ตอนที่แล้วEp.893 - เรียกฉันว่าจอมมาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.895 - สิ่งมีชีวิตเลเวล S มาเยือน

Ep.864 - เหรียญตราจอมพลเลเวล A


2/4

Ep.864 - เหรียญตราจอมพลเลเวล A

คนอื่นๆล้วนถูกความแข็งแกร่งของฉินเฟิงสะกดข่ม ไม่กล้าคิดอะไรมากความ ประจวบกับเทพวูดูหวาดกลัวจนหลบหนีไป พวกเขาก็ยิ่งไม่กล้าสืบถามความจริงกับฉินเฟิง

ฉินเฟิงวาดแขน อุปกรณ์รูนมิติบนร่างของเหอเทียนสิงตกลงในมือเขา เสร็จธุระไม่คิดรั้งอยู่แต่อย่างใด งอเข่ากระโดดเพียงครั้ง ความเร็วพุ่งพรวด หายวับไปต่อหน้าต่อตาฟินิกซ์เพลิงและคนอื่นๆ

ฟินิกซ์ไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายของฉินเฟิง แต่ก็ยังก้มหน้าตลอดเวลา หลังจากคุกเข่าอย่างเงียบงันกว่า 5 นาที ถึงค่อยตระหนักว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เงยหน้าขึ้น แต่ก็พบว่าฉินเฟิงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ปัจจุบันเหลือทิ้งไว้เพียงศพของเหอเทียนสิง

“นี่- จอมมารซวนเฟิงช่างแข็งแกร่งนัก แค่บอกว่าจะไป ก็หายไปเลย ฉันไม่สามารถสัมผัสได้กระทั่งกลิ่นอายของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายของเขารุนแรงเป็นอย่างมาก แต่พอจะไปกลับถูกเก็บงำไม่เหลือร่องรอยทิ้งไว้เลย เป็นทักษะที่ร้ายกาจจริงๆ!”

ฟินิกซ์เพลิงกล่าว คนอื่นๆก็ตกใจไม่แพ้กัน

“ฟินิกซ์เพลิง แล้วจากนี้จะเอายังไงกันต่อดี?”

“ใช่ หรือพวกเราควรทำตามคำสั่งของจอมมารซวนเฟิงจริงๆ?”

ฟินิกซ์เพลิงรู้สึกปวดหัวมากในเวลานี้ โชคยังดีเหอเทียนสิงรู้สึกว่าตนกำลังอยู่ในจุดตกต่ำ ดังนั้นเมื่อเขาออกมาทำข้อตกลง จึงนำเลเวล A มาด้วยถึง 7 คน และหนึ่งในสามเป็นถึงกำลังหลักของเมืองหลวงแห่งความมืด ดังนั้นมีผู้มีปากเสียงมากมาย สามารถเป็นพยานให้กับฟินิกซ์เพลิงได้

“แน่นอนให้ดำเนินทุกอย่างไปตามปกติ จอมมารซวนเฟิงได้ออกคำสั่งแล้ว ถ้าเราทำงานไม่ดี ใครจะรู้ เขาอาจไม่พอใจ และมาเอาชีวิตพวกเราไปก็ได้ เมื่อพวกเรากลับไป ก็ให้ปิดปากเงียบไว้ อย่าเพิ่งประกาศเรื่องการตายของท่านดาบอสูร รอให้ท่านจอมมารปรากฏตัวขึ้นก่อน ค่อยเฉลยทุกอย่างออกไป”

“เห็นด้วย!”

“คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”

กลุ่มคนคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ก่อนมุ่งความสนใจมายังศพของเหอเทียนสิง ฟินิกซ์เพลิงเผาร่างเหอเทียนสิงด้วยไฟ กลายเป็นขี้เถ้าถูกกลบฝังใต้ดิน แต่ประเด็นก็คือ ฉินเฟิงไม่ได้นำอุปกรณ์รูนที่สวมใส่อยู่บนร่างของเหอเทียนสิงไป ฟินิกซ์เพลิงเลยตัดสินใจแจกจ่ายมันให้กับคนอื่นๆ คนเหล่านี้เมื่อได้รับผลประโยชน์ จะได้คอยสนับสนุนเธอในอนาคต

“จอมมารซวนเฟิงผู้นี้ ช่างเป็นคนใจกว้าง เขาหยิบฉวยแค่แหวนมิติของเหอเทียนสิง สมบัติอื่นๆอีกหลายชิ้น ไม่ได้นำมันกลับไปด้วย เกรงว่าพื้นหลังความเป็นมาและความมั่งคั่งของเขาจะไม่ธรรมดา!”

ฟินิกซ์เพลิงและคนอื่นๆคาดเดาไปทิศทางต่างๆนาๆ โดยที่พวกเขาไม่รู้เลย ว่าขณะนี้ฉินเฟิงอยู่ห่างจากพวกเขาเพียง 10,000 เมตร และกำลังตรวจสอบอุปกรณ์รูนมิติของเหอเทียนสิง

“เจ้าหมอนี่รวยชะมัด! สมแล้วที่เป็นเจ้าเมืองแห่งความมืด!”

ของสะสมของเหอเทียนสิง ไม่ด้อยไปกว่าตัวตนทรงอำนาจเลเวล S จากเผ่ามังกรเลย แม้ชาวมังกรจะชอบสะสมอัญมณี มีสมบัติหลายชิ้นโดดเด่นสะดุดตา แต่บางสิ่งฉินเฟิงไม่รู้จัก แถมยังไม่ทราบว่ามันมีไว้ใช้ทำอะไร สุดท้ายเลยยกทั้งหมดให้ไป๋หลี

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยู่ในอุปกรณ์รูนมิติของเหอเทียนสิง ฉินเฟิงสามารถใช้งานได้ และเขาชอบมันมาก

ยิ่งไปกว่านั้น การลอบสังหารในครั้งนี้ ยังช่วยให้เขาสามารถคำนวณความแข็งแกร่งของตน

‘ฉันสามารถสู้กับเลเวล S ได้แล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ หลังจัดการธุระต่างๆเสร็จ น่าจะลองไปท่องมิติอื่นดู!’ ฉินเฟิงคิดในใจ

เมื่อกลับมารวมตัวกับไป๋หลี ฉินเฟิงเดินทางกลับเมืองหลวงมังกรทันที กลางดึกในคืนเดียวกัน คนของเมืองหลวงมังกร กระทั่งหลงถิง ก็ยังไม่มีใครทราบข่าวการเสียชีวิตของเหอเทียนสิง

ตัวตนทรงอำนาจคนหนึ่ง ผู้นำองค์กรมืดที่ใหญ่ที่สุดในหัวเซี่ย ได้ตกตายลงแล้ว!

วันถัดมา ฉินเฟิงได้รับแจ้งให้เดินทางเข้าร่วมพิธีมอบเหรียญรางวัล ในการต่อสู้ครั้งนี้ นอกจากฉินเฟิงแล้ว ยังมีประชาชนที่ช่วยจัดระเบียบการอพยพ และนายพลหลายคนที่ยืนกรานจะต่อสู้ ทั้งหมดล้วนได้รับเหรียญตราและแต้มสงครามเป็นจำนวนมาก เป็นรางวัลแด่วีรกรรมของพวกเขา

และโดยไม่มีข้อกังขา ฉินเฟิงเป็นวีรบุรุษที่ทำผลงานได้มากที่สุด ได้รับเหรียญตราจอมพล

เหรียญตรานี้หรูหรามาก แต่ระดับของมัน สลักว่าเลเวล A เท่านั้น ไม่ได้มีสลักว่าเลเวล S

แต่เอาไว้รอจนฉินเฟิงไปถึงเลเวล S จริงๆ มันก็ไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนตรา

แน่นอน เกรงว่าในประวัติศาสตร์ของหัวเซี่ย นี่คือจอมพลคนแรกที่เป็นเลเวล A

และถ้าให้พูดอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ ฉินเฟิงในตอนนี้ มีตำแหน่งในพันธมิตรหัวเซี่ยสูงกว่าซางฮันแล้ว แต่ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในสายเดียวกัน ดังนั้นไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงในรูปแบบหัวหน้ากับผู้ใต้บังคับบัญชา

ฉินเฟิงแม้ครองตำแหน่งจอมพล ได้รับสิทธิพิเศษมากมาย แต่ก็ยังอยู่ภายใต้กฏข้อบังคับเช่นกัน

หลงถิงยังคงมอบภารกิจให้แก่ฉินเฟิง

“ด้วยสมรรถภาพของคุณในตอนนี้ น่าจะสามารถล่าการดำรงอยู่ระดับสัตว์เทวะเลเวล A ได้แล้ว นี่คือข้อมูลของสัตว์เทวะเลเวล A ในประเทศ ภายในหนึ่งปี อย่างน้อยต้องมีรายชื่อหนึ่งถูกลบออกไป!”

หลงถิงส่งข้อมูลให้ฉินเฟิง ฉินเฟิงไม่ปฏิเสธ เพราะเขาเองก็ต้องการข้อมูลเหล่านี้เช่นกัน เพราะประเด็นก็คือไป๋หลีจำเป็นต้องใช้แก่นสัตว์ร้ายระดับเทวะในการยกระดับ ขณะที่ฉินเฟิงต้องการล่าสัตว์ระดับสูง เพื่อดูดซับพลังงานจากพวกมัน

“รับทราบ!”

หลงถิงมองฉินเฟิง การพัฒนาการของฉินเฟิง เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของเธอนัก แม้แต่หลงถิงยังรู้สึก ว่าการที่เธอเดินทางไปยังเฟิงหลีด้วยตัวเองในตอนแรก ถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด

“บางทีคุณอาจมีโอกาสได้กลายเป็นจ้าวเหนือหัว ก้าวไปยังขอบเขตที่ในช่วงสองร้อยปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครเหยีบยย่ำ ตัวฉันปรารถนาสุดใจ ว่าคุณจะสามารถไปถึงจุดนั้นได้  ถ้ามีอะไรที่คุณต้องการ สามารถยื่นขอกับทางพันธมิตรได้เลย!” หลงถิงกล่าว

“ผมจะพยายาม!”

ทั้งสองไม่ได้สนทนาอะไรมากมาย หลังจากวางสาย ฉินเฟิงก็นำทีมลูกรักของพระเจ้าของภูมิภาคเหนือขึ้นเรือเหาะ

แม้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้จะเป็นเรื่องใหญ่ แต่คนในชั้นล่างๆของเมืองหลวงมังกรไม่ทราบสถานการณ์แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาคิดแค่ว่าคงมีสัตว์ร้ายที่ทรงพลังบุกเมืองหลวงมังกร แต่สุดท้ายเลเวล S เข้าปราบปราม

“ฉินเฟิง นายเองก็เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนั้นด้วยงั้นหรอ? แล้วเหรียญตรานั่นมันอะไรกัน? ทำไมฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!” โจวฮ่าวกับลู่เหมิงก้าวออกมา ก้มๆเงยๆเพื่อตรวจสอบตราบนอกของฉินเฟิง

ฉินเฟิงยิ้มและกล่าว “นี่คือเหรียญเกียรติยศ มันเป็นตราแบบเดียวกับที่จอมพลหลงเยว่สวมใส่”

โจวฮ่าวและคนอื่นๆอ้าปากกว้างขึ้นทันใด มองฉินเฟิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงแข็งแกร่งมาก เรื่องนี้พวกเขารู้ดี ดังนั้นเรื่องเหรียญตราเกียรติยศ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

หลังจากนั้น โจวฮ่าวกับคนอื่นๆก็พูดคุยถึงเรื่องเทคโนโลยีที่พวกเขาได้รับมาจากดินแดนล่มสลายของเผ่าวิญญาณ แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ใช้ทำอะไร เป็นแค่ขยะ หรือสมบัติกันแน่ แต่ฉินเฟิงได้ให้สัญญากับพวกเขาแล้ว ว่าสุดท้ายหากพวกมันสามารถวิจัยและพัฒนาในเชิงพาณิชย์ได้ เจ้าของผู้นำเทคโนโลยีมา จะได้รับเงินปันผล 5% จากส่วนแบ่ง

“นี่ถ้าฉันหยิบอาวุธกลับมาได้ ฉันจะไม่รวยล้นฟ้าเลยหรือ!”

“ฉันขออวดหน่อยเถอะ ว่าคราวนี้ฉันนำยานอวกาศกลับมา!”

“เหอ เหอ ยานอวกาศมันใหญ่ไป มีคนซื้อไม่กี่คนหรอก ของฉันนี่สิ รูปร่างมันเหมือนอุปกรณ์สื่อสาร น่าจะผลิตขายได้เยอะ!”

วัยรุ่นอวดสมบัติกัน โดยไม่รู้ตัวเลย ว่าเหนือหัวพวกเขา ปรากฏหายนะใดย่างกรายเข้ามา และพวกเขาคงไม่รู้เช่นกัน ว่าหายนะนี้ จะนำมาซึ่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

ส่วนฉินเฟิงกลายเป็นผู้ฟังอย่างเงียบๆในวงสนทนาของคนเหล่านี้ เขาค่อยๆผ่อนคลายลง ภูเขาหนักอึ้งที่เดิมแบกรับอยู่บนบ่า เหมือนจะคลายตัวลงเล็กน้อย

‘วัยรุ่นคือช่วงชีวิตที่ยังไม่รู้รสชาติของความโศกเศร้า แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะยิ่งรู้น้อย ก็ยิ่งไม่ต้องกังวลมาก!’ ฉินเฟิงยิ้ม จากนั้นก้มมองหมาจักรกลที่มีสภาพไม่ต่างจากของเล่น

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่เก็บเกี่ยวสมบัติก้อนใหญ่ที่สุดในดินแดนล่มสลายเผ่าวิญญาณ ก็คือฉินเฟิง!

ไม่ว่าจะเป็นชุดเกราะทมิฬ หรือเทคโนโลยีภายในสมองกลหลักของหมาจักรกล ที่เกรงว่าจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกมหาสมุทรตลบพสุธา!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด