WS บทที่ 67 ข้อตกลง PART 3
เมอร์ลินนั่งหลับอยู่ในรถม้า แม้ดวงตาของเขาจะปิดอยู่แต่พลังจิตของเขาได้แค่ขยายไปทั่วบริเวณ เขาได้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวของคีนกับพวกโจรอย่างละเอียด หากพวกเขาคิดจะทำอะไรตุกติกแม้แต่นิดเดียว เขาก็พร้อมที่จะลงมือสังหารทันที
แต่ดูเหมือนข้อเสนอที่เขาเสนอให้คีนไปนั้นจะทำให้คีนไม่กล้าทำอะไรตุกติก ดูเหมือนเขาจะอยากเป็นนักเวทย์เอามากและตัวเขาก็เหมาะสมที่จะเป็นนักเวทย์ด้วย
เมอร์ลินคิดว่าหากใครสามารถเห็นท่าทางแปลก ๆ ในประติมากรรมลึกลับพวกนั้น คนเหล่านั้นน่าจะมีพลังจิตที่พิเศษกว่าคนอื่น ๆ เช่นเดียวกับเขา
หากมีพลังจิต คน ๆ นั้นก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นพ่อมด
ดังนั้นเขาจึงยื่นข้อเสนอนี้ให้คีน นอกจากเขาจะได้ประติมากรรมนูนทั้งสามอันแล้ว เขายังแก้ไขสถานการณ์การบุกของกองโจรไปในตัวด้วย
ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถฆ่าคีนได้แต่เขาไม่สามารถจัดการพวกโจรที่เหลือได้โดยง่าย เขากลัวว่าอัศวินของเขาจะได้รับความเสียหายมากเกินไป เขาจึงตัดสินใจที่จะยอมประนีประนอมดีกว่า
เวลาได้ผ่านไปพักหนึ่ง ในที่สุดเมอร์ลินก็ถึงที่หมาย พวกโจรพาพวกเขามาที่หุบเขาขนาดใหญ๋ที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาที่สูงชันและแม่น้ำที่ไหลอย่างสงบ สภานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยอย่างมาก
ภายในมีบ้านไม้ที่ก่อสร้างอย่างเรียบง่ายและยังมีถ้ำอีกหลายแห่ง ในนั้นมีคนแก่ ผู้หญิงและเด็ก ๆ เดินไปรอบ ๆ หุบเขา ที่นี่ดูเหมือนหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อุดมสมบูรณ์
เมื่อพวกโจรมาถึง พวกผู้หญิงต่างเดินเข้ามาและมองไปที่ฝูงชนเพื่อดูว่าสามีของพวกเธอปลอดภัยกลับมาหรือไม่
บรรยากาศที่นี่ดูไม่เหมือนซ่องโจรเลย มันดูเหมือนหมู่บ้านที่เงียบและสงบสุขมากกว่า
“ท่านคิดอย่างไรกับที่นี่ ผมได้ใช้เวลาตลอด 5ปี ในการสร้างมันขึ้นมา” คีนกล่าวพร้อมแสดงความภาคภูมิใจออกมาบนใบหน้าของเขา
“ก็ไม่เลวนะ...ฉันเห็นพวกโจรหลายคนมีพละกำลังที่แข็งแกร่งเทียบเท่านักดาบธาตุระดับแรก เธอเป็นคนสอนกระบวนท่าพวกนั้นให้พวกเขาอย่างนั้นเหรอ?”
เมอร์ลินรู้สึกทึ่งที่กลุ่มโจรธรรมดา ๆ แต่กลับมาความแข็งแกร่งที่สูงล้ำกว่ากองอัศวินปักษาอัคคีของราชวงศ์ มันทั้งน่าหวั่นเกรงและน่านับถือในเวลาเดียวกัน
คีนหันมามองเมอร์ลินได้ใบหน้าที่ซับซ้อน “ถูกต้องแล้วครับ ผมได้เป็นคนคัดเลือกพวกเขาด้วยตัวเอง ผมได้สอนเพียงกระบวนท่าเพียงชุดเดียวเท่านั้น พวกได้ฝึกฝนมันจนมีความแข็งแกร่งเทียบเท่านักดาบธาตุระดับแรก
ส่วนคนที่แสดงให้เห็นถึงความภักดีและมีความสามารถ ผมได้สอนกระบวนท่าในชุดที่สองและทำให้เขาได้มีความแข็งแกร่งเทียบนักดาบธาตุระดับสอง
ด้วยพลังของพวกเขาทั้งหมดนี้จึงทำให้ไม่มีกองโจรที่ไหนสามารถต่อกรกองโจรพายุของผมได้”
เมอร์ลินพยักหน้ารับฟังอย่างเงียบ ๆ เขาไม่แปลกใจในเรื่องนี้เท่าไหร่ เนื่องจากพวกเขาไม่มีเครื่องสวมใส่ใดที่เป็นชิ้นเป็นอันเลยแต่สามารถรอดชีวิตมาได้ พวกเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
“เธอรู้ที่มาของรูปปั้นทั้งสามมั้ย?” เมอร์ลินถามต่อ
คีนขมวดคิ้วและส่ายหัว “ผมได้พวกมันมาโดยบังเอิญ ผมรู้แค่ว่ามันมาจากจักรพรรดิมอลต้าเท่านั้น”
จักรพรรดิมอลต้า เรื่องราวของจักรวรรดินี้ยังคงเป็นปริศนาเสมอมา ยังไม่มีใครรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้ล่มสลายไปภายในหนึ่งคืน
เมอร์ลินได้ตั้งข้อสันนิฐานบางอย่าง จากการที่ได้เห็นเหล่าคีนและกองโจรของเขา
บางทีประติมากรรมพวกนี้อาจเป็นสิ่งที่ทำให้จักรพรรดิมอลต้าสามารถรวมทวีปเป็นปึกแผ่นได้
พวกเขาน่าจะฝึกทหารของพวกเขาแบบเดียวกับกองโจรพวกนี้
อย่างไรก็ตามเมอร์ลินก็ยังสงสัยจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้จะล่มสลายภายในคืนเดียวจริง ๆ เหรอ?
สิ่งที่ผู้คนเล่าต่อ ๆ กันมา ดูเหมือนมันจะไม่ตรงกับสิ่งที่เขาค้นพบเลย
‘มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หากจักรวรรดิมอลต้าล่มสลายภายในคืนเดียวจริง พลังแบบไหนกันที่สามารถทำอย่างนั้นได้’
เมอร์ลินส่ายหัว เขาคงต้องพักเรื่องของจักรวรรดิมอลต้าไปก่อน ไว้อะไรหลาย ๆ อย่างลงตัวเขาตั้งใจจะหาความจริงของการล่มสลายขอลจักรวรรดิมอลต้าในภายหลัง
เมอร์ลินได้เดินตามคีนไปในถ้ำขนาดใหญ่ที่คีนอาศัยอยู่ ที่นี่ดูเงียบสงบไม่มีอาศัยอยู่ใกล้ ๆ ถ้ำแห่งนี้ ดูเหมือนคีนจะเตรียมบางอย่างให้เขาโดยเฉพาะ
“เชิญท่านเมอร์ลิน นั่งลงก่อน”
เมอร์ลินได้ลงไปนั่ง เขาก็หันไปมองคีนเดินเข้าไปภายในส่วนลึกของถ้ำ หลังจากที่เขารออยู่พักใหญ๋คีนก็กลับมาพร้อมกับรูปแกะสลักทั้งสามตัวบนมือของเขา
เขาได้วางพวกมันไว้บนโต๊ะหินและปล่อยให้เมอร์ลินตรวจสอบ
“พวกมันเป็นรูปแกะสลักชนิดเดียวกัน”
เมอร์ลินมองพวกมันด้วยแววตาที่เปล่งประกาย เขาหยิบมันขึ้นมาและลูบมันเบา ๆ เมื่อเขาเพ่งมองไปที่รูปแกะสลักเขาก็เห็นกระบวนท่าแปลก ๆ ปรากฏขึ้นมา มันเป็นกระบวนท่าที่แตกต่างจากที่เขาฝึกมาก่อนหน้านี้
คราวนี้เขาไม่ได้ติดอยู่ในภาพลวงตานานเกินไป เขาใช้พลังจิตของเขาจึงทำให้เขาสามารถออกจากภาพลวงตาได้ทุกเมื่อ
“อ่ะรับของของฉันไปสิ” เมอร์ลินได้ส่งประติมากรรมนูนไปให้คีน
คีนหรี่ตามองไปที่ประติมากรรมนูน เขาไม่ได้หยิบมันขึ้นมาดู เขาเงยหน้ามองเมอร์ลินด้วยความตื่นเต้น “เอ่อ...ท่านเมอร์ลิน ที่ท่านบอกว่าท่านสามารถทำให้ผมเป็นนักเวทย์ได้...”
แม้ว่าเขาจะได้รับประติมากรรมมาอีกอันหนึ่งจะช่วยให้ความแข็งแกร่งของเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณแต่ดูเหมือนเขาจะต้องการวิธีการเป็นนักเวทย์มากกว่า
“กุญแจสำคัญของการเป็นนักเวทย์ มันขึ้นอยู่กับพลังจิตกับโครงสร้างเวทมนต์ ตอนนี้พลังจิตของเธอเพียงพอแล้ว ส่วนโครงสร้างเวทมนต์นั้น...”
เมอร์ลินได้ลุกออกไปแล้วนำโครงสร้างเวทมนต์คาถาลมกรดของชายชราอีธานออกมา
“นี่คือโครงสร้างเวทมนต์ของคาถาลมกรด มันเป็นเพียงคาถาระดับศูนย์เท่านั้น หากเธอสามารถสร้างโครงสร้างเวทมนต์ในจิตใต้สำนึกของเธอได้ เพียงเท่านี้เธอก็จะกลายเป็นนักเวทย์”
“โครงสร้างเวทมนต์!!”
สายตาของคีนจับจ้องไปที่โครงสร้างเวทมนต์บนโต๊ะหิน ตัวของเขาสั่นเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้นที่เปี่ยมล้น