ตอนที่แล้วตอนที่ 1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 3

ตอนที่ 2


*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*

--------------------------------------------------------------------------------------------

บรรยากาศอึมขรึม…..

 

เขาจิบชาแล้ววางแก้วลง.

 

โดจุนมองไปที่เด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา พอทั้งสองคนสบตากัน โซลยุนฮีก็รีบก้มหัวลงแล้วละสายตาจากเขา.

 

“นี่หนูจะบอกว่าหนูเป็นลูกสาวของ…...พี่ชายของพี่กับแฟนเขางั้นหรอ?”

 

“ค่ะ, ค่ะ”

 

“แล้วหนูก็บอกว่าเพราะพวกเขาประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตทั้งคู่ หนูเลยไม่มีที่จะไป พี่เลยบอกว่าจะรับหนูมาอยู่ด้วยสินะ. จากนั้นพี่ก็เอารหัสเข้าบ้านนี้ให้หนู วันนี้หนูเลยมาอยู่นี่ใช่มั้ย”

โซลยุนฮีพยักหน้ารัวๆ.

 

โดจุนเอาสมาร์ทโฟนของเขาออกมาแล้วค้นหาในรายชื่อของเขา.

 

สองคนในหมวด <อื่นๆ> นั่นหมายถึงแฟนของพี่ชายเขากับลูกสาวเขาสินะ.

 

“เราเคยเจอกันมาก่อนมั้ย?”

 

“มะ-ไม่ค่ะ. นี่เป็นครั้งแรกที่หนูได้เจออา….”

เขาคิดหนักมากขณะที่ตอนนี้ปวดหัวจนจะแตกออกมาเพราะสถานการณ์ที่ไม่น่าเชื่อนี่.

 

พูดตามตรงตอนนี้เขารับใครมาอยู่ด้วยไม่ได้.

 

อย่าว่าแต่เรื่องง่ายๆอย่างเงินทองเลย, มันเพิ่งผ่านมาได้วันเดียวเองหลังจากที่เขากลับมาที่โลกนี้ ตอนนี้ทุกๆอย่างยังงงๆสำหรับเขาอยู่เลย.

 

“หนูไม่มีครอบครัวอื่นหรือญาติพี่น้องเลยหรอ?”

 

“...แม่หนูเป็นเด็กกำพร้าค่ะ. หนูเลยไม่มีที่อื่นให้ไป….”

โซลยุนฮีเงยหน้ามามองโดจุนด้วยความเครียดขณะที่นิ้วเธอกระสับกระส่ายไปมา.

 

ตอนนั้นเอง สายตาของโดจุนก็มองไปที่จานที่มีพลาสติกใสห่ออยู่บนโต๊ะ.

 

ข้าวผัดห่อไข่. โอมุไรซ์สินะ.

 

“แล้วนี่?”

 

“โอมุไรซ์ค่ะ. หนูคิดว่า….หนูควรจะทำอะไรให้อากินตอนที่กลับมาจากทำงานน่ะค่ะ….”

 

“ก่อนอื่นเลย, พี่ให้หนูอยู่ด้วยไม่ได้หรอก”

 

“.....ตะ-แต่อาเป็นคนบอกเองนะคะ”

เธอหยิบสมาร์ทโฟนออกมาแล้วเอาให้โดจุนดู.

 

ในจอมีข้อความที่ทั้งสองคนส่งให้กันไปมาอยู่.

 

พอสรุปข้อความดูก็ได้ความว่า เธอสามารถมาอยู่ที่บ้านของโดจุนได้จนกว่าเธอจะเรียนจบ.

 

ข้อความเมื่อ3วันก่อน - ซึ่งก็คือ2วันก่อนอุบัติเหตุนั่นเอง.

 

โดจุนรู้แล้วว่าโซลยุนฮีไม่รู้ว่าเขาเข้าโรงบาลเมื่อวานนี้.

 

“.......พี่ส่งไปจริงๆ”

โซลยุนฮีไม่เข้าใจว่าทำไมโดจุนถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้.

 

‘ถ้าเราเข้ามาที่นี่โดยพลการก็พอเข้าใจอยู่หรอก แต่เรามั่นใจว่าเขาเป็นคนอยากช่วยเราก่อนจริงๆนี่นา’

 

“เมื่อวานนี้พี่เข้าโรงบาล. พี่ประสบอุบัติเหตุและเพิ่งออกมาได้วันนี้. ที่แย่ที่สุดก็คือ….พี่ความจำเสื่อม”

 

“อะ-อุบัติเหตุ? ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ?!”

 

โดจุนพยักหน้า.

 

“พี่สบายดีแล้ว”

 

โซลยุนฮีถอนหายใจโล่งอกออกมา.

 

“ปัญหาคือพี่ความจำเสื่อม. มันอาจจะทำให้ชีวิตประจำวันของเรายุ่งขึ้นก็ได้. พี่เลยคิดว่าพี่คงรับหนูมาเลี้ยงตอนนี้ไม่ได้หรอกเพราะพี่คงต้องใช้เวลาปรับตัวพักนึงเลย”

คำพูดนั้นแทงโซลยุนฮีเข้าที่กลางใจ. เธอไม่นึกเลยว่าจะโดนโดจุนปฏิเสธแบบนี้.

 

3เดือนจากนี้ เธอจะได้เข้าเรียนที่ <สถาบันฮันเตอร์แห่งชาติ> แต่เธอก็ไม่สามารถไปพักที่หอพักของสถาบันได้และตอนนี้ก็ไม่เลือกตัวเลือกอื่นให้เธออีกแล้ว.

 

“...สัญญา. ทำสัญญามั้ยล่ะคะ!”

 

“สัญญาหรอ?”

 

“ช่วยเป็นพ่อให้หนูทีค่ะ! จนกว่าจะเรียนจบก็พอ”

 

“ห้ะ?”

 

“อาบอกอาความจำเสื่อม งั้นใช้ชีวิตคนเดียวก็คงลำบากแน่ๆ. ทั้งทำความสะอาดเอย, ซักผ้าเอย, ทำอาหารเอย, หนูจะเป็นคนทำให้หมดเองค่ะ. แลกกับการที่ให้หนูอยู่นี่. จนกว่าจะเรียนจบ….ไม่สิ, ครึ่งปีก็พอค่ะ! จนกว่าหนูจะเข้าพักที่หอพักได้”

โดจุนมองโอมุไรสที่ห่ออยู่บนโต๊ะแล้วก็หันกลับมามองโซลยุนฮีที่กำลังกัดปากและทำสายตาเครียดอยู่.

 

ก็ไม่เลวนะ.

 

ไม่สิ, ถ้าคิดจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วเข้ามีแต่ได้ชัดๆ.

 

เพราะอยู่ที่ต่างโลกมานานมาก เขาจึงลืมการใช้ชีวิตในโลกปัจจุบันไปหมดแล้ว.

 

ถ้าเขาแสดงพลังของตัวเองให้คนทั้งโลกเห็นล่ะก็ ทุกๆคนคงจะหวาดกลัวเขาแน่. ตอนนี้เขาแค่อยากจะวางทุกอย่างลงแล้วใช้ชีวิตธรรมดาๆซะ.

 

อีกอย่าง ถ้าเขาไม่รู้อะไรเขาก็จะได้ถามเธอได้ไง.

 

“เอาสิ, แบบนั้นช่วยพี่ได้เยอะเลย. เอาล่ะมาร่างสัญญากัน”

 

“ห้ะ? สะ-สัญญา?”

 

โดจุนพยักหน้าแล้วหยิบกระดาษกับปากกาออกมาจากกระเป๋า.

 

จากนั้นเขาก็ค่อยๆเขียนรายละเอียดสัญญาอย่างช้าๆ.

 

หลังจากใช้ภาษาจีนมานานมาก เขาเลยชินกับการเขียนภาษาจีน. เขากังวลอยู่ว่าอาจจะลืมภาษาเกาหลีไปแล้วแต่โชคดีที่เขายังทำได้คล่องเหมือนเดิม.

