ตอนที่แล้วEp.912 - สังหารพรายทารกครวญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.914 - เรื่องจริงคือมีเจตนาร้ายแอบแฝง!

Ep.913 - คำขอของหลงถิง


1/4

Ep.913 - คำขอของหลงถิง

ส่วนหางปลาของพรายทารกถูกฉินเฟิงฟันขาดในฉับเดียว สำหรับร่างช่วงบนของพรายทารก ที่มีรูปลักษณ์เหมือนเผ่ามนุษย์ ฉินเฟิงไม่อาจรับได้ ไม่คิดนำมันออกไป

“ทุกคนออกมาล่าเถอะ สัตว์ร้ายพวกนี้หลับใหล ต่อให้โดนพวกเราสังหาร มันก็ไม่ขัดขืน!”

แม้พรายทารกจะตายไปแล้ว แต่จิตสำนึกของสัตว์ร้ายเหล่านี้ยังคงถูกสะกด จมจ่อมในห้วงนิทรา

เขมือบฟ้าหยุดลอยตัว เบื้องล่างของมัน คราคร่ำไปด้วยสัตว์ทะเลจำนวนมหาศาล และสัตว์ร้ายเหล่านั้น ทั้งหมดลอยนิ่งไร้ซึ่งการป้องกันใดๆ

ช่วงเวลานี้ ทุกคนตื่นเต้นกันมาก ทยอยกันออกมาจากเขมือบฟ้า

สัตว์ร้ายเหล่านี้ลอยคออยู่กลางทะเล แต่ละตนหากเป็นเมื่อก่อน ผู้คนล้วนต้องยอมหลีกทางให้ แต่ตอนนี้พวกมันกลายเป็นตัวโง่งม อยู่เฉยๆให้ผู้ใช้พลังนำมีดมาผ่าแยกศพ ช่วงแรกๆฝูงชนก็ระมัดระวัง เกรงว่าพวกมันจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาอยู่หรอก แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็รู้ ว่าแม้ถลกหนังหรือจ้วงคมมีดลึกลงไป สัตว์ร้ายพวกนี้ก็ไม่ตื่นขึ้นอยู่ดี

เห็นแบบนี้ ทุกคนเลยสามารถปลดเปลื้องความระแวง ออกแข้งออกขาล่ามันได้อย่างสบายใจ

เฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยเป็นเลเวล A ฉะนั้นเลือกเป้าหมายที่ดูแข็งแกร่ง โบกสะบัดอาวุธในมือ แต่กลับทำได้เพียงทิ้งรอยขีดข่วนสีขาวบนเกล็ดอีกฝ่ายเท่านั้น ส่วนบาดแผลไม่ต้องกล่าวถึง

ช่องว่างความห่างชั้นมันมากเกินไป อาวุธของเขา ไม่มีทางทำร้ายอีกฝ่ายได้เลย  เขาเหมือนกับมด ที่พยายามสังหารช้างเพียงลำพัง นั่นไม่มีทางเป็นไปได้ การโจมตีของเขาให้ความรู้สึกไม่ต่างจากการจั๊กจี้

ฉินเฟิงลอยอยู่ในทะเล เฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยเมื่อพบว่าฉินเฟิงกำลังมองมา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที แม้ฉินเฟิงจะเอ่ยปากให้พวกเขาโจมตีตามใจตัวเอง แต่ทุกคนรู้ดี ว่าสาเหตุที่สัตว์ร้ายเหล่านี้หลับใหล ทั้งหมดเป็นเพราะฉินเฟิงคุกคามชีวิตของพรายทารกครวญ

ซึ่งในกรณีนี้ถ้าพูดกันตามตรง สินสงครามทั้งหมดสมควรเป็นของฉินเฟิง

เฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยใช้ความแข็งแกร่งของเขาสังหารสัตว์ร้ายเลเวล A ไปหลายตัว แล่สมบัติชั้นดีออกมาหลายชิ้น ในใจตีมูลค่าวัตถุระดับราชันย์สัตว์ร้ายด้วยความละโมบ

อย่างไรก็ตาม จู่ๆใจหัวก็บังเกิดความอับอาย --นี่ตนกำลังถูกล่อลวงโดยรางวัลของผู้อื่นอย่างนั้นหรือ? ทั้งๆที่ตนไม่ได้ช่วยเหลืออะไรด้วยซ้ำ ถึงเวลานี้ในที่สุดบรรลุธรรม

เฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยคิดได้ รู้สึกไม่สบายทั้งกายใจ

“ฉินเฟิง ฉันยอมรับว่าคุณแข็งแกร่งมาก ครั้งนี้เป็นฉันที่ผิดเอง หวังว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คุณจะไม่เก็บมาขุ่นเคือง” เฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยละทิ้งความหยิ่งผยอง กล่าวขอโทษเขา

ฉินเฟิงพอได้ยินคำพูดนี้ ตอนแรกคิดว่าคงเป็นเพราะน้ำเข้าหูเลยฟังผิดไป

เฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยขอโทษฉันงั้นหรอ? นี่ใช่นายน้อยแสนยโสคนก่อนหรือไม่?

แต่เมื่อมองไปยังเฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ คล้ายกำลังเฝ้ารอการพิจารณาคดี ฉินเฟิงก็รู้ได้ทันที ว่านี่มิใช่เพราะประสาทหูเขาหลอนไปเอง

บางที เมื่อเทียบกับการทุบตีอีกฝ่ายแล้ว การทำให้เขาตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง คงมีโอกาสโน้มน้าวใจได้ดีกว่า

“อืม ผมไม่เก็บมาใส่ใจหรอก คุณไปล่าต่อเถอะ แล้วอย่าลืมเก็บของดีๆให้ผมด้วย!”

“อา! รับทราบ รับทราบแล้ว” เฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยรับคำอย่างว่าง่าย หันไปสังหารสัตว์ร้ายตัวอื่นต่อ เพียงแต่เขาเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ก็หันไปเห็นฉินเฟิงสังหารสัตว์ร้ายตัวที่เขาฟันไม่เข้าด้วยการสะบั้นเพียงมีดเดียว

มองไปยังท่วงท่าอันดุดันฉับไว เฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยรู้สึกดีใจขึ้นมา โชคดีจริงๆที่เขายั่วโมโหฉินเฟิงแค่ไม่กี่คำ อีกฝ่ายเลยใจกว้างไม่คิดตำหนิเขา มิฉะนั้นตำแหน่งที่มีดเล่มนั้นฟันลงมา อาจเป็นคอของเฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยก็ได้

แม้การต่อสู้ระหว่างฉินเฟิงกับพรายทารกครวญจะกินเวลาเพียงสิบนาที แต่กว่าที่คนเหล่านี้จะสังหารสัตว์ร้ายที่มีปริมาณพอๆกับกองทัพสัตว์ทะเล ก็ปาไปกว่าครึ่งวัน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรายทารกครวญอยู่ที่นี่ หรือเป็นเพราะสัตว์ทะเลในบริเวณนี้ถูกเรียกมาจนหมดสิ้น ทำให้นอกจากสัตว์ร้ายที่ฉินเฟิงกับไป๋หลีสังหารลงแล้ว ก็ไม่มีอันตรายใดๆย่างกรายเข้ามาอีกเลย

ช่วงเวลาต่อมา เนื่องจากอุปกรณ์รูนมิติของทุกคนเต็ม ฉินเฟิงเลยเปลี่ยนแผนการครั้งนี้ของเขา หันหัวเรือเดินทางกลับ

สามารถกล่าวได้ว่า คราวนี้ทุกคนกลับมาในสภาพแบกสมบัติเต็มพิกัด ฉิยเฟิงหยิบแก่นอบิลิตี้พรายทารกออกมา มอบให้ไป๋หลี

“ฉันจะเข้าไปดูดซับมันในมิติลับ แก่นอบิลิตี้ก้อนนี้ น่าจะทำให้ฉันยกระดับขึ้นเป็นเลเวล A1 ได้”

ความแข็งแกร่งของไป๋หลีหยุดอยู่กับที่มานานแล้ว ในที่สุดก็ถึงเวลาก้าวหน้ากับเขาเสียที

หลังจากก้าวขึ้นเป็นเลเวล A แม้ช่องว่างความแข็งแกร่งของสัตว์เทวะแทบจะไม่ทิ้งห่างกัน แต่ยิ่งเลเวลสูงเท่าไหร่ แน่นอนว่ายิ่งต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ยิ่งเลเวลสูงขึ้น ก็ยิ่งมีโอกาสก้าวขึ้นสู่เลเวล S และนั่นคือความแข็งแกร่งในฐานะผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

ในขณะที่ฉินเฟิง แม้ทำการดูดซับพลังงานจำนวนมากจากการตายของกองทัพสัตว์ร้าย แต่ก็ยังไม่ยกระดับขึ้น ดูเหมือนตอนนี้ ปริมาณพลังงานที่ต้องใช้มันเยอะเกินไป

หลังจากเขมือบฟ้ากลับมา ฉินเฟิงก็ส่งภารกิจในปีนี้ของเขา แม้ไม่ใช่เป้าหมายที่ระบุไว้ แต่ยังถือว่าเขาได้ปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตำแหน่งจอมพลของตนเองแล้ว แต่ไม่นึกเลย ว่าจะยังได้รับการติดต่อจากหลงถิง

“จอมพลฉิน ฉันไม่คิดเลย ว่าสัตว์ร้ายตัวแรกที่คุณล่า จะเป็นสัตว์เทวะแห่งท้องทะเล”

“บังเอิญจ้าวพรามแดนตงเชิญผมมา ก็เลยถือโอกาสกำจัดมันซะเลย”

“แต่เมื่อเทียบกับสัตว์เทวะแห่งท้องทะเลแล้ว อันที่จริงสัตว์เทวะบนบกถือเป็นภัยคุกคามยิ่งกว่า ดูจากความแข็งแกร่งของจอมพลฉิน กระทั่งในทะเลยังกำจัดได้ ฉันเชื่อว่าบนบกก็ไม่น่าจะมีปัญหาเหมือนกัน ถูกไหม?”

“ท่านผู้นำหลง คุณพูดแบบนี้ ตั้งใจจะเพิ่มงานให้ผมอีกงั้นหรอ?”

“มีคำกล่าวว่าคนยิ่งทำงานหนักยิ่งได้ดี แต่ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ เหตุร้ายครั้งก่อนที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงมังกร ฉันไม่สามารถอธิบายให้กับคนกลุ่มใหญ่ฟังได้ ดังนั้นการล่าในครั้งต่อไป จะถูกนำไปใช้ป่าวประกาศ เพราะมีผู้คนจากหลายรัฐกล่าวหาว่าคุณไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้!”

มีผู้คนมากมายไม่ทราบถึงสถานการณ์ของเมืองหลวงมังกรในเวลานั้น หลังจากได้ยินว่าฉินเฟิงอวยยศเป็นจอมพล จึงเกิดความไม่พอใจ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉินเฟิงยังอยู่แค่เลเวล A ขณะที่ยศจอมพลทุกคนต้องมีคุณสมบัติเป็นเลเวล S

โดยเฉพาะตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณชั้นสูง ไม่ว่าใครก็อยากก้าวเข้ามาในแวดวงนี้ แต่ทำไมได้ ฉะนั้นเมื่อพวกเขาทำไม่ได้ แล้วเจ้าเด็กขนยังไม่ขึ้นจะมีสิทธิ์ได้อย่างไร?

ท่าทีของเฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยที่มีต่อฉินเฟิง เป็นตัวอย่างได้อย่างดี คุณสามารถลองจินตนาการดูได้ ว่าทัศคติของคนอื่นๆที่มีต่อฉินเฟิงเป็นเช่นไร และมันร้ายแรงเพียงใดจนถึงขั้นหลงถิงต้องเอ่ยปากบอก

ฉินเฟิงขบคิดสักพักแล้วกล่าว “เดิมทีผมสัญญากับจ้าวพรมแดนตงว่าจะล่าสัตว์ร้ายอีกตัว ถ้าสัตว์ร้ายตัวนั้นถูกฆ่า ผมจะปล่อยวิดีโอออกไปเอง”

“ดีมาก ฉันจะได้ใช้วิดีโอนั่นปิดปากคนอื่นๆซะเลย! ยังไงก็ตาม เอาไว้ถ้าคุณกลับเมืองหลวงมังกร ฉันจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้คุณ”

“ท่านผู้นำอย่าลำบากเลย คุณก็รู้ ผมไม่ชอบไปร่วมงานแบบนั้น”

“ตกลง ฉันจะไม่บังคับ!”

เมื่อวางสายสื่อสารจากหลงถิง ฉินเฟิงออกเดินทางอีกครั้ง แต่คราวนี้ ไม่มีคนของตงหยาง และตงหยาง ก็ไม่ได้ส่งคนติดตามมาอีก เพราะนั่นไม่ต่างจากการถ่วงแข้งถ่วงขา และอาจเป็นการสร้างฝันร้ายประทับอยู่ในใจผู้อื่นอีกด้วย

ครึ่งเดือนต่อมา ในเครือข่ายนักสู้ประจำพันธมิตรหัวเซี่ย วิดีโอหนึ่งถูกอัปโหลด และวิดีโอที่ว่ามีอัตราการคลิกเข้าชมที่สูงมาก จำนวนการเล่นมากเป็นห้าเท่าของจำนวนประชากรมนุษย์ในปัจจุบัน

ในวิดีโอ ชายคนหนึ่งที่ชั้นโล่ปราณกำลังภายในหนาแน่น ในมือกุมมีดยาว ยืนหยัดอยู่เบื้องหน้าสัตว์ร้ายน่าสะพรึงกลัว

สัตว์ร้ายตัวนี้ ผุกขึ้นจากใต้ทะเล แม้ร่างกายของมันจะไม่ใหญ่โตนัก แต่หนวดทุกเส้นราวกับมังกร ยืดยาวไกลนับ 1,000 เมตร หากชูขึ้นสามารถทะลวงไปถึงชั้นเมฆ

หนวดพวกนี้ ขอแค่เส้นเดียวก็สามารถคว่ำเรือดำน้ำทะเลลึก หรือก่อให้เกิดสึนามิได้

มิใช่ใดอื่น เป็นการดำรงอยู่ซึ่งเป็นที่ต้องการให้ถูกกำจัดมากที่สุดในทะเลนรก

--ร้อยกรงเล็บ!

และการดำรงอยู่น่าสะพรึงนี้ ยังได้พัฒนาไปสู่ระดับเทวะแล้ว ขณะที่คู่ต่อสู้ของมัน เป็นเพียงมนุษย์เล็กจ้อยคนหนึ่ง

พริบตานั้นเอง ร้อยกรงเล็บเริ่มร่ายระบำ ชายคนนั้นเริ่มเคลื่อนไหว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด