Ep.903 - เลเวล S ที่ยังไงก็ตาย
Ep.903 - เลเวล S ที่ยังไงก็ตาย
ภูมิปัญญาของกษัตริย์กระดูกเทียบได้เลยกับมนุษย์ แม้ฉินเฟิงจะพยายามยั่วโมโหมันในตอนแรก แต่มันก็ยังไม่คิดออกหน้า
อย่างไรก็ตาม เมื่อฉินเฟิงสังหารสิ่งไม่มีชีวิตที่เหมือนแมวกลายพันธุ์ลง มันก็ฉุกคิดได้ ว่าหากยังปล่อยฉินเฟิงเข่นฆ่าสังหารต่อไป เหล่าซอมบี้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมือง เกรงว่าคงถูกกวาดล้างอย่างหมดจด
ถึงเวลานั้น ต่อให้กษัตริย์กระดูกจะนั่งกอดวังเอาไว้ได้ แต่คงไม่มีใครคอยรับใช้มัน ไม่มีกำลังรบไว้ใช้ต่อกรกับเหยื่อที่คิดบุกเข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์อีกต่อไป
อาจกล่าวได้ว่า การกระทำของฉินเฟิง กระตุ้นความโกรธของกษัตริย์กระดูกอย่างสิ้นเชิง
แต่นี่คือสิ่งที่ฉินเฟิงต้องการ จุดประสงค์ของฉินเฟิง คือการล่อลวงกษัตริย์กระดูกให้เสนอหน้าออกมา กำจัดมัน แล้วชิงศิลานรกมา
ฉินเฟิงกระโจนไปยังทิศทางของกษัตริย์กระดูก มุ่งเข้าสังหาร
“ทักษะก้าวทะลวงมิติ!”
ร่างของฉินเฟิง ยังคงยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่นั่นเป็นเพียงภาพเสมือนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ร่างจริงของเขา มาปรากฏขึ้นด้านหลังกษัตริย์กระดูกแล้ว
“หมื่นสับสังหาร!”
หนึ่งมีดตัดสับเฉือนจากเหนือศีรษะ รุนแรงชนิดแทบกรีดเปิดรอยแยกมิติ ตัดสังหารลงบนร่างมหึมาของกษัตริย์กระดูก
ตูมม!
ซากศพเน่าเปื่อยของกษัตริย์กระดูก แม้ไม่ถึงขั้นล่มสลายลงเป็นชิ้นๆ แต่ก็ทำให้มันโซซัดโซเซไปหลายก้าว มิอาจรักษาสมดุลร่างกายได้ ทั้งยังบังเกิดพลังแห่งความมืดบางอย่างขึ้นตามเส้นทางที่มันเซไป
ฉินเฟิงพุ่งทะลุพลังแห่งความมืดนี้ ตรงเข้าประชิดตัวกษัตริย์กระดูกอีกครั้ง
“ตาย!”
มีดกษัตริย์ครามสะบัดเหวี่ยงอย่างแรง ทุกการฟาดฟันจะแล่เนื้อชิ้นโตจากร่างกายกษัตริย์กระดูก หลังจากโจมตีไปหลายครั้ง ตามพื้นดินก็ถูกปกคลุมไปด้วยเศษซากศพ ทั้งหมดร่วงหล่นลงจากกายกษัตริย์กระดูก
“เทคนิคศพสังเวย!”
กษัตริย์กระดูกร้องตะโกน ซากศพเน่าเปื่อยที่อยู่รอบๆ กระทั่งเศษซากศพที่เคยถูกแล่ พลังฟุ้งไปด้วยพลังอำนาจบางอย่าง คืบคลานเข้าหาฉินเฟิง โถมกลืนโล่ปราณกำลังภายในของเขาเอาไว้
“เทคนิคระเบิดโลหิต!”
บรึ้มมมม!
ชั้นนอกของโล่ปราณกำลังภายในสั่นสะท้าน โล่ปราณกำลังภายในของฉินเฟิงทานรับแรงสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง แต่ผ่านไปสักพักค่อยเบาบางลง
กล่าวได้ว่าการโจมตีนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่อาจทำอะไรฉินเฟิงได้
“ปลดปล่อยเขตแดนขนาดย่อม!”
ในพริบตา พื้นดินรอบๆฉินเฟิง แปรสภาพเป็นร้อนระอุด้วยเขตแดนไฟ อุณหภูมิสูงขึ้น แผดเผาเนื้อหนัง ไม่เปิดโอกาสให้กษัตริย์กระดูกใช้ท่าเดิมโจมตีเขาอีกต่อไป
ท่ามกลางช่วงเวลาเดือดพล่าน ในจังหวะที่ฉินเฟิงมุ่งสมาธิไปกับเทคนิคอบิลิตี้ เมื่อเขาเริ่มก้าวออกมา กษัตริย์กระดูกคล้ายเตรียมต้อนการต้อนรับเขาเอาไว้แล้ว
“เทคนิคหนึ่งดรรชนีแห่งความตาย!”
รังสีแสงดำสนิท ตัดผ่านแสงกระจ่างของดวงดารา ทะลุเข้าไปอย่างเงียบๆ
หากเป็นคนอื่น คงไม่สามารถมองเห็นการปรากฏขึ้นของหนึ่งดรรชนีแห่งความตายด้วยซ้ำ แต่สำหรับฉินเฟิง หากสู้กันท่ามกลางความมืดมิด ตัวเขาน่ะไม่เป็นสองรองใคร
“หนึ่งดรรชนีแห่งความตาย!” ฉินเฟิงเองก็จี้นิ้วออกไปเช่นกัน แสงสีดำปะทุขึ้นในมือเขา นิ้ว นิ้วมรณะชี้ลงจากมุมสูง อำนาจทำลายปะทะกันและกัน
สองรังสีทมิฬ กลืนกินกันและกัน ทว่าไม่เกิดเสียงระเบิดหนักทึบแต่อย่างใด ต่างกระจัดกระจาย แหลกสลายไป
เพียงแต่ว่า รูนมืดที่แหลกสลาย ได้บดขยี้ทุกสิ่งรอบตัวมัน
ท่ามกลางเมืองไซเร็นที่ไร้สรรพเสียง บังเกิดหลุมขนาดใหญ่เจาะลึกลงไปในตัวซากศพมหึมา นี่ยังคงเป็นเพราะอบิลิตี้ของทั้งสองกัดกลืนกันในอากาศ หลุมใหญ่นั่นคือผลพวงที่ตามมา
“เป็นไปไม่ได้! เหตุใดเจ้าไม่ตกตายด้วยหนึ่งดรรชนี!”
พลังสมาธิของกษัตริย์กระดูก ถ่ายทอดน้ำเสียงไม่อยากเชื่อออกมา
การเรียนรู้หนึ่งดรรชนีแห่งความตาย อย่างน้อยก็ต้องใช้ทักษะในการควบคุมรูนมืด และเป็นการดำรงอยู่ในระดับสูง แต่ฉินเฟิงใช้กระบวนท่าวรยุทธต่อสู้กับกษัตริย์กระดูกตลอดมา แล้วจู่ๆใช้อบิลิตี้ได้ยังไง
ระหว่างที่กษัตริย์กระดูกไม่อาจทำความเข้าใจฉากตรงหน้าได้ พริบตานั้นกลิ่นอายหนึ่งก็วูบผ่านเข้ามาในการรับรู้ของทั้งสอง
เป็นยักษ์เกราะ!
เขาไม่สามารถอดทนอดกลั้น เฝ้าดูอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป
“ทักษะยักษาประกาศศึก!” ยักษ์เกราะคำรนเกรี้ยวกราด ร่างกายของเขาเริ่มบวมพองราวกับลูกบอล ขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้ขนาดที่เพิ่มขึ้นจะไม่สูงเท่ากษัตริย์กระดูก แต่อย่างน้อยก็ถึงน่องของอีกฝ่าย นอกจากนี้ในร่างกาย ยังเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอำนาจรุนแรง
ยังไม่พอ บนกายเขายังปรากฏเกราะรบชิ้นหนึ่ง สวมทับพอดีตัว ชุดเกราะนี้ แค่มองแวบแรกก็สามารถบอกได้ทันทีว่ามันคือสมบัติระดับเทวะ
“ว๊ากกกก!”
ยักษ์เกราะคำรามเกรี้ยวกราด ก้าวใหญ่ไปเบื้องหน้า ก้าวเดียวรุกคืบไปได้กว่าสิบเมตร แรงเหยียบย่ำก่อให้เกิดหลุมลึกบนพื้นดิน
มุ่งมั่นตรงเข้าหาร่างของกษัตริย์กระดูก หมายต่อสู้ในระยะประชิด คิดจับคว่ำกษัตริย์กระดูกลง
แต่ความเร็วของยักษ์เกราะ เห็นได้ชัดว่าเลวร้ายกว่าฉินเฟิงมาก
ขณะนี้กษัตริย์กระดูก ไม่อาจทำใจเชื่อว่าหนึ่งดรรชนีแห่งความตายของมันไม่ได้ผล ดังนั้นไม่ต้องเสียเวลาคิด ปลดปล่อยเทคนิคมรณะนี้อีกครั้ง ทว่าเป้าหมายมิใช่ฉินเฟิง หากแต่เป็นยักษ์เกราะ
เทคนิคหนึ่งดรรชนีแห่งความตายกลบกลืนไปกับความมืดมิด แต่เนื่องจากมันเป็นอบิลิตี้มืด ฉะนั้นยามใช้ออก จะให้ความรู้สึกไม่ดีกับผู้คน ในใจของยักษ์เกราะทันใดนั้นบังเกิดลางสังหรณ์ร้าย หัวใจเต้นครึกโครม ฝีเท้าชะงักไปชั่วขณะ แต่ด้วยร่างกายใหญ่โตที่ดูเงอะงะในเวลานี้ ทำให้เขาไม่สามารถหลบหลีกได้
วูซซซ!
หนึ่งดรรชนีจี้เข้ากลางศีรษะของยักษ์เกราะ
แม้จะเป็นเลเวล S แต่หากต้องเผชิญกับเทคนิคร้ายแรงถึงตายของผู้ใช้อบิลิตี้มืด ตัวเขาก็มิอาจทานทนไหว
ช่วงเวลาต่อมา ความเร็วของยักษ์เกราะถดถอยลง ยังไม่พอ ผมเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทา จากนั้นกลายเป็นขาวโพลน ผิวหนังถูกปกคลุมไปด้วยริ้วรอย แห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว
ในไม่กี่อึดใจ ยักษ์เกราะกลายเป็นแก่ชรา สูญสิ้นพลังชีวิตไป
“ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของฉันจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์นี้ จะในชีวิตไหนยักษ์เกราะยังคงตกตายลงในเมืองไซเร็น!”
และด้วยการตายของยักษ์เกราะ ก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของกษัตริย์กระดูก เพิ่มพูนยิ่งกว่าเดิม จนไม่มีใครกล้าเข้ามาตอแยที่นี่
จะมีก็แต่ฉินเฟิงเท่านั้น ฉินเฟิงผู้ไม่คิดเล่นตามกฏ ฉินเฟิงผู้ไม่หวั่นเกรงหนึ่งดรรชนีแห่งความตาย!
สุดท้ายเมื่อเทคนิคดังกล่าวใช้ไม่ได้ผล กษัตริย์กระดูกก็ไม่อาจทำอะไรฉินเฟิงได้
ฉินเฟิงสะบั้นมีดแล้วมีดเล่า กษัตริย์กระดูกยิ่งมายิ่งอ่อนแอ ฉินเฟิงฟาดฟันไม่หยุด ซากศพเน่าเปื่อยที่มาหลอมรวมกันเป็นร่างของกษัตริย์กระดูก ถูกตัดออกไป
ภายในซากศพเน่าเปื่อย โครงกระดูกสีดำสนิท แวววาวคล้ายคริสตัลปรากฏขึ้น บนศีรษะของมัน ปรากฏมงกุฏที่ฝังไว้ด้วยศิลาแห่งความมืด
“จงออกมาหยุดเขา!”
กษัตริย์กระดูกร้องคำรามด้วยความโกรธ จากนั้นกลิ่นอายแห่งความตายแผ่ขยายออกมา กระจายไปทั่ว กระจายไปทั้งรัศมี 10,000 เมตร
โครงกระดูกและซากศพนับไม่ถ้วน โดยไม่สนว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ทั้งหมดต่างวิ่งตรงมายังทิศทางนี้ สำแดงเจตจำนงชัดว่าต้องการสังหารฉินเฟิง
ครืนนน!
ผิวดินถูกแหวกเป็นรู อาคารปักหักพังทรุดตัวพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ ซอมบี้นับไม่ถ้วนโผล่ออกมา
ทว่าสีหน้าของฉินเฟิง กลับไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
ลางสังหรณ์ร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกษัตริย์กระดูก และในเวลานั้นเอง พื้นที่รอบๆค่อยแข็งตัว ก่อรูปขึ้นเป็นกล่องอย่างกะทันหัน
ภายในกล่อง มีเพียงฉินเฟิงกับกษัตริย์กระดูก ซากศพและโครงกระดูกอื่นๆ ไม่สามารถรุกล้ำเข้ามาได้
“ถ้าจะให้ยุติธรรม มันก็ต้องสู้กันแบบหนึ่งต่อหนึ่งสิวะ!” ฉินเฟิงกุมมีดกษัตริย์คราม ก้าวเข่นฆ่าไปเบื้องหน้า
ไป๋หลีนั่งอยู่บนยานรบ มีเพียงลูกแก้วที่อยู่ข้างกายเธอเปล่งแสงสว่างไสว คอยทำหน้าที่ควบคุมเขตแดนมิติ
และภายในเขตแดนมิติ ไม่นานก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนน่าเวทนาของกษัตริย์กระดูก
กษัตริย์กระดูกที่ยึดครองเมืองไซเร็นมายาวนานกว่า 200 ปี ช่วงเวลานี้ ได้มลายหายไปจากมิติมนุษย์อย่างสิ้นเชิง
เขตแดนมิติกระจายตัวออกไป เหลือเพียงฉินเฟิงที่ยังคงยืนหยัด โดยในมือเขา กุมไว้ด้วยแก่นอบิลิตี้ และมงกุฏ
*วันนี้ 3 ตอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้ผมชดเชยให้