ตอนที่ 57 คิดถึงฉันไหม
แสงจากดวงอาทิตย์กำลังลับผ่านหน้าต่างและตกลงบนร่างของเหยาซื่อ ทำให้อากาศอบอุ่นและเงียบสงบ หลังจากการพูดคุยและเซ็นเอกสารของเขาเสร็จ เหยาซื่อรีบตรงกลับบ้านทันที
เขาชอบอยู่บ้านตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ก่อนที่เขาจะแต่งงาน เขาทำงานล่วงเวลาในบริษัท หรือออกไปดื่มกับจงอี้ หลังจากที่อยู่กับฉีโย่ว เขารู้สึกประหลาดใจที่พบว่าเขามีความสุขแค่ไหนที่ได้ไปและกลับจากงานตรงเวลากับฉีโย่วทุกวัน
ด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจบนใบหน้าของเขา เหยาซื่อรีบตรงกลับบ้าน
เหยาซื่อจอดรถและรู้สึกกระวนกระวายใจ เมื่อเห็นฝูงชนมารวมตัวกันที่ด้านหนึ่งของสนาม
“พี่ซื่อกลับมาแล้ว!”
ถังถิงตะโกนด้วยความตื่นเต้น หลังจากหนึ่งวันใสนสนามกับฉีโย่วและเดินไปรอบ ๆ ตามที่เธอสั่ง ถังถิงก็หมดแรง แต่ตอนที่ได้เห็นเหยาซื่อ ถังถิงรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทั้งวันช่างคุ้มค่า!
“ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?”
เหยาซื่อขมวดคิ้ว ‘ปกติแล้ว จะไม่มีใครมาที่บ้านตระกูลเหยา’
“หน่ายน่ายขอให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนฉีโย่ว...”
ถังถิงตอบเบา ๆ
ตอนนั้นเองที่เหยาซื่อสังเกตเห็นฉีโย่วอยู่ตรงกลางสวน ดวงอาทิตย์ตกไปแล้ว แสงที่กระจัดกระจายสะท้อนให้เห็นทุกสี ฉีโย่วสูดอากาศจากธรรมชาติอย่างสดชื่น
ฉีโย่วถูกดึงดูดด้วยดอกกุหลาบที่บานสะพรั่งในบริเวณใกล้เคียงจึงอยากดอกมันขึ้นมา แต่พบว่ารถเข็นของเธอถูกล็อก
เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่ต้นขาเพียงข้างเดียวและไม่เจ็บเท่าไหร่ ฉีโย่วจึงลุกขึ้นยืนและโน้มตัวไปข้างหน้าเอื้อมมือไปหาดอกกุหลาบ
“ฉีโย่ว!” เหยาซื่อมาหาฉีโย่วให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจับเธอกลับไปนั่งในรถเข็น
“คุณกำลังทำอะไร?!”
ถังถิงแอบดีใจที่ได้เห็ฯใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของเหยาซื่อ เธอคาดหวังสิ่งนี้และผู้หญิงที่หยิ่งผยองคนนั้นที่ไม่ยอมฟังคำแนะนำของเธอ
“เด็ดดอกไม้” ฉีโย่วพูดอย่างสบายใจ รอปฏิกิริยาของเหยาซื่อ
“ใครอนุญาตให้คุณลุกขึ้น” เหยาซื่อดุ
“หน่ายน่าย...”
เพราะเจียงเฟิงอี้ไม่ได้ห้ามให้ฉีโย่วนั่งรถเข็นออกไปข้างนอก ฉีโย่วจึงคิดว่าไม่ผิดอะไร
“คุณเปลี่ยนชุดหรือยัง”
“เปลี่ยนแล้ว พี่หลิวช่วยฉันช่วงบ่ายน่ะ”
ฉีโย่วตอบอย่างเชื่อฟัง เมื่อดูใบหน้าที่แดงก่ำและอารมณ์ดีของเธอ เหยาซื่อใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้น
“อย่าเดินไปมาอีกเลย ทำไมตอนนี้คุณไม่นอนอยู่บนเตียงล่ะ เพราะเจ็บหรือเปล่า?”
ฉีโย่วแลบลิ้นออกมา โดยตระหนักว่าเหยาซื่อคงรู้สึกกังวลเกี่ยวกับบาดแผลของเธอ
“ดูนี่สิ เหยาซื่อคุณชอบไหม”
ฉีโย่วชี้ไปที่สวนตรงหน้าเธอ เหยาซื่อมองไปรอบ ๆ และพบว่าสวนได้เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์และถูกรวมเข้ากับสวนใหญ่
“อืม สวยดี”
“เราทุกคนก็ชอบ!” ฉีโย่วชี้ไปที่คนข้างหลังเธออย่างมีความสุข
“เหยาซื่อ ฉันขอสวนนี้ด้ไหม? ฉันจะทำให้ดีขึ้น!”
เหยาซื่อลูบผมของเธอเบา ๆ และกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “อืม ไม่มีปัญหา”
ถังถิงอ้าปากค้างใส่พวกเขา ‘เหยาซื่อโกรธเพียงเพราะเป็นห่วงฉีโย่วเท่านั้น? เขาไม่ได้โกรธที่เธอเปลี่ยนสวนของเขาและยกมันให้เธอด้วย?’
‘เป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นสวนที่พี่เสว่หันรักมาเลยนะ!’
ถังถิงตกใจกลัวว่าเหยาซื่อจะตกหลุมรักฉีโย่ว
“พาฉันเข้าไปที...”
