ตอนที่แล้วEp.905 - แบ่งเค้ก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.907 - สงสัยเครื่องจะเสีย

Ep.906 - 10 พลังโจมตีได้ 1 เมตร


3/5

Ep.906 - 10 พลังโจมตีได้ 1 เมตร

คนอื่นๆพอเห็นเลเวล S ผู้มาเยือน ดวงตาของทั้งหมดเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว

“นั่นหมัดเทพเจ้า!”  หลายคนที่รู้จักตัวตนทรงอำนาจผู้นี้ ร้องอุทานด้วยความตกใจ แต่ต่อมาก็รู้สึกว่าตัวเองทำพลาดไป ยกมือขึ้นปิดปากเงียบทันที ก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว ท่าทีราวกับนักเรียนทำผิด เริ่มวิตกกังวล

หมัดเทพเจ้ากู่ไท่ คือตัวตนทรงอำนาจแห่งสหภาพสาธารณัฐแอฟริกาเหนือ แม้ไม่มีตำแหน่งสำคัญถึงขั้นหลงถิง แต่ก็เทียบเท่าได้เลยกับหูซาน ผู้พิทักษ์เหมันต์แห่งภูมิภาคเหนือ

การดำรงอยู่ดังกล่าว ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาเล่นๆ ย่อมมีจุดประสงค์แอบแฝง

“ข้อเสนอของคลิฟส์ได้รับอนุญาตจากฉัน พวกแกอย่าคิดหยิบยกเรื่องความสัมพันธ์บ้าบอขึ้นมาพูดอีก เพราะฉันเองก็รู้จักเลเวล S พวกนั้น เคยเห็นและเคยคุยมากกว่าพวกแก แต่กลุ่มไหนที่ก่อตั้งโดยเลเวล S หรือเลเวล S ส่งมาทำงาน พวกแกสามารถบอกทางเราได้ แต่ฉันจะเป็นคนประเมินเอง ถ้าไม่ผ่าน ก็ทำตามเงื่อนไขเดิม ส่วนการตรวจสอบ จะทำทันที และมีการอัปเดตปีละครั้ง”

กู่ไท่กล่าวจบ กวาดสายตามองลงไป บรรดาฝูงชนต่างลดหัวลง เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครกล้าหักล้างคำพูดของกู่ไท่ … ก็แล้วพวกเขาจะกล้าได้อย่างไร?

“ในเมื่อไม่มีใครคัดค้าน งั้นพวกเราก็มาเริ่มกันต่อ!”

จากนั้น คลิฟส์ก็เริ่มดำเนินการตรวจสอบ และคนแรกที่ได้รับการตรวจสอบ เป็นกลุ่มของกู่ไท่

แถมชื่อกลุ่มก็ยังถูกเรียกว่ากลุ่มสติกซ์!

พอได้ฟัง ผู้คนเริ่มพากันขมวดคิ้ว เพราะกลุ่มนี้เห็นได้ชัดว่าเพิ่งถูกสร้างขึ้น

ยังไม่พอ สมาชิกในกลุ่ม มีกู่ไท่รวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้พลังเลเวล A มากถึง  37 คน และทุกคนล้วนมาจากสาธารณรัฐแอฟริกาเหนือ!

เป็นการรวมตัวกันของ 7 - 8 กลุ่ม เช่น กลุ่มของคลิฟส์ , โจฟดี้ , เจเร , กลุ่มตำหนักเทพ , กลุ่มไกอา , กลุ่มอัสนี ฯลฯ

แบบนี้จะเท่ากับว่ากลุ่มพวกเขาได้รับพื้นที่มากที่สุด และยิ่งคำนวณตามความแข็งแกร่ง จะเท่ากับว่าพวกเขาได้รับอาณาเขตที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดไปครอง

ช่วงเวลานี้ ทุกคนต่างพยายามระงับความโกรธแค้น ไม่กล้าแสดงมันออกมา เพราะท้ายที่สุดแล้ว อีกฝ่ายคือเลเวล S และเวลานี้กำลังใช้สายตากวาดมองทุกคน ทำให้ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง

แต่แน่นอน ว่ายังมีคนหนึ่งที่ไม่คิดปล่อยให้งานเลี้ยงนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

‘ในชีวิตก่อน ดูเหมือนจะไม่มีกลุ่มสติกซ์เกิดขึ้น คงเป็นเพราะฝีมือของฉัน ทำให้ประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลง’

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ เกรงว่าคงเป็นเพราะฉินเฟิงไปเร่งเวลาให้ผู้คนเข้าสู่มิติธารโลหิตเร็วขึ้น และเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า คลิฟส์ไม่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดในครั้งนี้

แน่นอน ยังรวมไปถึงเรื่องที่เทพเพลิงกัลป์ไอซานไม่สามารถได้รับเสื้อคลุมราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

แต่เรื่องไอซานเอาไว้ค่อยพูดกันทีหลัง ตอนนี้มาโฟกัสในเรื่องปัจจุบันกันก่อน

หากอ้างอิงตามที่คลิฟส์กับกู่ไท่กล่าว กลุ่มที่สามารถดึงดูดเลเวล A ได้เป็นจำนวนมากจะยิ่งได้รับพื้นที่มหาศาล ขณะที่กลุ่มเฟิงหลี แม้เป็นกลุ่มแรกที่ได้กินเนื้อปูหวานฉ่ำของมิตินี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขามีเลเวล A เพียงคนเดียวนั่นคือฉินเฟิง!

หรือต่อให้ทางเฟิงหลีสามารถยืมตราผู้ใช้พลังของ Z สุดท้ายก็จะได้รับการแบ่งสรรที่ดินเพียง 1,100 กิโลเมตรอยู่ดี ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉินเฟิงต้องการ

เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ ฉินเฟิงก็ก้าวออกมา

“แม้ไม่อยากล่วงเกินศักดิ์ศรีของหมัดเทพเจ้า แต่ผมคิดว่า มองยังไงเงื่อนไขนี้ก็ไม่ยุติธรรม”

พลังสมาธิของฉินเฟิง กระจายคำพุดออกไป เสียงของเขาทำให้ผู้คนแข็งค้าง เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครนึกฝันว่าจะมีคนกล้าลุกขึ้นมาพูดแบบนี้จริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งใดกันที่บอกไม่อยากล่วงเกินศักดิ์ศรีของอีกฝ่าย? ทั้งๆที่ในความเป็นจริง การก้าวออกมาพูดแบบนี้เท่ากับเป็นการตบหน้าหมัดเทพเจ้า

ช่วงเวลานี้ ทุกคนต่างมองมายังต้นเสียงพลังสมาธิ ทุกสายตาตกลงบนร่างฉินเฟิง

คลิฟส์เมื่อเห็นฉินเฟิง ร่างกายเริ่มสั่นเทิ้มอย่างไม่รู้ตัว ความหวาดกลัวที่ฉินเฟิงประทับลงในใจคลิฟส์มันร้ายแรงเกินไป ปัจจุบันเมื่อเห็นฉินเฟิง คลิฟส์เลยรู้สึกอึดอัดไปทั่วทั้งตัว

แต่ไม่นาน มุมปากของคลิฟส์ก็ยกยิ้มขึ้น

‘เจ้าฉินเฟิงคนนี้ไม่กลัวตายเลยจริงๆ หมัดเทพเจ้าไม่ใช่คนอารมณ์ดี แต่เขากลับกล้าก้าวออกมา เอ่ยโต้เถียง แบบนี้ก็สวยสิ! มันจะดีมากถ้าฉินเฟิงยั่วโมโหหมัดเทพเจ้าจนโกรธ ฉันอดใจเห็นสภาพเขาถูกทุบตีจนใบหน้าปูดบวมไม่ไหวแล้ว!’

เห็นได้ชัดว่าหมัดเทพเจ้าไม่คาดคิดว่าฉินเฟิงจะแย้งออกมา เจ้ารู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง แต่เขาต้องการรักษาความสง่างามของตัวตนทรงอำนาจเลเวล S เอาไว้ ดังนั้นไม่ลงมือในทันที เอ่ยปากถาม

“เจ้าหนู แล้วแกคิดว่าต้องใช้วิธีแบบไหนถึงจะยุติธรรม!?” หมัดเทพเจ้ากู่ไท่กอดอกพูด

แรงกดดันจางๆของเลเวล S แฝงมากับน้ำเสียง แม้เป็นเพียงแรงกดดันอันคลุมเครือ แต่ก็ยังทำให้เข่าอ่อนกันไปหลายคน

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย แรงกดดันของอีกฝ่าย ไม่ส่งผลใดๆต่อเขาเลย

“เรื่องนี้ง่ายมาก  ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่มีผู้ใช้พลังคนหนึ่งบอกว่าอาศัยแค่ความแข็งแกร่งของเขา ก็สามารถโค่นผู้ใช้พลังในที่นี้ได้ตั้ง 5 คนหรอกหรือ? งั้นทำไมไม่ให้พวกเราลองโจมตีดูล่ะ?”

ผู้ใช้พลังที่ตะโกนออกมาว่าสามารถสู้หนึ่งต่อห้า วินาทีนั้นหัวใจสั่นระรัว คาดหวังให้เกิดรอยแยกมิติ ตนจะได้แทรกแผ่นดินมุดลงไปข้างใน ขณะเดียวกันรู้สึกเกลียดชังฉินเฟิงอย่างยิ่งยวด ในใจร่ำร้องว่าทำไมถึงต้องยกเรื่องของเขามาพูดกับเลเวล S ด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสนใจผู้ใช้พลังคนนี้ ทั้งหมดต่างมุ่งสมาธิมายังฉินเฟิง ยังไม่แน่ใจว่าฉินเฟิงกำลังหมายความว่ายังไง

แต่หากตีความตรงตัวว่าลองโจมตี แล้วพวกเขาจะสามารถเอาชนะเลเวล S ได้อย่างไร?

เห็นได้ชัดว่ากู่ไท่เองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้

“เพ้อเจ้อ!” กู่ไท่กล่าว “แกต้องการจะสู้กับฉันหรือเจ้าหนู?”

ฉินเฟิงผุดรอยยิ้มบาง ไม่แสดงออกถึงความหวาดกลัว “พวกเราทุกคนมาจากพันธมิตรมนุษย์ ฉะนั้นจะฆ่าแกงกันทำไม? บนอุปกรณ์สื่อสารของพวกเรา ไม่ใช่ว่ามีตัวเลขที่ใช้บันทึกพลังโจมตีเอาไว้หรอกหรือ?”

หลายคนพอได้ฟังต้องชะงักไป

“ในที่นี้มีคนตั้งมากมาย บางคนเป็นผู้ใช้พลังเลเวล A9 บางคนอยู่แค่เลเวล A1 แต่ถ้าจะแจกจ่ายที่ดินโดยคิดตามจำนวนเลเวล A เท่านั้น เห็นได้ชัดว่ามันไม่ยุติธรรมกับผู้ใช้พลังระดับสูง สำหรับกลุ่ม มีคนมากไม่ได้หมายถึงทุกสิ่ง อย่างถ้าให้ผมพูดตามตรง สำหรับผมไม่ต้องพูดถึงหนึ่งต่อห้า แต่ต่อให้ทุกคนในที่นี้ร่วมมือกัน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม!”

ฉินเฟิงบอกตามจริง แต่ความจริงนี้กระตุ้นความเกลียดชังของผู้คนจนลุกฮือ

ผู้ใช้พลังหลายคนที่มองฉินเฟิงในแง่ดีเมื่อครู่ ทั้งหมดหันมาโกรธฉินเฟิง

แต่กู่ไท่กลับขมวดคิ้ว เพราะในความเป็นจริงแล้ว หากวัดกันเช่นนั้น ทุกคนในที่นี้ ล้วนไม่มีใครเอาชนะเขาได้ ฉินเฟิงโต้เถียงกลับมาอย่างไม่ยั้งคิดเช่นนี้ ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นสร้างโอกาสแก่กู่ไท่

“เอาแบบที่แกว่าก็ได้ แล้วจะกำหนดกติกายังไง?” กู่ไท่ไม่สนใจคนอื่นๆ เอ่ยถามอีกครั้ง

ฉินเฟิงไม่คิดมากมารยาท ตั้งแต่ที่เขากล้าเสนอความคิดเห็นเช่นนี้ แน่นอนว่าเขามีข้อสรุปในใจอยู่แล้ว

“พลังโจมตี 10 แต้มต่อการได้รับพื้นที่ 1 เมตร ง่ายๆแค่นี้!”

“ดี สิบแต้มหนึ่งเมตร ดีมาก ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าแกจะโจมตีได้ซักแค่ไหน”

สำหรับการใช้งานเครื่องทดสอบพลังของผู้ใช้พลังเลเวล S  ขอแค่ยกระดับขึ้นได้สักหนึ่งขั้น พลังโจมตีก็จะเพิ่มขึ้นมากถึง 5 ล้านแต้ม ยกตัวอย่างเช่นเลเวล S1 มีพลังโจมตีอยู่ที่ 10 ล้านแต้ม แม้ไม่ตรงเป๊ะๆ แต่ก็ไม่ห่างกันมากนัก ขณะที่กู่ไท่เป็นผู้ใช้พลังเลเวล S2 หากโจมตีด้วยหมัดเดียว ยังสามารถปลดปล่อยพลังโจมตีได้มากถึง 15 ล้านแต้ม

ยิ่งไปกว่านั้น หากเสริมทักษะลับวรยุทธโบราณเข้าไป การจะโจมตีให้ได้เกินกว่า 30 ล้านแต้ม เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องง่ายดาย

พลังโจมตี 30 ล้านแต้มก็เท่ากับ 3 ล้านเมตร ในกรณีนี้ หากเทียบกับสถานะกลุ่มที่มีผู้ใช้พลังเลเวล A อยู่ทั้งสิ้น 37 คนของกู่ไท่แล้ว มันไม่แตกต่างกันมากนัก ขึ้นอยู่กับว่ากู่ไท่สามารถโจมตีได้รุนแรงขนาดไหน

ในขณะที่เลเวล A ทั่วๆไป พวกเขาสามารถโจมตีได้ในระดับหลักล้านเท่านั้น หากโจมตีได้ 1 ล้านแต้ม ก็จะเปลี่ยนเป็นอาณาเขตเท่ากับ 100 กิโลเมตร

ยิ่งมีความแข็งแกร่งมาก ก็ยิ่งครอบครองอาณาเขตในมิติธารโลหิตได้มาก ข้อเสนอนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากฝูงชน

แม้คนอ่อนแอจะไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีที่ว่างให้คนเหล่านั้นพูด

เพราะในโลกใบนี้ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่เป็นใหญ่!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด