ตอนที่ 164 มาเล่นกันเถอะ
ตอนที่ 164 มาเล่นกันเถอะ
เมืองย่อย 33 รัฐบาลกลางไทกีล่า
ภายในห้องของรักษาการนายกรัฐมนตรี อาบิเกลนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานที่กองไว้ด้วยเอกสาร ด้านข้างยังมีคนของเขาอยู่อีกสองสามคน เบื้องหน้าของชายหนุ่มคือรัฐมนตรีอาวุโสซามูเอลผู้ที่พึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้ามาในตำแหน่งนี้ และซามูลยังพึ่งจะเดินทางกลับมาจากการเจรจากับสมาพันธ์นักล่า หรือจะพูดให้ถูกก็คือ เจรจากับไนเรล
“ตกลงว่าเขายอมเข้าร่วมกับพวกเราหรือไม่” อาบิเกลถามไปตรง ๆ
ซึ่งซามูเอก้ตอบกลับไปตรง ๆ เช่นกัน “ไม่”
“เพราะอะไร?” อาบิเกลกัดฟันพูด้วยความโกรธ
ซามูเอลไม่ได้ตอบคำถามของอาบิเกล ถึงยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์อีกอย่าง อาบิเกลนิ่งเงียบไปไม่ได้ถามอีกแม้เขาจะโกรธมาก แต่ก็ไม่อาจจะเสียมารยาทกับซามูเอลได้ ที่เมื่อย่อย 33 นี้อิทธิพลของซามูเอลอาจจะมากกว่ารัฐบาลที่เขาควบคุมอยู่ด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาต้องการให้ซามูเอลอยู่ข้างตัวเองจนกว่าจะรวบรวมรากฐานของรัฐบาลไทกีล่ากลับมาได้ก่อน ถึงจะไม่จำเป็นต้องใช้อิทธิพลของซามูเอล
“อันที่จริงก็ไม่เชิงว่าเจรจาล้มเหลว” ซามูเอลกล่าวออกมา
“หมายความว่ายังไง”
“ไนเรลไม่เห็นด้วยที่พวกเราจะยึดเมืองหลวงคืน เขาบอกมันไร้ประโยชน์ เพราะตอนนี้จีนาสกำลังจะย้ายมาที่เมืองหลวงใหม่”
“เรื่องนั้นพวกเรารู้อยู่แล้ว ดังนั้นคนไทกีล่าทั้งหมดควรจะรวมตัวกันยึดเมืองหลวงใหม่คืนและขับไล่จีนาสออกไปไม่ใช่หรือไง”
“มันไม่ง่ายแค่นั้น ยังมีอามิวกัสที่ตอนนี้ประเทศล่มสลายไปแล้วได้เลือกถอนกำลังมาที่เมืองหลวงใหม่ ยังมีสิ่งที่เรียกว่า เผ่าเจ้าสมุทร (อสูร) ตามพวกอามิวกัสมาด้วย” ซามูเอลอธิบาย
“ใครให้ข้อมูลพวกนี้กับคุณ” อามิวกัสถาม
“ไนเรล”
“คุณเชื่อ?” อาบิเกลถามจี้ซามูเอลจนทำให้ชายชรารู้สึกไม่พอใจ แต่ชายราก็ตอบกลับไป
“มันไม่สำคัญตอนนี้นายคือรักษาการนายกรัฐมนตรี ดังนั้นการตัดสินใจเชื่อไม่เชื่อขึ้นอยู่กับนาย แต่ถ้านายจะฟังตาแก่คนนี้สักหน่อยก็จะดีมาก”
“ผมยินดีฟังคุณพูดมาเถอะ” อาบิเกลพูดด้วยความจริงใจ แต่ภายใต้ใบหน้าจริงใจนี้ไม่มีใครรู้ว่าซ่อนอะไรไว้อยู่
“ฉันหวังว่านายจะยังไม่โจมตีเมืองหลวงใหม่ในตอนนี้”
สีหน้าของอาบิเกลมืดมนมากเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “คุณกำลังบอกให้ผมอยู่เฉย ๆ”
“ไม่ แค่รอ”
“รออะไร”
“รอเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้สิ่งที่เราต้องกังวลไม่ใช่แค่จีนาส แต่คือซอมบี้ตอนนี้ในเมื่อเราเสียเมืองหลวงใหม่ไปแล้วก็ควรจะปล่อยมันไปก่อน ควรจะหันกลับมาดูแลประชาชนที่เหลือรอด ตอนนี้มีคนจำนวนมากที่อดอยาก และมีโรคระบาดหลายแห่งควรที่จะไปช่วยพวกเขาก่อน”
“เรื่องนั้นฝากท่านรัฐมนตรีอาวุโสจัดการด้วยก็แล้วกัน ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำ” อาบิเกลพูดออกมาอย่างชัดเจนนั้นคือ เขาไม่มีเรื่องที่จะพูดอะไรอีก เชิญซามูเอลออกไปได้แล้ว
ซามูเอลเข้าใจความหมายของอาบิเกล แต่ก็อดส่ายหัวไม่ได้ ดูเหมือนอาบิเกลจะเลือกไว้อยู่แล้วว่าจะทำอะไร
......
หลังจากที่ซามูเอลออกมาจากก็ตรงไปหาพลเอกมาราคอฟ ซึ่งสร้างคาวมแปลกใจให้กับมาราคอฟเป็นอย่างมาก
“ไวสหายเก่า นายมีอะไรถึงมาหาฉันได้” มาราคอฟทักทายซามูเอล
“ฉันต้องมีเรื่องอะไรหรือไงถึงมาหานายได้”
“หรือว่าไม่มี?”
“เปล่า ที่จริงมีคนฝากข้อความมาให้นาย”
“ข้อความ จากใคร? ไอ้หนูอาบิเกลหรือ”
“ไม่ใช่ มาจากประธานสมาพันธ์นักล่า”
“ไอ้หนูตระกูลอาโรเดีย”
ซามูเอลพยักหน้าว่าใช่ ทำเอามาราคอฟแปลกใจ แต่ที่แปลกใจมากกว่านั้นคือที่ซามูเอลยอมรับฝากข้อความของไนเรล
“ช่างน่าแปลกที่ตาแก่หัวรั้นแบบนายเลือกจะเป็นคนส่งข่าวให้คนตระกูลอาโรเดีย ช่างเปลี่ยนไปเร็วจริง ๆ”
“บางทีอาจจะเปลี่ยนไป ตั้งแต่ที่นายเสนอชื่อของฉันให้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว ฉันไม่ได้ทำเพื่อตระกูลอาโรเดีย แต่ทำเพื่อหลานสาวคนเดียวของฉัน หรือนายไม่คิดว่าไทกีล่าที่เน่าตั้งแต่ภายในควรจะถูกทำลายลงและสร้างขึ้นมาใหม่ได้แล้ว” ซามูเอลยื่นมือไปหยิบถ้วยน้ำชายกขึ้นดื่ม
“ตายในกองไฟถือกำเนิดในกองขี้เถ้า นายจะพูดแบบนั้นใช่ไหม”
“คนแก่อย่างพวกเราอยู่มานานมากแล้ว ยุคของพวกเราใต้ไปตั้งแต่วันที่ซอมบี้ถือกำเนิดและโลกที่เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้มันคือโลกของคนหนุ่มพวกนั้น”
“ถ้างั้นนายคิดว่าใครกันที่จะเป็นผู้นำหลังจากไทกีล่าถือกำเนิดใหม่ อาบิเกล? หรือไนเรล?” มาราคอฟหยิบบุหรี่ราคาถูกมาสูบ
“ไนเรลนำหน้าอาบิเกลไปมาก”
“แต่อาบิเกลมีขุมพลังของรัฐบาลที่เหลืออยู่ซึ่งไม่อาจจะดูถูกได้” มาราคอฟส่วนขึ้นมา
“ดังนั้นอาบิเกลต้องมอดไหม้อย่างแน่นอน เพราะถ้าเขายังคงยึดเอาไทกีล่าเป็นที่ตั้ง”
มาราคอฟถึงกับนิ่งเงียบไปทันที อาบิเกลยึดประเทศเป็นที่ตั้งถึงมอดไหม้ แล้วไนเรลยึดอะไรเป็นที่ตั้งถึงถือกำเนิดในโลกนี้ได้ มาราคอฟไม่สามารถตัดสิ้นได้ว่าใครถูกใครผิด มีแต่เวลาที่กำลังมาถึงเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ได้
“เด็กนั้นไปที่เมืองหลวงไทกีล่าจริง ๆ ใช่ไหม”
“ตอนฉันไปถึงเจ้าเด็กนั้นนำกองทัพเกือบทั้งหมดออกไปที่เมืองหลวงไทกีล่าจริง ๆ ตอนนี้คงจะเปิดฉากสู้กับซอมบี้ที่นั่นแล้ว”
“เรื่องที่เด็กนั้นฝากมาคืออะไร” พลเอกมาราคอฟกลับมาที่หัวข้อที่ทั้งสองคุยค้างไว้
“เด็กนั้นบอกว่า สงครามกำลังมา มนุษย์ก็คือมนุษย์เหมือนกัน พวกที่ต้องการฆ่าเผ่าพันธุ์มนุษย์คิดแค่นี้ ส่วนซอมบี้พวกเราคืออาหารแค่นั้นดังนั้นเมื่อถึงเวลานายควรจะตัดสินใจได้ถูกต้อง” ซามูอลพูดคำพูดของไนเรลไปตรง ๆ
“เด็กนี้ช่างน่ากลัว” มาราคอฟพูดออกมาด้วยเสียงที่เบา แต่ซามูเอลได้ยิน เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ซึ่งคงจะมีแค่ทั้งสองคนเท่านั้นที่รู้ว่า “น่ากลัว” หมายถึงอะไร
......
ขณะที่ทั้งซามูเอลและมาราคอฟพูดคุยกัน เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้การสนทนาของทั้งคู่ถูกแอบฟังโดยอาบิเกล ซึ่งมีหญิงสาวมนุษย์ชั้นสูงระดับสีเขียวผู้มีความสามารถลึกลับ [นิมิตไร้ระยะ A] สามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสถานที่ ซึ่งแม้ห่างไกลหลายร้อยหลายพันกิโลเมตรได้
อีกทั้งยังสามารถฉายภาพที่เห็นผ่านดวงตาทั้งสองออกมาได้ แม้พลังต่อสู้ของเธอจะเป็นศูนย์ แต่พลังในการสอดแนมนับว่าเต็มร้อย
“ท่านอาบิเกล ตาแก่สองคนนี้คิดไม่ซื่อกับท่าน เราควรจะสงคนไปเก็บพวกมันเลยไหม” เคเดนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อาบิเกลพูดด้วยความโมโหกับการกระทำของทั้งสองคน
“นายอย่าได้ไปยุ่งกับทั้งสองคนเป็นอันเด็ดขาด แม้พวกเขาจะไม่ใช้ระดับสีน้ำ แต่พลังและอิทธิพลที่พวกเขาถืออยู่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราในตอนนี้จะเสี่ยงได้...แต่แค่ตอนนี้ละนะ” อาบิเกลพูดออกมาพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลสนัย
“ท่านอาบิเกล ถ้าเรื่องที่ตาแก่นั้นบอกว่าสมาพันธ์นักล่าพากองกำลังทั้งหมดไปที่เมืองหลวงเก่าแล้ว เราอาศัยจังหวะนี้ยึดเมืองซานติเกียดีไหม”
อาบิเกลส่ายหัว “มันเสี่ยงเกินไป รอให้ไนเรลสู้กลับซอมบี้จนเละกันไปข้าง ถึงตอนนั้นจะเป็นเวลาที่ดีมากกว่า เพราะถ้าไนเรลและซอมบี้แพ้ก็เข้าโจมตี แต่ถ้าซอมบี้ชนะ เราก็แค่ปล่อยพวกมันไป และหันไปจัดการกับจีนาสแย่งเมืองหลวงใหม่คืนมา ถึงตอนนั้นผู้คนก็จะตาสว่างเองว่าไม่ใช่สมาพันธ์นักล่าที่เป็นผู้กอบกู้แต่เป็นข้า อาบิเกลผู้นี้”
น้ำเสียงของอาบิเกลเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาไม่ได้พูดถึงในกรณีที่ไนเรลชนะเลยแม้แต่น้อย เคเดนและคนรอบ ๆ หลังจากที่ได้ฟังที่อาบิเกลพูดก็ยอมรับคำพูดของเขาอย่างไร้ข้อกังขา โดยที่ไม่รู้สึกตัวเลยว่าภายในคำพูดเหล่านั้นมีความสามารถประเภทจิตใจของอาบิเกลชี้นำอยู่ด้วย
“เลิกสนใจเรื่องพวกนี้ก่อน ไปรวบรวมกองทัพมนุษย์ชั้นสูง และทหารไทกีล่าที่เหลือมาพวกเราจะไปโจมตีพาราซัสกัน ไม่สิต้องบอกไปฆ่าจีนาสกัน”
“รับทราบ”
หลังทุกคนออกไปอาบิเกลก็พึมพำออกมา “พวกท่านทั้งสองคิดผิดแล้วฉันไม่ได้เอาไทกีล่าเป็นที่ตั้ง แต่เป็นตัวเองตั้งหาก”
ดวงตาของอาบิเกลเปลี่ยนกลับไปกลับมาอย่างต่อเนื่อง มันมีทั้งความดำมืดจากภายในที่สามารถดึงให้ความตายมาฆ่าชีวิตได้ และยังมีทั้งความส่องสว่างที่บริสุทธิ์จนอาจจะทำให้ผู้คนศรัทธาไร้ข้อกังขา
......
เมืองหลวงไทกีล่าเก่า เหนือกำแพงเขตชานเมืองที่ประจันหน้ากับสะพานและแม่น้ำของเมืองหลวงไทกีล่าที่ห่างไปไม่กี่กิโลเมตร
เบื้องหลังกองทัพสมาพันธ์จำนวน 60,000 นายจัดขบวนรบตามความสามารถของมนุษย์ชั้นสูงเป็นหลัก ถัดมาก็คือเหล่ากองทัพนักล่ามากกว่า 50,000 คนที่เลือกจะสู้กับกองทัพแห่งความตายเพื่อโลกใบใหม่ที่พวกเขาเฝ้ารอ
มนุษย์ทั้งแสนกว่ารู้ว่าในวันนี้พวกเขาอาจจะตายกันหมดเลยก็ได้ แต่ก็ไม่มีใครคิดจะถอยหนี พวกเขาไม่ใช่ว่าถอยไม่ได้ แต่เลือกที่เลิกถอยแล้ว
ไนเรลหันไปมองพวกผู้คนทั้งคนธรรมดา มนุษย์ชั้นสูง นักล่า ทหาร ช่าง คนทำอาหาร คนงานทุก ๆ คนเท่าที่เขาจะรับรู้ได้ ไนเรลพูดผ่านด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังผ่านเกล็ดหิมะที่ตกลงมาอย่างรุนแรงท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี
“เมื่อวันสิ้นโลกมาถึงพวกเราหนีด้วยความสิ้นหวัง เมื่อฝูงซอมบี้มาพวกเราหนีเข้าไปหลบหลังกำแพง เมื่อพวกมันยึดเมืองหลวงของพวกเรา พวกเราทำได้แค่มองดู เมื่อพวกมันจับมนุษย์เราเป็นอาหารพวกเราได้แต่สั่นกลัว พวกเรามนุษย์อ่อนแอใช่หรือไม่ เปล่าเลย พวกเราไม่ได้อ่อนแอ แล้วทำไมพวกเราถึงสู้พวกมันไม่ได้ เพราะพวกมันไม่กลัวตาย เพราะพวกมันตายอยู่แล้ว แต่พวกเรากลัว”
“แต่เพราะเรากลัว! เราจึงมีชีวิต! มีความหวัง! มีความรัก! ดังนั้นพวกเราจึงจะชนะ แม้จะตายแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายายลูกหลานเราจะชนะ! เพื่อนพี่น้องเราจะชนะ! เผ่ามนุษย์จะดำรงอยู่ต่อไป พวกเขาจะอยู่ต่อไป...เพราะการต่อสู้ของพวกเรา”
เสียง “เพราะการต่อสู้ของพวกเรา” ดังก้องไปในอากาศทุกคนต่างตะโกนออกมาพร้อมกัน แม้แต่เกล็ดหิมะก็ยังสั่นไหว
“เพราะการต่อสู้ของพวกเรา”
“เพราะการต่อสู้ของพวกเรา”
“เพราะการต่อสู้ของพวกเรา”
ตอนนี้ความหวาดกลัวที่เคยซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจกลับหายไปหมดแล้ว มันมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ การต่อสู้นี้พวกเขาจะชนะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แม้ตายพวกเขาก็จะชนะ
กองกำลังหมาป่า กองกำลังพยัคฆ์ ขึ้นหลังม้ายักษ์ล้มหายใจของมนุษย์ชั้นสูงและม้ายักษ์สอดผสานเป็นหนึ่งเดียวเฝ้าคอยการต่อสู้ที่กำลังมาถึง
ดันใดนั้นอากาศรอบ ๆ ก็เหมือนจะหนักขึ้นห่างออกไปทางฝั่งของเมืองหลวงไทกีล่า กองทัพซอมบี้สติปัญญาระดับ 5 นับ 50 ตนเดินออกมาจากเงาหมอกของหิมะที่ตกหนัก ทุกตนต่างเดินเท้าเปล่า แต่มีอยู่สองตนที่แตกต่างและต้องเป็นทั้งสองเท่านั้นที่สามารถอยู่เหนือซอมบี้สติปัญญาระดับ 5 พวกนี้ได้
“ฮี่ ๆ ๆ พี่ชายมาเล่นกันเถอะ” เสียงที่ทรงพลังที่ผ่านกันของสองเสียง ดังไปทั่วทั้งเมืองหลวงไทกีล่าและชานเมือง คนธรรมดาหลายคนถึงกลับเจ็บปวดเลือดไหลออกตามช่อวงว่างของร่างกาย บางคนทนไม่ได้ตกตายไปทันที
มนุษย์ชั้นสูงที่ต่ำกว่าระดับสีน้ำเงินได้รับผลกระทบแตกต่างกันออกไป
“แน่นอน ครั้งนี้มาเล่นกันเถอะ”
แต่ทันใดนั้นเสียงของไนเรลก็ดังขึ้นช่วยให้การโจมตีของซอมบี้แฝดลดลงไปมากจนแทบไม่มีผลกระทบ