ฉีโย่วกางแขนออกอย่างเหนื่อยล้า หลังจากทำงานมาทั้งวัน เหยาซื่อพาเธอออกจากรถเข็นเดินผ่านถังถิง เข้าไปที่ห้องของพวกเขา
“คุณถัง นายท่านบอกว่ามืดแล้ว จะให้คนขับรถ ขับรถไปส่งที่บ้านนะครับ ไม่อย่างนั้นคุณพ่อคุณแม่ของคุณจะเป็นห่วง นอกจากนี้เขายังชื่นชมที่คุณมาที่นี่เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนคุณผู้หญิงเหยาด้วยครับ ขอบคุณมากครับ”
พ่อบ้านพูดตัดบทถังถิง ขณะที่เธอกำลังจะติดตามเหยาซื่อเข้าไปข้างใน
‘ขอบคุณเหรอ?’ ใบหน้าของถังถิงเต็มไปด้วยความโกรธ ‘ฉันดูแลฉีโย่วมาทั้งวัน แต่ได้รับคำ “ขอบคุณ” จากหัวหน้าพ่อบ้านเท่านั้นเหรอ’
ถังถิงกระทืบเท้าของเธอด้วยความโกรธ เธอจะบอกจ้าวเสว่หันและฉีโย่วจะได้รู้สถานะของเธอ!
“ขาเป็นยังไงบ้าง”
เหยาซื่อค่อย ๆ ปล่อยฉีโย่วลงบนเตียงและยกกระโปรงขึ้น
“อืม ดีขึ้นมากแล้วค่ะ...”
ใบหน้าของฉีโย่วร้อนผ่าว ขณะที่มืออันอบอุ่นของผู้ชายตรงหน้าวางลงบนต้นขาของเธอ
โดยไม่รู้ตัวถึงความไม่สบายใจของเธอ เหยาซื่อตรวจดูบาดแผลอย่างละเอียดและเปลี่ยนชุดให้เธอ
“พรุ่งนี้อย่าทำแบบนี้อีกนะ นอนพักอยู่บนเตียงเถอะ!”
เหยาซื่อกล่าวอย่างจริงจัง แต่ฉีโย่วตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก
“ผมหมายถึงอย่างจริงจัง ผมจะอยู่เฝ้าคุณที่บ้านนะ ถ้าคุณไม่เชื่อฟัง”
“แล้วงานของคุณล่ะ”
“อย่าลืมสิ ผมเป็นเจ้านายนะ”
เหยาซื่อตอบอย่างมีชัย ฉีโย่วสำลักด้วยความโกรธจึงเอนตัวพิงกับเตียง หันหน้าหนี
“ใช่สิ คุณเป็นเจ้านายนี่! คุณนี่ชอบกวนประสาทฉันเสียจริง...”
“ไม่ยักกะรู้นะ” เหยาซื่อยิ้ม ‘กลายเป็นผู้หญิงขี้หึงอีกแล้ว’
“แล้วก็ถังถิง คุณก็รู้เจตนาของเธอ ยังจะถามอะไรที่น่ารำคาญกับเธออีก...”
เหยาซื่อรู้สึกงงงวย ‘ฉันพูดอะไรกับถังถิง เมื่อไหร่กัน’ เขารู้จากครั้งล่าสุดที่ได้เจอกันกับถังถิงว่า ฉีโย่วเกลียดเธอมากและเขาก็ไม่ชอบให้มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ในบ้านด้วย
“เธอพูดว่าอะไร”
เหยาซื่อถามด้วยความสงสัยว่าฉีโย่วโกรธอะไร
“เธอ...”
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ลืมไปซะเถอะ”
จิตใจของเธอบอกเธอว่า เธอไม่ควรพูดถึงจ้าวเสว่หันกับเหยาซื่อ บางทีนั่งอาจเป็นพื้นที่ต้องห้ามในใจของเขา ‘ตอนนี้มันดีมากอยู่แล้ว’ ฉีโย่วเกาะผ้าห่มรู้สึกว่ามันยากที่จะจินตนาการถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเหยาซื่อต่อไป แต่เธอก็ไม่เต็มใจที่จะขีดเส้นกั้น
“คิดอะไรอยู่เหรอ?”
เหยาซื่อเคาะหัวฉีโย่ว ทำให้เธอสะดุ้ง
“หืม ฉันเหรอ?”
เมื่อฉีโย่วเสียสมาธิ เหยาซื่อผลักใบหน้าของเขาเข้าหาเธอ
“ไม่ ไม่มีนี่...”
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่เข้ามาใกล้ หน้าของฉีโย่วแดงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“แล้ว ทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ”
เหยาซื่อพยายามแกล้งเธอเท่านั้น แต่ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้กันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่สามารถต้านทานได้
ที่จะวางจูบอย่างอ่อนดยนลงบนริมฝีปากของเธอ เหยาซื่อลดเสียงลง
“อืม...อืม...”
ฉีโย่วไม่รู้ว่าจะซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงของเธอได้อย่างไร
“ฉันด้วย”
ราวกับว่ามีผีเสื้ออยู่ในท้องของเธอ ฉีโย่วรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นระรัวอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เหยาซื่อมองเข้าไปในดวงตาที่สดใสและชัดเจนของฉีโย่ว กดริมฝีปากของเขาลงบนเธออย่างแน่นหนา ระบายความต้องการของเขาอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องใช้ความอดทนแม้แต่น้อย