ตอนที่แล้วตอนที่ 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4

ตอนที่ 3


*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*

--------------------------------------------------------------------------------------------

ตำรวจสามคนรีบเข้ามาในร้านทันที.

 

พวกเขาสวมชุดแบทเทิ้ลสูทอยู่และในมือก็มีกระบองเอาไว้สู้กับมอนส์เตอร์.

 

แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นว่าทุกอย่างจบลงแล้วจึงไปถ่ายรูปศพกอบลิ้นที่หัวเป็นรู.

 

จากนั้นตำรวจนายหนึ่งก็เดินมาทางโดจุน.

 

“ขอโทษนะครับ คุณเป็นคนฆ่ากอบลิ้นนี่ใช่ไหมครับ?”

 

ที่ยืนอยู่หน้าศพของกอบลิ้นนั้นเป็นชายหุ่นดีอายุราว20ปลายๆและวัยรุ่นสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง. ตำรวจจึงคิดว่าผู้ชายคนนั้น, โดจุน, เป็นคนที่ฆ่าเจ้ากอบลิ้นนั่น.

 

โดจุนรีบส่ายหัวทันทีจากนั้นก็เอามือไปจับไหล่ทั้งสองข้างของโซลยุนฮีแล้วผลักเธอไปด้านหน้า.

 

“ลูกสาวผมเป็นคนฆ่าครับ”

 

(ฉากนี้ตามรูปประจำหน้าเลยครับ)

 

จากนั้นคุณตำรวจก็พยักหน้าเบาๆ.

 

ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เด็กวัยรุ่นจะฆ่ากอบลิ้นได้.

 

ความจริงแล้ว คนอายุใดก็ตาม ขอแค่ความสามารถตื่นขึ้นมาหรือผ่านการดัดแปลงด้วยหินมานาก็สามารถทำงานเป็นฮันเตอร์และได้รับความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์ได้ทั้งนั้น.

 

“ไม่ทราบว่ามีบัตรประจำตัวหรือเปล่าครับ?”

 

ตำรวจคนนั้นที่ถือปากกับกับสมุดจดอยู่หันมาถามโซลยุนฮี.

เธอหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาแล้วยื่นบัตรนักเรียนให้ตำรวจคนนั้น.

 

ตอนนี้เธอยังไม่ขึ้นม.ปลายก็เลยเอาบัตรนักเรียนม.ต้นให้.

 

“ช่วยบอกเบอร์โทร, ที่อยู่บ้านแล้วก็เลขบัญชีด้วยครับ. เดี๋ยวจะมีเงินรางวัลส่งไปให้ครับผม”

 

“รางวัล?”

 

ตำรวจคนนั้นพยักหน้า.

 

“นอกจากจะได้ตามหินมานาจากกอบลิ้นและศพของมันแล้ว ทางตำรวจจะมอบให้เพิ่มในฐานะที่คุณช่วยปกป้องชีวิตของชาวเมืองด้วยครับ. คุณคงเป็นผู้ปกครองเธอสินะครับเพราะงั้นช่วยบอกเลขบัญชีของคุณแทนได้ไหมครับ?”

 

โซลยุนฮีเป็นคนจับกอบลิ้นนั่นด้วยตัวเองหมดเลย.

 

แถมโดจุนก็ไม่ใช่ผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฏหมายของเธอด้วยแล้วก็ยังไม่ได้ย้ายเข้าทะเบียนบ้าน เขาเลยตัดสินใจว่าจะเอาเงินให้โซลยุนฮีไปซะ.

 

“ยุนฮี. บอกเลขบัญชีเขาไปเถอะ”

 

“หา? พ่อไม่ว่าอะไรหรอคะ?”

 

“ก็...ลูกเป็นคนฆ่าเองนี่นา”

 

โซลยุนฮีลังเลอยู่พักหนึ่งจึงบอกเลขบัญชีให้ตำรวจไป.

 

จากนั้นคุณตำรวจก็คำนับเบาๆ.

 

“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ”

*****

 

พอพวกเขากลับมาถึงบ้านก็มีข้อความส่งมาหาโซลยุนฮีว่าเงิน150,000วอนได้โอนเข้าบัญชีเธอแล้ว.

 

50,000วอนสำหรับศพแล้วก็หินมานาจากตัวกอบลิ้นและอีก1แสนวอนเป็นรางวัลจากตำรวจ.

 

“เยอะอยู่นะน่ะ”

 

โดจุนแอบอ่านข้อความจากด้านข้างโซลยุนฮี.

 

อาจจะเป็นเพราะโดนแอบมอง ยุนฮีเลยรู้สึกว่าตัวเองไม่พอใจหน่อยๆ.

 

“ถ้าเธอได้เยอะขนาดนี้เพราะล่ามอนส์เตอร์แค่ตัวเดียว เธอยังจำเป็นต้องอยู่กับชั้นอยู่หรอ?”

นอกจากได้เงินรางวัลจากตำรวจแล้ว ถ้าจับกอบลิ้นได้1ตัวก็ได้เงิน5หมื่นวอนแล้วถ้าจับได้10ตัวก็จะได้5แสนวอน. มันไม่ยากเลยนะถ้าเธอจะหาเงินเยอะๆด้วยวิธีนี้น่ะ.

 

แต่โซลยุนฮีก็ส่ายหัวตอบ.

 

“เรื่องเมื่อกี้แค่บังเอิญน่ะค่ะ. ปกติมอนส์เตอร์โผล่ออกมาหลังจากริฟต์เล็กๆเกิดขึ้นบนอากาศแบบนั้นหายากมากๆแถมไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วย. จะบอกว่ากอบลิ้นทุกตัวจะจับง่ายแบบนั้นก็ไม่ถูก. อีกอย่างริฟต์หรือที่เรียกกันทั่วๆไปว่าดันเจี้ยนน่ะมีแค่คนที่มีการ์ดฮันเตอร์เท่านั้นถึงจะเข้าไปได้. หนูยังเป็นเด็กธรรมดาอยู่ ตอนนี้เลยยังไปล่าไม่ได้น่ะค่ะ”

 

โดจุนนึกถึงเรื่องปืนที่เธอใช้ขึ้นมา.

 

มันไม่ใช่ปืนธรรมดาๆเลย. มันรวบรวมพลังปราณจากรอบๆแล้วควบแน่นกลายเป็นกระสุนแล้วยิงออกไป.

 

พอเขาลองวัดพลังปราณดู มันก็แค่ระดับเล็กๆเท่านั้นแต่เขาก็คิดว่าเธอเจ๋งมากที่ทำแบบนั้นได้.

 

“เธอเคยฝึกวิชาที่ไหนมาก่อนรึป่าว?”

 

“....ฝึกวิชา? หมายถึงอะไรคะ?”

 

“ก็วิธีดูดพลังปราณจากดันเจี้ยน...เอ่อ ช่างมันเถอะ”

 

พอมาคิดดูดีๆแล้วมันคงเป็นคำถามที่แปลกจริงๆ.ตัวของโซลยุนฮีไม่มีร่องรอยวิชาอะไรเลยนี่นะ.

 

ไม่ว่าคนเราจะฝึกวิชาหนักแค่ไหนหรือแม้แต่กินยาวิเศษๆมา ถ้าจุดเข้าและจุดออกพลังปราณในร่างกายไม่เปิดละก็คงจะรวบรวมพลังปราณจากดันเจี้ยนไม่ได้.

 

“จะว่าไปพ่อตกใจใช่มั้ยล่ะคะ? ก็, จริงๆแล้วเดี๋ยวหนูก็ได้เข้าเรียนที่สถาบันฮันเตอร์แห่งชาติเดือนมีนานี้น่ะค่ะ. พลังของหนูยังไม่ตื่นแต่หนูก็รู้วิธีควบคุมมานา…..ถึงจะยังไม่ใช่ฮันเตอร์แต่หนูก็มีใบอณุญาตปืนมานา หนูเลยพกไปไหนมาไหนได้น่ะค่ะ”

เธอค่อยๆวางของลงบนโต๊ะทีละชิ้นๆแล้วยิ้ม.

 

เธอนึกว่าโดจุนจะตกใจกับเรื่องนั้นมากๆซะอีก.

 

ถึงเธอจะยังไม่ใช่ฮันเตอร์อย่างถูกต้องแต่ก็มีคุณสมบัติเพียงพอจะเป็นฮันเตอร์และเข้าศึกษาที่สถาบันฮันเตอร์แห่งชาติได้.

 

การได้เป็นนักเรียนของสถาบันฮันเตอร์แห่งชาติและผ่านมาตรฐานของพวกเขามาได้นั้น นับว่าเป็นเครื่องยืนยันอาชีพที่มั่นคงในสมาคมฮันเตอร์ได้เลยทีเดียว.

 

“เจ๋งเลยนะ. ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นฮันเตอร์ได้สินะ?”

 

คำพูดเสียงตายของเขาทำให้โซลยุนฮีรู้สึกไม่พอใจ.

 

เธอทำแก้มป่องแล้วหยิบแครอทมากระแทกลงกับเขียง.

 

“พ่อต้องทำตัวดีๆกับหนูนะ. ใครจะรู้หนูอาจจะดังขึ้นมาม๊าก-มากก็ได้”

โดจุนคิดว่าเธอทำตัวน่ารักดีจึงยิ้มให้แล้วปล่อยผ่านไป.

 

****

 

7โมงเช้า.

 

โดจุนตื่นขึ้นมาก่อนนาฬิกาจะปลุก.

 

ตอนนี้เขาตื่นเช้าได้โดยไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุกเลย.

 

เขาเอาผ้าห่มออกแล้วเดินออกไปที่ห้องรับแขก. เขาเห็นโซลยุนฮีกำลังยุ่งอยู่ในครัวอยู่.

 

“โอะ. ตื่นเช้าแบบนี้หายากนะเนี่ยคุณพ่อ”

 

โซลยุนฮีหันหลังมาเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูของห้องโดจุน.

 

เธอตกใจที่เห็นโดจุนใส่แค่บ็อกเซอร์.

 

“นี่ สะ-ใส่ชุดหน่อยสิคะ!”

 

“ก็พ่อจะไปอาบน้ำอยู่แล้ว ค่อยใส่หลังอาบเสร็จก็ได้”

 

“หนูไม่ได้หมายความว่างั้นนะ...เห้อ

 

ผ่านไปพักนึงโดจุนก็ออกห้องน้ำมาแล้วเห็นอาหารพร้อมอยู่บนโต๊ะแล้ว.

 

ผักขม, ถั่วผัดซีอิ๊ว, สลัด ….. มีแต่ผักทั้งนั้นเลย.

 

วันแรกที่เธอมาที่นี่โซลยุนฮีเห็นแต่กระป๋องอาหารสำเร็จรูปกองอยู่เต็มไปหมด. เธอนึกว่าโดจุนไม่ค่อยกินผักเลยทำแต่อาหารผักให้กินวันนี้.

 

“พอพ่อทำงานเสร็จแล้วหนูจะย่างเนื้อให้กินเป็นมื้อเย็นเองนะ. เพราะงั้นไม่ต้องกินเยอะก็ได้”

 

เมื่อคืนโดจุนไม่บ่นเรื่องอาหารเย็นที่เธอทำซักแอะและเอาแต่กินอย่างเดียว.

 

พอตอนเช้ามาเธอทำแต่ผักให้เขากิน โซลยุนฮีเลยรู้สึกไม่สบายใจหน่อยๆ.

 

“ขอให้อร่อยนะคะ”

 

โดจุนนั่งลงแล้วเริ่มกินข้าวโดยไม่พูดอะไรออกมา.

 

วันนี้งานเขาเริ่ม9โมงเพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้รีบร้อนอะไร.

 

ที่นั่งอยู่ตรงข้ามโดจุนนั้นคือโซลยุนฮี. เธออ้าปากขณะมองเขากิน.

 

“จะว่าไปแล้ว, พ่อคะ, พ่อทำงานอะไรอะ?”

 

“พ่อทำงานที่ศาลากลางน่ะ”

 

“ว้าว งั้นพ่อก็เป็นราชการหรอคะ?”

 

โดจุนพยักหน้าแล้วซดซุปมันฝรั่ง.

 

หน้าของโซลยุนฮีเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอวางถ้วยลง.

 

“......มีอะไรหรอ?”

 

“ป่าวค่ะ”

 

โซลยุนฮีรู้สึกโล่งใจมากที่รู้ว่าโดจุนไม่ได้ทำอาชีพอะไรที่อันตราย.

 

อีกอย่าง, ศาลากลางก็ปลอดภัยจากพวกมอนส์เตอร์ด้วย.

 

ถึงเขาจะไม่ใช่พ่อแท้ๆของเธอ แต่เธอก็ไม่อยากเสียคนในครอบครัวไปอีกแล้ว.

 

“กินเยอะๆนะคะพ่อ”

 

****

8โมงครึ่ง ศาลากลางก็ยังดูสงบสุขดีอยู่.

 

แต่บางแผนกนั้นไม่.

 

ต่อกๆๆๆๆ

 

แผนกควบคุมริฟต์นั้นอยู่ที่ชั้น7ของศาลากลางโซล.

 

พนักงานส่วนใหญ่ที่นี่กำลังยุ่งอยู่กับการทำงานและตรวจงานของกันและกันอยู่.

 

โดยเฉพาะงานที่อาจจะมีเรื่องด่วนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา, คนส่วนใหญ่ในแผนกนี้จึงทำงานล่วงเวลากัน.

 

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

 

โดจุนเข้าออฟฟิศมาแล้วโค้งคำนับให้.

 

คังชึลซูที่เห็นเขาจึงรีบโดดออกจากเก้าอี้แล้ววิ่งมาหาโดจุน.

 

“อื้อ เป็นอะไรมั้ย? นายทำงานได้แน่นะ?”

 

“ครับ. ขอบคุณที่ห่วงนะครับ. ก็อย่างที่เห็น ผมสบายดี”

 

“รีบบอกชั้นเลยนะถ้ารู้สึกไม่สบาย. ถ้ามีใครว่าอะไรนายรีบบอกชั้นเลยนะ เดี๋ยวจะอัดมันให้”

 

“...ขอบคุณครับ”

 

โดจุนไม่เข้าใจว่าทำไมคังชึลซูถึงต้องทำตัวโอเว่อร์แบบนี้.

 

ราวกับว่าพี่เขากำลังดูแลเด็กอยู่เลย.

 

แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีใครอยากจะถามอะไรต่อ.

 

เพราะไม่กี่วันก่อน.

โดจุนยังเป็นเด็กขี้อายพูดติดๆขัดๆที่ยังปรับตัวเข้ากับหน้าที่ตัวเองไม่ได้เลย.

 

ถึงเขาจะเปลี่ยนไปมากในเช้าวันนี้แต่นิสัยเดิมก็น่าจะยังอยู่.

 

“โดจุนนี่โต๊ะนาย. จำได้มั้ย?”

 

เขาไม่ตอบคำถามใดๆเพราะจำอะไรไม่ได้เลย.

 

โดจุนนั่งลงโต๊ะที่เขาทำงานก่อนจะ “ตาย” และไปที่ต่างโลก แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่เคยเห็นโต๊ะนี่มาก่อนเลย.

 

“ถ้าไม่รู้อะไร่ละก็ถามได้ตลอดนะ”

 

ชายคนนึงดูราว30ต้นๆที่นั่งข้างๆมองโดจุนแล้วพูด.

 

ควอนฮยุกซู - เขาเป็นข้าราชการมา5ปีและทำงานที่แผนกควบคุมริฟต์มา3ปี.

 

แต่ก่อนโดจุนทำพลาดบ่อยมากและทำงานไม่เก่งด้วย ควอนฮยุกซูจึงเป็นคนคอยจัดการงานของโดจุนแทนเกือบครึ่งเลย.

 

แต่เขาก็เงียบมาตลอดและไม่เคยบ่นออกมาเลย.

 

“ขอบคุณครับ”

 

โดจุนกลับมาทำงานอีกครั้งและเริ่มอ่านคู่มือการทำงานพื้นฐาน.

 

ตั้งแต่หัวข้อการจัดการของรัฐบาลเมืองโซลไปจนถึงหัวข้อระดับประเทศ.

 

เขาอยากจะเรียนรู้วิธีการทำงานต่างๆอีกครั้งและมันมีเยอะมากๆ.

 

พอเขามองไปดูเวลาอีกครั้ง ตอนนี้ก็เป็นเวลา 9:10 แล้ว.

 

คังชึลซูพึมพำออกมาขณะที่มองนาฬิกาข้อมือ.

 

“เธอน่าจะมาได้แล้วนะ”

“เธอเป็นฮันเตอร์ที่ดีนะ เราต้องเข้าใจเธอบ้าง”

 

“ฮันเตอร์คลาส F นี่ดีด้วยงั้นหรอ?”

 

“ก็ยังเป็นฮันเตอร์อยู่ดีน่า”

 

ควอนฮยุกซูกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง.

 

พอพูดถึงปุ๊บก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเปิดประตูออกมาพร้อมกับหายใจหอบจากการวิ่ง.

 

“ขะ-ขอโทษค่ะ ชั้นมาสาย!”

 

เป็นผู้หญิงที่ดูอายุราวๆ20ต้นๆและหน้าเด็กมากๆ.

 

หัวหน้าคังชึลซูลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปหาเธอ.

 

“ตายจริง ผมควรจะไปรอรับคุณที่ด้านหน้า”

 

“อ้อ ไม่ต้องค่ะ! ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ ขอโทษนะคะที่มาสาย”

 

พนักงานทุกๆคนลุกขึ้น.

 

แล้วเธอก็ไปจับมือกับทุกๆคน.

 

“นั่งลงสิครับ….”

 

เธอเองก็รู้ตัวดี.

 

ก็แค่ฮันเตอร์คลาส F

 

พวกข้าราชการให้เกียรติเธออย่างดี แต่มันก็แค่พอเป็นพิธีเท่านั้น.

 

“คุณโดจุนสวัสดีเธอสิ. นี่คือฮันเตอร์ที่เราเพิ่งทำสัญญามาใหม่. นายความจำเสื่อมใช่มั้ย? ผมจะบอกให้ว่างานหลักของเราคือการสำรวจริฟต์และปกติแล้วพวกเราจะไปเป็นคู่กับฮันเตอร์ที่จัดหามาให้. ฮันเตอร์คนใหม่ของเรา ชาเยจิคือคนที่จัดมาให้นายน่ะ”

 

โดจุนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และไปที่ต่างโลกก่อนจะได้เจอกับเธอ.

 

เธอควรจะได้ไปสำรวจริฟต์คลาสFในเขตกังดงกับเขา.

 

แต่ว่า….

 

“ดูจากสภาพนายตอนนี้แล้วนายคงจะทำงานได้ยากเพราะงั้นชั้นเลยทำงานกับเธอแทนน่ะ”

 

โดจุนจับคางแล้วเริ่มเข้าภวังค์.

 

เขาเพิ่งรู้ตัวตะกี้ว่างานของเขาคือการสำรวจริฟต์ ซึ่งมันน่าจะเป็นตัวปัญหาสำหรับเขาแน่.

 

ไม่มีทางที่เข้าจะได้ใช้ชีวิตปกติถ้ายังทำงานอยู่นี่.

 

ข้าราชการหรือไม่ เขาก็ควรจะเลี่ยงสายตาคนอื่นๆ.

 

“งั้นก็แปลว่า ตอนแรก นี่เป็นงานผมใช่มั้ยครับ?”

 

“ใช่แต่นายไม่ต้องฝืนตัวเองหรอก. ไม่มีใครว่านายหรอกนะ”

 

“ไม่ครับผมทำไหว”

 

เพื่อที่จะเข้ากับทีมให้ได้.

 

สายตาของโดจุนแน่วแน่มาก.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด