ตอนที่ 61 กลับมาเพื่อแก้แค้น
หมอเข้ามาหาเธอ เมื่อซูเหยาเหยาทานอาหารคำสุดท้ายเสร็จ
จากนั้นเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเธอ เธอบอกแม่ทางโทรศัพท์ว่ายังทำงานอยู่ แม่ของซูเหยาเหยาถอนหายใจและไม่พูดอะไร
หลังจากวางสายแล้ว ซูเหยาเหยานอนอยู่คนเดียวบนเตียง เมื่อนึกถึงสายตาที่จ้องมาของจงอี้ เธอก็คลายฝ่ามือที่กำแน่นออกอย่างใจเย็ฯ
จงอี้ปรากฏตัวในชีวิตของเธอเหมือนเงาตามตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาติดตามเธอไปทุกที่ที่เธอไป
ตอนนั้นเธอเป็นบัณฑิตที่เพิ่งเข้าร่วมเข้าทำงานในสายการบินเจียงหยางพร้อมกับฉีโย่ว
เธอไม่เคยมีประสบการณ์ในความรัก กระทั่งบางครั้งเธอก็ค่อนข้างอิจฉาความรักระหว่างฉีโย่วและหลี่ซื่อเฉิง
เมื่อจงอี้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอและบอกเธอว่าเขารู้สึกอย่างไร เธอตะลึงด้วยความเขินอายของผู้หญิง เธอจึงหนีไปอย่างเร่งรีบ ซูเหยาเหยานอนไม่หลับในคืนนั้น เพราะมีคนรูปหล่อวิ่งอยู่ในใจของเธอ ทำให้เธอรู้สึกแปลก ๆ
เช่นเดียวกับซูเหยาเหยากำลังพิจารณาว่าจะตอบโต้จงอี้อย่างไร ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในระหว่างที่ความรักกำลังเริ่มต้นขึ้น
แม่ของจงอี้มาพบเธอและพาเธอไปที่คาเฟ่สุดหรู
ซูเหยาเหยามองออกไปนอกหน้าต่าง จงอี้กำลังคุยกับหญิงสาวที่แต่งตัวดีอย่างมีความสุข
เขาจับมือของหญิงสาวและเขียนอะไรบางอย่างลงในฝ่ามือของเธอ หญิงสาวก้มศีรษะลงอย่างอาย ๆ และยิ้ม
“ฉันไม่รู้ว่าลูกชายของฉันพูดอะไรกับคุณ คนหนุ่มสาวก็มักจะหลงใหลง่าย นั่นไงเคยเห็นไหม แฟนสาวของเขา เธอเป็นลูกสาวของนายกเทศมนตรี ยังไงก็ตื่นได้แล้ว! ฉันเห็นสาว ๆ อย่างเธอมานักต่อนัก เธอคงจะทุ่มให้กับผู้ชายทุกครั้งที่มีโอกาสสินะไ
“คุณป้าคะ”
ซูเหยาเหยาระงับความโกรธที่พลุ่งพล่านของเอ และเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
“อย่างแรก ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลูกชายของคุณ เขาสารภาพรักกับฉัน แต่ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว ฉันหวังว่าคุณจะสอนลูกชายของคุณให้เลิกนอกใจแฟนได้นะคะ”
“ประการที่สอง แม่ของฉันเลี้ยงดูฉันมาอย่างยากลำบากและไม่ยอมให้ใครมาฉีกหน้าฉันแบบนี้ ถ้าคุณพูดเรื่องไร้สาระต่อไป ฉันจะทำให้คุณเสียใจไ
เมื่อพูดจบซูเหยาเหยาเดินออกไปทันที
สำหรับความสนใจที่ไร้ผลนี้ ไม่ใช่แม้แต่ความสัมพันธ์ ซูเหยาเหยายิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่ได้เศร้า ทว่าวูบเพียงเล็กน้อยในก้นบึ้งของหัวใจ
ต่อมาซูเหยาเหยารู้สึกรังเกียจในความเมตตาของเขาและปฏิเสธเขาอย่างเด็ดขาด สำหรับการตามตื้อเธอซ้ำ ๆ จงอี้ไม่ตอบสนอง แต่ตามจีบเธออย่างดุเดือดมากขึ้น
โชคดีที่ใช้เวลาไม่นาน ซูเหยาเหยาไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาก็มีแฟนแล้ว แล้วทำไมเขาถึงมาเล่นกับความรู้สึกของเธอและมาเป็นห่วงเป็นใยเธอขนาดนี้?
เขาซื้ออาหารเช้ามาให้เธอทุกเช้า ใส่ใจความผิดปกติของเธอ สอบถามเกี่ยวกับประจำเดนอของเธอ นำน้ำตาลทรายแดงต้มมาให้เธอ
เขาจงใจย้ายเธอไปเที่ยวบินของเขา สร้างเหตุการณ์ที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าเป็นครั้งคราวและสัญญากับเธอมากกว่าหนึ่งครั้ง...
แต่ที่แย่ไปกว่านั้นสำหรับเธอคือแม่ของเขา โทรมาดูถูกเธอบ่อยขึ้น ซูเหยาเหยาค่อนข้างรำคาญและไม่รู้ทำไมแม่ของเขาถึงเป็นศัตรูกับเธอ
การเข้ามาก้าวก่ายของเธอยังคงดำเนินต่อไป กระทั่งจงอี้เลิกจีบซูเหยาเหยา เธอก็ไม่ได้รับผลกระทบจากแม่ของเขาอีกเลย ซูเหยาเหยาทิ้งความรำคาญทั้งหมดไว้เบื้องหลังและไปทำงานด้วยจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยม ทว่าเมื่อสองเดอนก่อนแม่ของเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตวายเรื้อรัง
โรคลุกลามเข้าครอบงำแม่ของเธออย่างรวดเร็ว
แม่ของเธอเลี้ยงดูซูเหยาเหยาอย่างยากลำบาก เธอทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของเธอต้องทนทุกข์ทรมาน หลังจากปรึกษาแพทย์ที่มีชื่อเสียงหลายคนในเมือง A เธอรู้วิธีการรักษามากมาย ทว่าไม่สามารถจ่ายเงินได้
หากไม่มีเงินก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปได้
ไม่นานเงินออมของเธอก็หมดลง เธอกลัวที่จะบอกเรื่องนี้กับฉีโย่ว เพื่อนคนเดียวของเธอ เธอจึงตัดสินใจอย่างกล้าหาญที่สุดในชีวิต
ด้วยการแบล็กเมล์จงอี้.
วันกำหนดมาถึงแล้ว! ถ้าเธอจ่ายค่ารักษาพยาบาลไม่ได้ แม่ก็ต้องกลับบ้าน ซูเหยาเหยาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ซูเหยาเหยาเดิมพันด้วยชีวิตตัวเองและสุดท้ายเธอก็ชนะ
จงอี้ใจกว้างกว่าที่เธอคิดและให้เงินก้อนโตแก่เธอโดยไม่ลังเล
ซูเหยาเหยาได้เงินและหนีไป เธอไม่รู้ว่าวันนั้นเธอได้เสียอะไรไปบ้าง
เธอคิดว่านั่นเป็นการติดต่อครั้งสุดท้ายระหว่างพวกเขา ทว่าเธอท้อง...
จงอี้ไม่เคยพบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ซูเหยาเหยาเป็นข้อยกเว้น ในคืนนั้นเขาไม่ได้ป้องกันใด ๆ และซูเหยาเหยาผู้กระตือรือร้นที่จะดูแลแม่ของเธอลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
ซูเหยาเหยาขอโทษลูกของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างที่เคยเกิดขึ้นและเธอไม่สามารถรักษาเด็กไว้ได้ เธอควรปล่อยให้มันจบไปก่อน เธอไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับจงอี้
....
เหยาซ่อพาฉีโย่วลงจากรถและอุ้มเธอไว้ในรถเข็น
“ให้ผมอุ้มคุณเข้าไปไหม”
เหยาซ่อขมวดคิ้ว แต่ยังคงกังวลเกี่ยวกับฉีโย่ว รถเข็นดูไม่สะดวกและยุ่งยาก
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำได้”
ฉีโย่วตบหน้าอกตัวเองด้วยความมั่นใจ
“เชื่อฉันสิคะ!”
เหยาซื่อตบที่หน้าผากของเธอและพูดอย่างยิ้มแย้มว่า
“คุณพร้อมหรือยังคุณผู้หญิงเหยา”
ฉีโย่วลุกขึ้นนั่งและกระแอมในลำคอ “ค่ะ ฉันพร้อมแล้วคุณผู้ชายเหยา?”
พวกขเยืนอยู่ข้างประตู เขารู้ว่าตระกูลฉินไม่กล้าที่จะรุกรานเหยาซื่อ แต่การแก้แค้นของฉีโย่วจะทำให้ค่ำคืนนี้ปั่นป่วน!
“แน่นอน”
การตอบสนองต่อความร่วมมือของเหยาซื่อ ทำให้ฉีโย่วยิ้มกว้าง
เป็นเวลาอาหารเย็นที่บ้านของตระกูลฉิน พี่น้องฉิน ผู้อาวุโสฉิน ซงเหม่ยหรงและคนอื่น ๆ ทั้งหมดอยู่กันที่ห้องนั่งเล่น
“นายท่านขอรับ คุณเหยาและคุณฉีโย่วมาครับ”
“อะไรนะ?”
ฉินเซาเฟิงทุบโต๊ะและลุกขึ้น ฉีโย่วมาในเวลาที่เหมาะสม เขามีบางอย่างจะถามเธอ
“นั่งลง!”
ผู้อาวุโสฉินตะคอก “ช่างเป็นเรื่องงี่เง่า! แกไม่รู้จักควบคุมตัวเองต่อหน้าเหยาซื่อได้ยังไง”
“พ่อ ดูสิ่งที่เธอทำสิ เธอยังมีหน้ามาที่ตระกูลฉินได้ยังไง”
ฉินเซาเฟิงเกลียดฉีโย่วมากจนอยากให้ฉีโย่วอยู่ห่าง ๆ จากเขา ยังไงก็ตามชายชราได้มอบหุ้นจำนวนมากให้กับเธอ ไม่เป็นการลำเอียงไปหน่อยเหรอ นี่ทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับฉีโย่ว
“เซาเฟิง”
ซงเหม่ยหรงกล่าวเบา ๆ ตอนนี้ฉีโย่วอยู่ที่นี่แล้ว พวกเขาควรเงียบ เธอไม่เชื่อว่าชายชราจะปกป้องเธอหลังจากที่รู้ความจริง!
ฉินเหวินพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามและรับประทานอาหารต่อ ‘แล้วถ้าเหยาซื่อมาด้วยล่ะ? เขาต้องโกรธแน่ ๆ ที่ฉีโย่วทรยศ!’
เหยาซื่อค่อย ๆ เข็นฉีโย่วเข้าไปในห้องนั่งเล่น ทั้งสองคุยกันและหัวเราะโดยไม่รู้ตัวถึงการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศในห้อง
“โย่วโย่ว หลานเป็นอะไร? ทำไมต้องนั่งรถเข็น”
ชายชราลุกขึ้นทันทีและเข้ามาหาเธออย่างเร่งรีบ เพื่อมองดูเธอใกล้ ๆ อย่างเป็นห่วง
จากนั้นคนอื่น ๆ ในตระกูลฉินสังเกตเห็นว่าฉีโย่วนั่งรถเข็น ฉินเหวินหัวเราะเบา ๆ ปิดปากของเธอและฉินอี้มองไปที่ฉีโย่วอย่างครุ่นคิด