บทที่ 234 ยามวิกาล (ตอนฟรี)
บทที่ 234 ยามวิกาล
ในห้องนั่งเล่นของวิลล่า เซียวหยูซวนที่สวมชุดนอนผ้าไหมสีชมพูกำลังนั่งพิงโซฟาถือหมอนที่ปักด้วยรูปสัตว์เป็นตัวการ์ตูนน่ารัก ดูเหมือนว่าเธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเพราะผมของเธอยังดูหมาดๆอยู่ เมื่อเธอขยับตัวไหปลาร้าที่สวยงามและไหล่อันขาวเนียนก็เผยออกมาจนทำให้จี้เฟิงที่จ้องมองอยู่แทบจะเวียนหัว
แต่เมื่อสายตาของจี้เฟิงเคลื่อนย้ายต่ำลงมาเล็กน้อยดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นทันทีเขายืนนิ่งและจ้องไปที่เซียวหยูซวนอย่างว่างเปล่าโดยไม่มีอาการตอบสนองสักพัก
ภาพที่ดวงตาของจี้เฟิงไปตกอยู่ในตอนนี้ก็คือเรียวขาที่คลุมด้วยชุดนอนผ้าไหมได้แค่เพียงต้นขาเท่านั้น ขาที่เรียบเนียนและขาวราวกับหิมะทั้งสองข้างกำลังไขว้กันและเท้าทั้งสองข้างของเธอก็วางพาดอยู่บนโต๊ะเตี้ยที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโซฟา
โดยไม่รู้ตัวจี้เฟิงมองขาขาวๆไล่ขึ้นไปถึงต้นขาของเธอและเงยหน้าขึ้นมอง... ทันใดนั้นเขาก็เหมือนกับตื่นขึ้น เล่ยเล่ยก็อยู่ที่นั่นด้วย!
อย่างไรก็ตามเมื่อจี้เฟิงเห็นถงเล่ยเขาก็เดินโซซัดโซเซและแทบจะล้มลงไปบนโต๊ะ
เซียวหยูซวนเป็นผู้ใหญ่และเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหลและรูปร่างของเธอก็อวบอิ่ม การเคลื่อนไหวของเธอก็เรียบง่ายดูสบายๆ แต่ดวงตาของเธอช่างเย้ายวน มันสามารถกระตุ้นความต้องการส่วนลึกในจิตใจของผู้ชายได้ง่ายๆ
ส่วนถงเล่ยเมื่อเทียบกับเซียวหยูซวนแล้ว ถงเล่ยเป็นเหมือนกับหญิงสาวแรกแย้มที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ความสวยบริสุทธิ์ของเธอเป็นอะไรที่ใครก็มิอาจเทียบได้ ตอนนี้ถงเล่ยสวมกางเกงกีฬาขาสั้นสีขาว ส่วนเสื้อเป็นเสื้อสเวตเตอร์หลวมๆ ผมของเธอก็เปียกหมาดๆเช่นกัน ใบหน้าที่สวยงามของเธอช่างดูบริสุทธิ์ราวกับนางฟ้าที่เพิ่งลงมาจากสวรรค์ มันทำให้ผู้คนที่พบเห็นอดไม่ได้ที่จะหลงรักและเอ็นดู
เท้าที่สวยงามน่ารักสองคู่วางพาดอยู่บนโต๊ะกลางหน้าโซฟาอยู่ด้วยกัน ขาเรียวยาวที่ขาวราวกับหิมะ คู่หนึ่งเป็นของผู้หญิงที่รูปร่างอวบอัดและมีเสน่ห์เย้ายวนส่วนอีกคนเป็นเด็กสาวที่สวยงามบริสุทธิ์อย่างไม่มีใครเทียบได้ ภาพหญิงสาวทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าของจี้เฟิงในเวลานี้ได้ปลุกความรัก... ตราบใดที่เป็นผู้ชายธรรมดา การได้เห็นฉากแบบนี้ก็ไม่มีใครจะสามารถห้ามแรงกระตุ้นตามธรรมชาติของเพศชายได้ มันทำให้ความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกับถูกระเบิดออกมา
แม้แต่จี้เฟิงก็ไม่มีข้อยกเว้น สายตาของเขาจับจ้องไปที่เซียวหยูซวนและถงเล่ย เขาได้แต่จ้องค้างอยู่ในสภาพนั้นเป็นเวลานานพร้อมกับกลืนน้ำลาย...
