ตอนที่แล้วChapter 5 : เนตรจุติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 7 : การทดลองเนตรจุติ  

Chapter 6 : กับดัก


ในตอนเย็น

มิทาราชิ อังโกะ และ อินุซึกะ โอดะ มาที่ห้องของ คุโรโตะ เพื่อเยี่ยมเขา

หลังจากคุยกันสักพัก โอดะ ก็ยิ้มและพูดว่า “คุโรโตะคุง คราวนี้นายโชคร้ายจริง ๆ ที่ดันมาป่วยเอาตอนนี้”

คุโรโตะ รู้สึกสับสนเล็กน้อยว่าทำไม โอดะ ถึงพูดแบบนั้น เขาจึงถามว่า “ทำไมล่ะ?”

โอดะ อธิบายว่า “หัวหน้าเพิ่งมอบหมายภารกิจพิเศษให้ อังโกะจัง กับฉัน ถ้าเราทำสำเร็จบางทีเราอาจถูกย้ายกลับไปที่หมู่บ้าน แล้วฉันจะได้ไม่ต้องทนกับพายุทรายที่นี่อีก!”

“ภารกิจพิเศษเหรอ?!” คุโรโตะ ตกใจมากกับข้อมูลที่เขาเพิ่งได้รับ แต่เขาไม่ได้แสดงอาการออกมา เขาแค่อวยพรให้ โอดะ และ อังโกะ โชคดี “ฉันขอให้พวกนายทำภารกิจได้สำเร็จนะ”

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ คุโรโตะ มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีหลังจากได้ยินเรื่องเกี่ยวกับภารกิจพิเศษ แต่ตามหลักจรรยาบรรณของนินจาแล้ว เขาไม่สามารถสอบถามรายละเอียดของภารกิจได้ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะมีความสงสัยแต่เขาก็เลือกที่จะนิ่งเงียบ

ในที่สุด โอดะ ก็ตบไหล่ คุโรโตะ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวลไป หมู่บ้านจะไม่ลืมพวกเรานินจาที่มีประสบการณ์ในสงครามแน่นอน อีกไม่นานนายก็จะถูกย้ายกลับไปที่หมู่บ้านเหมือนกัน มั่นใจได้เลย แต่ตอนนี้นายต้องพักผ่อนให้กลับมาเป็นปกติก่อน”

คุโรโตะ อยากถามจริง ๆ ว่าภารกิจตืออะไร แต่เขาก็ทำได้แค่พูดว่า “ระวังตัวกันด้วยล่ะ”

หลังจากพูดคุยกับอีกครู่หนึ่ง ทั้ง 2 คนก็ออกจากห้องเพื่อไปทำงานของพวกเขาต่อ

3 วันผ่านไป

ในช่วงการปรับตัวนี้ คุโรโตะ มีอาการเวียนหัวและทรมานจากอาการเสียวซ่าอย่างต่อเนื่อง แต่การทรมานนี้ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ใด ๆ เพราะมันนำไปสู่การเติบโตของจักระและความแข็งแรงของร่างกายของเขา

แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ทำการทดสอบอย่างถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตาม คุโรโตะ ก็สามารถประเมินได้ว่าปริมาณจักระในร่างกายของเขาในเวลานี้มีมากกว่าก่อนที่จะฉีดเซรุ่มกระตุ้นยีนประมาณ 10 เท่า

มันไม่มีมาตรฐานในการแบ่งประเภทของนินจา ไม่ว่าจะเป็น เกะนิน , จูนิน , โจนิน , กึ่งคาเงะ แม้แต่ คาเงะ เองก็จะเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมและยุคต่าง ๆ

ตัวอย่างเช่นตัว ฮิวงะ คุโรโตะ เอง ก่อนที่จะฉีดเซรุ่มกระตุ้นยีน เขาเป็นเพียงแค่นินจาที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับ เกะนินขั้นสูง เท่านั้น นอกจาก 3 วิชานินจาพื้นฐานและวิชากระบวนท่ามวยอ่อนแล้วเขาก็แทบจะไม่มีวิชาหรือคาถาอะไรที่เป็นประโยชน์อยู่อีกเลย

แต่ถึงอย่างนั้น หมู่บ้านก็เลื่อนระดับให้เขาเป็น จูนิน เพราะเขาได้ช่วยเหลือหมู่บ้านในสงคราม

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังคงมีเกณฑ์คร่าว ๆ ในการแบ่งระดับของนินจาอยู่ เช่น

นินจาที่สามารถใช้คาถานินจาระดับ E ได้ หรือมีขีดจำกัดสายเลือดจะถูกจัดให้เป็น เกะนิน

นินจาที่สามารถใช้คาถานินจาระดับ C ได้หลายคาถาจะถูกจัดให้เป็น จูนิน

นินจาที่สามารถใช้คาถานินจาระดับ B ได้หลากหลายและมีความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้มากกว่า 1 อย่างเช่น วิชาคาถานินจา , วิชาลวงตา , วิชากระบวนท่า หรือ ขีดจำกัดสายเลือด จะถูกจัดให้เป็น โจนิน

และระดับ คาเงะ ขีดพลังของระดับนี้กว้างกว่าระดับอื่น ๆ อธิบายให้ง่ายที่สุดก็คือเลือกนินจาที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้าน ดังนั้นขอบเขตพลังของระดับ คาเงะ จึงแตกต่างกันไปตามแต่ละยุค

เพราะการแบ่งระดับที่คลุมเครือเช่นนี้จึงไม่สามารถบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแต่ละระดับได้อย่างชัดเจน ดังนั้นปริมาณจักระจึงกลายเป็นหนึ่งในตัววัดในการตัดสินความแข็งแกร่งของนินจา

ด้วยเหตุนี้ปริมาณจักระจึงกลายเป็นพื้นฐานสำคัญอย่างหนึ่งในการตัดสินความแข็งแกร่งของนินจา

แม้ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของ คุโรโตะ น่าจะอยู่ที่ระดับ เกะนินขั้นสูง แต่ปริมาณจักระของเขาก็มากกว่า จูนินขั้นพื้นฐาน ไปแล้วและกำลังก้าวไปสู่มาตรฐานของ จูนิน ปกติ

ในช่วง 3 วันของการปรับตัว คุโรโตะ แทบจะไม่สามารถใช้สายตาได้เลย

จากการสังเกตอย่างถี่ถ้วนเขาพบว่าดวงตาของเขากลายเป็นเหมือนอัญมณีคริสตัลสีฟ้าส่องประกายแวววาวน่าทึ่งและใคร ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหลงเสน่ห์ของมันและยากที่จะควบคุมตัวเองได้

ในเวลาเดียวกันเขาก็พบว่าแม้ว่า ผนึกปักษาในกรง ยังคงมีอยู่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะสูญเสียประสิทธิภาพไปแล้ว

แน่นอนว่า ผนึกปักษาในกรง เชื่อมต่อกับ เนตรสีขาว และเส้นประสาทสมองทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่กับเนตรนั้น แต่ตอนนี้วิชาเนตรของ คุโรโตะ ไม่ใช่ เนตรสีขาว อีกต่อไปแล้ว แต่เป็น เนตรจุติ ในตำนาน ดังนั้นแม้ว่า ผนึกปักษาในกรง จะยังไม่ถูกทำลาย แต่มันก็ได้รับการแก้ไขและจะไม่ส่งผลอะไรกับเขามากนัก

ช่วงเวลาการปรับตัวให้เข้ากับ เนตรจุติ เป็นไปตามที่ คุโรโตะ คาดไว้ และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็สามารถเห็นจักระที่คุ้นเคยซึ่งกำลังตรงเข้ามาใกล้ด่านชายแดนอย่างรวดเร็ว

โดยไม่ต้องคิด คุโรโตะ รีบเดินออกจากห้องไปดูทันที

หลังจากนั้นไม่นาน ร่างหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาที่ด่านชายแดน

ร่างนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก มิทาราชิ อังโกะ ที่ออกไปกับ โอดะ เมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่อไปทำภารกิจพิเศษ!

ในตอนนี้ผิวของ อังโกะ ดูแย่มาก ใบหน้าของเธอแทบไม่มีสีเลือด ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรอยแผลต่าง ๆ ลมหายใจของเธอก็ไม่เป็นระเบียบและดูเหมือนว่าเธอจะเพิ่งจะเผชิญกับการต่อสู้ที่เฉียดตายหลายครั้ง

ด้วยสัญชาตญาณในสงคราม เมื่อ คุโรโตะ ตัดสินว่าคน ๆ นั้นคือ อังโกะ เขาก็ยื่นมือเข้าไปในกระเป๋านินจารอบเอวของเขาแล้วหยิบคุไนออกมา เนตรจุติ ที่อยู่ใต้แว่นตาก็เปล่งประกายอย่างงดงามเช่นกัน เขาตรวจจับหาว่ามีใครตามเธอมาหรือไม่

อย่างไรก็ตามหลังจากการตรวจจับดูเพียงเล็กน้อย คุโรโตะ ก็พบว่าไม่มีใครตามเธอมา เขาจึงโล่งใจและผ่อนคลายในที่สุด

ในเวลานี้นินจาคนอื่น ๆ ที่ด่านชายแดนเข้ามาช่วยกันปฐมพยาบาลให้เธอและถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น

คุโรโตะ เฝ้าอยู่ด้านข้างอาศัย ด้วยเนตรของเขา เขาสังเกตเห็นว่าเมื่อ นารา มิซุย ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเห็น อังโกะ การแสดงออกที่แปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ มิซุย ทันที มันเป็นสีหน้าที่เหมือนจะสะท้อนออกมาราวกับว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น

ในขณะนี้ข้อสงสัยในใจของ คุโรโตะ ได้รับการยืนยันแล้ว

อันที่จริงเขาเคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้มานานแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะปฏิเสธ แม้ว่าจะค่อนข้างแน่ใจเกี่ยวกับการคาดเดาของเขาก็ตาม

แต่ตอนนี้ข้อสงสัยของเขาได้รับการยืนยันแล้วว่าเขาต้องคอยระวังหัวหน้าทีมย่อยและหัวหน้าทีมหลักอย่าง นารา มิซุย…

ในทางกลับกัน นารา มิซุย ที่กำลังให้ความสนใจ อังโกะ ดังนั้นเขาเลยไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของ คุโรโตะ และความรู้สึกป้องกันตัวของ คุโรโตะ

“ภารกิจเสร็จสิ้นไหม?” มิซุย ถาม อังโกะ อย่างใจเย็น

อังโกะ ตอบ มิซุย อย่างเย็นชา “พวกเราถูกซุ่มโจมตีทันทีที่ไปถึงสถานที่ทำภารกิจ มันเป็นกับดัก โอดะ เสียชีวิตคาที่ ฉันสามารถหนีกลับมาได้หลังจากซ่อนตัวอยู่ในทะเลทรายเป็นเวลา 2 วัน!”

เมื่อ มิซุย ได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็ดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย “บางทีสายลับที่เรามีอยู่ใน ซึนะ อาจจะถูกจับได้ เธอเลยถูกซุ่มโจมตี ฉันจะรายงานให้หมู่บ้านทราบ”

หลังจากพูดแค่นั้น มิซุย ก็รีบออกไปทันทีและ คุโรโตะ ก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยุง อังโกะ กลับไปที่ห้องของเธออย่างเงียบ ๆ

ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในห้องของ อังโกะ จู่ ๆ เธอก็ถาม คุโรโตะ ว่า “พวกเราถูกหมู่บ้านทิ้งแล้วใช้ไหม?”

เห็นได้ชัดว่า อังโกะ ไม่ได้โง่ ภารกิจที่ถูกเรียกว่าภารกิจพิเศษในครั้งนี้เต็มไปด้วยช่องโหว่และเธอก็สังเกตเห็นมันโดยธรรมชาติ

คุโรโตะ ช่วย อังโกะ ทำแผลและพูดว่า “อย่าคิดมากเลย มันเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดความผิดพลาดขึ้นระหว่างทำภารกิจ อีกอย่างเธอก็ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์นิ ดังนั้นอย่ากังวลมากไปนักเลย ตอนนี้ทำใจให้สบาย ๆ แล้วรอให้หายดีก่อน” คุโรโตะ รู้ดีว่าคำพูดเหล่านี้คือคำหลอกลวง แต่นั่นคือทั้งหมดที่เขาพูดได้เพื่อปลอบใจเธอ

เมื่อได้ยินคำพูดของ คุโรโตะ อังโกะ ก็ไม่ได้พูดอะไร

หลังจากจัดการกับอาการบาดเจ็บของ อังโกะ และยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีศัตรูเข้ามาใกล้ด่านชายแดนแล้ว คุโรโตะ ก็กลับไปที่ห้องของเขา

ทันทีที่เขานอนลงบนเตียงสีหน้าของเขาก็มืดมน เขากัดฟันด้วยกำลังทั้งหมดและพึมพำด้วยความหงุดหงิด

“พวกเขาทำกับเราแบบนี้ได้ยังไง? พวกเขากล้าทำแบบนี้ได้ยังไง?!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด