Ep.897 - หนึ่งดรรชนีแห่งความตาย
1/4
Ep.897 - หนึ่งดรรชนีแห่งความตาย
กำลังภายในก่อตัวบนกำปั้นของฉินเฟิง เหวี่ยงซัดออกไปอย่างเรียบง่าย กำปั้นและปลายนิ้วของกรงเล็บกระดูกขนาดมหึมาปะทะกัน
ช่องว่างระหว่างทั้งสองเหลี่ยมล้ำกันมาก คนในสถานชุมชน ไม่รู้จักฉินเฟิง แต่สามารถเห็นตราเลเวล A บนอกเขาได้
กระนั้น ต่อให้เป็นเลเวล A แต่หายนะตอนนี้เกิดจากการรุกรานของเลเวล S ทำให้ทุกคนต่างคิดเห็นเป็นเสียงเดียวกัน ว่าฉินเฟิงคงไม่สามารถเอาชนะมหาจักรพรรดิมารกระดูกได้
แต่เพียงชั่วอึดใจเดียว ดวงตาของผู้คน ทั้งหมดทั้งมวลพลันแข็งค้าง จ้องฉากเบื้องหน้าอย่างมิอาจละสายตา แถมยังมีหลายคนถึงกับอ้าปากหวอ บังเกิดความรู้สึกว่าดวงตาตนฝ้าฟางไปแล้วหรือไร ถึงเห็นภาพหลอนเช่นนี้ขึ้นได้
ช่วงเวลานี้ กรงเล็บกระดูกลอยค้างอยู่กลางอากาศ หลังจากปะทะกับกำปั้นของฉินเฟิง มันก็ไม่สามารถเคลื่อนลงไปข้างหน้าได้อีกเลยแม้สัก ซม. เดียว
ยังไม่พอ ราวกับมีพลังมหาศาล แทรกซึมเข้าไปในกรงเล็บกระดูกและ--
--ตูมมมม!
กรงเล็บกระดูกแหลกเป็นเสี่ยงๆในพริบตา
“เป็นไปไม่ได้!” มหาจักรพรรดิมารกระดูกร้องอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ “มนุษย์เล็กจ้อย จะสามารถทำลายคาถาของข้าได้อย่างไร!”
มหาจักรพรรดิมารกระดูกอัญเชิญกรงเล็บออกมาอีกครั้ง คราวนี้กรงเล็บแหลมคมร่วมผสานโจมตีจากสองด้าน เตรียมประกบบดขยี้มนุษย์ตัวจ้อยฉินเฟิง
กรงเล็บกระดูกโถมกดลงมา แต่หลังจากประสานงา ก็เกิดระเบิดโครมใหญ่ แหลกเป็นเสี่ยงๆอีกครั้ง
กำลังภายในของฉินเฟิง ได้สำแดงให้เห็นแล้วถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาในเวลานี้
หลังจากกลืนกินกำลังภายในของเหอเทียนสิง ฉินเฟิงและดาราทุกดวงของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย แม้กำลังภายในของฉินเฟิงจะยังไม่ก้าวถึงเลเวล S1 ก็ตาม แต่ในทุกๆครั้งที่กำลังภายในเพิ่มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย มันคือการเปลี่ยนแปลงชนิดสั่นสะเทือนโลกหล้า
หากเวลานี้ฉินเฟิงใช้พลังสมาธิและอบิลิตี้เข้าสู้กับมารกระดูก เขาคงพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม หากเขาใช้กำลังภายในเข้าสู้ ต่อให้มีจักรพรรดิมารกระดูกสักสิบตน ก็ไม่สามารถเอาชนะฉินเฟิงที่สู้เพียงลำพังได้
“เป็นไปไม่ได้! ข้าไม่เชื่อ!”
ตูม!
“ลองอีกครั้ง!”
ตูม!
“นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง!”
มารกระดูกแทบกลายเป็นบ้า กรงเล็บกระดูกของเขา ถูกฉินเฟิงทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนึ่งหมัดซัดออก ก็ย่ำออกไปหนึ่งก้าว จนเวลานี้ ฉินเฟิงสามารถมาหยุดยืนเบื้องหน้ามหาจักรพรรดิมารกระดูกได้แล้ว
ฉินเฟิงหวดกำปั้นซัดดังเปรี้ยง บนร่างของมารกระดูก ปรากฏชั้นโล่กระดูกขึ้นป้องกันทันใด
โล่นี้แม้ไม่ใหญ่โต แต่แข็งแกร่งทนทานอย่างหาที่เปรียบ
ปงงงงง!
หมัดของฉินเฟิงซัดลงไป แต่กลับสร้างรอยร้าวได้เพียงเส้นสายเดียว นี่มันแข็งไม่ต่างจากกระดองเต่าเลย
ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงไม่ยอมแพ้ มีกระสอบทรายมากองตรงหน้า เขาก็ขอซ้อมให้หนำใจ
ฉินเฟิงเหวี่ยงซัดกำปั้นอย่างบ้าคลั่ง หลายสิบหมัดจ้วงชก แรงกระแทกรุนแรงจนทั้งมารกระดูกและโล่ของเขา ถูกผลักดันออกจากภูเขาพ่อแม่ลูก
ตอนนี้ เนื่องจากการกดดันอย่างต่อเนื่องของฉินเฟิง ทำให้การต่อสู้ระหว่างทั้งสองเคลื่อนจากจุดเดิม มาอยู่ท่ามกลางทุ่งล่า ห่างไกลจากสถานชุมชน
แต่นี่แหละคือสิ่งที่ฉินเฟิงต้องการ ตรงจุดนี้เขานึกไม่ถึงเหมือนกันว่ามหาจักรพรรดิมารกระดูกจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเช่นนี้
เปรี๊ยะ!
หมัดของฉินเฟิง ในที่สุดก็สามารถทุบโล่กระดูกแหลกเป็นเสี่ยงๆ
แต่แล้วในวินาทีต่อมา จากจุดที่โล่ถูกทะลวงเป็นรูโบ๋ ปรากฏรังสีแสงสีดำ ยิงสวนเข้าใส่ฉินเฟิง
รังสีแสงสีดำนี้ ปะทะเข้ากับโล่ปราณกำลังภายในที่ปกคลุมฉินเฟิง เสี้ยวพริบตาที่กระทบ มันก็สามารถกัดกร่อนโล่ปราณกำลังภายในลึกลงไปได้ถึง 10 ซม. ในทันที กินลึกเข้าไปเป็นปากหลุม จากนั้นตกลงสู่ร่างกายของฉินเฟิง
ฉินเฟิงถูกรังสีกระแทก ปลิวถอยหลังกลับไปกว่าสิบเมตร สุดท้ายล้มลงกับพื้น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่เลว ไม่เลวเลย! ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเจ้าช่างทรงพลังนัก หากถูกเปลี่ยนเป็นอัศวินแห่งความตาย คงมิแคล้วครอบครองประสิทธิภาพในการรบอันน่าทึ่ง!”
มหาจักรพรรดิมารกระดูกเหยียดมือออกไป แสงสีดำห่อหุ้มร่างกายฉินเฟิง นี่คือเทคนิคหุ่นเชิดแห่งความตาย
บนภูเขาที่ห่างไกล แซดมาถึงพอดี แต่เมื่อเห็นฉากที่ฉินเฟิงถูกมหาจักรพรรดิมารกระดูกโจมตีจนหมอบกับพื้น เจ้าตัวไม่เพียงไม่วิตกกังวล ตรงกันข้าม ผุดรอยยิ้มเฉิดฉายบนใบหน้าเขา
“ดี ดีจริงๆ ถือว่าฉันโผล่มาได้จังหวะพอดี คราวนี้ฉันจะช่วยนายเอง บุญคุณในครั้งนี้น่าจะใช้แลกเปลี่ยนวัสดุทดลองได้หลายชิ้น!” แต่ในจังหวะที่แซดกำลังคิดลงมือ ตัวเขากลับชะงักไป
เพราะขณะนี้ รังสีแสงสีดำของมารกระดูกตกลงบนร่างของฉินเฟิงแล้วก็จริง แต่ร่างของฉินเฟิงกลับไม่เน่าเปื่อยกลายเป็นศพ ตรงกันข้าม พลังงานนี้ค่อยๆถูกดูดซึม
จักรพรรดิมารกระดูกก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เพ่งมองฉินเฟิงดีๆอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าร่างกายของฉินเฟิงยังมีชีวิตอยู่
“ไม่มีทาง นี่มันเป็นไปไม่ได้! เห็นอยู่ชัดๆว่าเจ้าโดนดรรชนีแห่งความตายของข้าเข้าเต็มๆ!” มารกระดูกร้องโวยวาย
ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง
แม้บนใบหน้าของเขายังคงฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลิ่นอายแห่งความตายนี้ ก็ค่อยๆสลายตาม สีหน้าเริ่มกลับมามีเลือดฝาดอีกครั้ง
“ที่แท้ นี่ก็เป็นอบิลิตี้เลเวล S เทคนิคหนึ่งดรรชนีสู่ความตายนี่เอง!” ฉินเฟิงกล่าวพลางลุกขึ้นจากพื้น
เขาไม่ทันคาดคิดเลยจริงๆ ว่ามารกระดูกที่ซ่อนตัวอยู่หลังโล่ จะระดมพลังเพื่อเตรียมใช้หนึ่งดรรชนีแห่งความตาย และอีกอย่างหนึ่งนิ้วสั่งตายนี้ช่างน่ากลัวนัก มันสามารถเจาะทะลุโล่ปราณกำลังภายในของฉินเฟิงได้
แน่นอน เทคนิคนี้สมชื่อ มันมีขนาดเท่านิ้วเดียวจริงๆ ดังนั้นเมื่อปะทะเข้ากับโล่ปราณกำลังภายใน เลยไม่กระจายอำนาจโจมตี สุดท้ายสามารถทำลายโล่ปราณกำลังภายในในจุดนั้นได้ ช่างเป็นพลังทำลายล้างอันน่าทึ่ง เมื่อรวมโจมตีเป็นจุดเล็กๆจุดเดียว โล่ปราณกำลังภายในมิอาจต้านทานได้เลย
อาจกล่าวได้ว่า หนึ่งดรรชนีแห่งความตาย น่ากลัวว่าจะเป็นการดำรงอยู่ที่โล่ปราณกำลังภายใน หรือกระบวนท่าป้องกันใดๆของผู้ใช้วรยุทธโบราณไม่อาจต่อกรได้
แน่นอน เทคนิคนนี้มีจุดอ่อนอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน นั่นคือหนึ่งดรรชนีแห่งความตาย สามารถสังหารศัตรูได้ทีละคนเท่านั้น
ช่างน่าสงสารมารกระดูก ที่ในครั้งนี้เป้าหมายของหนึ่งดรรชนีดันเป็นฉินเฟิง อักษรรูนแห่งความมืดจำนวนมากละลายเข้าสู่ร่างกายของฉินเฟิง หมายริดรอนพลังชีวิตเขา แต่น่าเสียดายที่ฉินเฟิงครอบครองพลังพิเศษดูดกลืน อักษรรูนเหล่านี้ ทั้งหมดเลยถูกช่วงชิง โดนดูดซับไปแทน
นอกจากนี้ หลังกลืนกินเสร็จสมบูรณ์ ฉินเฟิงยังได้รับอบิลิตี้อันน่าอัศจรรย์ใจนี้มาเช่นกัน
เมื่อเห็นฉินเฟิงปลอดภัยไร้บาดแผล มหาจักรพรรดิมารกระดูกและแซด ต่างอ้าปากกรามค้างด้วยความตกใจ
“ตอนนี้แกยังมีเทคนิคอะไรดีๆอีกไหม? ถ้ายังไม่ยอมงัดมันออกมา ฉันจะขอรับร่างนั้นของแกไป มาได้จังหวะพอดีเลย ร่างแกน่าจะเหมาะใช้เป็นหุ่นเชิดแห่งความตาย!” ฉินเฟิงทวนคำพูดของมหาจักรพรรดิกระดูกเมื่อครู่ และส่งคืนแก่อีกฝ่าย
ใบหน้าซีดเซียวของมารกระดูก เวลานี้บิดเบี้ยวจนแทบจำเค้าเดิมไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะสีของมันเหมือนกระดูก เกรงว่าเวลานี้สีหน้าของมหาจักรพรรดิคงเต็มไปด้วยสีแดงก่ำของความโกรธขึงแล้ว
“เทคนิคโลกแห่งความตาย!”
ตูม ตูม ตูมมม!
บรรยากาศอันทรงพลังก่อตัวขึ้นรอบๆมหาจักรพรรดิกระดูก เขตแดนของเลเวล S ปะทุขึ้น กวาดปกคลุมตลอดทั้งหุบเขาที่พวกเขาต่อสู้อยู่ในทันที ราวกับว่ามิติได้ถูกเปิดออก สร้างดินแดนลับที่แยกตัวเป็นอิสระขึ้น
เหนือศีรษะของมหาจักรพรรดิมารกระดูก ปรากฏอักษรรูนเป็นจุดๆ มีส่วนน้อยที่เป็นสีดำ ส่วนใหญ่แล้วเป็นสีเทา
รูนสีเทาเหล่านี้ แน่นอนว่าเป็นรูนมืดเช่นกัน เพียงแต่การควบคุมส่วนใหญ่ของพวกมันจะเน้นไปทางพลังอำนาจกระดูก
ฉินเฟิงในขณะนี้ ถูกขังอยู่ในเขตแดน ไม่สามารถหนีออกไปได้
“ระวัง!!”
สีหน้าของแซดตอนนี้เคร่งเครียดขึ้นมา ท่ามกลางเขตแดนอันน่าหวาดกลัวนี้ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตาย หากกระทั่งเขายังรู้สึกถึงมัน คงไม่ต้องกล่าวถึงฉินเฟิง
ต่อให้ฉินเฟิงจะทรงพลังแค่ไหน แต่อย่างไรเป็นเพียงผู้ใช้พลังเลเวล A เท่านั้น
ในความคิดของแซด ด้วยพรสวรรค์ของลูกรักของพระเจ้า ฉินเฟิงสามารถท้าทายเลเวล S ได้ มีกำลังรบมากถึงเลเวล S กระนั้น ในส่วนของพลังป้องกัน ฉินเฟิงยังคงอยู่แค่เลเวล A
เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีอย่างเต็มรูปแบบของตัวตนทรงอำนาจเลเวล S ฉินเฟิงย่อมไม่สามารถต้านทานได้ หนึ่งดรรชนีแห่งความตายเมื่อครู่ เป็นหลักฐานยืนยันอย่างดี
แม้แซดจะไม่รู้ว่าทำไมในตอนท้ายฉินเฟิงถึงสามารถแก้ไขเทคนิคนั้นได้ก็ตาม
ขณะที่แซดกำลังจะเปลี่ยนร่างสู่จิตวิญญาณนักรบมังกรดำ ฉินเฟิงที่ยืนอยู่ใจกลางเขตแดนมหาจักรพรรดิมารกระดูก พลันระเบิดอำนาจอันทรงพลังออกจากร่างกายเช่นเดียวกัน
จากนั้น เบื้องหลังฉินเฟิง ปรากฏดวงดาราอันสุกสกาวไร้มลทิน
มันเป็นดารามากถึง 9 ดวง แยกย้ายก่อตัวเป็นรูปแบบครึ่งวงกลม ฉากเบื้องหลังฉินเฟิง ไม่ต่างจากนกยูงรำแพน