บทที่ 66 โทร์วแมนริงส์ (11)
ตอนนี้ออเนอทั้งหมดของโทร์วแมนริงส์ จิเซลลันเฟอานน์และเอียเซิกได้รวมตัวกันแล้ว เบเนียงจึงจัดการประชุม
ส่วนใหญ่เป็นการแนะนำตัวเฟรย์กับเอียเซิกให้รู้จักกันและเพื่อจัดการกับสถานการณ์ของเซอร์เคิล
เอียเซิกเป็นคนเปิดปากก่อน
“ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณจะแต่งตั้งเซอร์เคิลราวเดอร์ในขณะที่ผมไม่อยู่”
“มันเป็นสถานการณ์เร่งด่วน ฉันขอโทษด้วยถ้าหากฉันทำให้คุณขุ่นเคืองใจ”
เอียเซิกส่ายหัวให้กับคำพูดของเบเนียง
“มันไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่กังวลเกี่ยวกับอนาคตของเซอร์เคิลนี้เท่านั้น”
“…”
เอียเซิกมองเฟรย์ด้วยสายตาสงบ
“ราวเดอร์เฟรย์ ถ้าหากมาสเตอร์เบเนียงและออเนออีกสองคนยอมรับในตัวคุณผมก็ไม่มีอะไรจะพูด”
เฟรย์ไม่เชื่อว่าเอียเซิกจะยอมรับเขาได้อย่างแท้จริง แต่เขาจะดูสถานการณ์ไปก่อนในตอนนี้
ในความเป็นจริงเอียเซิกไม่เคยมีเจตนาที่จะต่อต้านการตัดสินใจของเบเนียง
นอกเหนือจากนั้นมันจะดูแปลกๆถ้าหากเขาไม่ระวังชายแปลกหน้าที่ชื่อเฟรย์คนนี้
ตั้งแต่เริ่มต้นเอียเซิกมองไปที่เฟรย์ด้วยสายตาที่น่าค้นหา
และเฟรย์ก็เหมือนกัน
'นี่คือออเนอเอียเซิก'
เฟรย์ตรวจสอบเขาอย่างเงียบ ๆ
จากนั้นเขาก็ตระหนักว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่พ่อมดหรือนักรบเวทมนตร์
เอียเซิกเป็นผู้อัญเชิญ
ถ้าจะพูดแบบทื่อๆเขาเหมาะกับไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์มากกว่าเซอร์เคิลนี้
‘ทุกคนบอกว่าเขาเก่งจนหาใครเทียบเขาไม่ได้ในบรรดาผู้บริหารของโทร์วแมนริงส์’
เขาเป็นคนที่รับบทเป็นเอซก่อนที่เฟรย์จะมาถึงฃ
เฟรย์รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเกินจริง
จากนั้นอเดเลียก็พุ่งขึ้นไปข้างๆเฟรย์และสะกิดที่ซี่โครง
“เฮ้เกิดอะไรขึ้นช่วงสองเดือนนี้จนนายสามารถกลายมาเป็นราวเดอร์ได้?”
ก่อนที่เฟรย์จะตอบกลับจิเซลลันก็พูดขึ้นด้วยใบหน้านิ่งเฉย
“อเดเลียสุภาพกับเซอร์เคิลราวเดอร์หน่อยสิ”
“…ฉันจะบ้าตาย เขาประสบความสำเร็จภายในพริบตา”
อเดเลียบ่น
แต่ปฏิกิริยาของเธอก็เข้าใจได้
นักเรียนที่น่ารัก (?) ที่เคยพูดกับเธออย่างสุภาพตอนนี้กลายมาเป็นคนที่มีตำแหน่งเหนือกว่าเธอ
สำหรับอเดเลียที่เคยเจ็บปวดกับวิธีหลอกล่อเฟรย์ให้มาเป็นลูกมือของเธอ เรื่องนี่จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจสำหรับเธอจริงๆ
“…”
ดวงตาของจิเซลลันเต็มไปด้วยความโกรธเมื่อเขาเห็นเธอบ่น
จากนั้นอเดเลียก็ถอนหายใจและทำหน้ามุ่ย
“เอาล่ะๆได้เลยค่าาา...ราวเดอร์เฟรย์ ฉันต้องพูดกับเขาแบบนั้นใช่มั้ย?”
