Ep.864 - เหรียญตราจอมพลเลเวล A
2/4
Ep.864 - เหรียญตราจอมพลเลเวล A
คนอื่นๆล้วนถูกความแข็งแกร่งของฉินเฟิงสะกดข่ม ไม่กล้าคิดอะไรมากความ ประจวบกับเทพวูดูหวาดกลัวจนหลบหนีไป พวกเขาก็ยิ่งไม่กล้าสืบถามความจริงกับฉินเฟิง
ฉินเฟิงวาดแขน อุปกรณ์รูนมิติบนร่างของเหอเทียนสิงตกลงในมือเขา เสร็จธุระไม่คิดรั้งอยู่แต่อย่างใด งอเข่ากระโดดเพียงครั้ง ความเร็วพุ่งพรวด หายวับไปต่อหน้าต่อตาฟินิกซ์เพลิงและคนอื่นๆ
ฟินิกซ์ไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายของฉินเฟิง แต่ก็ยังก้มหน้าตลอดเวลา หลังจากคุกเข่าอย่างเงียบงันกว่า 5 นาที ถึงค่อยตระหนักว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เงยหน้าขึ้น แต่ก็พบว่าฉินเฟิงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ปัจจุบันเหลือทิ้งไว้เพียงศพของเหอเทียนสิง
“นี่- จอมมารซวนเฟิงช่างแข็งแกร่งนัก แค่บอกว่าจะไป ก็หายไปเลย ฉันไม่สามารถสัมผัสได้กระทั่งกลิ่นอายของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายของเขารุนแรงเป็นอย่างมาก แต่พอจะไปกลับถูกเก็บงำไม่เหลือร่องรอยทิ้งไว้เลย เป็นทักษะที่ร้ายกาจจริงๆ!”
ฟินิกซ์เพลิงกล่าว คนอื่นๆก็ตกใจไม่แพ้กัน
“ฟินิกซ์เพลิง แล้วจากนี้จะเอายังไงกันต่อดี?”
“ใช่ หรือพวกเราควรทำตามคำสั่งของจอมมารซวนเฟิงจริงๆ?”
ฟินิกซ์เพลิงรู้สึกปวดหัวมากในเวลานี้ โชคยังดีเหอเทียนสิงรู้สึกว่าตนกำลังอยู่ในจุดตกต่ำ ดังนั้นเมื่อเขาออกมาทำข้อตกลง จึงนำเลเวล A มาด้วยถึง 7 คน และหนึ่งในสามเป็นถึงกำลังหลักของเมืองหลวงแห่งความมืด ดังนั้นมีผู้มีปากเสียงมากมาย สามารถเป็นพยานให้กับฟินิกซ์เพลิงได้
“แน่นอนให้ดำเนินทุกอย่างไปตามปกติ จอมมารซวนเฟิงได้ออกคำสั่งแล้ว ถ้าเราทำงานไม่ดี ใครจะรู้ เขาอาจไม่พอใจ และมาเอาชีวิตพวกเราไปก็ได้ เมื่อพวกเรากลับไป ก็ให้ปิดปากเงียบไว้ อย่าเพิ่งประกาศเรื่องการตายของท่านดาบอสูร รอให้ท่านจอมมารปรากฏตัวขึ้นก่อน ค่อยเฉลยทุกอย่างออกไป”
“เห็นด้วย!”
“คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
กลุ่มคนคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ก่อนมุ่งความสนใจมายังศพของเหอเทียนสิง ฟินิกซ์เพลิงเผาร่างเหอเทียนสิงด้วยไฟ กลายเป็นขี้เถ้าถูกกลบฝังใต้ดิน แต่ประเด็นก็คือ ฉินเฟิงไม่ได้นำอุปกรณ์รูนที่สวมใส่อยู่บนร่างของเหอเทียนสิงไป ฟินิกซ์เพลิงเลยตัดสินใจแจกจ่ายมันให้กับคนอื่นๆ คนเหล่านี้เมื่อได้รับผลประโยชน์ จะได้คอยสนับสนุนเธอในอนาคต
“จอมมารซวนเฟิงผู้นี้ ช่างเป็นคนใจกว้าง เขาหยิบฉวยแค่แหวนมิติของเหอเทียนสิง สมบัติอื่นๆอีกหลายชิ้น ไม่ได้นำมันกลับไปด้วย เกรงว่าพื้นหลังความเป็นมาและความมั่งคั่งของเขาจะไม่ธรรมดา!”
ฟินิกซ์เพลิงและคนอื่นๆคาดเดาไปทิศทางต่างๆนาๆ โดยที่พวกเขาไม่รู้เลย ว่าขณะนี้ฉินเฟิงอยู่ห่างจากพวกเขาเพียง 10,000 เมตร และกำลังตรวจสอบอุปกรณ์รูนมิติของเหอเทียนสิง
“เจ้าหมอนี่รวยชะมัด! สมแล้วที่เป็นเจ้าเมืองแห่งความมืด!”
