Ep.901 - เมืองไซเร็น
Ep.901 - เมืองไซเร็น
“เหรียญพลังงาน? นี่ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหมว่าคุณจะยอมแลกมันกับเหรียญพลังงานจริงๆ” ฝ่ายหญิงยืนยันอีกที และในครั้งนี้ เธอเอ่ยปากพูดตรงๆ
เพียงแต่ดูจากสีผมของฉินเฟิง เห็นได้ชัดว่ามันต่างจากผมบลอนด์และดวงตาสีฟ้าของเธอ พอรู้สึกตัวว่าเผลอหลุดปากไป และกำลังต้องการใช้พลังสมาธิช่วยแปล ฉินเฟิงก็เอ่ยปากแล้ว ตอบเธอเป็นภาษาจักรวรรดิเมเฮอร์อย่างคล่องแคล่ว
“ถูกต้อง แผนที่ยิ่งละเอียดเท่าไหร่ก็ยิ่งดี และมันจะดีมากๆถ้าพวกคุณทั้งกลุ่ม มอบมันให้ผม”
ในฐานะอดีตราชาทหารรับจ้าง ในชีวิตก่อนฉินเฟิงเคยเดินทางไปทั่วทุกสารทิศ รับภารกิจนับไม่ถ้วน ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าในปัจจุบัน พลังสมาธิสามารถช่วยพัฒนามันสมองของคนได้ ส่งผลให้สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ชนิดที่ว่าแค่ท่องจำ ก็สามารถสลักสิ่งที่เรียนรู้ไว้ในใจ นำมาเอ่ยซ้ำได้ตลอดเวลาที่ต้องการ
“ได้สิ ได้เลย!”
หญิงสาวดึงข้อมูลแผนที่ออกจากอุปกรณ์สื่อสาร สหายคนอื่นๆของเธอก็สาละวนดึงข้อมูลส่งแผนที่ให้ฉินเฟิงเช่นกัน ราวกับว่าหากช้าไปก้าวหนึ่ง พวกเธอจะไม่ได้รับเงิน
ฉินเฟิงรับแผนที่มา แผนที่มีรายละเอียดเยอะมาก กระทั่งส่วนนอกสุดยังมีเครื่องหมายพิเศษบางอย่าง ดูเหมือนจะเป็นเส้นทางที่คนกลุ่มนี้ใช้เดินทาง
ฉินเฟิงโยนถุงดำในมือให้ผู้หญิงคนแรก
“ขอบคุณ ลาก่อน”
“ลาก่อน” หญิงสาวรับคำ แต่สมาธิเพ่งมายังกระเป๋า เมื่อเปิดมันออกและเห็นเหรียญพลังงานที่อยู่ข้างใน หัวใจของเธอฟุ้งไปด้วยความสุข คนอื่นๆจ้องมัน ลมหายใจหอบถี่เล็กน้อย หญิงสาวคนแรกแบ่งปันเหรียญพลังงานให้กับเพื่อนๆของเธอ
แต่ในตอนนั้นเอง เธอเงยหน้าขึ้น หันมองรอบๆด้วยความสงสัย
“อ้าว แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ หายไปไหนแล้ว?”
“ดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปยังเมืองไซเร็น”
“อะไรนะ นี่มันกำลังจะมืดแล้ว เขาทำแบบนั้นแส่หาที่ตายชัดๆ”
“ช่างเขาสิ ใครจะสน? เจอแวบแรกเขาก็ดูเหมือนคนโง่แต่ร่ำรวยอยู่แล้ว แผนที่แบบนี้ ในจักรวรรดิใช้แค่หนึ่งเหรียญพลังงานก็สามารถดาวน์โหลดได้ แต่เขากลับจ่ายตั้งร้อยเหรียญพลังงาน!”
ผู้หญิงคนแรกเหมือนอยากจะเอ่ยอะไรอีก แต่เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของฉินเฟิง เธอก็ได้แต่ยอมแพ้ไป แต่ลึกๆรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ขอเบอร์ติดต่ออีกฝ่ายเอาไว้ในตอนส่งแผนที่
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวคงไม่รู้เลย ว่าความกังวลของเธอ มันไม่จำเป็นอย่างยิ่ง!
อันที่จริงฉินเฟิงไม่ต้องการดึงดูดปัญหา ดังนั้นเอาเหรียญพลังงานที่พกติดตัวมอบออกไป เบนความสนใจของคู่สนทนา อีกทั้งเขายังไม่มีความคิดที่จะเปิดเผยความแข็งแกร่งของตน
แม้ว่าเมืองนี้จะถูกยึดครองโดยกษัตริย์แห่งความมืดเลเวล S แต่อย่างไรเสียมันยังถือเป็นดินแดนของจักรวรรดิเมเฮอร์ แม้ยังหวาดระแวงภัยคุกคามอย่างกษัตริย์แห่งความมืด แต่เมืองๆนี้ก็ยังเป็นแหล่งทรัพยากรของพวกเขา
ฉินเฟิงขับยานรบ เข้าสู่เมืองไซเร็นโดยไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ
กองทัพซากศพเน่าเปื่อยในเมืองไซเร็น ราวกับว่าพวกมันไม่เห็นฉินเฟิงเลยสักนิด เดินสะเปะสะปะไร้ทิศทาง
ด้วยกลิ่นอายแห่งความมืดของฉินเฟิง ทำให้ซากศพเหล่านี้ยึดถือฉินเฟิงเป็นพวกเดียวกัน พวกมันรับรู้กระทั่งว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งยิ่งกว่า เลยเป็นธรรมดาที่ไม่กล้ายั่วยุ
ขณะเดียวกัน ยิ่งขับลึกเข้าไป ซากศพเน่าเปื่อยรอบๆก็ยิ่งแข็งแกร่ง ด้านนอกสุดมีเพียงซากศพเลเวล F เดินวนเวียนไปมา แต่ลึกเข้าไป ฉินเฟิงขับยานรบได้ราวๆหนึ่งชั่วโมง ก็พบว่าระดับของซากศพเน่าเปื่อย ไปถึงส่วนเลเวล B แล้ว
เมืองไซเร็นได้ถูกทำลายลงนับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ยุครอยแยกมิติในช่วงแรกๆ ศิลานรกร่วงตกลงมาที่นี่ นำไปสู่การล่มสลายของเมือง
ในช่วงต้น ประชากรในเมืองมิใช่อยู่ในหลักแสนเหมือนช่วงเวลาปัจจุบัน แต่มีเป็นหลักล้าน ดินแดนในจักรวรรดิเมเฮอร์รุ่งเรืองมาก เมืองนี้เดิมเคยเป็นมหานครที่คึกคักอันดับต้นๆ มีประชากรมากกว่า 30 ล้านคน
ซากศพเหล่านั้น แม้ข้ามผ่านช่วงเวลามากว่า 200 ปี แต่ก็ยังเก็บกวาดไม่หมด อีกทั้งซากศพเน่าเปื่อยเหล่านี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป พวกมันบ้างอาศัยอยู่ในอาคารสูง บ้างเดินเตร่บนท้องถนน ตามตรอกซอกซอย และสิ่งไม่มีชีวิตกลายพันธุ์พวกนี้ มิใช่มีเพียงมนุษย์ อย่างที่บอกไป มันเคยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ผู้คนนิยมเลี้ยงสัตว์ ทำให้ในตอนนี้ ทั้งหมดติดเชื้อ กลายพันธุ์เป็นซอมบี้ทรงพลัง
“ลงไปเดินกันเถอะ อีกไม่นานน่าจะหามันเจอแล้ว” ฉินเฟิงกล่าว
“ไม่อะ ฉันจะไม่ลงไป ที่นี่สกปรกมาก!” ไป๋หลีไม่ชอบอะไรจำพวกซากศพเนื้อเละๆแบบนี้เลย สภาพแวดล้อมของเมือง หลังผ่านการเคี่ยวกรำมาเป็นเวลานานหลายปี จากสรวงสวรรค์ก็ถูกเปลี่ยนเป็นความเสื่อมโทรม
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับฉินเฟิง ที่นี่ไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามใดๆต่อเขา ดังนั้นไป๋หลีไม่มีความคิดก้าวออกมาคอยระวังภัยให้เขา
“ก็ได้ งั้นเธอรออยู่ในรถ เจ้าจิ้งจอกน้อยรักความสะอาด!”
ฉินเฟิงยื่นมือบีบแก้มน้อยๆของอีกฝ่าย ตัดสินใจลงสำรวจเพียงลำพัง
พลังการรับรู้ของฉินเฟิงแพร่กระจายออกไป ตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่พบตัวตนทรงอำนาจ กษัตริย์กระดูกเจ้าของศิลานรกเลย
หากยังจำกันได้ ตอนอยู่ในโรงเรียน ฉินเฟิงเคยเปิดหาข้อมูลเกี่ยวกับอบิลิตี้มืด และค้นพบเกี่ยวกับเทคนิคหนึ่งดรรชนีแห่งความตาย และเป็นกษัตริย์กระดูกตนนี้เองที่ใช้งานเทคนิคดังกล่าว สังหารผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล S
สมองของฉินเฟิงเริ่มปั่นความคิด
‘ด้วยพลังการรับรู้ของฉัน ไม่อยากะเชื่อเลยว่าจะหามันไม่พบ บางทีนี่อาจเป็นเพราะอบิลิตี้มืดของอีกฝ่ายแข็งแกร่งจริงๆก็ได้’ ฉินเฟิงคิด เว้นแต่เขาจะใช้อบิลิตี้มืดในการค้นหาอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นเกรงว่าคงไม่มีทางหาพบ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อบิลิตี้มืดของฉินเฟิงอยู่แค่เลเวล A ฉะนั้นย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกษัตริย์กระดูกที่ครอบครองศิลานรกมายาวนานกว่า 200 ปี
“ในเมื่อหาไม่เจอ ถ้าอย่างนั้นฉันจะบังคับให้อีกฝ่ายปรากฏตัวออกมาเอง!”
ฉินเฟิงยกมีดกษัตริย์ครามขึ้น ร่างเขาหายวับไปจากจุดเดิมในพริบตา ต่อมาปรากฏอีกทีเบื้องหลังซากศพทรงพลังเลเวล B
วูซซซ!
คมมีดตัดผ่านเป็นเส้นสาย หัวของซากศพร่วงตกพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่คิดหยุดเท้า ยังคงมุ่งหน้าต่อไป มีดกษัตริย์ครามทั้งตัดทั้งเฉือน ภายใต้การกวัดแกว่งไม่หยุดยั้ง ซากศพแล้วซากศพเล่าตกตายลงในมือเขา
“ก๊าซซซซ!”
บนตัวซากศพ ไฟแห่งจิตวิญญาณที่ถูกคุมขังอยู่ในร่างศพมานานหลายปีพุ่งออกมา จมลงไปในมีดกษัตริย์คราม เมื่อเทียบกับจิตวิญญาณของสัตว์ร้ายทั่วๆไป จิตวิญญาณของซากศพที่ตายมาเนิ่นนานแล้วพวกนี้ มันทรงพลังยิ่งกว่าซะอีก
“เพลิงโลกันต์!”
เปลวเพลิงปกคลุมไปทั่วท้องถนน ซากศพเน่าเปื่อยลุกเป็นไฟ จุดเดียวที่ไม่ไหม้ คือแก่นพลังงานที่ก่อตัวขึ้นบนร่างกายของพวกมัน
หลังจากเปลวไฟลุกไหม้ เจ้าสิ่งนี้ก็ร่วงหล่นลงมา ทุกชิ้นถูกเก็บใส่ลงในอุปกรณ์รูนมิติของฉินเฟิง
ฉินเฟิงทำตัวราวกับเป็นอันธพาลทรงพลัง ไล่ฆ่า ไล่เผา ปล้นสะดมตลอดทาง มุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ
การกระทำดังกล่าว ภายในเมืองไซเร็น พฤติกรรมนี้ไม่ต่างจากการยั่วยุ
หากกษัตริย์กระดูกพบเห็น มันจะต้องโจมตีฉินเฟิงอย่างแน่นอน ขับไล่อันธพาลร้ายออกจากอาณาจักรของตน
ขณะเดียวกัน ช่วงที่กษัตริย์กระดูกยังไม่ปรากฏตัว นอกเมือง มีคนอีกกลุ่มหนึ่ง สังเกตเห็นถึงสถานการณ์นี้
กลุ่มๆนี้มีสมาชิกเป็นจำนวนมาก อย่างน้อยก็หลายหลักร้อยคน ในหมู่พวกเขามีผู้ใช้พลังเลเวล A มากกว่าสิบคน ผู้ใช้พลังเลเวล B มากกว่า 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นลูกน้องของเลเวล A อีกที
พวกเขาคือกลุ่มยักษา
“คุณพ่อ เกิดอะไรขึ้นที่นั่น? หรือว่าคนอื่นๆจะโจมตีก่อนเวลา?”
หนึ่งในนั้นสวมชุดคลุมสีดำ ในมือถือคทาแห่งความมืดที่ไม่ทราบว่าทำมาจากวัสดุอะไร แต่ส่วนยอดของคทา มีแก่นอบิลิตี้ขนาดใหญ่ฝังอยู่
และสีของแก่นอบิลิตี้นี้ เป็นสีดำ
บ่งบอกชัดว่าเขาคือผู้ใช้อบิลิตี้มืด
“เวลาแบบนี้ จะมีใครบุกเข้าไปที่นั่นได้ยังไง ตอนกลางคืนเป็นช่วงที่กษัตริย์กระดูกแข็งแกร่งที่สุด ใครกันที่ไม่กลัวตาย? กล้าเดินทางตอนนี้?”
ยักษ์เกราะเพิ่งกลับมาจากมิติอื่น เพื่อที่จะชิงศิลานรกให้แก่ลูกชายเขาที่เพิ่งยกระดับขึ้นเป็นผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล A กษัตริย์กระดูกไม่สามารถดูดซับศิลานรกได้ ตราบใดที่คว้ามันมา สิ่งนั้นจะตกเป็นของลูกชายเขา!
แต่เขาคงไม่ทันคาดคิด ว่าจู่ๆจะมีคนตัดหน้าเขาไปก้าวหนึ่ง!