 

แกร่ก

 

เขาวางปากกาลงบนโต๊ะแล้วอ่านสัญญาฉบับร่างให้โซลยุนฮีฟัง.

 

เธอไม่นึกเลยว่าโดจุนจะเขียนสัญญาขึ้นมาจริงๆแต่ตอนนี้เธอกำลังลำบากเลยไม่พูดอะไรออกมา.

 

1. ลีโดจุนจะใช้คำเรียกแทนว่า บุคคล ก และโซลยุนฮีจะใช้คำเรียกแทนว่า บุคคล ข.
2. ก จะให้สถานที่พักอาศัยแก่ ข จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2020.
3. ข จะแจ้ง ก ให้ทราบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายจิปาถะ, เบี้ยเลี้ยงและอื่นๆ ที่ ก จะจ่ายให้. ค่าใช้จ่ายอื่้นๆที่ไม่ได้ระบุหรือไม่ได้ยินยอม ก จะไม่จัดหาให้.
4. ในระหว่างสัญญานี้ ข จะต้องดูแลเรื่องงานบ้านและ…….

 

“อ่านสิ. บอกพี่ได้เลยนะถ้าไม่เข้าใจตรงไหนหรืออยากจะแก้ตรงไหน”

 

“ค่ะ, ค่ะ!”

 

โซลยุนฮีอ่านสัญญาอย่างตั้งใจและใจเย็น ถึงเธอจะรู้สึกเศร้ามากๆก็ตาม.

 

ผ่านไปพักหนึ่งเธอก็ยื่นหน้าออกมาแล้วมองโดจุนข้ามกระดาษ.

 

เขาเอียงหัวแล้วกล่าว

 

“หนูอยากจะแก้อะไรมั้ย?”

 

“ไม่มีค่ะ!”

 

“งั้นก็ลงชื่อกัน”

 

‘เราต้องลงชื่อสัญญาแบบนี้จริงๆหรอ? เราเป็นลูกสาวของพี่ชายเขานะ. เราทั้งคู่ก็สูญเสียครอบครัวที่รักไปเหมือนกันทำไมเขาถึงทำตัวเย็นชาและไม่แยแสเรื่องเรากับพี่ชายเขาแบบนี้?’

 

โซลยุนฮีรู้สึกเศร้าเสียใจและหดหู่มากๆ จากท่าทีของญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของเธอ.

 

แต่ทุกวันนี้เธอก็ได้ยินมาว่ามีหลายคนที่ยังใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่ของเขาแม้จะโตแล้วก็ตาม.

 

พอเธอมาคิดดูแล้วเธอก็รู้สึกเสียใจที่เธอทำไม่ได้แบบพวกนั้น.

 

ฟุ่บ.

โดจุนลงชื่อในสัญญาจากนั้นก็โซลยุนฮี.

 

โซลยุนฮีรู้สึกลังเลเล็กน้อย.

 

แน่นอนว่าทุกอย่างจะดีขึ้นถ้าเธอได้เข้าพักในหอพักแล้ว - เธอก็แค่ต้องอดทนไปก่อนตอนนี้ แต่การอยู่ด้วยกันมันก็ไม่ได้แย่นะ.

 

อืมมมมมม……

 

โซลยุนฮีตัดสินใจได้แล้วในขณะที่กำหมัดอยู่.

 

‘มาทำให้ดีที่สุดกันเถอะ’

 

“งั้นพี่ขอฝากตัวกับหนูปีนึงนะ”

 

“ค่ะ, ค่ะ! หนูจะพยายามค่ะ. โอ้ะแล้วก็, หนูเรียกอาว่าพ่อได้แล้วใช่มั้ยคะ?”

 

“ตามสบาย”

 

“งั้นพ่อก็เรียกหนูว่ายุนฮีนะคะ. พ่อไม่ต้องใช้คำห่างเหินก็ได้”

 

“โอเคพ่อเข้าใจแล้ว ยุนฮี”

 

“...เอ๋? เอ่อ, พ่อเข้าใจเร็วจังเลยนะคะ”

 

โดจุนลุกขึ้นแล้วเดินไปทางตะกร้าผ้าแล้วก็เริ่มถอดเสื้อออก.

 

ตอนนี้เขาก็กลับมาบ้านแล้ว เลยจะเปลี่ยนไปใส่เสื้อที่สบายๆกว่านี้หน่อย.

 

ฟุ่บ.

 

โซลยุนฮีเผลอไปมองร่างกายของโดจุนโดยไม่ทันรู้ตัวเลย.

 

เธอคิดมาตลอดแล้วตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ว่าโดจุนมีหุ่นเหมือนกับดาราเลย.

 

ร่างกายที่ฟิตปั๋งไปทั้งตัว.

 

เขาไม่ได้ตัวใหญ่มากแต่ก็สูงเกิน180เซ็น แถมหน้าใสอีกด้วย.

 

เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาเป็นญาติของพ่อเธอ ลีคังจุน.

 

‘จะว่าไปแล้ว, เขาไม่ได้พูดอะไรเรื่องที่เราทำความสะอาดบ้านให้เลย’

 

ตอนที่เธอมาบ้านนี้ครั้งแรก, มันดูอย่างกับเล้าหมูจนประสาทสัมผัสของเธอถูกกลบไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่ากับสภาพบ้านที่รกมากๆ.

 

มีเศษอาหารกับถ้วยกระดาษกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด เสื้อผ้าก็ไม่เป็นที่เป็นทางเลย.

 

ยิ่งไปกว่านั้นในบ้านยังเหม็นโคตรๆด้วย เธอต้องดูดฝุ่น, ปัดกวาดแล้วก็ถูครั้งแล้วครั้งเล่า.

 

ตีนไก่กับหมูที่เหลืออยู่ในตู้เย็นก็เน่าหมดแล้ว กว่าจะโยนทิ้งได้ก็ลำบากมากๆ.

 

‘ในตู้เย็นไม่มีอะไรเหลือเลย ต้องไปซื้อมาไว้หน่อยแล้ว…’

 

โดจุนคนนี้ไม่รู้มาก่อนเลย.

 

ว่าเขาในอดีตไม่ค่อยทำความสะอาดบ้านตัวเอง.

 

“พ่อคะ”

 

“หืม?”

 

“ในตู้เย็นไม่มีอะไรเหลือเลยค่ะ หนูว่าหนูจะไปซื้อของมาไว้ซะหน่อย…”

 

โดจุนหยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋าตังแล้วส่งให้โซลยุนฮี.

 

พอเธอรับการ์ดมาเธอก็มองโดจุนด้วยสายตาที่ว่างเปล่า.

 

“มีอะไรหรอ?”

 

“อะ-เอ่อ...พ่อบอกพ่อความจำเสื่อมใช่มั้ยคะ? งั้นลองไปร้านด้วยกันมั้ยเผื่อจะจำอะไรระหว่างทางได้?”

 

“...ก็ดีนะ งั้นไปด้วยกันเถอะ”

 

เอาจริงๆแล้ว โดจุนไม่ได้ความจำเสื่อมหรอก. เขาแค่ไม่คุ้นกับชีวิตโลกปัจจุบันเพราะอยู่ต่างโลกมานานมาก เขาแค่แกล้งพูดว่าความจำเสื่อมไปงั้นเพราะไม่อยากอธิบายอะไรเยอะ.

****

 

“ดูเหมือนว่าพ่อไม่ค่อยกินผักเลยนะคะเพราะงั้นหนูจะทำให้กินเยอะๆ โอเคมั้ย?”

 

โซลยุนฮีกล่าวพร้อมกับหยิบเซเลรี่มาใส่ไว้ในรถเข็น.

 

โดจุนยิ้มแล้วลูบหัวเธอ.

 

แล้วหน้าของโซลยุนฮีก็แดงขึ้น.

 

“ขอบคุณนะ”

 

ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ค่อยไม่กินผักหรอก.

 

แต่ก็นะ เขาก็รู้สึกดีใจที่ตอนนี้มีคนใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆและช่วยยกภาระหนักๆออกจากบ่าออกได้ส่วนนึง.

 

และตอนนั้นเอง…..

“อ๊าาาาาากกก!”

 

“วะ-วิ่งเร็ว!”

ครื้น ครื้น!

 

แคร็ก!

 

มีประจุไฟฟ้าเกิดขึ้นมาบนอากาศห่างไป10เมตร.

 

จากนั้นมิติก็ถูกฉีกออกความสูงของมันประมาณเมตรนึงได้.

 

คนที่กำลังช้อปปิ้งอยู่รอบๆก็พากันตะโกนแล้ววิ่งหนี.

“อะไรน่ะ?”

 

“มันคือริฟต์ค่ะ. โชคดีที่มันไม่ใช่ <Entrance>. น่าจะสูงประมาณเมตรนึงได้...งั้นก็คงเป็นกอบลิ้น. พ่อคะ, อันตรายนะ อย่าเข้าไปใกล้เชียว”

 

(Entrance เอ็นทรานส์ แปลว่า ทางเข้าครับ)

จากนั้นโซลยุนฮีก็หยิบปืนที่ดูเหมือนปืนพกออกมาจากกระเป๋า.

 

มันไม่ใช่ปืนธรรมดาๆแต่เป็น <Mana Gun> หนึ่งในอาวุธพื้นฐานของเหล่าฮันเตอร์นั่นเอง.

 

(มานากัน -> ปืนมานา)

 

ถ้าโหลดมานาเข้าในปืนมานาล่ะก็ มันจะควบแน่นกลายเป็นกระสุน.

 

โซลยุนฮีนั้นมั่นใจในการใช้ปืนมานาของเธอมาก.

 

แม้มานาของเธอจะไม่ได้เยอะ แต่เธอก็มั่นใจว่าตัวเองไม่เป็นสองรองใครในด้านการควบคุมมัน.

 

“กี๊!”

 

ขณะที่โซลยุนฮีพูดอยู่นั้น กอบลิ้นตัวหนึ่งก็โผล่ออกมาจากริฟต์.

 

พนักงานคนหนึ่งกวักมือคนอื่นๆให้วิ่งมาหา ส่วนอีกคนก็รีบวิ่งไปแจ้งตำรวจ.

 

“....”

 

โดจุนไม่คิดที่จะออกหน้าไป.

 

เขาพยายามจะใช้ชีวิตไม่ให้เด่นอยู่แล้ว.

 

‘เธอเป็นฮันเตอร์หรอ?’

 

โดจุนสัมผัสได้ถึงพลัง’ปราณ’ จากปืนที่โซลยุนฮีกำลังถืออยู่.

 

สำหรับโดจุนแล้วเป็นเรื่องหายากมากที่จะเห็นของแบบนี้ แต่เขาก็คิดว่ามันคงจะพอใช้จับกอบลิ้นตรงนั้นได้.

 

ปั้ง!

 

กระสุนควบแน่นเข้าด้วยกันแล้วลอยผ่านลำกล้องไปและทะลุหัวเจ้ากอบลิ้นไป.

 

เจ้ากอบลิ้นตายคาที่ทันทีไม่เจ็บปวดหรือร้องใดๆออกมาเลย.

“มะ-มันตายแล้ว”!

 

“ฮันเตอร์นี่นา!”

โซลยุนฮีเก็บปืนเข้ากระเป๋าเธอไป.

 

เธอมองโดจุนที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ

 

“หนูบอกให้ไปห่างๆไงคะ. ถ้าเจ็บตัวขึ้นมาจะทำยังไงคะพ่อ!”

 

“โทดที. จากนี้ไปพ่อจะระวังนะ”

 

“จริงนะ?”

 

โซลยุนฮีกล่าวพร้อมทำแก้มป่อง.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด