บทที่ 67 ทหารรับจ้าง (1)
เฟรย์เรียกจิเซลลันให้ไปหาเขาและขอความช่วยเหลือจากเขา
เมื่อจิเซลลันได้ยินสิ่งที่เขาต้องการเขาก็ลูบคางของเขา
“หืมคุณต้องการปลอมตัวงั้นหรือ?”
"ใช่พิลเล็ตเป็นเมืองที่ตระกูลของฉันคุมอยู่ คุณคงเคยได้ยินเกี่ยวกับอิซากะเบลคมาแล้วใช่ไหม?”
"ใช่ มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะแอบติอต่อกับเดมิก็อด…ถ้าหากนั่นคือสิ่งที่คุณหมายถึง”
"ถูกตัองและเขากำลังพยายามจับตาดูฉันอยู่ในตอนนี้ ตระกูลเบลคเป็นสถานที่ที่ฉันต้องไปเยี่ยมสักวันแต่ว่าตอนนี้มันก็เร็วเกินไป ดังนั้นฉันจึงต้องการหลีกเลี่ยงการพบปะกับพวกเขา”
"…ผมเข้าใจละ"
มันเป็นความจริงที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเฟรย์นั้นดูโดดเด่นเพราะผมสีเทาของเขานั่นหายากในทวีปนี้
ถ้าเขาเดินไปรอบๆพิลเล็ตในตอนนี้ก็รับรองได้เลยว่าอิซากะจะรู้เรื่องนี้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวันซึ่งจะนำไปสู่การเผชิญหน้ากันอย่างแน่นอน
“ฉันสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของฉันได้ด้วยเวทมนตร์แต่ปัญหาคือฉันไม่มีหลักฐานในการยืนยันตัวตน”
ในการเดินทางไปทั่วทวีปจำเป็นต้องมีหลักฐานยืนยันตัวตน
ตอนนี้เฟรย์มีเพียงรหัสนักเรียนของเขาจากสถาบันเวสต์โร้ด
อย่างไรก็ตามนั่นยังไม่เพียงพอ
ในขณะนี้เขาต้องการซ่อนตัวตนของ ‘เฟรย์เบลค’ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องปลอมตัว
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดจิเซลลันก็พูดขึ้น
“ ออเนอเอียเซิกอาจจะมีวิธีการ เขามักจะรับภารกิจในต่างประเทศดังนั้นเขาจึงมีตัวตนปลอมๆอยู่บ้าง
หลังจากนั้นไม่นานจิเซลลันก็กลับมาพร้อมกับเอียเซิก
จิเซลลันต้องแจ้งสถานการณ์ให้เขาทราบก่อนในขณะที่เขานำประเด็นหลักขึ้นมาพูดทันที
“ผมมีบางอย่างที่สามารถช่วยคุณได้”
เมื่อเขาพูดอย่างนั้นเขาก็ยื่นมือออกไป
ในนั้นมีการ์ดเก่าๆซึ่งดูเหมือนจะทำด้วยทองสัมฤทธิ์
“เป็นการ์ดทหารรับจ้างระดับ C ชื่อ เคนริกซ์ตันอายุ 26 ปีและอาศัยอยู่ในเมืองทางตอนใต้ที่ชื่อว่า ‘เทมิโก’ คุณสามารถอัปเดตอันดับในสมาคมทหารรับจ้างได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”
“คุณบอกผมเพิ่มเติมเกี่ยวกับภูมิหลังของเขาได้ไหม?”
“แน่นอนมันจะดีกว่าถ้าหากคุณจดจำทุกสิ่งที่ผมกำลังจะพูด”
เอียเซิกเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวส่วนตัวของเคนริกซ์ตัน
เฟรย์ให้ความสำคัญเกี่ยวกับรูปลักษณ์มากที่สุดเนื่องจากเขาต้องทำให้ภาพลวงตาถูกต้องที่สุด
หลังจากฟังข้อมูลทั้งหมดแล้วเฟรย์ก็ได้รับการ์ดทหารรับจ้าง
หลังจากแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจกับเอียเซิกเขาก็เริ่มเก็บกระเป๋าเดินทางทันที
ได้เวลาออกเดินทาง
เฟรย์เปิดประตูและก้าวออกไปแต่เขาถูกบังคับให้หยุด
สมาชิกในเซอร์เคิลมารวมตัวกันที่หน้าบ้านของเขา
ที่้อยู่ข้างหน้าสุดคือฟิโอซึ่งเป็นคนแรกที่ได้รับการสอนจากเฟรย์
เมื่อเทียบกับคนอื่นๆการจ้องมองของเขาจ้องไปที่เฟรย์ด้วยอารมณ์เป็นพิเศษ
เขาเป็นหนึ่งในผู้ติดตามของเฟรย์ที่ยืนกรานมากที่สุดในเซอร์เคิลและเขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อความแตกต่างของอายุและถือว่าเฟรย์เป็นที่ปรึกษาของเขา
นี่คือสาเหตุที่เขาผิดหวังเป็นพิเศษกับการแยกทางที่ใกล้เข้ามา
“ราวเดอร์เฟรย์เราได้ยินมาว่าคุณกำลังจะออกปฏิบัติภารกิจระยะยาว…”
“ถูกต้องฉันไม่คิดว่าจะกลับมาได้จนกว่าจะถึงการประชุมใหญ่ครั้งต่อไป”
“การประชุมครั้งต่อไปคืออีกหนึ่งปีครึ่งหลังจากนี้…”
“ถ้านานขนาดนั้นมันถือว่าเป็นภารกิจระยะยาวได้ไหม?”
“เราจะทำอะไรได้บ้างหากไม่มีราวเดอร์เฟรย์ พวกเราจะทำอะไรได้…”
สมาชิกในเซอร์เคิลมองเฟรย์ด้วยใบหน้าเศร้า
มีสมาชิกไม่กี่คนที่ร้องไห้
เฟรย์ยิ้มอย่างอ่อนโยนกับความปรารถนาดีของพวกเขา
“พวกคุณจะทำได้แน่โดยไม่มีฉัน ออเนอเอียเซิกบอกว่าเขาจะไม่รับภารกิจใดๆในขณะนี้”
“แต่…”
สีหน้าของเฟรย์กลายเป็นจริงจัง
“โทร์วแมนริงส์ได้เสร็จสิ้นการเตรียมการทั้งหมดที่เราต้องการเพื่อทะยานสู่ฟ้าแล้ว มันขึ้นอยู่กับพวกคุณทุกคนว่าเราจะกางปีกออกและทำให้โลกตกใจหรือเราจะกลายเป็นร่างโทรมๆที่ไม่มีขน และอีกอย่างฉันเชื่อในตัวพวกคุณทุกคน”
สมาชิกในเซอร์เคิลต่างก้มหน้าพร้อมกับการแสดงออกที่รู้แจ้งบนใบหน้าของพวกเขา
"พวกเราจะรอ"
“ราวเดอร์เฟรย์ผมขอให้คุณโชคดี”
“โปรดกลับมาอย่างปลอดภัย”
"กลับมาเร็วๆนะ"
หลังจากนั้นเฟรย์ก็ออกจากหมู่บ้านทันที
และครู่หนึ่งเขาก็สงสัยอย่างจริงจังว่าเขามีนิสัยชอบออกเดินทางหรือไม่
ตั้งแต่เขากลับมาเฟรย์ไม่ได้อยู่ในสถานที่ไหนได้นานเกินหนึ่งปี
‘ฉันแน่ใจว่ามันจะเป็นเช่นนี้อีกในอนาคต’
เขาอาจจะเดินทางต่อไปจนกว่าจะมีอะไรพิเศษเกิดขึ้น
หลังจากออกจากหมู่บ้านเขาก็พบถนนทางใต้ที่เอียเซิกได้บอกเขาเกี่ยวกับมัน
สภาพของมันทำให้มันยากที่จะเรียกมันว่าถนน แต่เขาก็ยังหามันได้
‘เขาบอกว่าใช้เวลาเดินทางสองวัน”
เขาไม่มีปัญหากับเรื่องนี้เนื่องจากมีอุปกรณ์ตั้งแคมป์พร้อมกับอาหารและน้ำจำนวนมากในกระเป๋าของเขา
เฟรย์เดินทางตามอัธยาศัย
ในบางครั้งสัตว์ประหลาดอาจปรากฏตัวบนถนนบนภูเขา
โดยปกติแล้วเฟรย์จะข่มขู่พวกมันหรือไล่พวกมันออกไป แต่สำหรับสัตว์ที่ไม่ฟังคำเตือนของเขา เฟรย์จะฆ่าพวกเขาทิ้ง
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ใช้เวทมนตร์บิน
ไม่มีการคุกคามจากสัตว์ประหลาดหรือผู้คนรอบๆตัวเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครเห็นเขา
ปริมาณมานาในปัจจุบันของเฟรย์นั้นอุกอาจมากจนไม่สามารถหมดลงได้ง่ายๆแม้ว่าเขาจะใช้เวทย์บินซึ่งกินมานามากตลอดทั้งคืน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถเข้าถึงเมืองโกด้ได้ภายในหนึ่งวัน
โกด้ไม่ใช่เมืองใหญ่มาก
ในความเป็นจริงมันแปลกนิดหน่อยที่สถานที่เล็กๆแห่งเช่นนี้จะมีหินวาร์ป บางทีมันอาจเป็นที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ซึ่งทำให้จำเป็นต้องให้หินวาร์ป
แม้ว่าเฟรย์จะมาถึงเมืองเร็วกว่าที่เขาคาดไว้มาก แต่เขาก็ยังไปที่พิลเล็ตไม่ได้ในทันที
สถานที่สำหรับหินวาร์ปนั้นเล็กพอๆกับขนาดของเมือง
เฟรย์พบโรงแรมแห่งหนึ่ง
จากนั้นเมื่อเข้าไปในห้องเขาก็ยืนอยู่หน้ากระจกและเริ่มฝึกเปลี่ยนรูปลักษณ์
เขาทำผลงานได้ไม่ดีนักในตอนแรก
มันเป็นเพียงคาถาลวงตา อย่างไรก็ตามมันซับซ้อนมากแม้ว่าคนที่อยู่ในระดับ 8 ดาว หรือระดับสูงกว่าเขาพวกเขาก็ไม่สามารถสังเกตเห็นได้
ขั้นตอนแรกเขาเปลี่ยนผมเป็นสีบลอนด์หม่น
นี่คือสีที่พบได้มากที่สุดในอาณาจักรคัสต์เคา
เขาทำตาเป็นสีน้ำตาลเข้มจากนั้นก็ปรับเปลี่ยนโครงสร้างของใบหน้าเล็กน้อย
กระบวนการทั้งหมดกินเวลาไปประมาณสิบนาที
เฟรย์มองหน้าตัวเองในกระจก
ยืนอยู่ตรงนั้นคือชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีสีหน้าอ่อนโยน
เขาตรงกับคำอธิบายของ "เคนริกซ์ตัน" ตามที่เอียเซิกได้ให้ไว้
‘เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว’
เฟรย์เข้านอนทันทีและในเช้าของวันรุ่งขึ้นเขาก็ออกจากโรงแรมในขณะที่พนักงานเสิร์ฟจ้องมองเขาด้วยสายตาสับสน
จากนั้นเขาก็มุ่งตรงไปที่หินวาร์ปเพื่อไปที่พิลเล็ต
เมื่อเขามาถึงและถูกขอให้ระบุตัวตนเขาก็มอบการ์ดทหารรับจ้างของเคนให้
ผู้คุมยืนยันตัวตนเขาก่อนจะคืนบัตรโดยไม่รู้สึกสงสัย
ด้วยสิ่งนี้จะไม่มีทางที่ใครจะติดตามการเดินทางของเขาเมื่อเขาใช้หินวาร์ปเหมือนครั้งที่แล้ว
ที่อยู่ของเฟรย์น่าจะถูกตัดขาดอยู่ที่อูเทียโน่
อูววว
“…”
ทันทีหลังจากระงับความรู้สึกพิเศษกับการเดินทางของหินวาร์ปเฟรย์ก็เริ่มสังเกตสภาพแวดล้อมของเขา
เขามีความรู้สึกคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยกับทุกสิ่งรอบตัว
"นี่คือพิลเล็ต"
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกและเป็นที่ตั้งของตระกูลเบลค
ในขณะเดียวกันก็เป็นเมืองที่ใกล้ที่สุดกับป่าใหญ่เรย์นอลทางตะวันออกของจักรวรรดิ
เฟรย์เพิกเฉยต่อความคิดถึงแปลกๆที่เขารู้สึกและมุ่งหน้าไปยังสมาคมทหารรับจ้าง
เมื่ออยู่ใกล้กับป่ามันจึงมีสัตว์ประหลาดอยู่จำนวนมากตามธรรมชาติ
แม้ว่าจะไม่มากเท่าอิสปานิโอลาแต่พิลเล็ตก็เป็นหนึ่งในเมืองที่มีทหารรับจ้างเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามเฟรย์ไม่ได้รู้สึกถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดเช่นเดียวกับที่ตอนอยู่อิสปานิโอลา
พิลเล็ตมีกำแพงที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อและพวกมันไม่ใช่สิ่งที่สัตว์ประหลาดธรรมดาๆจะทำลายได้ง่ายๆ
สิ่งนี้ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจในความปลอดภัยอย่างแท้จริงดังนั้นการแสดงออกของพวกเขาจึงผ่อนคลายมากขึ้น
ทหารรับจ้างทั้งหมดรวมตัวกันเพื่อรวบรวมวัตถุดิบจากป่าใกล้ๆหรือเพื่อล่าสัตว์ประหลาดที่หายากเพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุดิบล้ำค่ามากกว่าที่จะปราบสัตว์ประหลาดทั่วๆไป
พิลเล็ตมีสมาคมทหารรับจ้างหลายสิบแห่ง
เฟรย์กำลังมุ่งหน้าไปยังหนึ่งในนั้นที่มีชื่อว่า "วัลคาโน"
คลิก
เมื่อเขาเปิดประตูเขาก็ได้รับการต้อนรับด้วยเสียงดังอย่างน่ารังเกียจ
อาคารนี้ทำหน้าที่เป็นสมาคมทหารรับจ้างและในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นบาร์ร้านอาหารโรงแรมและที่แย่กว่านั้นคือซ่อง
มีกลิ่นเหมือนแอลกอฮอล์และยาสูบราคาถูก
แม้ว่าจะเป็นช่วงกลางของวัน แต่พวกทหารรับจ้างก็ถือขวดแอลกอฮอล์ไว้ในมือพร้อมกับขวดอีกมากมายบนโต๊ะของพวกเขา
พวกเขาหลายคนมองไปที่เฟรย์ขณะที่เขาเดินเข้ามา
“ฉันไม่เคยเห็นใบหน้านี้มาก่อน เขาเป็นมือใหม่หรือเปล่า?”
“เขาสวมเสื้อคลุมที่สวยมาก เฮ้เฮ้เฮ้ บางทีเขาอาจแกล้งทำตัวเป็นพ่อมดอยู่ก็ได้”
“ไม่! นี่ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่าสถานะของวัลคาโนของเราดีขึ้นถึงขนาดที่แม้แต่พ่อมดผู้สูงศักดิ์จะมาที่นี่ด้วยตัวเองหรือ!”
“ฮาฮา!”
มีไม่กี่คนที่เชื่อว่าเฟรย์เป็นพ่อมด
มีความเป็นไปได้สูงกว่าที่เขาจะเป็นเพียงผู้ชื่นชมที่ชอบทำตามสไตล์ของพวกเขา
ปฏิกิริยาของพวกเขาไม่น่าแปลกใจ
เป็นเรื่องยากมากที่พ่อมดจะเข้าสู่โลกของทหารรับจ้าง
พวกเขาจะไม่ทำเช่นนั้นเว้นแต่ว่าพวกเขาจะต้องการเงินจำนวนมากอย่างเร่งด่วน
ยิ่งตระกูลที่มีชื่อเสียงมากเท่าไหร่พวกเขาก็จะไม่ยอมทำเช่นนี้
นี่เป็นเพราะแม้แต่การดำรงตำแหน่งที่สั้นที่สุดในฐานะทหารรับจ้างก็อาจกลายเป็นความอัปยศที่จะคงอยู่ไปตลอดชีวิต
เฟรย์ไม่สนใจพวกเขาและมุ่งหน้าไปที่หน้าเคาน์เตอร์
ยืนอยู่ตรงนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากับบรรยากาศที่ตึงเคลียดในสมาคมทหารรับจ้าง
ดูเหมือนเธอจะเป็นหนึ่งในพนักงาน
เธอมีใบหน้าที่สวยแต่เธอสวมชุดที่เผยให้เห็นร่องอกลึกและต้นขาที่เปลือยเปล่า
ดูเหมือนว่าเธอทำหน้าที่เป็นอาหารตาให้กับพวกทหารรับจ้าง
"สวัสดีให้ฉันช่วยอะไรคุณได้บ้าง?"
“ฉันมาที่นี่เพื่อขอรับภารกิจ”
“คุณเป็นทหารรับจ้างหรือเปล่า?”
"ถูกตัอง"
“กรุณาแสดงบัตรประจำตัวของคุณให้ฉันดูด้วย”
เฟรย์ส่งการ์ดทหารรับจ้างให้เธออย่างไรก็ตามเธออ่านข้อมูลที่ด้านหลังเท่านั้น
“นี่คือการ์ดที่ออกให้ที่เทมิโกทางตอนใต้ คุณชื่อเคนริกซ์ตันคุณเป็นทหารรับจ้างระดับ C ใช่มั้ย?”
"ใช่"
“ฉันยืนยันข้อมูลของคุณแล้ว ได้โปรดรอสักครู่”
จากนั้นเธอก็ค้นหาอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านล่างเคาน์เตอร์ก่อนจะยื่นใบปลิวให้เขาดู
“นี่คือภารกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน ภารกิจที่ยากกว่าจะอยู่ทางซ้าย…”
เฟรย์ส่ายหัว
“ฉันอยากจะคุ้มกันพ่อค้าที่จะไปที่ป่าใหญ่เรย์นอล”
“ภารกิจนั้นสามารถรับได้โดยทหารรับจ้างระดับ B ขึ้นไปเท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นฉันต้องการสมัครเพื่อเลื่อนขั้น”
“ตอนนี้เลยหรอ?”
"ใช่"
"…ตกลง"
พนักงานมองเฟรย์ด้วยสายตาแปลกๆแต่เธอไม่สามารถแทรกแซงความปรารถนาของเขาได้
ที่ด้านหลังของบัตรทหารรับจ้างทุกใบคือวันที่ออกและแสดงให้เห็นว่าชายคนนี้ได้กลายเป็นทหารรับจ้างระดับ C เมื่อสามปีก่อน
เป็นไปได้ที่เขาจะฝึกฝนจนพอที่จะอัพเป็นอันดับ B ในสามปี
“คุณสามารถไปที่เคาน์เตอร์ในชั้นใต้ดินและยื่นขอเลื่อนขั้น โปรดทราบว่าคุณต้องจ่าย 10 เหรียญซิลเวอร์เป็นค่าธรรมเนียมการสมัคร”
เฟรย์พยักหน้าและมุ่งหน้าไปที่ชั้นใต้ดินทันที
ชั้นใต้ดินค่อนข้างลึก
ในขณะที่เขาเดินลงบันไดที่สว่างไสวด้วยแสงเทียนเสียงจากชั้นหนึ่งก็ค่อยๆจางหายไป
และเมื่อเขามาถึงด้านล่างแม้แต่เสียงฝีเท้าของเขาก็เริ่มดังขึ้น
แตะแตะ
พื้นที่ใต้ดินมีขนาดค่อนข้างใหญ่หรืออาจดูเป็นอย่างนั้นเพราะมีคนเพียงไม่กี่คนที่นั่น
ทางเดินยาวและมีประตูทั้งสองด้าน
เฟรย์เดินไปตามห้องโถง
ในท้ายห้องมีเก้าอี้และโต๊ะทำงานซึ่งมีชายตาเดียวนั่งอยู่
ชายคนนี้สวมแว่นตาซึ่งทำให้เฟรย์นึกถึงโจรสลัดที่เขาพบในคอร์เตซ แต่กลิ่นอายที่ชายคนนั้นเปล่งออกมานั้นไม่สามารถเทียบได้กับโจรสลัดที่อ่อนแอเหล่านั้นได้
“คุณมาเพื่อทดสอบเลื่อนระดับหรือ?”
"ถูกตัอง"
“อาชีพและอันดับปัจจุบันของคุณคืออะไร?”
“พ่อมดระดับ C”
"โอเค คุณรู้ว่ามีสองวิธีในการเลื่อนระดับใช่ไหม? ภารกิจหรือการสาธิต คุณต้องการเลือกอะไรดีละ?”
เอียเซิกได้อธิบายเรื่องนี้กับเขาแล้ว
การเลือกภารกิจหมายความว่าเขาต้องพิสูจน์ความสามารถของตนโดยทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
มีข้อดีคือมันสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้ แต่อาจใช้เวลานาน ขึ้นอยู่กับประเภทและความยากของภารกิจ
การสาธิตหมายถึงการแสดงทักษะของคุณให้ผู้ตรวจสอบที่มอบหมายได้เห็น
มันใช้เวลาไม่นานแต่ทหารรับจ้างส่วนใหญ่เลือกวิธีแรกแม้ว่าจะใช้เวลานานเพราะผู้ตรวจสอบขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวด
เฟรย์ไม่ลังเลเลยเพราะไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้
"วิธีสาธิต"
“…อืม เป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีใครเลือกการสาธิต”
“…”
"ดี ตามฉันมา"
เฟรย์เดินตามชายคนนั้นไปโดยไม่พูดอะไร
ชายตาเดียวเดินไปตามห้องโถงที่เฟรย์จากมาและเปิดประตูบานหนึ่ง
มีการเปิดเผยพื้นที่ขนาดใหญ่พอสมควร
นั่นไม่ใช่ทั้งหมด
เฟรย์ยังจำได้ว่ามีคาถาป้องกันขนาดใหญ่หลายเวทย์ที่ทับซ้อนกันอยู่ในห้องนี้
ในห้องนี้มีประตูอีกบาน
ชายคนนั้นเดินผ่านประตูไปซักพักเขาก็กลับมาพร้อมกับคนอีกคน
คราวนี้เป็นผู้หญิงอ่อนวัย
เหมือนเฟรย์ไม่สิ
เช่นเดียวกับเคนเธอมีผมสีบลอนด์หม่นและสวมเสื้อคลุม
เฟรย์รู้ทันทีว่าเธอเป็นวิซาร์ด
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมีแขกแต่เช้า”
“ถึงเวลาทำงานแล้ว ไอรีนทำตัวให้น่าเคารพกว่านี้หน่อยสิ”
“ได้คะ เจ้านาย”
เมื่อเธอพูดแบบนี้ไอรีนก็หาวเสียงดัง
“คุณบอกว่าอยากเลื่อนระดับ B ใช่ไหม? นั้นยิงคาถาใส่กำแพงนี้เลย”
เธอเคาะกำแพงข้างๆเธอ
"อา แน่นอนคุณไม่ต้องกังวลว่ามันจะพัง คาถาป้องกันเหล่านี้ถูกร่ายโดยพ่อมดระดับ 5 ดาวเพียงคนเดียวในสมาคมของเราดังนั้นฉันมั่นใจได้ว่าแม้แต่ไอ้เจ้ากล้ามเนื้อข้างๆฉันยังต้องเหวี่ยงดาบเต็มกำลังสักสองสามครั้งเพื่อที่จะพังมัน”
เฟรย์หันไปมองชายตาเดียว
“คุณเป็นทหารรับจ้างระดับ A หรือเปล่า?”
"ถูกตัอง"
“ถ้าฉันทำลายกำแพงนี้ฉันจะกลายเป็นทหารรับจ้างระดับ A ใช่มั้ย?”
“ฮาฮา!”
ไอรีนหัวเราะดังลั่น
"โอ้ว ฉันชอบความมั่นใจของคุณ แต่กำแพงนี้ทนทานต่อเวทมนตร์มากกว่าการโจมตีทางกายภาพด้วยซ้ำ ถ้าคุณสามารถทำลายมันได้ฉันจะใช้สิทธิของฉันเพื่อให้คุณได้รับการยอมรับว่าเป็นทหารรับจ้างระดับ A เลยละ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าพวกคุณถอยหลังออกมาสักนิด”
“อ่า ตามที่คุณต้องการ”
ไอรีนยักไหล่และก้าวถอยหลังสองสามก้าว
จากนั้นเธอก็มองไปที่เฟรย์พร้อมกับกอดอก
“เฟลมบอล”
"…ฮะ?"
เดี๋ยวก่อนนั่นไม่ใช่คาถาระดับ 5 ดาวหรอกหรอ?
ก่อนที่ไอรีนจะอ้าปากพูด
ตูม!
“…!”
เฟลมบอลชนกำแพงและแรงระเบิดมหาศาลทำให้เธอถึงกับหลับตา
ในอีกด้านหนึ่งชายตาเดียวเฝ้ามองฉากนี้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
เมฆฝุ่นจิ๋วลดลงในไม่ช้า
รู!
มีรูขนาดใหญ่ที่ผนัง
ชายตาเดียวพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ
“…ขอแสดงความยินดีที่ได้เลื่อนขั้นเป็นทหารรับจ้างระดับ A”