เมื่อเห็นการจ้องมองที่ร้อนแรงของจี้เฟิง ใบหน้าของถงเล่ยก็แดงก่ำทันที เธอดึงเสื้อผ้าของเธอลงโดยอัตโนมัติ แต่ก็ต้องพบว่าเธอสวมกางเกงขาสั้น เธอจึงไม่สามารถดึงมันลงได้ แต่ถ้าจะดึงเสื้อสเวตเตอร์ด้านบนลงมามันก็ไม่อาจจะคลุมเธอได้ทั้งหมดอยู่ดี
แต่ใบหน้าของเซียวหยูซวนนั้นแตกต่างจากถงเล่ย ใบหน้าของเธอกลับดูสงบมีเพียงรอยยิ้มแปลกๆและดวงตาคู่สวยของเธอยังฉายแววเจ้าเล่ห์เมื่อเธอมองไปที่จี้เฟิง
เมื่อจี้เฟิงสบตาเข้ากับสายตาของเซียวหยูซวน ทันใดนั้นจี้เฟิงก็ตื่นจากภวังค์ เขาเข้าใจได้ในทันทีว่านี้ต้องเป็นความคิดพิเรนทร์ของเซียวหยูซวนอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นถงเล่ยไม่มีทางที่จะนั่งด้วยท่าทางที่มีเสน่ห์เย้ายวนขนาดนี้
“อะ..แฮ่ม!” จี้เฟิงกระแอมไอแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “หืม.. ทำไมพวกเธอถึงได้ลงมานั่งเล่นที่ชั้นล่างกันล่ะ ชั้นสองชั้นสามก็มีทีวีแถมยังมีแอร์เย็นๆด้วย มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าจะไปนั่งเล่นกันอยู่ที่นั่น มันค่อนข้างจะสดชื่นกว่า...”
จี้เฟิงรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้มันออกจะแปลกๆไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศเท่าไหร่ แต่ถ้าเขาไม่พูดอะไรเลยมันจะทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนมากขึ้นกว่าเดิม... แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะพูดหรือไม่มันก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดอยู่ดี
ฉันไม่รู้จริงๆว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ปล่อยให้เซียวหยูซวนและถงเล่ยมาอยู่ด้วยกัน แล้วถ้าเกิดว่าถงเล่ยรู้บางสิ่งบางอย่างระหว่างฉันและเซียวหยูซวน...
จี้เฟิงได้แต่ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เซียวหยูซวนกลับไปได้อยู่ดีแม้ว่าเรื่องนี้อาจจะยังไม่เกี่ยวข้องกับเซียวหยูซวนโดยตรง แต่การที่ตัวเขาเกี่ยวข้องกับเซียวหยูซวนมันก็มีโอกาสที่จะทำให้เธอต้องเผชิญกับอันตราย และการอยู่อาศัยกับเขาที่นี่มันก็สามารถรับประกันความปลอดภัยของเธอได้ และถ้าเธอกลับไปตอนนี้เธออาจจะถูกค้นพบ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจในเรื่องนี้แต่มันก็ต้องทำให้เขาไม่สบายใจอย่างแน่นอน
รู้หรือไม่คนสมัยนี้ไม่ได้ซื่อสัตย์อย่างที่คิด แม้แต่อาจารย์ในมหาวิทยาลัยบางคนก็เช่นกัน ด้วยอิทธิพลของหยุนเฟยหยางจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตรวจสอบว่าใครมีความสัมพันธ์กับใคร ตราบใดที่เขาให้ผลประโยชน์บางอย่างกับอาจารย์หรือคนดูแลหอพัก การเปิดปากบอกเรื่องของคนอื่นแลกกับประโยชน์ส่วนตนมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจี้เฟิงและตระกูลจี้ หยุนเฟยหยางอาจจะไม่สามารถตรวจสอบได้แต่จี้เฟิงก็รู้ดีว่าหากหยุนเฟยหยางตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับตระกูลจี้แล้วจริงๆ หยุนเฟยหยางคงไม่กล้าลงมือ แต่ถ้าดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้วมันอาจไม่ทำให้หยุนเฟยหยางตื่นตกใจได้ ดังนั้นก็เหลือแต่ต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น!
“จะต้องไม่ตั้งความหวังไว้ที่คนอื่น จะต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเอง!” จี้เฟิงกล่าวกับตัวเองในใจ
“จี้เฟิงคืนนี้ฉันขอนอนกับพี่สาวหยูซวนได้มั้ย?” ถงเล่ยที่ยังคงเขินอายจากสายตาอันตกตะลึงของจี้เฟิงถามอย่างลังเล
“แน่นอนสิ... เธอก็เหมือนเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้เหมือนกัน ฮ่าฮ่า!” จี้เฟิงหัวเราะอย่างเซ่อๆ หลังจากพูดจบเขาก็ไม่กล้าอยู่ตรงนี้อีกต่อไปจึงรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน
ในห้องนั่งเล่นชั้นล่างถงเล่ยและเซียวหยูซวนต่างมองหน้ากันและทั้งคู่ก็เห็นรอยยิ้มในดวงตาของกันและกัน
“อุ๊ปส์...ฮ่าฮ่า~!” หญิงสาวทั้งสองคนหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน ในห้องนั่งเล่นนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่สดใสของถงเล่ยและมีเสน่ห์ของเซียวหยูซวน ไม่เพียงแต่สไตล์ที่แตกต่างกันของทั้งสองสาว แต่เสียงหัวเราะของพวกเธอก็ยังคงมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอีกด้วย ซึ่งมันทำให้คนที่ฟังรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
“พี่สาวหยูซวน ตาบ๊องนั่นดูมีพิรุธแปลกๆนะ ต้องไปทำอะไรผิดมาแน่ๆเลย!” ถงเล่ยมุ่ยปากและบ่นอย่างโกรธๆ
“หือ? ฮะฮะ...” หัวใจของเซียวหยูซวนสั่นไหวเล็กน้อย เธอไม่กล้าหันไปสบตากับถงเล่ยตรงๆ และเธอก็ตระหนักได้ว่าถงเล่ยดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง!
หลังจากที่ถงเล่ยพูดออกไปแบบนั้นเธอก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย เธอนั่งดูทีวีกับเซียวหยูซวนต่ออย่างเพลิดเพลิน แม้ว่าทีวีจะฉายละครน้ำเน่าที่แทบจะหาสาระอะไรไม่ได้เลยและแน่นอนว่าถงเล่ยก็ไม่ได้ชอบดูรายการเหล่านี้แม้แต่น้อย พวกละครทีวีน้ำเน่าไม่ได้ช่วยพัฒนาสมอง แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น วันนี้เธอรู้สึกว่าการนั่งดูละครแบบนี้มันสนุกมากกว่าปกติเธอดูมันอย่างมีความสุขและเต็มไปด้วยความสนใจ
เมื่อจี้เฟิงวิ่งขึ้นไปชั้นบนเขาก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ชั้นล่าง ตอนนี้เขายืนอยู่ที่ระเบียงของชั้นสองและอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจลึกๆและเช็ดเหงื่อเย็นๆบนหน้าผาก “จริงๆการมีแฟนเป็นหญิงสาวที่สวยงามระดับนี้ถึงสองคนมันก็เหมือนกับได้พรจากสวรรค์ที่ไม่ว่าใครๆต่างก็ต้องอิจฉา แต่ใครจะรู้ว่าความเจ็บปวดในเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะนึกออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหญิงสาวทั้งสองไม่ได้รู้ความสัมพันธ์ระหว่างกันและกัน และมันยิ่งเลวร้ายไปกว่านั้นเมื่อเซียวหยูซวนรู้แต่เธอต้องแสร้งทำเป็นไม่ไยดี ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากกว่าการที่เธอไม่รู้ เพราะถ้าไม่มีถงเล่ย เซียวหยูซวนก็จะสามารถอยู่กับจี้เฟิงได้อย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้เธอต้องรักษาระยะห่างกับจี้เฟิงและแสร้งทำเป็นแค่คนรู้จักที่สนิทกันในระดับหนึ่งเท่านั้น
รสชาติของความอึดอัดและเจ็บปวดนี้หากใครไม่เคยเจอกับตัวเองก็ไม่มีทางที่จะเข้าใจได้
และจี้เฟิงผู้เป็นหนึ่งในความสัมพันธ์นี้ก็เข้าใจได้โดยธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าเขาไม่เพียงแต่เป็นหนี้เซียวหยูซวนเท่านั้นแต่ยังรวมถึงถงเล่ยด้วย
“นายต้องบอกถงเล่ยโดยเร็วที่สุดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนายกับเซียวหยูซวน!” จี้เฟิงกัดฟันบอกกับตัวเอง และตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าไม่ว่าถงเล่ยจะโกรธเขามากแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถหลอกลวงและทำเรื่องที่เป็นการเอาเปรียบหญิงสาวทั้งสองคนแบบนี้ได้อีกต่อไป และถ้าเขายังผัดวันประกันพรุ่งอยู่แบบนี้ มันจะยิ่งทำให้ทั้งสองสาวต้องเจ็บปวดมากขึ้น
“แต่ก่อนที่ฉันจะจัดการเรื่องนี้ ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำและจะต้องทำให้สำเร็จในระยะเวลาที่สั้นที่สุด!”
จี้เฟิงที่ยืนอยู่ตรงระเบียงมองดูแสงไฟที่มีทั้งสว่างและแสงไฟสลัวในระยะไกล จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “อย่างแรกสิ่งที่ต้องเตรียมก็คือชุดที่เหมาะสำหรับการทำงานตอนกลางคืน!”
ตอนนี้จี้เฟิงได้รู้ที่อยู่ทุกๆอย่างของหยุนเฟยหยางจากจี้ช่าวเหลยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ของบริษัทหรือบ้านพัก และตามข้อมูลที่จี้ช่าวเหลยให้ไว้ หยุนเฟยหยางที่เพิ่งกลับมาจากหยางเจียงตอนนี้เขากำลังอยู่ที่บ้านและน่าจะยังไม่ได้ออกไปไหน
ในตอนนี้จี้เฟิงได้กำหนดเป้าหมายและปลายทางเรียบร้อยแล้วแต่สิ่งที่เป็นปัญหาในตอนนี้นั้นก็คือเขาไม่มีเสื้อผ้าที่จะใช้ในการหลบซ่อนตัวตนได้... ไม่! ไม่จำเป็นต้องมีเสื้อผ้า!
ดวงตาของจี้เฟิงเป็นประกายด้วยแสงที่เย็นยะเยือกและเขาก็พูดกับตัวเองว่า “คราวนี้ฉันจะไปปรากฏตัวต่อหน้าหยุนเฟยหยางในฐานะที่เป็นจี้เฟิง!”
“แต่ก่อนหน้านั้นยังมีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ... ฉันจะต้องไปบอกให้หยูซวนและเล่ยเล่ยไปนอนเสียก่อน!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะเกาหัวของเขา เขาไม่คิดว่าเซียวหยูซวนและถงเล่ยลงมาอยู่กันที่ห้องนั่งเล่นเพราะพวกเธอชอบความกว้างขวางของมันหรือเพราะว่าโซฟาของห้องนั่งเล่นนั้นนุ่มสบาย พวกเธอทั้งสองคนไม่ใช่คนโง่ เขามั่นใจว่าหนึ่งในนั้นจะต้องได้ยินบทสนทนาระหว่างเขาและพี่ชายคนรองของเขา
ดังนั้นพวกเธอจึงมานั่งเล่นอยู่ที่โซฟาของห้องนั่นเล่นเพื่อจะได้คอยกันไม่ให้เขาออกไปข้างนอก!
“ปวดหัว...” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะขยี้ผมของตัวเอง เพราะถ้าเป็นอย่างที่เขาคิดการที่จะเกลี้ยกล่อมสองสาวให้หลับได้มันน่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
หลังจากสูบบุหรี่เสร็จจี้เฟิงกำลังจะเดินกลับลงไปที่ชั้นล่างเพื่อไปคุยกับเซียวหยูซวนและถงเล่ย แต่เขาก็เห็นทั้งสองสาวเดินขึ้นบันไดมาพอดีพร้อมกับพูดคุยพลางหัวเราะกัน จี้เฟิงตกใจเล็กน้อย หรือเขาจะเดาผิด?
“จี้เฟิงตอนนี้มันห้าทุ่มกว่าแล้ว ฉันกับพี่หยูซวนจะเข้านอนแล้วนายก็ควรจะนอนได้แล้ว!” ถงเล่ยพูดเสียงเรียบ
“อ่า...!” จี้เฟิงพยักหน้าอย่างเซ่อๆ
ถงเล่ยเดินเข้าไปในห้องนอนด้วยรอยยิ้ม เซียวหยูซวนที่เดิมตามมาข้างหลังขยิบตาให้จี้เฟิงอย่างมีความหมายเมื่อเธอกำลังจะเดินผ่านเขาไป
จี้เฟิงผงะไปชั่วครู่ เธอจะสื่อความหมายว่าอะไร?
แต่ก่อนที่จี้เฟิงจะได้รับคำอธิบาย เซียวหยูซวนและถงเล่ยก็เข้าไปในห้องนอนด้วยกันเรียบร้อยแล้วและทันทีที่ประตูปิดลงเสียงของเซียวหยูซวนก็ดังมาจากข้างใน “จี้เฟิง พรุ่งนี้ฉันมีสอนแต่เช้า ดังนั้นฉันจะไม่กินอาหารเช้าที่บ้านนะ นายกับถงเล่ยหาอะไรกินกันได้เลย!”
กินข้าวที่บ้าน?
หัวใจของจี้เฟิงกระตุกวูบและทันใดนั้นความรู้สึกอบอุ่นก็ไหลผ่านหน้าอกของเขา
ใช่! ตอนนี้ที่นี่มันกลายเป็นบ้านของเขาแล้ว และพวกเขาทั้งสามคนก็เป็นสมาชิกในครอบครัวนี้ ความรู้สึกเช่นนี้มันทำให้หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นจริงๆ
“ไม่! ผมจะตื่นแต่เช้าและซื้ออาหารเช้าเตรียมไว้ให้ ผมรับประกันได้ว่าเมื่อคุณตื่นขึ้นมาคุณจะได้รับประทานอาหารเช้าที่แสนอร่อยอย่างแน่นอน!” จี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มและกล่าวเสริมในใจว่า “เพราะพวกคุณคือคนที่ฉันรัก!”
จี้เฟิงยังไม่ได้กลับไปยังห้องนอนของเขา เขายังคงยืนอยู่ที่ระเบียงและรอจนกระทั่งเสียงในห้องนอนของเซียวหยูซวนและถงเล่ยเงียบลงจนมีเสียงของลมหายใจที่สม่ำเสมอและยาวนาน จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยจากนั้นเขาแค่พลิกตัวเล็กน้อยและกระโดดลงมาจากระเบียง
เป้าหมาย! หยุนเจียวิลล่า! .....
...จบบทที่ 234~❤️