Chapter 45: ตื่นตระหนก
“เมืองหิน ที่ไหนกันนั่นนะ?”
“เขามาจากหมู่บ้านชนบทงั้นเหรอ? ไม่สงสัยเลยที่ว่าทำไมเขาถึงสำคัญตัวเองแบบนั้น”
“เอาละ พวกเรามีการแสดงตลกมาให้ดูแล้ว”
คนนับพันคนที่เงียบอยู่ต่างเริ่มพูดขึ้นออกมาพร้อมกัน มันมีบางคนหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ
ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนไม่ได้หัวเราะออกมา แต่ว่าเขากลับเห็นถึงทิศทางของพลังปราณจากผืนสวรรค์และผืนปฐพีที่กำลังมุ่งไปได้โดยระดับการฝึกตนของเขา
ถ้าใครก็ตามที่มีศักยภาพในการฝึกตนแล้ว พลังปราณจะไม่ปฏิเสธคนๆนั้น
หลังจากที่ฝึกตนไปได้สักพักหนึ่ง ผืนสวรรค์และผืนปฐพีก็จะไหลเข้าไปสู่ร่างกายของบุคคลนั้น
เมื่อเขาเห็นกลุ่มคนที่มีคุณสมบัติในการฝึกตนแล้ว การกระทำของเขาก็ง่ายมาก ปลดปล่อยพลังปราณออกมาเล็กน้อย ถ้าพลังปราณไหลเวียนอยู่บนหัวของพวกเขาแล้ว มันก็หมายความว่าพวกเขาต่างมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นเซียน
ใครบางคนที่มีคุณสมบัติที่ดีอย่างมู่หลงหยุนหลานจะสามารถดูดซึมพลังปราณบางส่วนเข้าไปในร่างกายของพวกเธอได้เลย แม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้เริ่มฝึกตนก็ตาม
แต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา....
เขาดูดซึมพลังปราณทั้งหมดที่เขาปล่อยออกไป!
ไม่สิ!
พูดให้ชัดเจนกว่านี้ก็คือมันเหมือนกับว่าพลังปราณนั้นถูกดูดเข้าร่างของชายหนุ่มคนนี้ไปเลย มันเหมือนกับพลังปราณที่เปรียบดั่งริมธารที่ไหลลงไปรวมกับมหาสมุทร!
‘เขามีร่างกายจิตวิญญาณโดยกำเนิด! และมันไม่ใช่ประเภทธรรมดาทั่วไปอีกด้วย!’
ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้าใส่ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุน
มันมีร่างกายจิตวิญญาณโดยกำเนิดหลายประเภท เนื่องจากพลังปราณนั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันเพราะสวรรค์และปฐพี ร่างกายจิตวิญญาณโดยกำเนิดบางประเภทนั้นเหมาะกับพลังปราณไม้ ซึ่งร่างกายจิตวิญญาณโดยกำเนิดเหล่านี้จะถูกเรียกว่า ร่างกายจิตวิญญาณไม้โดยกำเนิด
แต่เจ้าเด็กที่อยู่ด้านเขานี่ดูเหมือนจะดูดกลืนได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะมีคุณสมบัติไหนก็ตาม
‘เขามีร่างกายจิตวิญญาณโดยกำเนิดระดับตำนานที่เรียกว่าร่างกายต้นกำเนิดหรือยังไงกัน?’
ตาของผู้อาวุโสกระตุก มือของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
ร่างกายต้นกำเนิดเป็นร่างกายที่หาได้ยากในโลกใบนี้ ไม่ต้องพูดถึงรัฐจินเลย แม้ว่าจะมองหาทั่วประเทศแล้ว มันก็ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
ถ้าสำนักคู่แข่งเจอเข้าแล้ว สำนักเทียนหยุนก็จะถูกทำลายในชั่วไม่กี่นาที
แม้แต่สำนักที่เป็นพันธมิตรกับเทียนหยุน พวกเขาก็จะไม่รอดูเฉยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสำนักที่ปกป้องรัฐแล้ว พวกเขาคงจะเลือกปล้นลูกศิษย์คนนี้ไปในทันทีเลยด้วยซ้ำไป
และพวกเขาก็คงจะทำลายสำนักเทียนหยุนทิ้งตามไป
‘แม่งเอ้ย ข้าแค่พูดมั่วซั่วไปแค่นั้น! ใครจะไปคิดกันว่าคนแบบนี้จะปรากฏตัวขึ้นจริงๆกันเนี่ย? ข้าจะทำไงดี?’
ตื่นตระหนก!
ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนยืนงุนงง เหมือนกับว่าเขาไม่ได้มองไปที่เด็กหนุ่ม แต่กลับมองไปยังพายุสีเลือดแทน เหงื่อไหลออกมาเต็มใบหน้าของเขา
“หือ? ผู้อาวุโส ท่านสบายดีไหม? หรือท่านคิดว่าข้ามีคุณสมบัติไม่เหมาะสมกัน? บอกความจริงกับข้ามาเถอะ ข้านั้นอยู่ใน…”
เฉินเฉินกำลังจะพูดถึงระดับฝึกตนของเขา แต่ผู้อาวุโสก็พูดขัดเขาขึ้น เขาแสร้งทำตัวเป็นคนใจเย็น
“ไม่เลวเลยนี่ คุณสมบัติของเจ้านี่ไม่เลวเลย”
ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนรู้ดีว่าใบหน้าของเขามันใส่อารมณ์มากไปหน่อย ถ้ามันมีหนอนบ่อนไส้อยู่ในสำนักของเขาแล้ว พวกเขาคงจะตระหนักได้ว่ามันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
ถ้าเขาบอกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ได้มีคุณสมบัติในการฝึกตนและลักพาตัวเขาไปทีหลัง มันก็เป็นเรื่องที่ยากมากเกินไปที่จะซ่อนตัวเด็กหนุ่มที่มีศักยภาพอย่างเขา ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็คงจะกลายเป็นเป้าหมายให้ถูกกำจัดไม่ก็ลักพาตัวไปเข้าสำนักของตัวเอง
เพียงเวลาไม่นานที่เขาพูดออกมา กลุ่มคนดูต่างเงียบกันไปทั้งหมด
มันมีคนมากขนาดไหนกันที่ทำให้ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนพูดว่าพวกเขามีคุณสมบัติกัน?”
บางทีมันอาจจะมีเพียงแค่คุณหญิงมู่หลงและลูกชายของนายพลจี๋โจวเท่านั้นแหละ
ใครจะไปคิดกันว่าเจ้าเด็กนั่นจะมีคุณสมบัติเฉกเช่นนั้นเหมือนกันอีก?
เขานั้นโดดเด่นมาก!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว กลุ่มคนเริ่มที่จะอิจฉา ใบหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวเหมือนกับกินของเสียไปยังไงยังงั้น
ฮวนน้อยซึ่งเป็นสาวใช้ของคุณหญิงมู่หลงรู้สึกหน้าชากว่าคนอื่น ความอิจฉาในตาของเธอนั้นพวยพุ่งออกมาอย่างเห็นได้ชัด
‘นี่มันอะไรกัน?! ไม่ยุติธรรมเลย!’
เฉินเฉินเมินสายตาที่ไม่พอใจของคนนับพันไปก่อนที่จะตบไหล่และพูดต่อ “ข้าโล่งใจจริงที่ผู้อาวุโสพูดออกมาแบบนี้ ข้าคิดว่าข้าอ่อนเกินไปด้วยซ้ำ”
ผู้อาวุโสมองไปที่เฉินเฉินด้วยสายตาที่ไม่พอใจเล็กน้อย เขาก่นด่าเฉินเฉินออกมาในหัว
‘พระเจ้า ร่างกายต้นกำเนิดเป็นร่างกายที่เหมาะสมกับการฝึกตนมาก เจ้าอยู่ระดับระดับฝึกพลังปราณขั้นสาม โดยไม่ได้พึ่งการบ่มเพาะลมปราณเลยสักนิด เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติมากพออีกงั้นเรอะ? ดูคนที่อยู่ที่นี่สิ มีใครเหมือนกับเจ้าอีกไหม?’
“ผู้อาวุโส ข้าไปยืนตรงนั้นได้ไหมครับ?”
เฉินเฉินเมินสายตาของผู้อาวุโสไปและชี้ไปยังจางจี
“ไปได้” ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนพูดอย่างใจเย็น เขาซ่อนความตื่นเต้นไว้ภายใน
เมื่อเฉินเฉินได้ยินคำอนุญาต เขาก็เดินตรงไปหาจางจีทันที
“พี่ใหญ่ ท่านยอดเยี่ยมมากเลยครับ!”
จางจีอดที่จะชื่นชมเฉินเฉินไม่ได้ เมื่อเฉินเฉินมาหาเขา
พี่ใหญ่ของเขาก็ยังคงเป็นพี่ใหญ่อยู่เหมือนเดิม แม้แต่ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนยังพูดว่าเขาเยี่ยมยอดอีก! นี่มันทำให้เขา น้องชายรู้สึกมีเกียรติด้วยเหมือนกัน
“มันแค่งั้นๆแหละ ไม่ได้น่าประทับใจอะไรหรอก” เฉินเฉินโบกมือ สีหน้าของเขาดูใจเย็นมาก
....
เมื่อผู้อาวุโสได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังเขา เขาก็เก็บกักอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านในตัวเอาไว้ ตาของเขากระตุกอย่างไม่หยุดหย่อน
หลังจากคิดคำพูดตัวเองออกมาได้สักพักหนึ่ง เขาก็ไปพูดต่อคนนับพันคนบนสนามซ้อม “เส้นทางของการฝึกเป็นเซียนนั้นยากลำบากและไม่ได้สวยงามเลยสักนิด พวกเจ้ายังยืนยันที่จะเดินไปบนเส้นทางนี้อยู่อีกไหม?”
กลุ่มคนที่อยู่บนสนามซ้อมต่างสบตากันเอง เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ มันมีคนบางกลุ่มที่ยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เขากำลังสื่ออีกด้วย
ถ้าพวกเขาไม่มั่นใจแล้ว พวกเขาจะพยายามมายังเมืองจี๋โจวอย่างยากลำบากเช่นนี้ไปทำไมอีก?
ทำไมผู้อาวุโสถึงพูดจาไร้สาระเช่นกันนี้กัน?
แต่แม้ว่าจะมีความสงสัยในหัวตัวเองก็ตาม มันไม่มีใครที่กล้าจะตั้งคำถามเขาออกมาเลยสักนิด
หลังจากประกาศออกไป ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนรีบเดินกลับไปยังด้านหลังของเวที เมื่อเขามาถึงจุดที่ที่ไม่มีคนอยู่แล้ว ความรู้สึกมากมายของเขาก็ระเบิดออกและสีหน้าแก่ๆของเขาก็เริ่มบิดเบี้ยว
‘เวรเอ้ย! ข้าจะทำยังไงดีเนี่ย?!’
‘มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติของข้าไหม?’
‘ถ้าคนอื่นพบว่าข้าวางแผนที่จะนำร่างต้นกำเนิดกลับไปพร้อมกับข้าด้วย ข้าอาจจะถูกกระทืบจนกลายเป็นเศษซากเนื้อบดเลยก็ได้นะ!’
‘นี่มันเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของสำนักเทียนหยุนเลย ดังนั้นข้าจึงต้องถามหาความเห็นของเจ้าสำนักก่อน ถ้าสำนักเทียนหยุนถูกทำลายในทีหลัง มันก็เป็นความผิดของเขาแล้วละ!’
เมื่อคิดได้ดังนี้ ผู้อาวุโสหยิบเหรียญตราพิเศษออกมา เขาพลิกมันด้วยนิ้วมือของตัวเอง
นี่คือเหรียญตราสื่อสารของสำนักเทียนหยุน ซึ่งมีเพียงคนสำคัญไม่กี่คนของสำนักเท่านั้นที่จะมี
“เจ้าสำนัก มันมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มที่น่าหวาดกลัวได้ปรากฏขึ้นในการรับลูกศิษย์ของพวกเรา เขาน่าจะมีร่างต้นกำเนิด ข้าควรจะทำยังไงดี? เรื่องนี้เร่งด่วนมาก! ได้โปรดตอบข้าให้เร็วที่สุดเท่าที่ท่านจะตอบได้ด้วยครับ!”
หลังจากเขียนเสร็จ ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนเดินวนไปมา เขารอคอยคำตอบอย่างกระวนกระวายใจ หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เหรียญตราสื่อสารก็สว่างวูบขึ้น
“มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม? เจ้าไม่ได้เข้าใจผิดนะ”
“มันไม่มีร่องรอยของการฝึกฝตนของเจ้าเด็กหนุ่มนั่นเลย แต่เขาก็ยังเลื่อนระดับมาถึงสามแล้ว ตราบเท่าที่พลังปราณของข้าถูกปล่อยออกไป มันก็จะไหลเวียนเข้าไปในร่างกายของเด็กหนุ่มนั่นทันที เจ้าสำนัก...”
เมื่อผู้อาวุโสเขียนจดหมายนี้เสร็จ เหรียญตราสื่อสารก็ร้าวทันที
เมื่อเห็นดังนี้ผู้อาวุโสพูดไม่ออก นี่มันจะต้องเป็นเพราะเจ้าสำนักตื่นเต้นเกินไปจนทำมันหักแน่นอน
เมื่อเห็นเหรียญตราสื่อสารกำลังจะพังลง ผู้อาวุโสก็ไม่พูดจาไร้สาระ เขารีบส่งข้อความสำคัญที่สุดออกไป “เจ้าสำนักครับ เรื่องนี้สำคัญมาก ข้ากลัวมากเลยตอนนี้! ท่านได้ส่งผู้อาวุโสมาหลายคนเพื่อสนับสนุนข้าหน่อยได้ไหม? ถ้ามันมีเรื่องเกิดขึ้น ข้าไม่น่าจะรับมือได้ด้วยตัวคนเดียว”
บึ้ม!
ทันทีที่จดหมายของเขาถูกส่งออกไป เหรียญมันก็ระเบิดออกกลายเป็นผุยผง
ในเวลาเดียวกัน พลังปราณหลายสายก็ได้เปลี่ยนเป็นคำพูดที่อยู่ด้านหน้าเขา
“ไม่ต้องกังวลไป สำนักของเทียนหยุนพวกเราจะไปหาเจ้ากันทั้งหมดเนี่ยละ!”