่ผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฏหมายของเธอด้วยแล้วก็ยังไม่ได้ย้ายเข้าทะเบียนบ้าน เขาเลยตัดสินใจว่าจะเอาเงินให้โซลยุนฮีไปซะ.
“ยุนฮี. บอกเลขบัญชีเขาไปเถอะ”
“หา? พ่อไม่ว่าอะไรหรอคะ?”
“ก็...ลูกเป็นคนฆ่าเองนี่นา”
โซลยุนฮีลังเลอยู่พักหนึ่งจึงบอกเลขบัญชีให้ตำรวจไป.
จากนั้นคุณตำรวจก็คำนับเบาๆ.
“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ”
*****
พอพวกเขากลับมาถึงบ้านก็มีข้อความส่งมาหาโซลยุนฮีว่าเงิน150,000วอนได้โอนเข้าบัญชีเธอแล้ว.
50,000วอนสำหรับศพแล้วก็หินมานาจากตัวกอบลิ้นและอีก1แสนวอนเป็นรางวัลจากตำรวจ.
“เยอะอยู่นะน่ะ”
โดจุนแอบอ่านข้อความจากด้านข้างโซลยุนฮี.
อาจจะเป็นเพราะโดนแอบมอง ยุนฮีเลยรู้สึกว่าตัวเองไม่พอใจหน่อยๆ.
“ถ้าเธอได้เยอะขนาดนี้เพราะล่ามอนส์เตอร์แค่ตัวเดียว เธอยังจำเป็นต้องอยู่กับชั้นอยู่หรอ?”
นอกจากได้เงินรางวัลจากตำรวจแล้ว ถ้าจับกอบลิ้นได้1ตัวก็ได้เงิน5หมื่นวอนแล้วถ้าจับได้10ตัวก็จะได้5แสนวอน. มันไม่ยากเลยนะถ้าเธอจะหาเงินเยอะๆด้วยวิธีนี้น่ะ.
แต่โซลยุนฮีก็ส่ายหัวตอบ.
“เรื่องเมื่อกี้แค่บังเอิญน่ะค่ะ. ปกติมอนส์เตอร์โผล่ออกมาหลังจากริฟต์เล็กๆเกิดขึ้นบนอากาศแบบนั้นหายากมากๆแถมไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วย. จะบอกว่ากอบลิ้นทุกตัวจะจับง่ายแบบนั้นก็ไม่ถูก. อีกอย่างริฟต์หรือที่เรียกกันทั่วๆไปว่าดันเจี้ยนน่ะมีแค่คนที่มีการ์ดฮันเตอร์เท่านั้นถึงจะเข้าไปได้. หนูยังเป็นเด็กธรรมดาอยู่ ตอนนี้เลยยังไปล่าไม่ได้น่ะค่ะ”
โดจุนนึกถึงเรื่องปืนที่เธอใช้ขึ้นมา.
มันไม่ใช่ปืนธรรมดาๆเลย. มันรวบรวมพลังปราณจากรอบๆแล้วควบแน่นกลายเป็นกระสุนแล้วยิงออกไป.
พอเขาลองวัดพลังปราณดู มันก็แค่ระดับเล็กๆเท่านั้นแต่เขาก็คิดว่าเธอเจ๋งมากที่ทำแบบนั้นได้.
“เธอเคยฝึกวิชาที่ไหนมาก่อนรึป่าว?”
“....ฝึกวิชา? หมายถึงอะไรคะ?”
“ก็วิธีดูดพลังปราณจากดันเจี้ยน...เอ่อ ช่างมันเถอะ”
พอมาคิดดูดีๆแล้วมันคงเป็นคำถามที่แปลกจริงๆ.ตัวของโซลยุนฮีไม่มีร่องรอยวิชาอะไรเลยนี่นะ.
ไม่ว่าคนเราจะฝึกวิชาหนักแค่ไหนหรือแม้แต่กินยาวิเศษๆมา ถ้าจุดเข้าและจุดออกพลังปราณในร่างกายไม่เปิดละก็คงจะรวบรวมพลังปราณจากดันเจี้ยนไม่ได้.
“จะว่าไปพ่อตกใจใช่มั้ยล่ะคะ? ก็, จริงๆแล้วเดี๋ยวหนูก็ได้เข้าเรียนที่สถาบันฮันเตอร์แห่งชาติเดือนมีนานี้น่ะค่ะ. พลังของหนูยังไม่ตื่นแต่หนูก็รู้วิธีควบคุมมานา…..ถึงจะยังไม่ใช่ฮันเตอร์แต่หนูก็มีใบอณุญาตปืนมานา หนูเลยพกไปไหนมาไหนได้น่ะค่ะ”
เธอค่อยๆวางของลงบนโต๊ะทีละชิ้นๆแล้วยิ้ม.
เธอนึกว่าโดจุนจะตกใจกับเรื่องนั้นมากๆซะอีก.
ถึงเธอจะยังไม่ใช่ฮันเตอร์อย่างถูกต้องแต่ก็มีคุณสมบัติเพียงพอจะเป็นฮันเตอร์และเข้าศึกษาที่สถาบันฮันเตอร์แห่งชาติได้.
การได้เป็นนักเรียนของสถาบันฮันเตอร์แห่งชาติและผ่านมาตรฐานของพวกเขามาได้นั้น นับว่าเป็นเครื่องยืนยันอาชีพที่มั่นคงในสมาคมฮันเตอร์ได้เลยทีเดียว.
“เจ๋งเลยนะ. ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นฮันเตอร์ได้สินะ?”
คำพูดเสียงตายของเขาทำให้โซลยุนฮีรู้สึกไม่พอใจ.
เธอทำแก้มป่องแล้วหยิบแครอทมากระแทกลงกับเขียง.
“พ่อต้องทำตัวดีๆกับหนูนะ. ใครจะรู้หนูอาจจะดังขึ้นมาม๊าก-มากก็ได้”
โดจุนคิดว่าเธอทำตัวน่ารักดีจึงยิ้มให้แล้วปล่อยผ่านไป.
****
7โมงเช้า.
โดจุนตื่นขึ้นมาก่อนนาฬิกาจะปลุก.
ตอนนี้เขาตื่นเช้าได้โดยไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุกเลย.
เขาเอาผ้าห่มออกแล้วเดินออกไปที่ห้องรับแขก. เขาเห็นโซลยุนฮีกำลังยุ่งอยู่ในครัวอยู่.
“โอะ. ตื่นเช้าแบบนี้หายากนะเนี่ยคุณพ่อ”
โซลยุนฮีหันหลังมาเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูของห้องโดจุน.
เธอตกใจที่เห็นโดจุนใส่แค่บ็อกเซอร์.
“นี่ สะ-ใส่ชุดหน่อยสิคะ!”
“ก็พ่อจะไปอาบน้ำอยู่แล้ว ค่อยใส่หลังอาบเสร็จก็ได้”
“หนูไม่ได้หมายความว่างั้นนะ...เห้อ”
ผ่านไปพักนึงโดจุนก็ออกห้องน้ำมาแล้วเห็นอาหารพร้อมอยู่บนโต๊ะแล้ว.
ผักขม, ถั่วผัดซีอิ๊ว, สลัด ….. มีแต่ผักทั้งนั้นเลย.
วันแรกที่เธอมาที่นี่โซลยุนฮีเห็นแต่กระป๋องอาหารสำเร็จรูปกองอยู่เต็มไปหมด. เธอนึกว่าโดจุนไม่ค่อยกินผักเลยทำแต่อาหารผักให้กินวันนี้.
“พอพ่อทำงานเสร็จแล้วหนูจะย่างเนื้อให้กินเป็นมื้อเย็นเองนะ. เพราะงั้นไม่ต้องกินเยอะก็ได้”
เมื่อคืนโดจุนไม่บ่นเรื่องอาหารเย็นที่เธอทำซักแอะและเอาแต่กินอย่างเดียว.
พอตอนเช้ามาเธอทำแต่ผักให้เขากิน โซลยุนฮีเลยรู้สึกไม่สบายใจหน่อยๆ.
“ขอให้อร่อยนะคะ”
โดจุนนั่งลงแล้วเริ่มกินข้าวโดยไม่พูดอะไรออกมา.
วันนี้งานเขาเริ่ม9โมงเพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้รีบร้อนอะไร.
ที่นั่งอยู่ตรงข้ามโดจุนนั้นคือโซลยุนฮี. เธออ้าปากขณะมองเขากิน.
“จะว่าไปแล้ว, พ่อคะ, พ่อทำงานอะไรอะ?”
“พ่อทำงานที่ศาลากลางน่ะ”
“ว้าว งั้นพ่อก็เป็นราชการหรอคะ?”
โดจุนพยักหน้าแล้วซดซุปมันฝรั่ง.
หน้าของโซลยุนฮีเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอวางถ้วยลง.
“......มีอะไรหรอ?”
“ป่าวค่ะ”
โซลยุนฮีรู้สึกโล่งใจมากที่รู้ว่าโดจุนไม่ได้ทำอาชีพอะไรที่อันตราย.
อีกอย่าง, ศาลากลางก็ปลอดภัยจากพวกมอนส์เตอร์ด้วย.
ถึงเขาจะไม่ใช่พ่อแท้ๆของเธอ แต่เธอก็ไม่อยากเสียคนในครอบครัวไปอีกแล้ว.
“กินเยอะๆนะคะพ่อ”
****
8โมงครึ่ง ศาลากลางก็ยังดูสงบสุขดีอยู่.
แต่บางแผนกนั้นไม่.
ต่อกๆๆๆๆ
แผนกควบคุมริฟต์นั้นอยู่ที่ชั้น7ของศาลากลางโซล.
พนักงานส่วนใหญ่ที่นี่กำลังยุ่งอยู่กับการทำงานและตรวจงานของกันและกันอยู่.
โดยเฉพาะงานที่อาจจะมีเรื่องด่วนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา, คนส่วนใหญ่ในแผนกนี้จึงทำงานล่วงเวลากัน.
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
โดจุนเข้าออฟฟิศมาแล้วโค้งคำนับให้.
คังชึลซูที่เห็นเขาจึงรีบโดดออกจากเก้าอี้แล้ววิ่งมาหาโดจุน.
“อื้อ เป็นอะไรมั้ย? นายทำงานได้แน่นะ?”
“ครับ. ขอบคุณที่ห่วงนะครับ. ก็อย่างที่เห็น ผมสบายดี”
“รีบบอกชั้นเลยนะถ้ารู้สึกไม่สบาย. ถ้ามีใครว่าอะไรนายรีบบอกชั้นเลยนะ เดี๋ยวจะอัดมันให้”
“...ขอบคุณครับ”
โดจุนไม่เข้าใจว่าทำไมคังชึลซูถึงต้องทำตัวโอเว่อร์แบบนี้.
ราวกับว่าพี่เขากำลังดูแลเด็กอยู่เลย.
แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีใครอยากจะถามอะไรต่อ.
เพราะไม่กี่วันก่อน.
โดจุนยังเป็นเด็กขี้อายพูดติดๆขัดๆที่ยังปรับตัวเข้ากับหน้าที่ตัวเองไม่ได้เลย.
ถึงเขาจะเปลี่ยนไปมากในเช้าวันนี้แต่นิสัยเดิมก็น่าจะยังอยู่.
“โดจุนนี่โต๊ะนาย. จำได้มั้ย?”
เขาไม่ตอบคำถามใดๆเพราะจำอะไรไม่ได้เลย.
โดจุนนั่งลงโต๊ะที่เขาทำงานก่อนจะ “ตาย” และไปที่ต่างโลก แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่เคยเห็นโต๊ะนี่มาก่อนเลย.
“ถ้าไม่รู้อะไร่ละก็ถามได้ตลอดนะ”
ชายคนนึงดูราว30ต้นๆที่นั่งข้างๆมองโดจุนแล้วพูด.
ควอนฮยุกซู - เขาเป็นข้าราชการมา5ปีและทำงานที่แผนกควบคุมริฟต์มา3ปี.
แต่ก่อนโดจุนทำพลาดบ่อยมากและทำงานไม่เก่งด้วย ควอนฮยุกซูจึงเป็นคนคอยจัดการงานของโดจุนแทนเกือบครึ่งเลย.
แต่เขาก็เงียบมาตลอดและไม่เคยบ่นออกมาเลย.
“ขอบคุณครับ”
โดจุนกลับมาทำงานอีกครั้งและเริ่มอ่านคู่มือการทำงานพื้นฐาน.
ตั้งแต่หัวข้อการจัดการของรัฐบาลเมืองโซลไปจนถึงหัวข้อระดับประเทศ.
เขาอยากจะเรียนรู้วิธีการทำงานต่างๆอีกครั้งและมันมีเยอะมากๆ.
พอเขามองไปดูเวลาอีกครั้ง ตอนนี้ก็เป็นเวลา 9:10 แล้ว.
คังชึลซูพึมพำออกมาขณะที่มองนาฬิกาข้อมือ.
“เธอน่าจะมาได้แล้วนะ”
“เธอเป็นฮันเตอร์ที่ดีนะ เราต้องเข้าใจเธอบ้าง”
“ฮันเตอร์คลาส F นี่ดีด้วยงั้นหรอ?”
“ก็ยังเป็นฮันเตอร์อยู่ดีน่า”
ควอนฮยุกซูกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง.
พอพูดถึงปุ๊บก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเปิดประตูออกมาพร้อมกับหายใจหอบจากการวิ่ง.
“ขะ-ขอโทษค่ะ ชั้นมาสาย!”
เป็นผู้หญิงที่ดูอายุราวๆ20ต้นๆและหน้าเด็กมากๆ.
หัวหน้าคังชึลซูลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปหาเธอ.
“ตายจริง ผมควรจะไปรอรับคุณที่ด้านหน้า”
“อ้อ ไม่ต้องค่ะ! ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ ขอโทษนะคะที่มาสาย”
พนักงานทุกๆคนลุกขึ้น.
แล้วเธอก็ไปจับมือกับทุกๆคน.
“นั่งลงสิครับ….”
เธอเองก็รู้ตัวดี.
ก็แค่ฮันเตอร์คลาส F
พวกข้าราชการให้เกียรติเธออย่างดี แต่มันก็แค่พอเป็นพิธีเท่านั้น.
“คุณโดจุนสวัสดีเธอสิ. นี่คือฮันเตอร์ที่เราเพิ่งทำสัญญามาใหม่. นายความจำเสื่อมใช่มั้ย? ผมจะบอกให้ว่างานหลักของเราคือการสำรวจริฟต์และปกติแล้วพวกเราจะไปเป็นคู่กับฮันเตอร์ที่จัดหามาให้. ฮันเตอร์คนใหม่ของเรา ชาเยจิคือคนที่จัดมาให้นายน่ะ”
โดจุนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และไปที่ต่างโลกก่อนจะได้เจอกับเธอ.
เธอควรจะได้ไปสำรวจริฟต์คลาสFในเขตกังดงกับเขา.
แต่ว่า….
“ดูจากสภาพนายตอนนี้แล้วนายคงจะทำงานได้ยากเพราะงั้นชั้นเลยทำงานกับเธอแทนน่ะ”
โดจุนจับคางแล้วเริ่มเข้าภวังค์.
เขาเพิ่งรู้ตัวตะกี้ว่างานของเขาคือการสำรวจริฟต์ ซึ่งมันน่าจะเป็นตัวปัญหาสำหรับเขาแน่.
ไม่มีทางที่เข้าจะได้ใช้ชีวิตปกติถ้ายังทำงานอยู่นี่.
ข้าราชการหรือไม่ เขาก็ควรจะเลี่ยงสายตาคนอื่นๆ.
“งั้นก็แปลว่า ตอนแรก นี่เป็นงานผมใช่มั้ยครับ?”
“ใช่แต่นายไม่ต้องฝืนตัวเองหรอก. ไม่มีใครว่านายหรอกนะ”
“ไม่ครับผมทำไหว”
เพื่อที่จะเข้ากับทีมให้ได้.
สายตาของโดจุนแน่วแน่มาก.