ตอนที่ 464 ขอโทษด้วยที่ทำให้นายต้องจ่ายเงินก้อนโต
ความสนใจของหยางเชาชิงถูกกระตุ้นขึ้นและเขาถามว่า “นายแน่ใจใช่ไหม?”
กงเซลีเย้ยหยัน “แค่รถเอง ใครจะล้อเล่นล่ะ”
“ได้สิ!” หยางเชาชิงตกลงที่จะเดิมพันอย่างตื่นเต้น จากนั้นเขาก็พูดอย่างมั่นใจว่า
“นายต้องเสียเงินแน่น้องสี่ ให้ฉันขอบใจนายล่วงหน้าเลยไหม ฉันต้องแสดงความเสียใจที่ทำให้นายต้องจ่ายเงินก้อนโตอีกแล้วล่ะสิ”
กงเซลีหัวเราะเบา ๆ ตอบกลับ
....
ในห้องฝั่งตรงข้าม.
เฉียวเมียนเมียนเต็มใจที่จะใช้จ่ายในวันนี้ เธอจองห้องดีลักซ์ มีเพียงแค่เจียงหลัวลี่และเธอในห้องขนาดมหึมา
เพราะที่นี่เป็นห้องคาราโอเกะที่ดีที่สุดในเมืองหยุนเฉิง คุณภาพของลำโพงที่นี่จึงน่าประทับใจ
เจียงหลัวลี่ปรบมืออย่างตื่นเต้นหลังจากที่เฉียวเมียนเมียนร้องเพลงสองสามประโยคแรกของเพงที่เธอเคยร้อง จากนั้นเธอก็อุทานว่า “ว้าว เพื่อนรัก เธอยอดเยี่ยมมาก ฉันมั่นใจว่านักร้องต้นฉบับยังสู้เธอไม่ได้”
ณ ขณะนี้
เจียงหลัวลี่เป็นเหมือนแฟนคลับของเฉียวเมียนเมียนที่กำลังจ้องมองมาที่เธอ
เฉียวเมียนเมียนรู้สึกอายกับคำชมของเธอ
“แล้วไง? นักเรียนต้นฉบับดีกว่าฉันมาก”
“ฉันพูดจริงนะเพื่อนรัก เธอร้องได้ดีกว่าของเดิมอีก” เจียงหลัวลี่อุทานออกมาอยางไม่สามารถควบคุมได้
“ที่รัก เสียงเธอเพาะมาก เสียดายที่เธอไม่ได้ใช้ความสามารถนี้ ฉันมั่นใจว่าเธอจะต้องเป็นแชมป์ในการแข่งขัน”
“แน่นอนว่าหากผู้ชนะยังไม่ได้ถูกล็อกไว้ล่วงหน้านะ”
เป็นครั้งแรกที่เจียงหลัวลี่ได้ยินเฉียวเมียนเมียนร้องเพลง เธอตกใจ เธอไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะอธิบายเสียงของเธอว่าอย่างไรดี
เสียงของเฉียวเมียนเมียนไม่เพียงแต่ไพเราะ มันฟังดูสะอาดและมีเอฟเฟกต์ที่สงบ
มันเป็นเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ทุกคนที่ได้ฟังเธอคงจะจำมันไปอีกนาน
นี่เป็นความสามารถที่พระเจ้าประทานให้ในโลกแห่งการร้องเพลง
ทุกคนสามารถฝึกร้องได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้
เหมือนกับนักแดสงที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถจับใจผู้ชมได้
ใครบางคนจะได้รับความนิยมในทันทีด้วยเสียงที่มีเอกลักษณ์เหมือนเธอ
แต่น่าเศร้าที่เฉียวเมียนเมียนไม่สนใจที่จะร้องเพลงด้วยเสียงที่ไพเราะเช่นนี้ ความสนใจของเธออยู่ที่การแสดงมากกว่า
เจียงหลัวลี่รู้สึกว่ามันช่างน่าเสียดาย
เฉียวเมียนเมียนร้องเพลงเสร็จแล้ววางไมโครโฟนลงบนโต๊ะ
“เพื่อนรัก ไม่คิดจะเข้าร่วมการแข่งขันร้องเพลงจริง ๆ เหรอ? เธอสามารถเข้าร่วมได้นะ แม้ว่าความฝันของเธอคือการเป็นนักแสดงก็ตาม เธอสามารถเปลี่ยนเป็นนักแสดงภายหลังจากที่ได้รับความนิยมในฐานะนักร้องก็ได้นี่”
เจียงหลัวลี่ไม่ต้องการให้เสียงอันไพเราะของเฉียวเมียนเมียนสูญเปล่า มันจะเหมือนกับการโยนอาหารอันโอชะทิ้งไป
เฉียวเมียนเมียนส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เป็นไร. ฉันไม่คิดว่ามันเหมาะกับฉัน ฉันอยากโฟกัสที่งานแสดงมากกว่า”
เจียงหลัวลี่พูดไม่ออก
เธอมีเสียงที่ไพเราะและยังกล้าพูดว่าการร้องเพลงไม่เหมาะกับเธอ
เธอพยายามเหน็บแนมคนอย่างเธอที่ไม่เอนเอียงทางดนตรีหรือไม่?
เธอคงตกใจ ถ้าเธอมีเสียงแบบนั้นบ้าง
เมื่อดนตรีดังขึ้น เจียงหลัวลี่หยิบไมโครโฟนขึ้นมาและกำลังจะเริ่มร้องเพลง จังหวะนั้นมีคนมาเคาะประตูแล้วเข้าไป พนักงานเสิร์ฟถือกุหลาบช่อโตเดินเข้ามา
“สวัสดีครับคุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าใครเป็นคนร้องเพลงเมื่อสักครู่ครับ”
พนักงานเสิร์ฟตกใจกับความสวยของพวกเขา
เจียงหลัวลี่และเฉียวเมียนเมียนมองหน้ากันด้วยความสับสน เฉียวเมียนเมียนยืนขึ้นและตอบว่า “ฉันเองค่ะ มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” พนักงานเสิร์ฟก้าวไปข้างหน้าและส่งช่อดอกกุหลาบให้เธอ เขายิ้มและพูดต่อว่า “คุณผู้ชายที่ได้ยินเสียงร้องของคุณ เขาขอให้ผมส่งช่อดอกไม้มาให้ครับ แทนการชื่นชมในน้ำเสียงที่ไพเราะของคุณ”