Ep.907 - สงสัยเครื่องจะเสีย
4/5
Ep.907 - สงสัยเครื่องจะเสีย
“ใครก็ได้ ช่วยนำอุปกรณ์ทดสอบออกมาที!” กู่ไท่กล่าว
แม้เครื่องจักรชนิดนี้ไม่ค่อยถูกนำออกมาใช้บ่อยนัก แต่ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นผู้ใช้พลังเลเวล A มีอุปกรณ์รูนมิติในครอบครองหลายชิ้น ดังนั้น คนที่พกพาอุปกรณ์ทดสอบเอาไว้ เลยมีอยู่หลายคน
แทบจะในทันที ผู้ใช้พลังเลเวล A ห้าคนนำอุปกรณ์ทดสอบออกมา หนึ่งในนั้นคือฉินเฟิง เขาหยิบยกเครื่องจักรที่มีความแม่นยำสูง และผลิตจากเฟิงหลีออกมาเช่นกัน
เมื่อสามารถปีนป่ายขึ้นไปถึงเลเวล S พละกำลังจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล ชกออกเพียงหมัดเดียว สามารถป่นเมืองทั้งเมืองหายวับเป็นฝุ่นควัน ดังนั้นอุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบจึงไม่เหมือนในเลเวลก่อนๆ มันจะช่วยลดการโจมตีเป็นวงกว้าง พร้อมขยายวิธีการคำนวณ วัดค่าพลังโจมตี
อุปกรณ์ทดสอบทั้งห้าเครื่องตั้งวางไว้เบื้องหน้า ผู้คนเริ่มลงทะเบียนว่ามาจากกลุ่มไหน สำหรับแต่ละกลุ่ม สามารถเข้ารับการทดสอบได้หลายคน แต่จะยื่นคะแนนได้แค่คนเดียวเท่านั้น โดยเลือกจากคนที่ทำได้ที่ดีที่สุด
คลิฟส์เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ เขาตะลึงงันไปเล็กน้อย นั่นเพราะ หากไม่มีกู่ไท่ ผู้ใช้พลังฝั่งเขาคงไม่มีทางมารวมตัวกันได้มากถึงขนาดนี้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่สามารถหยิบยืมชื่อเสียงของกู่ไท่ได้ ยังไม่พอ พวกตนยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องแข่งขันกับกู่ไท่เช่นกัน
“ท่านผู้ใหญ่กู่ เอาแบบนี้ดีไหม ท่านเริ่มชกในนามของกลุ่มสติกซ์ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ชกให้ในนามกลุ่มตำหนักเทพ ถ้าทำแบบนี้ อาณาเขตของพวกเราจะยิ่งใหญ่กว่าเดิม!”
คลิฟส์กระซิบกระซาบเล็กๆน้อยๆ
แต่กู่ไท่พอได้ฟังกลับขมวดคิ้ว กล่าวเสียงหนักแน่น “ถ้าแกต้องการออกจากกลุ่มสติกซ์ ก็แค่ลาออกไปไม่ต้องเสียเวลาพล่าม!”
ถูกเรียกตัวมาที่นี่ แต่สุดท้ายดันต้องลงสนามชกเพื่อช่วงชิงดินแดน เรื่องนี้ทำให้กู่ไท่ไม่พอใจมาก ยิ่งคลิฟส์ลอบเข้ามาเสนอแผนการที่คิดฉกฉวยผลประโยชน์จากเขา กู่ไท่ก็ยิ่งหัวเสีย
ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ หากคลิฟส์ลงชกในนามตัวแทนของกลุ่มตำหนักเทพ งั้นอาณาเขตที่กู่ไท่ได้มา ใครมันจะเป็นคนคอยดูแลให้เขา? หากปล่อยให้ดูแลสองที่แล้วเกิดมีปัญหาขึ้นมา แบบนั้นมันก็ไม่ได้กำไรสิ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ว่าหากเขามีอาณาเขตในครอบครองมากเกินไป อาจเกะกะลูกตาเลเวล S คนอื่นๆเข้า จนมีปัญหาตามมาในภายหลังอีกนะ
เรื่องแบบนี้ เขาจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด
“อา! ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ท่านผู้ใหญ่กู่โปรดอย่าเข้าใจผิดไป” คลิฟส์กล่าวร้อนรน ขอโทษขอโพย
คนอื่นๆในกลุ่มไม่กล้าพูดอะไร ก้มหน้าทำตามคำสั่งเลเวล S มีต้นไม้ใหญ่ไว้ค่อยให้ร่มเงา จริงๆแล้วก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร การครอบครองพื้นที่มากไป ในความเป็นจริงมันก็เป็นปัญหาในการจัดการเหมือนกัน
กู่ไท่เป็นคนแรกที่ลงมือ กำลังภายในถูกกระตุ้น เปิดใช้งานกระบวนท่าลับ เพิ่มพูนพละกำลังของเขา ขับหนุนให้สามารถระเบิดออกมามากกว่าเดิมถึงสองเท่า
แสงสีทองจรัสเล็ดลอดจากหมัดเขา คุกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายอันเหนือชั้น เหวี่ยงกำปั้นลงไป
ตูมมมมม!
คลื่นอัดอากาศก่อร่างขึ้นรอบตัวกู่ไท่ ทุกคนที่ยืนอยู่ใกล้เขาล้มหน้าหงาย หลายคนเบื้องหลังเขา ชักฝีเท้าถอยไปหลายก้าว สีหน้าของแต่ละคนฟุ้งไปด้วยความตื่นตกใจ
ฉินเฟิงอยู่ห่างออกมาไม่ไกล สามารถรับรู้ได้ว่าพละกำลังของกู่ไท่นั้นแข็งแกร่งมาก
【ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด! พลังโจมตีจากการทดสอบ : 39,000,000!】
“ซี๊ด ..!”
ทุกคนต่างสูดหายใจลึก
“พลังโจมตี 39 ล้าน เมื่อแปรเป็นพื้นที่แล้ว เท่ากับว่าพวกเรามีอาณาเขตมากกว่าในข้อตกลงแรกมากถึง 200 กิโลเมตร!”
“สมแล้วที่กู่ไท่ได้รับสมญานามว่าหมัดเทพเจ้า ช่างแข็งแกร่งจริงๆ!”
“พลังโจมตีขนาดนี้ คำกล่าวที่ว่าสามารถชกเมืองทั้งเมืองให้กลายเป็นผุยผงได้ในหมัดเดียว คงไม่ใช่เรื่องเกินจริง!”
ไม่ว่าใครต่างตกตะลึง คราวนี้พวกเขาไม่กล้าตั้งคำถามถึงความองอาจของกู่ไท่อีกต่อไป
แน่นอน แต้มพลังโจมตีเพียงอย่างเดียว มันไม่สามารถใช้กำหนดประสิทธิภาพในการต่อสู้ได้ เห็นได้ชัดว่ากู่ไท่ยังเหลือทักษะลับหรือกระบวนท่าวรยุทธที่ยังไม่เปิดเผยออกมา แต่แค่พละกำลังพื้นฐานก็น่าตกใจมากพอแล้ว ตัวเลขนี้ทำให้จิตใจของผู้คนสั่นไหว
ฉินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย ความแข็งแกร่งของกู่ไท่ไม่เลวเลย ไม่น่าแปลกใจที่เขาสามารถขึ้นเป็นตัวตนทรงอำนาจเลเวล S ในพันธมิตรแอฟริกาได้
เมื่อกู่ไท่เปิดประเดิม คนอื่นๆก็เริ่มก้าวมาข้างหน้า ทุกคนต่างพยายามแก่งแย่งให้ได้คะแนนที่ดีที่สุด เสียงติ๊ด ติ๊ด! ดังสะท้อนออกมาไม่หยุดจากอุปกรณ์ทดสอบทั้งห้า
พลังโจมตีของเลเวล A แม้แต้มค่อนข้างเหวี่ยงแต่ไม่เลวร้าย แต้มคะแนนอยู่ระหว่าง 3 ล้าน ถึง 9 ล้านแต้ม แต่ถ้าให้ขึ้นไปยังเลขหลัก 10 ล้านยังคงไม่ถึง
เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้แต้มพลังโจมตีขั้นพื้นฐานของผู้ใช้พลังเลเวล A คือ 1 ล้านแต้ม แต่เมื่อไปถึงเลเวล A9 คนส่วนใหญ่กลับโจมตีได้แค่ 5 ล้านแต้มนิดๆเท่านั้น ถึงไม่มากแต่ก็ยังไม่ถือว่าเลวร้ายเกินไป
เกรงว่าคนเดียวที่แปลกแยกจากข้ออธิบายข้างบน คงมีแค่ฉินเฟิง
เพราะเขาได้ครอบครองพลังพิเศษดูดกลืนตั้งแต่เริ่มต้นจากเลเวล G ด้วยอบิลิตี้ติดตัวของเขา นำไปสู่สภาวะที่ว่า กำลังภายในกายตน บริสุทธิ์กว่าคนอื่นๆเสมอมา และหลังเสริมสร้างด้วยผลึกชีพจรธรณี สุดท้ายมันก็ขยายขึ้นเป็นร้อยเท่า
จนในตอนนี้ ฉินเฟิงครอบครองดารากว่า 9 ดวง พลังโจมตีมากกว่าตัวตนทรงอำนาจเลเวล S0 ถึงเก้าเท่า
เมื่อทุกคนทดสอบจนเสร็จสิ้น คราวนี้ก็ถึงตาของฉินเฟิง
‘ด้วยการปลดปล่อยแรงผลักจากทักษะลับกลืนดาราของฉัน เวลาโจมตีจะสามารถระเบิดอำนาจได้มากกว่าเดิมถึง 10 เท่า ผสานไปกับความแข็งแกร่งทางกายภาพในระดับสัตว์เทวะเลเวล A ที่มากกว่าในระดับเดียวกันอีกถึง 10 เท่า บวกกับดารากำลังภายในอีก 9 ดวง … ’
แน่นอน เมื่อบวกทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน ถึงพวกมันจะไม่ได้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ก็เป็นจำนวนมหาศาล
อย่างด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพแท้จริงคือ 1 ล้าน คูณ 10 เข้าไปก็เป็น 10 ล้าน จากนั้นใช้ทักษะลับกลืนดาราบวกกับดารากำลังภายใน
สรุปโดยรวมแล้วความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉินเฟิง สามารถสร้างพลังโจมตีได้มากถึง 190 ล้านแต้ม!
แค่คิดก็น่ากลัวมากแล้ว!
ยิ่งหากฉินเฟิงสามารถก้าวขึ้นเป็นเลเวล S ได้เมื่อไหร่ ยามระเบิดการโจมตีเต็มกำลังออกมา เกรงว่าต่อให้ศัตรูเป็นเลเวล S คงไม่พ้นถูกเป่าหายไปในคราวเดียว
‘ไม่ทุ่มเต็มกำลังดีกว่า ถือว่าไว้หน้ากู่ไท่ ยังไม่นับเรื่องดารากำลังภายในของฉันที่ไม่ควรเปิดเผย ถ้าอย่างงั้น เอาเป็นว่าใช้ปลดปล่อยแรงผลักของทักษะลับกลืนดาราซัก 4 เท่าก็แล้วกัน!’
เมื่อได้ข้อสรุปดังนั้น ฉินเฟิงก็เดินมาหยุดหน้าอุปกรณ์ทดสอบ ฟาดฝ่ามือออกไป
‘ทักษะลับกลืนดารา : ปลดปล่อยแรงผลัก!’
พลังอำนาจขับไล่ลุกฮือขึ้นทันใด เดิมมันสามารถทุบทำลายสิ่งมีชีวิตให้แหลกเป็นชิ้นๆ แต่ถูกควบคุมเอาไว้โดยฉินเฟิง เลยพุ่งตรงเป็นเส้นเดียว
เพี๊ยะ!
แทบไม่มีเสียงกึกก้องอะไรดังขึ้น แถมฝ่ามือที่ฉินเฟิงฟาดลง มันดูธรรมดามาก
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ปรากฏขึ้น ทำให้ทุกคนรู้สึกช็อค!
【ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด! พลังโจมตีจากการทดสอบ : 40,000,000!】
ในพริบตา ภายในห้องโถง ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ พวกเขาทั้งหมดมองมายังฉินเฟิงอย่างโง่งม
ณ ขณะนี้ กระทั่งกู่ไท่ก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาจ้องค้างมายังฉินเฟิง เมื่อได้สติแววตาเริ่มสะท้อนให้เห็นถึงความโกรธ
ถึงจุดนี้ ในที่สุดกู่ไท่ก็เข้าใจ ว่าเหตุใดฉินเฟิงจึงยื่นข้อเสนอนี้ต่อเขา เดิมเขาคิดว่าฉินเฟิงคงอยากได้พื้นที่เพิ่มอีกสักเล็กน้อยๆ แต่ไม่คาดหวังเลย ว่าที่แท้นี่จะเป็นการปลอมตัวเป็นหมูเพื่อกินเสือ
ไม่ต้องกล่าวถึง นี่ไม่ต่างจากการตบหน้ากู่ไท่ ทำคะแนนสูงเหยียบหัวเขาไปก้าวหนึ่ง
ชั่วเวลานั้นเอง บรรยากาศเริ่มกลายเป็นน่าอึดอัด
ซึ่งเอาจริงๆแล้ว ถ้าฉินเฟิงยั้งมือสักนิด แล้วทำแต้มพลังโจมตีให้ได้ซัก 35 ล้าน กู่ไท่คงไม่โกรธขนาดนี้ แต่นี่อีกฝ่ายโจมตี 40 ล้านแต้มในครั้งเดียว ก็มากกว่ากู่ไท่ สิ่งนี้ทำให้กู่ไท่ไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้
ฝั่งฉินเฟิง เดิมเขาไม่ได้คิดมากขนาดนั้น ตอนแรกเขาคำนึงถึงศักดิ์ศรีของกู่ไท่ด้วยซ้ำ เลยไม่คิดโจมตีอีกเป็นครั้งที่สองหรือสาม ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา บางสิ่งเล็กๆน้อยๆ ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยงข้อพิพาท แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาหวาดกลัวอีกฝ่าย
ในแง่ของวรยุทธโบราณ ฉินเฟิงได้มาถึงเลเวล S แล้ว ตัวตนทรงอำนาจย่อมมีจิตใจที่แข็งแกร่งไม่หวาดกลัว ทว่าการเอาแต่ดึงดูดปัญหาเข้าหาตนเอง มันจำเป็นด้วยหรอ?
ที่ทุกคนตกใจกันแบบนี้ มันก็แค่เพราะว่าคนอื่นๆไม่ทันคิดว่าเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ก็เท่านั้นเอง
“เจ้าเครื่องนี่คงไม่พังหรอกใช่ไหม?” ชายคนหนึ่งเอ่ยเสียงกระซิบ
“นั่นสิ พอถูกใช้ทดสอบพลังหลายครั้ง มันเลยรวนรึเปล่า”
“เขาเป็นคนนำเครื่องจักรนี้ออกมาเอง บางทีอาจดัดแปลง เล่นตุกติกอะไรเอาไว้ก็ได้!”
เกิดเสียงฮือฮาในฝูงชน เริ่มวิเคราะห์ไปต่างๆนาๆ