ตอนที่ 2
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยากาศอึมขรึม…..
เขาจิบชาแล้ววางแก้วลง.
โดจุนมองไปที่เด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา พอทั้งสองคนสบตากัน โซลยุนฮีก็รีบก้มหัวลงแล้วละสายตาจากเขา.
“นี่หนูจะบอกว่าหนูเป็นลูกสาวของ…...พี่ชายของพี่กับแฟนเขางั้นหรอ?”
“ค่ะ, ค่ะ”
“แล้วหนูก็บอกว่าเพราะพวกเขาประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตทั้งคู่ หนูเลยไม่มีที่จะไป พี่เลยบอกว่าจะรับหนูมาอยู่ด้วยสินะ. จากนั้นพี่ก็เอารหัสเข้าบ้านนี้ให้หนู วันนี้หนูเลยมาอยู่นี่ใช่มั้ย”
โซลยุนฮีพยักหน้ารัวๆ.
โดจุนเอาสมาร์ทโฟนของเขาออกมาแล้วค้นหาในรายชื่อของเขา.
สองคนในหมวด <อื่นๆ> นั่นหมายถึงแฟนของพี่ชายเขากับลูกสาวเขาสินะ.
“เราเคยเจอกันมาก่อนมั้ย?”
“มะ-ไม่ค่ะ. นี่เป็นครั้งแรกที่หนูได้เจออา….”
เขาคิดหนักมากขณะที่ตอนนี้ปวดหัวจนจะแตกออกมาเพราะสถานการณ์ที่ไม่น่าเชื่อนี่.
พูดตามตรงตอนนี้เขารับใครมาอยู่ด้วยไม่ได้.
อย่าว่าแต่เรื่องง่ายๆอย่างเงินทองเลย, มันเพิ่งผ่านมาได้วันเดียวเองหลังจากที่เขากลับมาที่โลกนี้ ตอนนี้ทุกๆอย่างยังงงๆสำหรับเขาอยู่เลย.
“หนูไม่มีครอบครัวอื่นหรือญาติพี่น้องเลยหรอ?”
“...แม่หนูเป็นเด็กกำพร้าค่ะ. หนูเลยไม่มีที่อื่นให้ไป….”
โซลยุนฮีเงยหน้ามามองโดจุนด้วยความเครียดขณะที่นิ้วเธอกระสับกระส่ายไปมา.
ตอนนั้นเอง สายตาของโดจุนก็มองไปที่จานที่มีพลาสติกใสห่ออยู่บนโต๊ะ.
ข้าวผัดห่อไข่. โอมุไรซ์สินะ.
“แล้วนี่?”
“โอมุไรซ์ค่ะ. หนูคิดว่า….หนูควรจะทำอะไรให้อากินตอนที่กลับมาจากทำงานน่ะค่ะ….”
“ก่อนอื่นเลย, พี่ให้หนูอยู่ด้วยไม่ได้หรอก”
“.....ตะ-แต่อาเป็นคนบอกเองนะคะ”
เธอหยิบสมาร์ทโฟนออกมาแล้วเอาให้โดจุนดู.
ในจอมีข้อความที่ทั้งสองคนส่งให้กันไปมาอยู่.
พอสรุปข้อความดูก็ได้ความว่า เธอสามารถมาอยู่ที่บ้านของโดจุนได้จนกว่าเธอจะเรียนจบ.
ข้อความเมื่อ3วันก่อน - ซึ่งก็คือ2วันก่อนอุบัติเหตุนั่นเอง.
โดจุนรู้แล้วว่าโซลยุนฮีไม่รู้ว่าเขาเข้าโรงบาลเมื่อวานนี้.
“.......พี่ส่งไปจริงๆ”
โซลยุนฮีไม่เข้าใจว่าทำไมโดจุนถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้.
‘ถ้าเราเข้ามาที่นี่โดยพลการก็พอเข้าใจอยู่หรอก แต่เรามั่นใจว่าเขาเป็นคนอยากช่วยเราก่อนจริงๆนี่นา’
“เมื่อวานนี้พี่เข้าโรงบาล. พี่ประสบอุบัติเหตุและเพิ่งออกมาได้วันนี้. ที่แย่ที่สุดก็คือ….พี่ความจำเสื่อม”
“อะ-อุบัติเหตุ? ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ?!”
โดจุนพยักหน้า.
“พี่สบายดีแล้ว”
โซลยุนฮีถอนหายใจโล่งอกออกมา.
“ปัญหาคือพี่ความจำเสื่อม. มันอาจจะทำให้ชีวิตประจำวันของเรายุ่งขึ้นก็ได้. พี่เลยคิดว่าพี่คงรับหนูมาเลี้ยงตอนนี้ไม่ได้หรอกเพราะพี่คงต้องใช้เวลาปรับตัวพักนึงเลย”
คำพูดนั้นแทงโซลยุนฮีเข้าที่กลางใจ. เธอไม่นึกเลยว่าจะโดนโดจุนปฏิเสธแบบนี้.
3เดือนจากนี้ เธอจะได้เข้าเรียนที่ <สถาบันฮันเตอร์แห่งชาติ> แต่เธอก็ไม่สามารถไปพักที่หอพักของสถาบันได้และตอนนี้ก็ไม่เลือกตัวเลือกอื่นให้เธออีกแล้ว.
“...สัญญา. ทำสัญญามั้ยล่ะคะ!”
“สัญญาหรอ?”
“ช่วยเป็นพ่อให้หนูทีค่ะ! จนกว่าจะเรียนจบก็พอ”
“ห้ะ?”
“อาบอกอาความจำเสื่อม งั้นใช้ชีวิตคนเดียวก็คงลำบากแน่ๆ. ทั้งทำความสะอาดเอย, ซักผ้าเอย, ทำอาหารเอย, หนูจะเป็นคนทำให้หมดเองค่ะ. แลกกับการที่ให้หนูอยู่นี่. จนกว่าจะเรียนจบ….ไม่สิ, ครึ่งปีก็พอค่ะ! จนกว่าหนูจะเข้าพักที่หอพักได้”
โดจุนมองโอมุไรสที่ห่ออยู่บนโต๊ะแล้วก็หันกลับมามองโซลยุนฮีที่กำลังกัดปากและทำสายตาเครียดอยู่.
ก็ไม่เลวนะ.
ไม่สิ, ถ้าคิดจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วเข้ามีแต่ได้ชัดๆ.
เพราะอยู่ที่ต่างโลกมานานมาก เขาจึงลืมการใช้ชีวิตในโลกปัจจุบันไปหมดแล้ว.
ถ้าเขาแสดงพลังของตัวเองให้คนทั้งโลกเห็นล่ะก็ ทุกๆคนคงจะหวาดกลัวเขาแน่. ตอนนี้เขาแค่อยากจะวางทุกอย่างลงแล้วใช้ชีวิตธรรมดาๆซะ.
อีกอย่าง ถ้าเขาไม่รู้อะไรเขาก็จะได้ถามเธอได้ไง.
“เอาสิ, แบบนั้นช่วยพี่ได้เยอะเลย. เอาล่ะมาร่างสัญญากัน”
“ห้ะ? สะ-สัญญา?”
โดจุนพยักหน้าแล้วหยิบกระดาษกับปากกาออกมาจากกระเป๋า.
จากนั้นเขาก็ค่อยๆเขียนรายละเอียดสัญญาอย่างช้าๆ.
หลังจากใช้ภาษาจีนมานานมาก เขาเลยชินกับการเขียนภาษาจีน. เขากังวลอยู่ว่าอาจจะลืมภาษาเกาหลีไปแล้วแต่โชคดีที่เขายังทำได้คล่องเหมือนเดิม.
แกร่ก
เขาวางปากกาลงบนโต๊ะแล้วอ่านสัญญาฉบับร่างให้โซลยุนฮีฟัง.
เธอไม่นึกเลยว่าโดจุนจะเขียนสัญญาขึ้นมาจริงๆแต่ตอนนี้เธอกำลังลำบากเลยไม่พูดอะไรออกมา.
1. ลีโดจุนจะใช้คำเรียกแทนว่า บุคคล ก และโซลยุนฮีจะใช้คำเรียกแทนว่า บุคคล ข.
2. ก จะให้สถานที่พักอาศัยแก่ ข จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2020.
3. ข จะแจ้ง ก ให้ทราบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายจิปาถะ, เบี้ยเลี้ยงและอื่นๆ ที่ ก จะจ่ายให้. ค่าใช้จ่ายอื่้นๆที่ไม่ได้ระบุหรือไม่ได้ยินยอม ก จะไม่จัดหาให้.
4. ในระหว่างสัญญานี้ ข จะต้องดูแลเรื่องงานบ้านและ…….
“อ่านสิ. บอกพี่ได้เลยนะถ้าไม่เข้าใจตรงไหนหรืออยากจะแก้ตรงไหน”
“ค่ะ, ค่ะ!”
โซลยุนฮีอ่านสัญญาอย่างตั้งใจและใจเย็น ถึงเธอจะรู้สึกเศร้ามากๆก็ตาม.
ผ่านไปพักหนึ่งเธอก็ยื่นหน้าออกมาแล้วมองโดจุนข้ามกระดาษ.
เขาเอียงหัวแล้วกล่าว
“หนูอยากจะแก้อะไรมั้ย?”
“ไม่มีค่ะ!”
“งั้นก็ลงชื่อกัน”
‘เราต้องลงชื่อสัญญาแบบนี้จริงๆหรอ? เราเป็นลูกสาวของพี่ชายเขานะ. เราทั้งคู่ก็สูญเสียครอบครัวที่รักไปเหมือนกันทำไมเขาถึงทำตัวเย็นชาและไม่แยแสเรื่องเรากับพี่ชายเขาแบบนี้?’
โซลยุนฮีรู้สึกเศร้าเสียใจและหดหู่มากๆ จากท่าทีของญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของเธอ.
แต่ทุกวันนี้เธอก็ได้ยินมาว่ามีหลายคนที่ยังใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่ของเขาแม้จะโตแล้วก็ตาม.
พอเธอมาคิดดูแล้วเธอก็รู้สึกเสียใจที่เธอทำไม่ได้แบบพวกนั้น.
ฟุ่บ.
โดจุนลงชื่อในสัญญาจากนั้นก็โซลยุนฮี.
โซลยุนฮีรู้สึกลังเลเล็กน้อย.
แน่นอนว่าทุกอย่างจะดีขึ้นถ้าเธอได้เข้าพักในหอพักแล้ว - เธอก็แค่ต้องอดทนไปก่อนตอนนี้ แต่การอยู่ด้วยกันมันก็ไม่ได้แย่นะ.
อืมมมมมม……
โซลยุนฮีตัดสินใจได้แล้วในขณะที่กำหมัดอยู่.
‘มาทำให้ดีที่สุดกันเถอะ’
“งั้นพี่ขอฝากตัวกับหนูปีนึงนะ”
“ค่ะ, ค่ะ! หนูจะพยายามค่ะ. โอ้ะแล้วก็, หนูเรียกอาว่าพ่อได้แล้วใช่มั้ยคะ?”
“ตามสบาย”
“งั้นพ่อก็เรียกหนูว่ายุนฮีนะคะ. พ่อไม่ต้องใช้คำห่างเหินก็ได้”
“โอเคพ่อเข้าใจแล้ว ยุนฮี”
“...เอ๋? เอ่อ, พ่อเข้าใจเร็วจังเลยนะคะ”
โดจุนลุกขึ้นแล้วเดินไปทางตะกร้าผ้าแล้วก็เริ่มถอดเสื้อออก.
ตอนนี้เขาก็กลับมาบ้านแล้ว เลยจะเปลี่ยนไปใส่เสื้อที่สบายๆกว่านี้หน่อย.
ฟุ่บ.
โซลยุนฮีเผลอไปมองร่างกายของโดจุนโดยไม่ทันรู้ตัวเลย.
เธอคิดมาตลอดแล้วตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ว่าโดจุนมีหุ่นเหมือนกับดาราเลย.
ร่างกายที่ฟิตปั๋งไปทั้งตัว.
เขาไม่ได้ตัวใหญ่มากแต่ก็สูงเกิน180เซ็น แถมหน้าใสอีกด้วย.
เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาเป็นญาติของพ่อเธอ ลีคังจุน.
‘จะว่าไปแล้ว, เขาไม่ได้พูดอะไรเรื่องที่เราทำความสะอาดบ้านให้เลย’
ตอนที่เธอมาบ้านนี้ครั้งแรก, มันดูอย่างกับเล้าหมูจนประสาทสัมผัสของเธอถูกกลบไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่ากับสภาพบ้านที่รกมากๆ.
มีเศษอาหารกับถ้วยกระดาษกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด เสื้อผ้าก็ไม่เป็นที่เป็นทางเลย.
ยิ่งไปกว่านั้นในบ้านยังเหม็นโคตรๆด้วย เธอต้องดูดฝุ่น, ปัดกวาดแล้วก็ถูครั้งแล้วครั้งเล่า.
ตีนไก่กับหมูที่เหลืออยู่ในตู้เย็นก็เน่าหมดแล้ว กว่าจะโยนทิ้งได้ก็ลำบากมากๆ.
‘ในตู้เย็นไม่มีอะไรเหลือเลย ต้องไปซื้อมาไว้หน่อยแล้ว…’
โดจุนคนนี้ไม่รู้มาก่อนเลย.
ว่าเขาในอดีตไม่ค่อยทำความสะอาดบ้านตัวเอง.
“พ่อคะ”
“หืม?”
“ในตู้เย็นไม่มีอะไรเหลือเลยค่ะ หนูว่าหนูจะไปซื้อของมาไว้ซะหน่อย…”
โดจุนหยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋าตังแล้วส่งให้โซลยุนฮี.
พอเธอรับการ์ดมาเธอก็มองโดจุนด้วยสายตาที่ว่างเปล่า.
“มีอะไรหรอ?”
“อะ-เอ่อ...พ่อบอกพ่อความจำเสื่อมใช่มั้ยคะ? งั้นลองไปร้านด้วยกันมั้ยเผื่อจะจำอะไรระหว่างทางได้?”
“...ก็ดีนะ งั้นไปด้วยกันเถอะ”
เอาจริงๆแล้ว โดจุนไม่ได้ความจำเสื่อมหรอก. เขาแค่ไม่คุ้นกับชีวิตโลกปัจจุบันเพราะอยู่ต่างโลกมานานมาก เขาแค่แกล้งพูดว่าความจำเสื่อมไปงั้นเพราะไม่อยากอธิบายอะไรเยอะ.
****
“ดูเหมือนว่าพ่อไม่ค่อยกินผักเลยนะคะเพราะงั้นหนูจะทำให้กินเยอะๆ โอเคมั้ย?”
โซลยุนฮีกล่าวพร้อมกับหยิบเซเลรี่มาใส่ไว้ในรถเข็น.
โดจุนยิ้มแล้วลูบหัวเธอ.
แล้วหน้าของโซลยุนฮีก็แดงขึ้น.
“ขอบคุณนะ”
ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ค่อยไม่กินผักหรอก.
แต่ก็นะ เขาก็รู้สึกดีใจที่ตอนนี้มีคนใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆและช่วยยกภาระหนักๆออกจากบ่าออกได้ส่วนนึง.
และตอนนั้นเอง…..
“อ๊าาาาาากกก!”
“วะ-วิ่งเร็ว!”
ครื้น ครื้น!
แคร็ก!
มีประจุไฟฟ้าเกิดขึ้นมาบนอากาศห่างไป10เมตร.
จากนั้นมิติก็ถูกฉีกออกความสูงของมันประมาณเมตรนึงได้.
คนที่กำลังช้อปปิ้งอยู่รอบๆก็พากันตะโกนแล้ววิ่งหนี.
“อะไรน่ะ?”
“มันคือริฟต์ค่ะ. โชคดีที่มันไม่ใช่ <Entrance>. น่าจะสูงประมาณเมตรนึงได้...งั้นก็คงเป็นกอบลิ้น. พ่อคะ, อันตรายนะ อย่าเข้าไปใกล้เชียว”
(Entrance เอ็นทรานส์ แปลว่า ทางเข้าครับ)
จากนั้นโซลยุนฮีก็หยิบปืนที่ดูเหมือนปืนพกออกมาจากกระเป๋า.
มันไม่ใช่ปืนธรรมดาๆแต่เป็น <Mana Gun> หนึ่งในอาวุธพื้นฐานของเหล่าฮันเตอร์นั่นเอง.
(มานากัน -> ปืนมานา)
ถ้าโหลดมานาเข้าในปืนมานาล่ะก็ มันจะควบแน่นกลายเป็นกระสุน.
โซลยุนฮีนั้นมั่นใจในการใช้ปืนมานาของเธอมาก.
แม้มานาของเธอจะไม่ได้เยอะ แต่เธอก็มั่นใจว่าตัวเองไม่เป็นสองรองใครในด้านการควบคุมมัน.
“กี๊!”
ขณะที่โซลยุนฮีพูดอยู่นั้น กอบลิ้นตัวหนึ่งก็โผล่ออกมาจากริฟต์.
พนักงานคนหนึ่งกวักมือคนอื่นๆให้วิ่งมาหา ส่วนอีกคนก็รีบวิ่งไปแจ้งตำรวจ.
“....”
โดจุนไม่คิดที่จะออกหน้าไป.
เขาพยายามจะใช้ชีวิตไม่ให้เด่นอยู่แล้ว.
‘เธอเป็นฮันเตอร์หรอ?’
โดจุนสัมผัสได้ถึงพลัง’ปราณ’ จากปืนที่โซลยุนฮีกำลังถืออยู่.
สำหรับโดจุนแล้วเป็นเรื่องหายากมากที่จะเห็นของแบบนี้ แต่เขาก็คิดว่ามันคงจะพอใช้จับกอบลิ้นตรงนั้นได้.
ปั้ง!
กระสุนควบแน่นเข้าด้วยกันแล้วลอยผ่านลำกล้องไปและทะลุหัวเจ้ากอบลิ้นไป.
เจ้ากอบลิ้นตายคาที่ทันทีไม่เจ็บปวดหรือร้องใดๆออกมาเลย.
“มะ-มันตายแล้ว”!
“ฮันเตอร์นี่นา!”
โซลยุนฮีเก็บปืนเข้ากระเป๋าเธอไป.
เธอมองโดจุนที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ
“หนูบอกให้ไปห่างๆไงคะ. ถ้าเจ็บตัวขึ้นมาจะทำยังไงคะพ่อ!”
“โทดที. จากนี้ไปพ่อจะระวังนะ”
“จริงนะ?”
โซลยุนฮีกล่าวพร้อมทำแก้มป่อง.