ตอนที่แล้วEp.892 - ซุ่มลอบสังหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.864 - เหรียญตราจอมพลเลเวล A

Ep.893 - เรียกฉันว่าจอมมาร


1/4

Ep.893 - เรียกฉันว่าจอมมาร

บุคคลดังกล่าว สามารถลอบเข้ามาจนประชิดตัวตนทรงอำนาจเลเวล S ทั้งสองคนได้โดยไม่มีใครสังเกต สิ่งนี้ทำให้เทพวูดูตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

แต่ฉินเฟิงไม่สนใจว่าเทพวูดูจะคิดอย่างไร ระหว่างเหอเทียนสิงกับเทพวูดูกำลังโต้เถียงกัน เหอเทียนสิงจดจ้องเทพวูดูด้วยความกังวล และสำหรับฉินเฟิง นั่นคือช่องว่างให้สบโอกาส

เกราะทมิฬสวมทับฉินเฟิง เสื้อคลุมประดับอัญมณีสีมืดช่วยกลบซ่อนกลิ่นอายจนไร้ร่องรอย ฉินเฟิงปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศในพริบตา

“ทักษะก้าวทะลวงมิติ!”

ฉินเฟิงระดมกำลังภายในทั้งหมดของเขา ปลดปล่อยวิชาตัวเบาใหม่ที่เพิ่งเรียนรู้มา ร่างของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงทันที

ไม่ว่าจะเป็นเทพวูดู หรือเหอเทียนสิง ล้วนค้นพบถึงเงาของฉินเฟิงที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังกลางอากาศ

อย่างไรก็ตาม ทันทีหลังจากนั้น ดวงตาของเทพวูดูพลันหดแคบลง เพราะในสายตาเขา ฉินเฟิงปรากฏกายขึ้นเบื้องหลังเหอเทียนสิงอย่างกะทันหัน

แต่ทว่า ในพลังสมาธิของเทพวูดู  เขาไม่สามารถสัมผัสถึงการดำรงอยู่ของฉินเฟิงได้เลย

ส่วนเหอเทียนสิง ไม่รู้เรื่องราวใดๆทั้งสิ้น

การลงมือนี้ รวดเร็วฉับไวเกินไป!

ฉินเฟิงเหยียดแขน มีดกษัตริย์ครามยื่นออกมาจากเสื้อคลุมสีหมึก หลังจากถอดฝักมีดออก ชั้นอากาศโดยรอบเกิดการสั่นสะเทือน ให้ความรู้สึกน่าสะพรึงเป็นอย่างมาก

เหอเทียนสิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่าสะพรึงนี้ หันหลังขวับด้วยความตกใจ

แต่ช่างน่าเสียดาย ก่อนจะทันได้เอี้ยวสุดคอ โล่ปราณกำลังภายในของเขาถูกตัดเป็นชิ้นๆ ในวินาทีต่อมา เขารู้สึกว่าวิสัยทัศน์ตนหมุนคว้าง ก่อนเห็นร่างไร้หัว หยุดยืนนิ่งอยู่ในสถานที่เดิม

เหอเทียนสิงฉุกคิดว่าร่างกายนี้ช่างดูคุ้นตายิ่ง กลับกลายเป็นว่า ที่แท้นั่นคือร่างของเขาเอง

สติของเหอเทียนสิง เหือดหายไปอย่างสิ้นเชิง

ตูมมมม!

พลังงานอันน่าหวาดกลัวกระจัดกระจายออกจากร่างของเหอเทียนสิง ภายในตันเถียนของเขา ดาราดวงหนึ่งไม่ถูกร่างกายฉุดรั้งไว้อีกต่อไป โบยบินออกมา ลอยขึ้นไปในอากาศ เริ่มขยายใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ฉินเฟิงไม่เคยเห็นการตายของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล S มาก่อน แน่นอนเผ่ามังกรในศึกที่ผ่านมาไม่นับ ดารากำลังภายในลอยออกมา ฉินเฟิงแม้ประหลาดใจกับฉากนี้ แต่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว

ทักษะลับกลืนดารา!

ทักษะลับกลืนดาราเริ่มโคจร ตันเถียนแปรสภาพกลายเป็นหลุมดำ ดึงดูดดาราดวงนั้นเข้ามาในพริบตา

ดารากำลังภายในตกลงในตันเถียนของฉินเฟิง จากนั้นปริร้าวกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย แยกย้ายเข้าไปหลอมรวมเข้ากับดาราน้ำแข็ง แต่กำลังภายในเหล่านี้ไม่ใช่กำลังภายในของฉินเฟิง หลังจากแตกตัว สีของมันก็ไม่เข้ากับดาราดวงเดิม กลายเป็นปนเปื้อน

อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ แม้ใช้ออกด้วยทักษะลับกลืนดาราดูดซับกำลังภายใน แต่มันไม่เกิดอาการอาละวาดขึ้นอีกแล้ว

อยู่ที่นี่ ฉินเฟิงไม่มีเวลาเปิดใช้งานพลังพิเศษดูดกลืนเพื่อกลั่นเศษซากดวงดารา เนื่องจากเวลานี้ ยังมีศัตรูอยู่เบื้องหน้าเขา

--เทพวูดูยังไม่ตาย!

แต่เวลานี้ เทพวูดูหวาดกลัวฉินเฟิงมาก การสังหารเลเวล S น่ะไม่เท่าไหร่ แต่การดูดซับดารากำลังภายในของคู่ต่อสู้ในชั่วพริบตา จากนั้นเห็นได้ชัดว่าแรงกดดันของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทักษะฝึกยุทธเช่นนี้ จะชั่วร้ายเกินไปแล้ว

ขณะเดียวกัน ผู้คนที่เฝ้าอยู่ทางเข้าหุบเขา กรูกันเข้ามา ลูกน้องของเทพวูดูก็เช่นกัน

ฟินิกซ์เพลิงนำผู้คนมา แต่พอเห็นศพของเหอเทียนสิง เธอตกใจมากจนพูดอะไรไม่ออก

และตอนนี้ ฉินเฟิงยืนอยู่หน้าศพโดยสวมเสื้อคลุมดำ ในสายตาของฟินิกซ์เพลิงและคนอื่นๆ เขากำลังปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังออกมา และกลิ่นอายนี้ มันกดดันชวนให้หายใจไม่ออกยิ่งกว่าเหอเทียนสิงซะอีก

‘เป็นไปได้ไหมว่าเทพวูดูมีคนให้การช่วยเหลือ สังหารท่านเจ้าของเกาะ แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงดี? พวกเราจะยังกลับไปแบบมีชีวิตรอดได้อีกไหม?’ ฟินิกซ์เพลิงคิดในใจ สับสนมึนงงไปชั่วขณะ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ฉินเฟิงกำลังปลดปล่อยรัศมีอันทรงพลังของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล S และฟินิกซ์เพลิงไม่สามารถหลบหนีจากแรงกดดันนี้ได้

และพวกเธอเองก็ทราบเช่นกัน ว่าหากเลเวล S ต้องการสังหาร พวกเธออย่างไรย่อมหนีไม่รอด

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลานี้  ในใจของฉินเฟิงกระตุกไหว ฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ หันไปมองเทพวูดูและกล่าวว่า “นับแต่นี้เป็นต้นไป ฉันจะเข้ายึดครอง รับช่วงต่อเมืองหลวงแห่งความมืด แต่คำพูดก่อนหน้านี้ของเทพวูดู นับว่ากล่าวได้ถูกต้อง ธุรกิจช่วงนี้ไม่ดี เห็นแบบนี้แล้วคุณยังกล้าเสนอขอผลกำไรหนึ่งในสิบส่วนอีกหรือ น่าจะเป็นฝั่งคุณมากกว่านะที่ต้องจ่าย!”

ใบหน้าเหี่ยวย่นของเทพวูดูกลายเป็นบิดเบี้ยว

เพราะคำพูดที่ตนเอ่ย ยามนี้กลับถูกคนอื่นใช้มันกับตัวเอง เทพวูดูเกลียดตัวเอง อยากจะตบปากตนสักสามสี่ครั้ง

แต่ตอนนี้เทพวูดูจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไร ว่าผู้มาเยือนมีเป้าหมายแค่สังหารเหอเทียนสิง หากก่อนหน้านี้เทพวูดูไม่ต่อสู้ ดึงดูดความสนใจของเหอเทียนสิง อีกฝ่ายคงไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ง่ายดายเช่นนี้

แต่ประเด็นก็คือ อีกฝ่ายสามารถสังหารเหอเทียนสิงได้อย่างหมดจดและแม่นยำ น่ากลัวว่าหากตนถูกเพ่งเล็งเป็นเป้าหมาย คงโดนสังหารได้ไม่ยากเช่นกัน

ณ จุดนี้ ตนมีสภาพไม่ต่างจากปลารอขึ้นเขียง!

“ก็ได้ ฉันตกลง แต่ไม่ทราบว่าท่านผู้ทรงเกียรติชื่ออะไร แล้วจากนี้พวกเราจะสามารถร่วมมือกันได้หรือไม่?” เทพวูดูอดไม่ได้ที่จะถาม

ฉินเฟิงรู้ดี เทพวูดูกำลังทดสอบตัวเขาเช่นกัน แต่ตอนนี้ฉินเฟิงสถานะ ตัวเขาที่ปรากฏ ณ ที่นี้ยังไม่มีตัวตนใด หลังไตร่ตรองเกี่ยวกับมันในใจ ฉินเฟิงก็กล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “ฉันเพิ่งเข้าวงการ นับจากนี้ไป ขอให้เรียกฉันว่าจอมมารซวนเฟิง เถอะ!”

เดิมฉินเฟิงต้องการผสมชื่อของเขากับไป๋หลี ตั้งว่าไป๋เฟิง  แต่ก่อนหน้านี้เขาเคยตั้งเฟิงหลีไปแล้ว ไม่สามารถตั้งชื่อให้มันใกล้เคียงจนชัดเจนเกินไปได้ ดังนั้นเลยเลือกเปลี่ยนจากไป๋(ขาว白)เป็นดำ(黑) ตั้งชื่อว่า ซวนเฟิง (玄峰) จะได้ฟังดูโบราณดี

เทพวูดูเมื่อได้ยินฉายาของฉินเฟิง ในหัวใจเริ่มเกิดความคิดวนเวียนยิ่งกว่าเดิม

‘เพิ่งเข้าวงการแต่มีความแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เชียวหรือ? คงไม่ใช่การดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงอย่างตระกูลหลงหรอกใช่ไหม? แต่คำว่าจอมมารซวนเฟิง อีกฝ่ายเรียกตัวเองว่าจอมมาร นี่คงบ่งบอกได้ว่าเป็นคนขององค์กรมืด หัวเซี่ยสมกับที่เป็นดินแดนเสือหมอบมังกรซ่อนจริงๆ มีบุคคลาทรงพลังเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นไม่มีสิ้นสุด ถ้าฉันเลือกเป็นฝ่ายเข้ายึดครอง คงไม่สามารถปกป้องเกาะแห่งความมืดได้’

เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ สีหน้าของเทพวูดูยิ่งนานยิ่งขมขื่น ทำได้เพียงกัดฟันและกล่าว “ในเมื่อจอมมารซวนเฟิงเอ่ยปากขอแล้ว ฉันก็ย่อมเห็นด้วย”

“เช่นนั้น ขอให้ร่วมมือกันอย่างสันติสุข!”

“… ร่วมมือกันอย่างสันติ!” เทพวูดูฝืนกล่าว “ไม่กี่วันจากนี้ ฉันจะส่งลูกน้องมาลงนามสัญญา วันนี้ฉันยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ ขอตัวก่อน!”

“ตกลง ค่อยๆเดินล่ะฉันไม่ส่ง แล้วค่อยพบกันในครั้งต่อไป!”

เทพวูดูมองไปยังหน้ากากของฉินเฟิงที่ราวกับสตรีอาฆาต แต่ไม่เห็นการแสดงออกทางสีหน้าใดๆของฉินเฟิง ตรงกันข้ามกับสีหน้าของเทพวูดูที่แย่มากๆ

--ร่วมมือกันอย่างสันติแม่เจ้าเถอะ!

พบกันในครั้งต่อไปบ้าอะไร เทพวูดูจะไม่ยอมมาเจอหน้ามันอีกแล้ว!

เทพวูดูถอนตัวจากไปพร้อมกับคนของเขา ถึงเวลานี้ ฉินเฟิงค่อยก้มลงมองฟินิกซ์เพลิงและคนอื่นๆ

“พวกคุณ ต้องการคำนับฉันเป็นเจ้าเมืองหรือไม่? แน่นอน ถ้าพวกคุณไม่ต้องการติดตามฉัน ยังเหลือตัวเลือกให้ติดตามเจ้านายเก่า เดินทางไปยมโลก!”

การข่มขู่นี้ของฉินเฟิง ทำให้ทั้งร่างของฟินิกซ์เพลิงและคนอื่นๆสั่นสะท้าน

แค่นี้พวกเขาก็แทบไม่สามารถฝืนยืนได้อยู่แล้ว เจอประโยคนี้เข้าไป ทั้งหมดคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังฟุฟ!

“ผู้น้อยเต็มใจจงรักภักดีต่อท่าน!”

ฟินิกซ์เพลิงย่อมไม่กล้าขัดขืน เธอเห็นว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งมากกว่าเหอเทียนสิง ดังนั้นไม่มีทางเลือกอื่น

“ฟินิกซ์เพลิงยินดีรับใช้ท่านจอมมาร!”

ฉินเฟิงพยักหน้าด้วยความพอใจ กล่าวเสียงต่ำ “ไม่เลว เช่นนั้นนับจากนี้ไป ขอให้คุณรับตำแหน่งเป็นรองเจ้าเมือง แล้วทำทุกอย่างเหมือนที่ผ่านๆมา!”

“รับทราบ!” ในหัวใจฟินิกซ์เพลิงฟุ้งไปด้วยความสุข ตัวเธอไม่เพียงแข็งแกร่ง แต่ความสามารถในการปฏิบัติงานก็ไม่อ่อนแอ อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังคอยรับผิดชอบทุกอย่างในเมืองหลวงแห่งความมืดอยู่แล้ว เวลานี้ได้รับความสุขในความโชคร้าย เธอได้รับสิทธิมากขึ้น

ในใจของฟินิกซ์เพลิงแม้หวาดกลัว แต่ก็ยังปรากฏร่องรอยของความยินดีในเวลาเดียวกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด