Ep.902 - อยากสู้นักก็จัดให้!
Ep.902 - อยากสู้นักก็จัดให้!
“ในเมื่อมีคนไม่รักชีวิต งั้นก็ปล่อยให้มันสู้ไป!” ลูกชายของยักษ์เกราะกล่าวยิ้มเยาะ
ขนาดตัวตนทรงอำนาจอย่างพ่อเขา ยังไม่กล้าเสี่ยงบุกไปยังเมืองไซเร็นตอนกลางคืนเลย แล้วเจ้าหมอนั่นเป็นใครกัน ถึงกล้าทำแบบนั้น! แกว่งเท้าหาเสี้ยนนัก ก็ปล่อยให้มันตายสมใจเถอะ!
“น่าแปลก … ฉันไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของเลเวล S เลย หรือคนที่บุกเข้าไปจะเป็นแค่คนโง่จริงๆ?” ยักษ์เกราะงงงวยเล็กน้อย
ตำแหน่งที่เขาอยู่ ห่างจากใจกลางเมืองไซเร็นแค่ 30 กิโลเมตร ขณะที่พลังการรับรู้ของยักษ์เกราะอยู่ที่ 100 กิโลเมตร
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงทิศทางการต่อสู้ของฉินเฟิง อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงน่ะแข็งแกร่งกว่ายักษ์เกราะ เลยเป็นธรรมดาที่การรับรู้ของยักษ์เกราะจะไม่ได้ผล
และไป๋หลีเองก็อยู่ภายในระยะครอบคลุมของพลังการรับรู้ของฉินเฟิง ดังนั้นยักษ์เกราะไม่อาจตระหนักได้ถึงเธอเช่นกัน
เพราะแบบนี้เอง ยักษ์เกราะจึงเกิดความฉงน แต่เขาก็เห็นด้วยกับคำพูดของลูกชาย ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทำอะไร แค่คอยเฝ้ามองใจกลางเมืองที่กำลังลุกโชนด้วยเปลวเพลิงเฉยๆก็พอแล้ว
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
สองชั่วโมง
สาม …
ดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางฟ้า การต่อสู้ยังคงไม่มีทีท่าจะสิ้นสุดลง การสังหารหมู่ของฉินเฟิง ยังคงดำเนินต่อไป
“เหมียว!”
สัตว์ร้ายที่มีลำตัวยาวกว่าหนึ่งเมตรวิ่งพรวดออกมาจากมุมห้อง การเคลื่อนไหวของมันว่องไวมาก
ขนทั้งตัวฉินเฟิงลุกชัน สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามในชั่วพริบตา
การเคลื่อนไหวดังกล่าวรวดเร็วจนน่าตกใจ ต่อให้เขาคิดหลบเลี่ยง มันก็สายเกินไป
แคว่ก ..!
ไม่ต่างจากเสียงเล็บแมวข่วนประตู โล่ปราณกำลังภายในของฉินเฟิง ตรงตำแหน่งเบื้องหลังทิ้งร่องรอยสีขาวเป็นขีดๆเอาไว้
เมื่อหลบเลี่ยงไม่ได้ โล่ปราณกำลังภายในก็รับการโจมตีแทน หากไม่มีชั้นป้องกันนี้ บางทีฉินเฟิงอาจถึงขั้นเสียชีวิต
“ไม่เลวนี่!”
ฉินเฟิงปลดปล่อยการรับรู้ของเขา ล็อคลงบนร่างสัตว์ร้าย
ปรากฏว่าสัตว์ร้ายตัวนี้ แท้จริงแล้วมันอยู่ในระดับสัตว์เทวะเลเวล A3!
ยิ่งไปกว่านั้น คล้ายกับว่ามันจะสามารถตัดผ่านระดับสัตว์เทวะได้ เพราะความว่องไวของมัน รวดเร็วเกินกว่าปฏิกิริยาของผู้คนจะตอบสนอง
“สัตว์เทวะก็สมควรมีความแข็งแกร่งในระดับเทวะ หากมีส่วนใดส่วนหนึ่งโดดเด่นเป็นพิเศษ นั่นหมายความว่าต้องมีส่วนหนึ่งด้อยลงมา การที่มันว่องไวแบบนี้ นั่นหมายความว่า สิ่งที่ต้องแลกกับความปราดเปรียว คงไม่พ้นร่างกายที่อ่อนแอ”
ได้ข้อสรุปเช่นนี้ มีดกษัตริย์ครามในมือเริ่มกวัดแกว่ง
แต่ก็อย่างว่า แมวเทวะกลายพันธุ์ตัวนี้รวดเร็วเกินไป ทั้งสองต่อสู้กัน แต่ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครทำร้ายกันได้
จนการต่อสู้ดำเนินไปกว่าร้อยกระบวนท่า ฉินเฟิงก็ยังไม่สามารถคว้าได้แม้เส้นขนของแมวเทวะ
“วู้! ช่างมันเถอะ!” ฉินเฟิงไม่อยากเอาชนะด้วยความเร็วอีกต่อไป อักษรรูนไฟมหาศาลปะทุจากกายเขา แตกกระจายไปทั่วบริเวณ
ในพริบตา ภายในรัศมี 300 เมตรรอบตัวฉินเฟิง ธารลาวาเริ่มก่อตัวขึ้น
“เขตแดนชั้นแรก!”
แผ่นดินถูกปกคลุมไปด้วยลาวา สิ่งปลูกสร้างที่ยังไม่ล่มสลาย ค่อยๆทรุดจมลงไปทีละหลัง จากนั้นเริ่มถูกหลอมละลาย ทั่วทั้งรัศมี 300 เมตร ไม่เหลือมุมอับใดให้หลบซ่อนอีกต่อไป
“เหมียว!” แมวกลายพันธุ์ร้องโหวกเหวกคำหนึ่ง ในฐานะสัตว์เทวะ แม้มันจะเป็นสัตว์ร้ายที่ตายไปแล้วก็ตาม แต่จิตวิญญาณยังแข็งแกร่ง เรื่องนี้ช่วยให้มันฉลาดหลักแหลมมาก
ด้วยความฉลาดของมัน ทำให้มันตระหนักว่า ภัยคุกคามที่นี่เลวร้ายเกินไป
เมื่อคิดได้เช่นนี้ แมวเทวะก็ตัดสินใจวิ่งออกจากรัศมีเขตแดนด้วยความเร็วสูง
เพียงแต่ว่า คนอย่างฉินเฟิงจะปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดมือไปได้อย่างไร?
ช่วงเวลาถัดมา จากร่างกายของฉินเฟิง อักษรรูนสีเหลืองที่เหมือนกับดินปะทุออกมาอีกระลอก รัศมีที่ห่างออกไป 300 เมตร ถูกเปลี่ยนเป็นเขตแดนปฐพี ยอดเขาแหลมทะลวงจากเบื้องล่างทันใด
“เขตแดนชั้นที่สอง!”
ยอดเขาสูงแหลมปิดล้อมเขตแดนไฟอีกชั้นหนึ่ง ทว่าหากทั้งหมดมีแค่นี้ มันคงไม่ใช่เป็นเขตแดนที่ทรงพลัง ณ บนยอดเขาที่รายล้อมในเขตแดนชั้นสอง ปรากฏสนามแม่เหล็กแผ่กระจายออกมา ซอมบี้ตัวใดที่ติดอยู่ในเขตแดน บังเกิดความรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาทันที
เทคนิคสนามแม่เหล็กแรงโน่มถ่วง!
จากนั้น บนท้องฟ้า ปรากฏอุกกาบาตลุกไหม้ร่วงตกลงมา ทุบทำลายพื้นดินในเขตแดน
แมวเทวะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแรงโน้มถ่วง ความปราดเปรียวของมันเชื่องช้าลง ไหนจะโดนโจมตีด้วยอุกกาบาตจากเบื้องบน
พื้นดินที่สามารถหยั่งเท้าได้ก็ปกคลุมไปด้วยธารลาวา มังกรไฟและเทคนิคอื่นๆ แผดเผาร่างกายมันอย่างต่อเนื่อง ไม่คิดปล่อยให้มันหาที่ซ่อนตัว
“เหมียววว!”
แมวเทวะส่งเสียงร้องแหลม แต่หากฟังดีๆจะพบว่านี่คล้ายเสียงทารกร่ำไห้ ชวนให้ผู้ฟังรู้สึกขนลุกยังไงบอกไม่ถูก มันพยายามดิ้นรนปีนป่ายขึ้นไปบนยอดเขา เพื่อสลัดหลุดพ้นจากอำนาจโจมตี
อย่าลืมสิว่าทั้งสองต่างอยู่ในระดับเทวะ และเมื่อระดับเท่ากัน หากมีฝ่ายใดคิดหนี อีกฝ่ายย่อมไม่อาจฉุดรั้งเอาไว้ได้ แมวเทวะคิดหลบหนี หากพ้นรัศมีเขตแดน การจะจากไปไม่ใช่เรื่องยากเลย
มันคิดจะออกก็ออก แต่ฉินเฟิงไม่มีทางยอมปล่อยมันจากไป
ด้วยการโจมตีของเขตแดน ทำให้ร่างกายของมันหยุดชะงักชั่วขณะ และฉินเฟิงในที่สุดก็คว้าโอกาสนี้ไว้
“ทักษะหมื่นวิญญาณสะบั้น!”
ในพริบตา วิญญาณโหยหวยพุ่งออกมาจากมีดกษัตริย์คราม ปกคลุมห่อหุ้มร่างของแมวเทวะเอาไว้
แมวเทวะกรีดร้องน่าอนาถ จิตวิญญาณของมันถูกกัดแทะ เมื่อถูกรุมล้อมไปด้วยภูติผี ต่อให้เร็วแค่ไหน ก็ไม่อาจหนีพ้นได้
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดสะท้านตัดผืนฟ้า แต่สุดท้ายก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
ฟัฟฟฟ!
แมวเทวะร่วงตกจากยอดเขาชัน กลับเข้าสู่เขตแดนเพลิง เมื่อมันตกตาย ร่างกายที่เน่าเฟะก็ถูกเผาผลาญ เหลือทิ้งไว้เพียงแก่นอบิลิตี้เทวะขนาดเท่ากำปั้น ลอยในอากาศมาตกลงบนมือฉินเฟิง
“เห? แก่นเทวะก้อนนี้ ไม่ใช่แค่เป็นธาตุมืด แต่ยังมีอักษรรูนลมอยู่ด้วย”
ฉินเฟิงสำรวจแก่นอบิลิตี้ และเมื่อย้อนนึกถึงพลังพิเศษของตัวเอง เขาก็ไม่ลังเลใดๆ บีบแก่นอบิลิตี้เทวะนี้ทันที
“พลังพิเศษดูดกลืน!”
อักษรรูนและพลังสมาธิจำนวนมากหลอมรวมเข้าสู้จักรวาลแห่งจิตสำนึกของฉินเฟิง ทว่าเมื่อเขาแข็งแกร่งมาถึงจุดนี้ อาศัยแค่สัตว์เทวะตัวเดียว มันไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เขายกระดับ เกรงว่าบางที คงมีเพียงพลังสมาธิของสัตว์ร้ายอบิลิตี้เลเวล S เท่านั้น ถึงจะช่วยให้ฉินเฟิงสามารถยกระดับได้ในคราวเดียว
ระหว่างฉินเฟิงกำลังดูดซับแก่นอบิลิตี้ ภายในเมืองไซเร็น บางสิ่งบางอย่างดูเหมือนจะตื่นขึ้นแล้ว
ภายนอกเมือง ยักษ์เกราะเดิมมีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งฉินเฟิงปลดปล่อยทักษะหมื่นวิญญาณสะบั้น เขาก็ผุดลุกขึ้นทันที
“มันปรากฏตัวแล้ว! เป็นกลิ่นอายของเลเวล S จริงๆ ว่าแต่เป็นใครกัน? ตลอดมาถึงไม่สามารถรับรู้ได้เลย หรือจะเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าฉัน?” กลิ่นอายของฉินเฟิง ยักษ์เกราะไม่เคยเจอมาก่อน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ว่าฉินเฟิงคือตัวตนทรงอำนาจที่แวะเวียนมา
อย่างไรก็ตาม หลังฉินเฟิงปลดปล่อยกลิ่นอายเลเวล S อีกหนึ่งกลิ่นอายอันแสนกดดัน ก็โถมกวาดลงมา
ซากศพและโครงกระดูกเน่าเปื่อยในเมืองไซเร็น ทั้งหมดมารวมตัวกัน ก่อตัวเป็นยักษ์ใหญ่
ปัง!
ยักษ์สูงห้าสิบเมตรยกเท้าขึ้น ก่อนย่ำบดขยี้อาคารนับไม่ถ้วนท่ามกลางซากปรักหักพัง ก้าวสามขุมตรงมายังทิศทางของฉินเฟิง
ขณะนี้ ฉินเฟิงยังไม่ได้ถอนเขตแดนไฟ แต่แก่นอบิลิตี้ในมือเขาถูกดูดซับไปแล้ว
สายตาของฉินเฟิง เบนไปยังร่างศพยักษ์
กลิ่นอายเลเวล S อันทรงพลัง พัดฮือปะทะใบหน้าเขา
“นั่นน่ะเหรอกษัตริย์กระดูก? มันทรงพลังมากจริงๆ ดูเหมือนว่าจะทรงพลังยิ่งกว่ามหาจักรพรรดิมารกระดูกซะอีก!”
แม้จะอยู่ในเลเวลเดียวกัน แต่ความแข็งแกร่งยังคงแตกต่าง
เห็นได้ชัดว่ากษัตริย์กระดูกมีบรรดาศักดิ์เป็นราชันย์ ในขณะที่มหาจักรพรรดิมารกระดูกมีบรรดาศักดิ์เป็นจักรพรรดิ แต่ความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสอง กลับเป็นยศราชันย์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าหลายเท่า!
การดำรงอยู่เช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีชีวิตยืนยาว ไม่มีใครกล้ายั่วโมโหมัน!
“มนุษย์! เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
เสียงที่ส่งผ่านพลังสมาธิอันยากหาผู้ใดเปรียบ สะท้อนออกจากร่างซากศพยักษ์
จะเป็นเสียงของใครไปได้อีกหากมิใช่กษัตริย์กระดูก
มีดกษัตริย์ครามในมือฉินเฟิงกำแน่น บนอากาศที่ว่างเปล่าเบื้องหลังเขา ดวงดาราค่อยๆเผยโฉมออกมา
เก้าดารากระจายเป็นขบวนทรงพัด กลิ่นอายผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล S ฟุ้งกระจาย
“อยากสู้นักก็จัดให้!”