“ใช้เกียรตินำหน้าด้วยสิ”
“…ฉันกำลังทำอยู่ไม่ใช่หรือ?”
เฟรย์พบว่าปฏิกิริยาของเธอนั้นค่อนข้างน่าขบขัน
นั่นเป็นเพราะอเดเลียซึ่งสามารถพูดคุยกับมาสเตอร์หอคอยเวทย์มนต์ที่ 3 ว่าเป็น "ตาแก่" กลับทำตัวเหมือนหนูเห็นหน้าแมวต่อหน้าจิเซลลัน
อเดเลียถอนหายใจอีกครั้งกับความไม่ยุติธรรมนี้ก่อนที่จะเปลี่ยนวิธีคิดของเธอ
'…รอสักครู่ นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้เป็นนักเรียนแล้วหรือ?”
ในขณะที่อเดเลียดูเหมือนจะจ้องมองไปที่เฟรย์ด้วยมุมมองที่แตกต่างออกไปเอียเซิกก็เริ่มพูด
“มาสเตอร์เบเนียงถ้าคุณพร้อมผมอยากที่จะการรายงานภารกิจของผมก่อนที่จะรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเซอร์เคิล”
“เอาเลย”
"ขอ..ขอบคุณ"
เอียเซิกพยักหน้าก่อนจะพูดต่อ
“อย่างที่คุณรู้ภารกิจของผมคือการค้นหาร่องรอยที่ผู้สืบทอดราชานักรบเวทมนตร์ และผมพบเบาะแสใกล้กับป่าใหญ่เรย์นอลซึ่งเป็นดินแดนของพวกเอลฟ์ ผมไล่ตามเขาทันที…และผมก็พบกับเขา”
"คุณพูดจริงหรือ?”
คำพูดเหล่านั้นทำให้จิเซลลันและคนอื่นๆเบิกตากว้าง
ผู้สืบทอดนักรบเวทมนตร์ราชาคาซาจิน!
เบาะแสของเขาเป็นสิ่งที่เซอร์เคิลให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
หลายคนสามารถค้นหาร่องรอยการเคลื่อนไหวของเขาได้และยังมีหลายเซอร์เคิลที่สามารถติดต่อกับเขาได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้เข้าร่วมเซอร์เคิลใดและยังคงอยู่ตัวคนเดียว
เอียเซิกรู้ว่าทำไม
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ประมาทแต่เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส
“เขาไม่ใช่คนแบบที่ใครจะคุยด้วยได้”
ซิก
เอียเซิกถอดเสื้อคลุมออกและเผยให้เห็นบาดแผลที่น่าสยดสยอง
“ฮ - อัก…!”
“คุณโอเคไหม?”
หน้าอกของเขาจมลงราวกับว่าเขาถูกอะไรบางอย่างหนักๆทุบ
เส้นเลือดแดงช้ำและบวมอย่างรุนแรงทำให้แม้แต่จิเซลลันอดีตทหารรับจ้างยังขมวดคิ้ว
นั่นเป็นเพราะมันเลวร้ายกว่าที่เห็นมาก ซี่โครงของเขาต้องหักหลายซี่แต่ดูเหมือนว่าเอียเซิกจะได้รับการรักษาเบื้องต้นแล้ว
เอียเซิกใส่เสื้อผ้ากลับก่อนที่จะดำเนินการต่อ
“ตอนนี้ผมสบายดี ฉันเกือบตายเมื่อสี่วันก่อน แต่มันเป็นความโชคดีที่ได้ช่วยชีวิตผมไว้ ... เหมือนที่พูดกันในเซอร์เคิล เขามีบุคลิกที่คาดเดาไม่ได้ เขาบอกว่าเขาไม่มีเจตนาที่จะพูดคุยกับใครยกเว้นว่าเขาจะยอมรับคนๆนั่น”
สิ่งนี้ทำให้การแสดงออกของผู้ที่รู้ถึงพลังอำนาจของเอียเซิกถึงกับแข็งกระด้าง
หากเป็นผู้บริหารเซอร์เคิลคนอื่นที่ถูกส่งไปทำงานแทนเอียเซิก พวกเขาอาจจะกลายเป็นศพไปแล้ว
“เขารู้เรื่องเดมิก็อดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจในการกวาดล้างเหล่าเดมิก็อดหรือเข้าร่วมเซอร์เคิล เขากล่าวว่าการได้เห็นจุดจบของเส้นทางศิลปะการต่อสู้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของเขา”
แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องของเดมิก็อดแต่เขาก็ยังปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ
เฟรย์ขมวดคิ้ว
เขาไม่ชอบความคิดที่ว่าบุคคลเช่นนี้ใช้ชื่อ "ผู้สืบทอดของราชานักรบ"
อย่างไรก็ตามความคิดเห็นส่วนตัวของเขานอกเหนือจากบาดแผลของเอียเซิกก็เห็นได้ชัดว่าเขามีความเชี่ยวชาญในหมัดราชานักรบมาก
'มาคิดดูอีกทีเกี่ยวกับเรื่องนี้ คาซาจินเองก็ไม่ได้สนใจเหล่าเดมิก็อดในตอนแรกเหมือนกัน'
เมื่อเขาสร้างกลุ่มขึ้นมาครั้งแรกคาซาจินเป็นคนที่ชักชวนได้ยากที่สุด
แต่เมื่อเขาเข้าร่วมเขากลับมีความมุ่งมั่นมากกว่าใครๆ
เฟรย์รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องพบกับผู้สืบทอดราชานักรบ
ไม่สิ...เฟรย์แทบไม่ต้องคิดเลย
เขาต้องไปพบ
‘เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ในระดับเดียวกับคาซาจิน หากเราสามารถขอความช่วยเหลือจากนักรบเวทมนตร์ระดับเฟิร์สคลาสที่เชี่ยวชาญในหมัดราชานักรบได้ละก็… ’
มันจะช่วยพวกเขาได้มากหากพวกเขาพยายามที่จะเอาชนะเดมิก็อดในอนาคตหลังจากเฟรย์เข้าสู่ระดับ 9 ดาว
“เขาอยู่ในป่าใหญ่เรย์นอลใช่มั้ย?”
“ผมไม่คิดอย่างนั้น…ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ที่เดิมนานกว่าหนึ่งเดือนไม่ได้”
หนึ่งเดือน
เฟรย์ไม่รู้ว่าเขาอยู่ในป่าใหญ่เรย์นอลมานานแค่ไหน แต่เฟรย์คิดว่าคงเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว
หลังจากครุ่นคิดสักพักเฟรย์ก็เปิดปาก
“ป่าใหญ่เรย์นอลอยู่ห่างจากที่นี่มากแค่ไหน?”
“คุณตั้งใจจะไปพบเขาใช่มั้ย?”
"ถูกตัอง คงจะดีมากถ้าหากเราสามารถชวนเขาเข้าร่วมเซอร์เคิลของเราได้”
เอียเซิกเงียบลง
ไม่ใช่เรื่องผิด
ไม่มีคำพูดไหนผิดเลย
ในความเป็นจริงไม่มีอะไรที่เอียเซิกสามารถพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เพราะเขาเองก็เคยมั่นใจว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมชายคนนี้ได้
แต่เมื่อได้พบเขาด้วยตนเองมันก็เหมือนกับการได้พบกับสัตว์ร้ายแทนที่จะเป็นมนุษย์ทั่วไป
และนั่นคือตอนที่เขารู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงสบายใจกว่าเวลาอยู่คนเดียวแทนที่จะอยู่ในเซอร์เคิล
จากมุมมองของเซอร์เคิลมันดูไม่ดีเลยเมื่อผู้สืบทอดราชานักรบเวทมนตร์ยังวิ่งเล่นไปรอบๆเพื่อทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ
มีพวกหัวรุนแรงหลายคนที่คิดจะจับเขาแล้วกำจัดเขาหลังจากที่พวกเขาล้วงความลับของหมัดราชาได้จากเขา
อย่างไรก็ตามชายคนนี้ยังคงสนุกสนานไปทั่วทั้งทวีป
นี่เป็นเพราะทั้งแผนหลักและแผนสำรองของพวกเขาล้มเหลว
ไม่ใช่แค่สามเซอร์เคิลที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น
เซอร์เคิลขนาดเล็กและขนาดกลางจำนวนมากซึ่งบางเซอร์เคิลแข็งแกร่งกว่าโทร์วแมนริงส์ด้วยซ้ำยังส่งหน่วยแมวมองมากมายไปหาเขา
และทั้งหมดก็ล้มเหลว
ไม่มีสักคนเดียวที่ประสบความสำเร็จ
แม้ว่าเขาจะมีความคิดเหล่านี้ เอียเซิกก็ยังคงหยิบแผนที่ออกมาจากกระเป๋าของเขา
คำถามของเซอร์เคิลราวเดอร์นั้นไม่สามารถละเลยได้
ชุก
เอียเซิกชี้ไปที่แผนที่ขณะพูด
“ผมจะแสดงเส้นทางที่สั้นที่สุดให้ดู นี่คือที่ตั้งของเซอร์เคิลของเรา ขั้นแรกไปตามถนนสายนี้ทางทิศใต้จนถึง”โกด้" มันอยู่ใกล้เรามากกว่าเมืองอูเทียโน่และมีหินวาร์ป จากนั้นใช้หินวาร์ปตรงนั้นมุ่งหน้าไปที่ ‘พิลเล็ต’ พิลเล็ตเป็นหนึ่งในเมืองที่ใกล้ที่สุดกับป่าใหญ่เรย์นอล จากที่นี่ไปที่นั่นจะใช้เวลาประมาณสามวัน”
พิลเล็ต
ทันทีที่เขาได้ยินการแสดงออกของเฟรย์ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ทางตะวันออกสุดของอาณาจักรนี้มีมีผู้ปกครองอยู่นั่นก็คือบ้านของตระกูลเบลค
“จากที่นั่นคุณต้องเดินทางเท้าเปล่าไปเท่านั้น แน่นอนว่าเส้นทางบนภูเขาที่นำไปสู่ป่านั้นค่อนข้างยาวและขรุขระ…ถ้าคุณใช้รถม้าคุณจะสามารถประหยัดเวลาและพลังงานได้”
“ฉันจ้างรถม้าได้ไหม?”
เอียเซิกพยักหน้า
“มีกองคาราวานของพ่อค้าเร่ที่ค้าขายกับพวกเอลฟ์ ดูเหมือนว่าจะมีการทำธุรกรรมกันทุกๆเดือน แน่นอนว่าเราไม่สามารถใช้พวกเขาเพื่อเข้าไปในป่าได้”
“ดังนั้นวิธีที่เร็วที่สุดคือเข้าร่วมกลุ่มของพวกเขา”
"ถูกตัอง พ่อค้าเร่มักจะมองหาทหารรับจ้างไว้ติดตามพวกเขา คนที่มีทักษะอย่างราวเดอร์เฟรย์จะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี”
เอียเซิกไม่รู้แน่ชัดว่าเฟรย์แข็งแกร่งเพียงใด แต่เขารู้ดีว่าเพื่อให้เขาอยู่ในตำแหน่งราวเดอร์เขาจะต้องอยู่ในระดับ 6 ดาวเป็นอย่างน้อย
ไม่มีเหตุผลที่เฟรย์จะไม่เข้าร่วมกองคาราวานเนื่องจากโลกของทหารรับจ้างปฏิบัติต่อใครก็ตามที่อยู่ในระดับ 5 ดาวเหมือนเขาเป็นไฮโซ
“…”
เฟรย์ครุ่นคิดสักครู่ก่อนที่จะหันไปหาเบเนียง
“มาสเตอร์เบเนียงฉันคิดว่าฉันจะไปพบกับผู้สืบทอดราชานักรบเวทมนตร์”
"ใช่ ฉันคิดแล้วว่าคุณจะไป "
เบเนียงพยักหน้าขณะที่เธอเห็นด้วย
“สำหรับตอนนี้ทุกอย่างในเซอร์เคิลนั้นเรียบร้อยดี รากฐานได้รับการเสริมสร้างและแม้แต่ผู้ที่หลงทางก็พบเส้นทางที่จะเดินใหม่ และออเนอเอียเซิกควรได้รับการรักษาให้ทันเวลาสำหรับการแข่งขันกระชับมิตรในอีกหนึ่งเดือน”
“การแข่งขันกระชับมิตร?”
เฟอานน์เป็นคนที่ตอบเอียเซิกที่กำลังสับสน
"ผมจะบอกคุณในภายหลัง อย่างไรก็ตามราวเดอร์เฟรย์คุณไม่ต้องกังวลไป ”
เฟรย์มองหน้าพวกเขาก่อนจะพยักหน้า
“เอาล่ะออเนอจิเซลลันการประชุมใหญ่ครั้งต่อไปของเหล่าเซอร์เคิลคือเมื่อไหร่?”
“ในหนึ่งปีหกเดือน”
“…”
หนึ่งปีหกเดือน
มันเป็นเวลาที่เพียงพอ
โทร์วแมนริงส์ยังไม่พร้อมสำหรับการประชุมดังกล่าวในตอนนี่
แน่นอนว่าอาจไม่มีเวลาเพียงพอที่เขาจะบรรลุเป้าหมายได้
‘ระดับ 9 ดาว’
เฟรย์กำลังคิดว่าเขาจะต้องไปถึงระดับ 9 ดาวก่อนการประชุมครั้งต่อไปจะเริ่ม
หรืออย่างน้อยก็มีพลังเพียงพอที่จะรวมเซอร์เคิลที่กระจัดกระจายได้
แน่นอนว่าเพียงอย่างเดียวนั้นคงไม่เพียงพอ
เฟรย์นึกถึงแกนโกเลมที่เขาเอามาจากดันเจี้ยนของชไวเซอร์
'ยิ่งฉันสร้างอนาสตาเซียได้เร็วเท่าไหร่มันก็ยิ่งดีเท่านั้น'
ไปให้ถึงระดับ 9 ดาวและสร้างอนาสตาเซีย
ไม่มีอะไรง่ายสักอย่างเลย
ถ้าเขาอยู่ในเซอร์เคิลมันก็จะค่อนข้างยาก แต่ถ้าเขาเดินทางด้วยตัวเองมันอาจจะเป็นอีกเรื่อง
เฟรย์มองไปที่เบเนียงและพูด
“ผมจะกลับมาก่อนมีการประชุมใหญ่ของเหล่าเซอร์เคิล”
“…คุณกำลังบอกว่าเซอร์เคิลราวเดอร์จะหายไปนานขนาดนั้นเลยหรือ?”
เอียเซิกเป็นคนที่พูดด้วยสีหน้าแข็งกระด้าง
ปฏิกิริยาของเขาเป็นไปตามธรรมชาติ
เซอร์เคิลราวเดอร์นั้นแตกต่างจากฟอร์สออเนอมาก
ยกเว้นกรณีพิเศษพวกเขาก็แทบไม่ได้ออกจากฐานหลักเป็นเวลานาน
เป็นจิเซลลันไม่ใช่เฟรย์ที่ตอบเขา
“เขาบอกพวกเราว่ามันจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรก”
“ผมไม่เข้าใจ ผมรู้ว่าสถานการณ์ของโทร์วแมนริงส์นั้นเลวร้าย และความสามารถของราวเดอร์เฟรย์นั้นยอดเยี่ยมมากแต่…”
“ฉันรู้ว่าคุณต้องการจะพูดอะไร คุณกังวลว่าราวเดอร์เฟรย์อาจร้องขอจากเรามากไปโดยมีเงื่อนไขที่เขาเข้าร่วมเซอร์เคิลของเรา อย่างไรก็ตามฉันสามารถสาบานในนามของฉันได้ว่าสิ่งนี่ไม่เคยเกิดขึ้น ในความเป็นจริงเราเป็นหนี้เขาจนเราไม่สามารถชดใช้คืนได้”
“…”
“คุณจะเข้าใจมากกว่านี่ สำหรับตอนนี้เชื่อใจฉันและปล่อยให้เขาไป”
เอียเซิกถอนหายใจ
เนื่องจากจีเซลลันเป็นคนพูดเขาจึงถูกบังคับให้เชื่อ
นั่นเพราะเขาไม่ได้ใจง่ายเหมือนเบเนียงหรือเฟอานน์
เขาเป็นชายชราผิวหนาที่ใช้เวลามากกว่าทศวรรษในโลกของทหารรับจ้างที่โหดเหี้ยม
การปหรากฏตัวของจิเซลลันเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขากลัาทำภารกิจระยะยาวโดยไม่ต้องกังวล
“เอาล่ะราวเดอร์เฟรย์ได้โปรดยกโทษให้กับความหยาบคายของผมด้วย”
เฟรย์ที่กำลังดูแผนที่พยักหน้า
"ทุกอย่างปกติดี เป็นไปได้ไหมที่จะเอาแผนที่นี้ไปด้วย?”
“แน่นอน มันไม่ได้แพงขนาดนั้น”
"ขอบคุณ"
เฟรย์วางแผนที่ทิ้งไว้ขณะที่เขาพูดแบบนี้
“มาสเตอร์เบเนียงผมจะขอลาเดี๋ยวนี้เลย”
"ฮะ?! จะไปแล้ว?”
“ผมคิดว่าฉันต้องออกเดินทางให้เร็วที่สุด ผมคิดว่ามันน่าจะดีกว่าที่จะพลาดไม่เจอเขาเพราะคาดกันเพียงเล็กน้อย”
“ฉันฉันเข้าใจ”
เฟรย์สังเกตเบเนียงสักครู่ก่อนพูด
“โปรดดูแลเซอร์เคิลให้ดีด้วยมาสเตอร์เบเนียง ผมขอโทษที่ไม่ได้เห็นผลลัพธ์ของการแข่งขัน อา....แต่ผมไม่คิดว่าจะต้องกังวล…”
เมื่อสายตาของเฟรย์สบกับพวกเขาเบเนียงจิเซลลันและเฟอานน์ต่างก็สะดุ้ง
“…มันไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่ถ้าคุณไม่ชนะแบบถล่มทลายหรืออย่างน้อยก็ด้วย3ใน4…”
“นั่นจะไม่เกิดขึ้นแน่!”
“โอ้วแน่นอน! ใช่ไหมออเนอจิเซลลัน?!”
“ตามนั่น!”
“ผมจะจำใจคำพูดของพวกคุณ”
เฟรย์ยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นผมก็หวังว่าเราจะได้พบกันอีก”
* * *
[ฉันหวังว่าเราจะได้พบกันอีก]
เธอกระพริบตา
รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันมานาน
เธอค่อยๆตื่นขึ้น
มันเป็นกลางดึก ดวงจันทร์สีซีดอยู่สูงบนท้องฟ้า
เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไป
เมื่อมองลงไปที่ร่างของเธอเธอก็รู้ทันทีว่ามันคืออะไร
"อา…"
ขน
เธอไม่มีขนแล้ว
เธอไม่เข้าใจ
ทำไมเธอถึงมีผิวหนังที่ไม่มีขน?
รูปร่างของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน
เธอไม่มีจะงอยปากแถมยังไม่มีปีก
มันสำคัญด้วยหรือ?
มันไม่ใช่ว่าพลังของเธอนั้นอ่อนแอลง
เธอยังคงสามารถพ่นเปลวไฟที่เธอภาคภูมิใจได้
ไม่สิ รู้สึกว่าเธอจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ
เธอลุกขึ้นจากที่นั่ง
ผมที่เหมือนเปลวไฟเรียงร้อยเป็นเกลียวคลื่นลงด้านหลังของเธอ
[เดินตามรอยของทอร์กุนทาและกลายเป็นผู้ปกครองภูเขาเหล่านี้ ปกป้องดันเจี้ยนของเพื่อนของฉันด้วยนะ]
เสียงอันอบอุ่นดังขึ้นในหัวของเธอ
มันคือเสียงของคนๆนั้น
เธอเข้าใจทันทีว่าเธอควรฟังสิ่งที่เขาพูด
แต่ก่อนอื่น
ในการเป็นผู้ปกครองภูเขาเธอต้องทำให้พื้นที่นี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ
เธอลังเลที่จะเดินตามรอยของเดรกคิงที่โชคร้าย แต่ก็ช่วยไม่ได้
และมันคงไม่ใช่เรื่องยาก ความแข็งแกร่งที่เธอมีอยู่ในตอนนี้มีมากเกินพอแล้ว
ประการที่สอง
ปกป้องดันเจี้ยนของเพื่อนคนนั้น
เขาอาจกำลังพูดถึงพื้นที่อยู่นั้นภายในภูเขาลูกนั้น
นั่นก็ง่ายเหมือนกัน
โดยปกติแล้วตราบใดที่พื้นที่นั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ เธอก็จะมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยของพื้นที่นั้น
ดังนั้นเมื่อเธอบรรลุทั้งสองสิ่งแล้ว ... เธอจะไปหาคนๆนั้นได้ไหม?
[เจ้าจะครองราชย์]
เธอหลับตาลงขณะที่จำคำพูดเหล่านั้นอย่างเงียบๆ