ของสะสมของเหอเทียนสิง ไม่ด้อยไปกว่าตัวตนทรงอำนาจเลเวล S จากเผ่ามังกรเลย แม้ชาวมังกรจะชอบสะสมอัญมณี มีสมบัติหลายชิ้นโดดเด่นสะดุดตา แต่บางสิ่งฉินเฟิงไม่รู้จัก แถมยังไม่ทราบว่ามันมีไว้ใช้ทำอะไร สุดท้ายเลยยกทั้งหมดให้ไป๋หลี
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยู่ในอุปกรณ์รูนมิติของเหอเทียนสิง ฉินเฟิงสามารถใช้งานได้ และเขาชอบมันมาก
ยิ่งไปกว่านั้น การลอบสังหารในครั้งนี้ ยังช่วยให้เขาสามารถคำนวณความแข็งแกร่งของตน
‘ฉันสามารถสู้กับเลเวล S ได้แล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ หลังจัดการธุระต่างๆเสร็จ น่าจะลองไปท่องมิติอื่นดู!’ ฉินเฟิงคิดในใจ
เมื่อกลับมารวมตัวกับไป๋หลี ฉินเฟิงเดินทางกลับเมืองหลวงมังกรทันที กลางดึกในคืนเดียวกัน คนของเมืองหลวงมังกร กระทั่งหลงถิง ก็ยังไม่มีใครทราบข่าวการเสียชีวิตของเหอเทียนสิง
ตัวตนทรงอำนาจคนหนึ่ง ผู้นำองค์กรมืดที่ใหญ่ที่สุดในหัวเซี่ย ได้ตกตายลงแล้ว!
วันถัดมา ฉินเฟิงได้รับแจ้งให้เดินทางเข้าร่วมพิธีมอบเหรียญรางวัล ในการต่อสู้ครั้งนี้ นอกจากฉินเฟิงแล้ว ยังมีประชาชนที่ช่วยจัดระเบียบการอพยพ และนายพลหลายคนที่ยืนกรานจะต่อสู้ ทั้งหมดล้วนได้รับเหรียญตราและแต้มสงครามเป็นจำนวนมาก เป็นรางวัลแด่วีรกรรมของพวกเขา
และโดยไม่มีข้อกังขา ฉินเฟิงเป็นวีรบุรุษที่ทำผลงานได้มากที่สุด ได้รับเหรียญตราจอมพล
เหรียญตรานี้หรูหรามาก แต่ระดับของมัน สลักว่าเลเวล A เท่านั้น ไม่ได้มีสลักว่าเลเวล S
แต่เอาไว้รอจนฉินเฟิงไปถึงเลเวล S จริงๆ มันก็ไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนตรา
แน่นอน เกรงว่าในประวัติศาสตร์ของหัวเซี่ย นี่คือจอมพลคนแรกที่เป็นเลเวล A
และถ้าให้พูดอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ ฉินเฟิงในตอนนี้ มีตำแหน่งในพันธมิตรหัวเซี่ยสูงกว่าซางฮันแล้ว แต่ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในสายเดียวกัน ดังนั้นไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงในรูปแบบหัวหน้ากับผู้ใต้บังคับบัญชา
ฉินเฟิงแม้ครองตำแหน่งจอมพล ได้รับสิทธิพิเศษมากมาย แต่ก็ยังอยู่ภายใต้กฏข้อบังคับเช่นกัน
หลงถิงยังคงมอบภารกิจให้แก่ฉินเฟิง
“ด้วยสมรรถภาพของคุณในตอนนี้ น่าจะสามารถล่าการดำรงอยู่ระดับสัตว์เทวะเลเวล A ได้แล้ว นี่คือข้อมูลของสัตว์เทวะเลเวล A ในประเทศ ภายในหนึ่งปี อย่างน้อยต้องมีรายชื่อหนึ่งถูกลบออกไป!”
หลงถิงส่งข้อมูลให้ฉินเฟิง ฉินเฟิงไม่ปฏิเสธ เพราะเขาเองก็ต้องการข้อมูลเหล่านี้เช่นกัน เพราะประเด็นก็คือไป๋หลีจำเป็นต้องใช้แก่นสัตว์ร้ายระดับเทวะในการยกระดับ ขณะที่ฉินเฟิงต้องการล่าสัตว์ระดับสูง เพื่อดูดซับพลังงานจากพวกมัน
“รับทราบ!”
หลงถิงมองฉินเฟิง การพัฒนาการของฉินเฟิง เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของเธอนัก แม้แต่หลงถิงยังรู้สึก ว่าการที่เธอเดินทางไปยังเฟิงหลีด้วยตัวเองในตอนแรก ถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด
“บางทีคุณอาจมีโอกาสได้กลายเป็นจ้าวเหนือหัว ก้าวไปยังขอบเขตที่ในช่วงสองร้อยปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครเหยีบยย่ำ ตัวฉันปรารถนาสุดใจ ว่าคุณจะสามารถไปถึงจุดนั้นได้ ถ้ามีอะไรที่คุณต้องการ สามารถยื่นขอกับทางพันธมิตรได้เลย!” หลงถิงกล่าว
“ผมจะพยายาม!”
ทั้งสองไม่ได้สนทนาอะไรมากมาย หลังจากวางสาย ฉินเฟิงก็นำทีมลูกรักของพระเจ้าของภูมิภาคเหนือขึ้นเรือเหาะ
แม้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้จะเป็นเรื่องใหญ่ แต่คนในชั้นล่างๆของเมืองหลวงมังกรไม่ทราบสถานการณ์แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาคิดแค่ว่าคงมีสัตว์ร้ายที่ทรงพลังบุกเมืองหลวงมังกร แต่สุดท้ายเลเวล S เข้าปราบปราม
“ฉินเฟิง นายเองก็เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนั้นด้วยงั้นหรอ? แล้วเหรียญตรานั่นมันอะไรกัน? ทำไมฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!” โจวฮ่าวกับลู่เหมิงก้าวออกมา ก้มๆเงยๆเพื่อตรวจสอบตราบนอกของฉินเฟิง
ฉินเฟิงยิ้มและกล่าว “นี่คือเหรียญเกียรติยศ มันเป็นตราแบบเดียวกับที่จอมพลหลงเยว่สวมใส่”
โจวฮ่าวและคนอื่นๆอ้าปากกว้างขึ้นทันใด มองฉินเฟิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงแข็งแกร่งมาก เรื่องนี้พวกเขารู้ดี ดังนั้นเรื่องเหรียญตราเกียรติยศ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
หลังจากนั้น โจวฮ่าวกับคนอื่นๆก็พูดคุยถึงเรื่องเทคโนโลยีที่พวกเขาได้รับมาจากดินแดนล่มสลายของเผ่าวิญญาณ แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ใช้ทำอะไร เป็นแค่ขยะ หรือสมบัติกันแน่ แต่ฉินเฟิงได้ให้สัญญากับพวกเขาแล้ว ว่าสุดท้ายหากพวกมันสามารถวิจัยและพัฒนาในเชิงพาณิชย์ได้ เจ้าของผู้นำเทคโนโลยีมา จะได้รับเงินปันผล 5% จากส่วนแบ่ง
“นี่ถ้าฉันหยิบอาวุธกลับมาได้ ฉันจะไม่รวยล้นฟ้าเลยหรือ!”
“ฉันขออวดหน่อยเถอะ ว่าคราวนี้ฉันนำยานอวกาศกลับมา!”
“เหอ เหอ ยานอวกาศมันใหญ่ไป มีคนซื้อไม่กี่คนหรอก ของฉันนี่สิ รูปร่างมันเหมือนอุปกรณ์สื่อสาร น่าจะผลิตขายได้เยอะ!”
วัยรุ่นอวดสมบัติกัน โดยไม่รู้ตัวเลย ว่าเหนือหัวพวกเขา ปรากฏหายนะใดย่างกรายเข้ามา และพวกเขาคงไม่รู้เช่นกัน ว่าหายนะนี้ จะนำมาซึ่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
ส่วนฉินเฟิงกลายเป็นผู้ฟังอย่างเงียบๆในวงสนทนาของคนเหล่านี้ เขาค่อยๆผ่อนคลายลง ภูเขาหนักอึ้งที่เดิมแบกรับอยู่บนบ่า เหมือนจะคลายตัวลงเล็กน้อย
‘วัยรุ่นคือช่วงชีวิตที่ยังไม่รู้รสชาติของความโศกเศร้า แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะยิ่งรู้น้อย ก็ยิ่งไม่ต้องกังวลมาก!’ ฉินเฟิงยิ้ม จากนั้นก้มมองหมาจักรกลที่มีสภาพไม่ต่างจากของเล่น
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่เก็บเกี่ยวสมบัติก้อนใหญ่ที่สุดในดินแดนล่มสลายเผ่าวิญญาณ ก็คือฉินเฟิง!
ไม่ว่าจะเป็นชุดเกราะทมิฬ หรือเทคโนโลยีภายในสมองกลหลักของหมาจักรกล ที่เกรงว่าจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกมหาสมุทรตลบพสุธา!