WS บทที่ 64 บอส PART 2
เจ้าหญิงเชอรีสได้หันไปมองต้นเสียง เธอได้เห็นกองกำลังอัศวินที่เคลื่อนพลเข้ามาอย่างดุดัน เธอได้ตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่จะนึกตัวตนของกองกำลังอัศวินพวกนี้ออก
“พวกเขาเป็นอัศวินเกราะเหล็กของบารอนวิลสัน เราไม่คาดคิดเลยว่าเขานำอัศวินมาช่วยพวกเรา ภายหลังจากที่เราปฏิเสธความจงรักภักดีของเขาไป
ถึงโจรพวกนี้จะไม่ใช่โจรธรรมดาแต่ถ้ากองอัศวินของเรากับกองอัศวินเกราะเหล็กของบารอนวิลสันร่วมมือกัน มันอาจจะเกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงก็ได้
รองบัญชาการเตรียมตั้งขบวนโจมตี เราจะบุกโจมตีพวกโจรพร้อมกับบารอนวิลสัน”
เจ้าหญิงเชอรีสสั่งการพร้อมกับมองไปทางเลห์แมนด้วยสายตาที่ซับซ้อน เธอรู้ดีว่าความจงรักภักดีที่เลห์แมนมอบให้เธอนั้นไม่ใช่เป็นเพราะความภักดีต่อราชวงศ์แต่เป็นความรู้สึกขอบคุณต่อเจ้าชายเฟรดเดอริคต่างหาก เธอคิดว่านี่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
ตัดภาพมาที่กองอัศวินเกราะเหล็กที่นำทัพโดยเลห์แมน พวกเขากำลังเคลื่อนพลลงมาจากเนินเขา ตามเส้นทางเต็มไปด้วยการนองเลือดที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง พวกโจรจำนวนมากถูกฆ่าโดยอัศวินเกราะเหล็ก
แม้พวกเขาจะมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าคนปกติมากเพียงใดแต่พวกเขาก็ยังเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่จับกลุ่มรวมตัวกันจึงไม่อาจสู้กับอัศวินที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีได้
เลห์แมนได้ฟาดฟันพวกโจรอย่างต่อเนื่อง ดาบเปลวไฟของเขาได้สังหารพวกโจรไปทีละหลายคนในการฟาดฟันเพียงครั้งเดียว
ด้วยเหตุทำให้เขาสามารถบุกเข้ามาช่วยผู้บัญชาการแมนซ์ได้ทันเวลา เขาจ้องมองตรงไปที่ชายที่รอยสักแปลก ๆ บนใบหน้า
“พี่น้องของฉันตอนนี้อยู่ที่ไหน”
เมื่อบอสได้เห็นเลห์แมนปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็เดาตัวตนของเลห์แมนได้ทันทีว่าเป็นขุนนางกระจอก ๆ ที่เขาสั่งให้ลูกน้องของเขาไปขัดขวาง
“พวกมันตายด้วยคมดาบของข้าไปแล้ว”
เลห์แมนตอบอย่างเย็นชาพร้อมกับแพร่ออร่าพุ่งไปกดดันบอสของกองโจรพายุอย่างดุร้าย นี่เป็นความสามารถที่มีเพียงนักดาบธาตุระดับสี่ขึ้นไปเท่านั้นที่จะทำได้
แม้ว่าเลห์แมนจะเป็นเพียงนักดาบเพลิงระดับสองแต่เขาก็สามารถไปถึงจุดสูงสุดของนักดาบธาตุสามได้โดยพรสวรรค์ของเขา
“ฮึ่ม!! ดูเหมือนฉันจะประเมินพลังของแกต่ำไปแต่ฉันไม่คิดว่าหลังจากที่แกฆ่าลูกน้องของฉันไป ยังกล้าโผล่หัวมาที่นี่ แกนี่ช่างรนหาที่ตายจริง ๆ”
*ปัง*
หลังจากที่บอสพูดจบเขาก็กระทืบพื้นและพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงราวกับลูกปืนใหญ่
“คลื่นอัคคี!!”
เลห์แมนคำรามออกมา เขาได้ระเบิดพลังไฟพร้อมกับพลังกล้ามเนื้อ ทำให้ชุดเกราะที่เขาส่งเสียงเสียงเอี๊ยดอ๊าดออกมา
ด้วยร่างกายที่สองถึงสองเมตรประจวบกับกล้ามเนื้อที่กำยำ ตัวเขาในตอนนี้ไม่ต่างภูผาที่เคลื่อนที่ได้เลย
*ตูม!!!*
ดาบของเลห์แมนได้ปะทะลูกถีบของบอสอย่างรุนแรงจนทำให้ตัวไม่สามารถรองรับการโจมตีได้ มันเริ่มปริและแตกออกมา
เลห์แมนได้โยนด้ามดาบทิ้งไป จากนั้นเขาก็ได้รัวหมัดที่ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟโจมตีใส่บอส ตัวเขาในตอนนี้ราวกับเทพเจ้าแห่งอัคคีที่ไม่มีสามารถหยุดยั้งเขาได้
ส่วนบอส แม้เขาดูไม่สง่างามหรือทรงพลังแต่เขาก็มีพละกำลังที่สูสีและการเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว ตัวเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลห์แมนเลย
“ฮ่า ๆ เอาอีก แค่นี้ยังไม่หนำใจเลย!!”
เลห์แมนได้คำรามออกมาดังลั่น มันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้พบเจอคู่ต่อสู้ที่ใช้พละกำลังปะทะกันได้อย่างสูสีแบบนี้
มันทำให้เขารู้สึกสนุกมากจนไม่สนรอบข้างเลย
หากพวกโจรหรืออัศวินได้ถูกใกล้ ๆ พวกเขาก็อาจจะได้รับลูกหลงได้ จึงทำให้พวกเขาแตกฮือวิ่งหนีอย่างเจ้าละหวั่น
แม้ว่าการต่อสู้ระหว่างเลห์แมนกับบอสจะจบลงได้ยากแต่การต่อสู้ระหว่างอัศวินกับโจรดูเหมือนจะกำลังใกล้จะสิ้นสุดแล้ว
หากพวกอัศวินยังไม่สามารถรับมือพวกโจรได้ กองกำลังของพวกอัศวินจะค่อย ๆ หายไปทีละคนและแพ้ไปในที่สุด
หากกองอัศวินเกราะเหล็กพ่ายแพ้ไปเรื่อย ๆ มันจะมีประโยชน์อะไรหากเลห์แมนเป็นฝ่ายชนะ
บนเนินเขาที่ห่างออกไป เมอร์ลินได้มาถึงสนามรบแล้ว เขากำลังมองดูการต่อสู้ที่อยู่เบื้องล่าง เขามองเห็นการต่อสู้ระหว่างเลห์แมนกับบอส แม้แต่เขาเองก็ยังบอกไม่ได้เลยว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ
“อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด อีกฝ่ายไม่มีพลังธาตุใด ๆ เลยจากร่างกายแต่กลับมีพลังได้มากขนาดนี้ แสดงว่าประติมากรรมจะต้องอยู่กับเขา”
จากนั้นเขาก็หรี่ตามองเลห์แมน เขาสังเกตเห็นว่าพละกำลังและออร่าของค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ ไปตามเวลา
“ดูเหมือนพลังธาตุไฟของท่านพ่อจะใกล้จะหมดแล้วที่เขาสามารถต่อสู้ได้อย่างบ้าคลั่งแบบนี้เพราะเขาสะสมพลังธาตุไฟมานานหลายเดือน ส่วนบอส ความแข็งแกร่งมาจากพลังกายของเขาและดูเหมือนว่าจะไร้ที่สิ้นสุด หากเป็นอย่างนี้ต่อไปท่านพ่อจะแพ้บอสในที่สุด”
ด้วยเหตุที่กล่าวมาข้างต้นประจวบกับเขาได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าบอสนั้นไม่ได้แข็งแกร่งเทียบเท่านักดาบธาตุระดับสี่ เขาจึงตัดสินเข้าร่วมการต่อสู้ทันที
เมอร์ลินพุ่งลงไปตามทางลาดของเนินเขาและพุ่งตรงไปหากลุ่มโจรเพียงลำพัง เมื่อพวกโจรเห็นเมอร์ลิน พวกเขาก็ง้างดาบใส่โดยไม่ลังเล
“แช่แข็ง!!”
*ครึ่ก ครึ่ก*
ยังไม่ทันที่ปลายดาบจะถึงตัวเมอร์ลิน โจรคนนั้นก็ได้ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งแทบจะทันที
เมอร์ลินยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ เขายังมุ่งหน้าต่อพร้อมกับแช่แข็งโจรทุกคนที่เดินผ่าน
ด้วยสถานการณ์นี้ทำให้พวกโจรแตกตื่นตกใจถอยหนีไปด้วยความกลัวทันที
“นักเวทย์!! หนีเร็ว!!”
พวกโจรได้แตกตื่นวิ่งหนีไป ทำให้บอสได้สังเกตถึงตัวตนของเมอร์ลินทันที เขาได้พุ่งปะทะกับเลห์แมนอย่างรุนแรง ก่อนจะกระโดดถอยออกมาตั้งหลักจากเลห์แมน จากนั้นเขาก็จ้องมองเมอร์ลินอย่างระมัดระวัง