ร้อยเอ็น เล่นรัก ... เรื่องที่ 7 พ่อลูก(ไม่)ผูกพัน ... ตอนที่ 1. พี่ชายที่แสนดีช่วยสอน xxx
ร้อยเอ็น เล่นรัก - ร้อยเรียงเรื่องเล่า....
เรื่องที่ 7 พ่อลูก(ไม่)ผูกพัน
ตอนที่ 1. พี่ชายที่แสนดีช่วยสอน xxx
สวัสดีครับ ผมชื่อก้อง ตอนนี้ผมอายุ 25 ปีอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดปีที่ 26 แล้ว หลังจากเจออาถรรพ์เบญจเพศ ตั้งแต่ทำโทรศัพท์มือถือหล่นหาย แฟนที่คบกันมายังไม่ถึงปีก็ดันนอกใจไปมีคนอื่น หลังกลับจากเที่ยวญี่ปุ่นก็โดนวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กว่าจะรักษาตัวหายก็เล่นเอาแทบไม่รอด มันเป็นช่วงเวลาที่หดหู่ หวาดกลัว เหงาอย่างสุดกู่ ไม่มีใครอยู่ข้างๆ ได้แต่นอนมองเพดานและแอบร้องไห้ ทรมานจากการกินยา แม้ตอนนี้จะออกมาพักฟื้นต่อที่บ้านแล้วก็ตาม การพูดถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งทำให้รู้สึกแย่
ผมอาศัยอยู่กับพ่อครับ ซึ่งตอนนี้แกอายุอานามเพิ่งจะ 52 เพราะตอนที่มีลูกแกเพิ่ง 26 เท่ากับอายุผมในตอนนี้ แต่กลับไม่ใช่เรื่องน่ายินดีกับแกมากนัก เพราะว่าพ่อไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าแกไปไข่ทิ้งในท้องแม่ หลังจากวันเกิดอายุ 7 ขวบ แม่ผมก็เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว อีก 2 ปีต่อมา คุณยายที่รับเลี้ยงดูก็มาเสียไปอีก ญาติๆต่างก็ไม่มีใครรับช่วงกลายเป็นเด็กหัวเดียวกระเทียมลีบไร้ที่ไปสุดๆ นี่เองที่ทำให้ลุงป้าน้าอาต่างหาที่อยู่ของพ่อและพาไอ้ตัวเล็กอย่างผมมาอยู่กับพ่ออย่างงงๆ
พ่อผมเป็นคนอุดรธานีครับ ที่บ้านเดิมทำสวนปาล์มอยู่ที่อำเภอไชยวาน แต่เพราะความเกเรไม่เอาการเอางานเลยถูกพี่น้องไล่ตะเพิด ต้องนั่งรถบัสเก่าๆจากบ้านเร่ร่อนไปที่สถานีรถไฟอุดรธานี นั่งฟรีมาจนถึงกรุงเทพ เกือบจะอดตายอยู่ที่หัวลำโพงเพราะหางานทำไม่ได้ แม้ตอนนั้นพ่อจะอายุ 23 ปีเข้าไปแล้ว แต่ก็ไม่มีความรู้พอที่จะไปสมัครงานที่ไหน จนสุดท้ายตัดสินใจนั่งรถไฟขบวนที่เร็วที่สุดไปตายเอาดาบหน้า จนมาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่นั้น
ในปีพ.ศ.2530 นั้นพ่อเคยเล่าว่าเชียงใหม่ไม่ได้เจริญอะไรมากมาย แต่ก็พอหางานทำได้เป็นคนเข็นรถผักที่ตลาดดังแห่งหนึ่ง ที่นั่นเองพ่อก็ได้พบรักกับแม่ค้าขายของฝากหน้าตาสละสวย ด้วยความที่พ่อของผมก็ไม่ได้ขี้เหร่ แถมยังปรับปรุงตัวทำงานหนักจนเนื้อตัวเต็มไปด้วยกล้าม มีหรือที่สาวน้อยสาวใหญ่จะไม่ติด พ่อกับแม่สานสัมพันธ์ลับๆกันอยู่สองปี วันหนึ่งแม่ก็จับได้ว่าพ่อแอบไปมีเมียน้อย เลยไล่ตะเพิดออกจากบ้าน ตัดขาดความสัมพันธ์กันโดยที่ไม่รู้มาก่อนว่ามีผมปฏิสนธิอยู่ในท้องแล้ว
พ่อในวัย 25 ไม่คิดจะกลับไปบ้านเกิดเพราะตัดขาดกันอย่างสิ้นเชิงเลยหลบไปอยู่ที่ลำปางแทน ตอนนั้นก็จับพลัดจับผลูไปทำงานในโรงงานผลิตชามตราไก่ ของขึ้นชื่อประจำจังหวัด จากที่เคยเกเร ก็กลายเป็นขยันตั้งใจทำงานเก็บเงินหาเลี้ยงตัวเองจนกระทั่งอายุ 33 ปี เจอวิกฤติต้มยำกุ้ง ทั้งๆที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้อง แต่การส่งออกสินค้าชะงักงัน เจ้านายไม่มีเงินจ่ายค่าจ้าง จากคนที่มีงานอยู่ดีๆก็กลายเป็นคนไม่มีอนาคต พ่อบอกว่าร้องไห้หนักเอาการแต่ก็ไม่ย่อท้อ พอมีฝีมือเรื่องการทำถ้วยชามอยู่บ้างเลยมาหาช่องทางทำมาหากินที่อำเภอหางดง ตอนนั้นบ้านก็ต้องเช่า ข้าวก็ต้องซื้อ พ่อกลายเป็นคนประหยัดและเก็บหอมรอมริบค่อยๆสร้างเนื้อสร้างตัวมาเรื่อยๆ จนมีแม่หม้ายอายุคราวป้าเจ้าของตลาดห้องแถวขนาดใหญ่(ในตอนนั้น)มาติดพันและแต่งงานกันออกหน้าออกหน้า แต่ชีวิตพ่อเหมือนมีกรรม เพราะการแต่งงานอย่างเอิกเริกนี่เองทำให้ญาติของผมตามตัวจนเจอเพราะดันเป็นหนึ่งในแขกเหรื่อ เลยพาผมมาอยู่ด้วยอย่างงงๆ เจ๊แหม่ม แม่เลี้ยงผมก็ใจดีไม่รังเกียจ มีแต่พ่อผมเท่านั้นแหละที่ทำหน้าไม่ต้อนรับราวกับเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อน คงเพราะใบหน้าของลูกชายวัย 10 ขวบที่เหมือนผู้เป็นแม่ราวกับโขลกมาจากพิมพ์เดียวกัน แต่ยังดีที่ได้เลือดกรุ๊ปเอมาจากพ่อ ไม่อย่างนั้นคงโดนพาไปพิสูจน์หลายสำนัก
แต่งงานแค่ 1 ปี เจ๊แหม่มก็ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด เพราะแกสูบบุหรี่จัด อายุอานามเจ๊ก็จะ 60 แล้ว แถมร่างกายก็ไม่ตอบสนองคีโม เลยทำให้ทรุดหนักและจากไปในที่สุด จากไอ้กรรชัย หรือ ไอ้กัน คนไม่เอาอ่าว ชีวิตเล่นตลกพลิกผันมาโดยตลอด กลายเป็นหนูตกถังข้าวสารเป็นเฮียกันของคนทั่วไป ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผมหลังจากนั้นก็สุขสบาย แต่ก็ยังไม่มากเท่ากับตอนอยู่กับแม่กับยาย พ่อผมยังคงเย็นชา และห่างเหินเหมือนกับผมเป็นคนแปลกหน้า
ตอนนั้นผมอายุ 11 พ่ออายุ 37 ระยะห่างของเราไม่ใช่แค่อายุ แต่ยังเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เด็กวัยแค่นั้นเลยรู้สึกเหมือนขาดเสาหลัก ทำให้กลายเป็นคนเงียบไม่เข้าสังคม ส่วนใหญ่ก็ขลุกตัวอยู่ในบ้าน เล่นเกมกด เกมเพลย์ที่พ่อซื้อมาปรนเปรออย่างหงอยๆ วันไหนเบื่อก็ลงไปเล่นตรงลานกว้างติดกับห้องแถวของพ่อซึ่งตอนนั้นแกกำลังสร้างเป็นหอพักเพราะอยู่ใกล้สถานศึกษา (อ้อ พอแต่งงานพ่อก็ย้ายมาอยู่บ้านเจ๊แหม่มแถวๆอำเภอสารภีนะครับ) ที่นั่นมีหิน ทรายและอิฐให้เล่นเพลินจนลืมเวลาไปเลย มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันที่เป็นลูกคนงานมาเล่นเป็นเพื่อนพอให้หายเหงา ผมเลยติดใจมาเล่นด้วยแทบทุกวันจนเป็นที่คุ้นเคยกับพี่ๆน้าๆลุงๆป้าๆคนงานก่อสร้าง แถมยังเป็นลูกชายคนเดียวของเฮียกันอีก มีแต่คนเกรงใจ(ซึ่งตอนนั้นไม่รู้เลยว่าพวกคนงานเขาเกรงใจเรามากจริงๆ)
ที่งานก่อสร้าง จะมีเพิงพักคนงานชั่วคราวตั้งเรียงรายอยู่ บ้างก็ทำมาจากไม้อัด บ้างก็ตีสังกะสีรายล้อม ผมก็ไปเล่นบ้านคนโน้นคนนี้ตามประสา เพื่อนพาไปไหนก็ไป เล่นซ่อนหา เล่นสร้างบ้านสนุกสนานไปวันๆ พ่อผมไม่ฉุกคิดว่าลูกต้องกลับไปเรียนต่อเลยทำให้ผมหยุดเรียนไป 1 ปีเต็ม ตอนนั้นเลยมีเวลาเยอะ ตักตวงความสุขไว้ก่อน
หนึ่งในคนงานคนโปรดของผมชื่อพี่ปืน แกเป็นคนน่าน อายุเพิ่ง 18 ปี น่าจะเด็กสุดในบรรดาคนงานก่อสร้างแล้วล่ะ พี่ปืนเป็นคนใจดี เจอหน้าผมก็มีขนมหรือของเล่นมาให้ไม่ขาด ถึงแม้จะเป็นพวก ยางรัด ลูกแก้วหรือบ้านกระดาษที่แถมขนมถุงละบาทก็ตามที แต่ผมก็ชอบและกลายเป็นว่าติดพี่เขาแจ พี่ปืนเป็นคนเหนือ ผิวจะขาวมากแต่เฉพาะในร่มผ้า เพราะทำงานก่อสร้างมาตั้งแต่จบชั้นม. 3 เลยทำให้สีผิวแปรเปลี่ยนเป็นดำคล้ำทั่วใบหน้า คอ แขน แต่พอถอดเสื้อออกมายังพอเห็นว่าผิวเดิมนั้นขาวไม่น้อย หน้าตาพี่ปืนดูธรรมดามากในตอนนั้น เพราะแกไม่ใช่ลูกครึ่งตามสมัยนิยม สองตาเล็กตี่ จมูกโด่งพอเหมาะกับใบหน้ารูปไข่ คิ้วไม่หนาจัดแต่ก็ดูเข้ากัน ความสูงก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่เพราะผมยังเด็กมั้งตอนนั้น เลยเห็นว่าร่างกายแกกำยำสูงใหญ่จนน่าอิจฉา ด้วยความที่พ่อผมไม่ได้ให้ความรักความผูกพันกับผมมากนัก เลยยึดพี่ปืนเป็นไอดอล ไม่งอแงใส่แกเลยแม้แต่น้อย
วันหนึ่งหลังจากเล่นกับเพื่อนๆจนเหนื่อย ผมยังไม่อยากกลับบ้าน เพราะไปก็ไม่มีคนอยู่ หลังๆพ่อเริ่มจับโน่นทำนี่จนไม่มีเวลาให้ ถ้าไม่ออกไปหาเพื่อนฝูงเมาแต่หัววันก็ไปหาลู่ทางขยายธุรกิจ แกเล็งที่ดินเปล่าเอาไว้ทำโน่นนี่หลายแห่ง ผมได้แต่มองตาปริบๆเพราะยังเด็กเกินไปที่จะช่วยอะไรได้ ตอนเย็นย่ำแบบนี้ถ้าไม่มีที่ไปก็จะแวะมาเล่นกับพี่ปืนเสมอ
แต่วันนั้นเหมือนพี่ปืนจะไม่พร้อมรับแขก ... อ้อ ขออธิบายก่อนนะครับ ว่าบ้านพักคนงานเนี่ยจะสร้างห้องน้ำแบบหยาบๆไว้ แต่ถ้าใครขยันก็จะสร้างห้องน้ำส่วนตัวไว้หลังเพิงแบบพี่ปืนที่ตอนนี้ไม่อยู่ในบ้าน ผมรู้ทันทีว่าแกไปไหนทำอะไร เพราะมาเล่นด้วยบ่อยๆ สองขาเลยก้าวไปที่เพิงสังกะสีโย้เย้ แอบมองที่รูเล็กๆที่เปิดช่องอย่างไม่คิดอะไรมาก แต่พอเห็นพี่ปืนที่กำลังยืนเปลือยแอ่นแก่นกายยื่นไปข้างหน้าโดยใช้มือขวากำรูดหนอนน้อยสีเข้มก็ทำให้ผมตกตะลึง เพราะเกิดมาก็อยู่กับแม่และยายที่เป็นผู้หญิง กับพ่อก็ไม่ได้ใกล้ชิดกัน พอมาเจอแบบนี้ก็เลยตกใจ ไม่รู้ว่าพี่ปืนกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ มือนั้นก็รูดเจ้าแท่งใหญ่ๆที่ขนาดผิดกับผมหลายเท่าขึ้นลงไปมา ปากของแกก็ห่อพ่นล่มและเสียงหอบซี๊ดซ๊าด ใบหน้าดูบิดเบี้ยวน่าเป็นห่วง ผมใจสั่นและกลัวมากว่าพี่แกจะเป็นอะไร เลยผลักประตูห้องน้ำที่ไม่มีตัวล็อกเข้าไป
“เห้ย” พี่ปืนตกใจรีบดึงผ้าขาวม้ามาปิดของสงวนไว้ทั้งที่มันยังแข็งโด่
“พี่ปืนเป็นอะไรอ่า ฮือๆ ทำไมพี่ปืนหน้าเบี้ยว” ผมร้องสะอื้นเพราะกลัวว่าไอดอลตัวเองจะป่วยหรือจะเป็นอะไรไป
“มะ ไม่ พี่ไม่ได้เป็นอะไร”
“แล้วทำไมพี่ปืนถึงร้องอ๊า อ๊า แถมหน้าเบี้ยวๆเหมือนคนไม่สบายอีกอ่า” ผมยังไม่ประสา ตอนนั้นไม่ประสาเอามากๆในเรื่องพรรค์นี้ถามออกไปแบบนั้น พี่ชายตัวใหญ่ส่ายหน้าและลูบหัวผมเล่น
“โอ๋ๆ พี่ไม่เป็นไรนะครับน้องก้องคนเก่ง” แกย่อตัวจนเกือบจะนั่งมาสบตากับเด็กขี้แยที่ป้ายน้ำตาอยู่ ผมยืนบิดตัวไปมา สองมือประสานพันกันเคลื่อนไหวตามจังหวะร่างกาย
“แต่ อึ๊ก..” ผมสะอื้น พี่ปืนกลับฉีกยิ้มความไม่ประสีประสา
“พี่ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ นี่ไงพี่แข็งแรงจะตาย กล้ามโตขนาดนี้ ไม่ตายง่ายๆหรอก” พี่ปืนเบ่งกล้ามแขนเป็นลูกๆโชว์ ผมมองตามอย่างชอบใจเพราะเวลาแกเบ่งกล้ามจะดูเหมือนอุลตร้าแมนตัวโตๆ
“แล้วทำไมพี่ปืนต้องหน้าเบี้ยว ส่งเสียงแบบนั้นอ่าครับ”
“เอ่อ คือ...” ผมไม่รู้จริงๆว่าทำไมพี่ปืนถึงได้อึกอัก แต่แววตาใสแจ๋วที่จ้องเขม็งอย่างอยากรู้อยากเห็นก็ทำให้แกดูจะใจอ่อน
“งั้นมานี่ก่อน” พี่ปืนอุ้มผมออกจากห้องน้ำ ท่าทางเหมือนข้างล่างแกจะสงบแล้ว เปิดประตูเข้าไนบ้านที่เป็นเพิงไม้ แสงสว่างมาจากตะเกียงตัวเก่า ห้องนอนเลยสลัว
“ทำไมไม่กลับบ้านล่ะก้อง เฮียไปไหน”
“ไม่รู้ พ่อไม่บอก” ตอบแค่รู้ก็รู้กัน เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กน้อยอย่างผมถูกปล่อยให้อยู่คนเดียว พี่ปืนเคยไปส่งที่บ้านประจำ พ่อผมก็ดูจะไม่ว่าอะไรที่เห็นผมติดพี่ชายคนนี้ บางครั้งผมก็อ้อนให้พี่ปืนนอนเป็นเพื่อนถ้าวันไหนฝนตกฟ้าร้อง
ครืน ครืน... เสียงฟ้าคำรามดังมาแต่ไกล พี่ปืนแต่งตัวด้วยเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นอย่างรวดเร็ว เดิมทีเหมือนแกจะพูดอะไร แต่พอได้ยินเสียงดังมาแต่ไกลเลยเปลี่ยนใจชวนผมกลับบ้านที่ถัดไปไม่ไกลนัก พอเปิดบ้านได้ ฝนก็เทลงมาห่าใหญ่ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดตกง่ายๆ พ่อก็คงติดฝนที่ไหนซักที่ น่าจะกลับดึกกว่าเก่าแน่ๆ
จ๊อกกกกก
“หืม หิวเหรอ” พี่ปืนทำหน้าตลกที่ได้ยินเสียงท้องร้อง ผมพยักหน้าหงึกๆเพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เที่ยง ไม่ใช่เพราะพ่อไม่ให้กินข้าวนะครับ แต่เพราะติดเล่นกับเพื่อนๆที่ไซต์งานจนลืมกิน
“เดี๋ยวพี่ดูก่อนว่ามีอะไรให้กินบ้าง” พี่ปืนเดินไปที่ครัวอย่างชำนาญ นอกจากเป็นไอดอล เป็นพี่ชาย เป็นพี่เลี้ยงเด็กแล้ว พี่ปืนยังเป็นพ่อครัวส่วนตัวให้ผมอีกด้วย
“ในตู้เย็นมีไข่ ผักคะน้า และหมูสับ”
“ไม่เอาผักคะน้า” ผมโพล่งออกไป
“อะไรกันน้องก้อง ไม่กินผักเดี๋ยวไม่โตนะ” ผมยังส่ายหน้า เพราะความเป็นเด็กที่พ่อไม่เคยขัด เลยเลือกกินไม่น้อย
“กินไข่เจียว” ผมตอบพลางวิ่งไปกอดขาพี่ปืนไว้ ด้วยความสูงตอนนั้น สองแขนผมรัดที่ก้นแกและใบหน้าก็ซุกที่หว่างขาอย่างเหมาะเหม็ง ปืนน้อยที่นอนหลับอยู่ก็แข็งปั๋งแทบจะทันทีเพราะผมส่ายหน้าถูไถไปมาอย่างออดอ้อน และแกน่าจะอารมณ์ค้างที่โดนผมขัดจังหวะขัดจรวดด้วย
“อะไรแข็งๆอ่า” ผมเงยหน้าถามพี่ชายที่หน้าแดงอยู่ตอนนี้ พี่ปืนไม่ได้สวมกางเกงใน เป้าใหญ่ตุงเด่ชี้หน้าเด็กน้อยอย่างจัง ก่อนจะบอกให้ผมไปนั่งรอแกเจียวไข่
ไม่นานแกก็ส่งจานข้าวไข่เจียวเหลืองกรอบน่ากินมาให้ แต่เหมือนอารมณ์พี่ชายยังไม่สงบ ไอ้ที่ตุงๆมันยังชี้หน้าแกว่งไปมาอยู่ ผมนั่งละเลียดมื้อเย็นอย่างหิวโซปล่อยให้แกพุ่งตัวเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดครัวอย่างรวดเร็ว สายฝนยังตกกระหน่ำต่อเนื่องเหมือนมีพายุลูกใหญ่เข้า พออิ่มแล้วผมก็ยกจานข้าวจะไปวางที่อ่าง ที่บ้านมีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ตอนกลางวัน แต่กลางคืนแกจะกลับไปอยู่บ้านของแกเลยทำให้บ้านเงียบงันเช่นนี้
เสียงฟ้าร้องดังก้อง แล้วฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงจนสะดุ้งจานข้าวในมือที่ผมจะเอาไปเก็บตกแตกเพล้ง เสียงประตูห้องน้ำเปิดลั่น ของแข็งในกางเกงพี่ปืนยังโด่ไม่รู้ล้ม แต่ตรงส่วนปลายชี้เด่มีคราบน้ำเลอะติดเป็นวง
“น้องก้องเป็นอะไรมั้ย” คงเพราะห้องน้ำมันไม่เก็บเสียง พอจานแตกพี่ปืนเลยรีบปรี่ออกมา แกรู้ว่าผมกลัวฟ้าร้องฟ้าผ่า แถมครั้งนี้เสียงสายฟ้าฟาดดังมากจนจานหลุดมือ ผมได้แต่ยืนตัวสั่น สำหรับเด็กที่ไม่ค่อยได้รับความอบอุ่นอย่างเพียงพอ มันจะกลัวโน่นกลัวนี่ไปหมดเลย แล้วผมก็ปล่อยโฮไม่ยั้งจนพี่ชายที่แสนดีรีบมาอุ้มพาเข้าห้องนอนทั้งๆที่จรวดยังแข็งปั๋งอยู่เลย
“ไม่เป็นไรแล้วน้า ไม่เป็นไรแล้ว” ผมซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งของพี่ชาย ขยับท่านั่งให้พอดีกับตัก ตอนนั้นยังตกใจตัวสั่นงกๆเลยไม่สนใจว่ากำลังนั่งทับของแข็งยาวใหญ่อยู่ จนมันค่อยๆสงบลงไปพร้อมกับอารมณ์เด็กน้อย ผมก็คลายอ้อมกอดและหันมามองพี่ชายที่นอนหลับนิ่ง แกคงจะเพลียจากการทำงานก่อสร้างมาทั้งวัน แถมยังต้องมาดูแลเด็กน้อยอีก ตอนนั้นผมไม่รู้สึกเป็นบุญคุณอะไรหรอกนะครับ แค่รู้สึกดีและรักพี่ชายคนนี้มาก มองหน้าแกแป๊บเดียวก็พลิกตัวออก พี่ชายสะดุ้งตื่นทันที
“จะไปไหนครับคนเก่ง” เสียงยังงัวเงียอยู่ตอนที่ถาม ข้างนอกฝนตกหนักไม่ขาดสาย น่าจะยาวถึงเช้า
“ไปอาบน้ำ น้องก้องยังไม่ได้อาบน้ำเลย” ถ้าตอนไหนรู้สึกดีมากๆหรืออยู่กันสองคน ผมชอบแทนตัวเองว่าน้องก้อง เพราะมันทำให้ดูน่ารัก เป็นเด็กที่น่าทะนุถนอม พี่ชายยิ้มให้ก่อนจะฝืนตัวลุกจากที่นอน
“มา พี่อาบให้” คุณๆคงจะคิดว่าแปลก เด็กอายุ 11 ปียังให้คนอื่นอาบให้อยู่ อันที่จริงผมอาบเองได้นะครับ เพราะเจ๊แหม่มแกเคยสอนไว้ แต่มีครั้งนึงที่ผมงอแงไม่ยอมอาบน้ำเพราะอยากเล่นกับพี่ปืนอยู่ แกเลยอาบให้จนผมเคยตัว ถ้าวันไหนที่พ่อไม่อยู่แล้วพี่ปืนว่างมานอนเป็นเพื่อน แกจะเป็นคนอาบน้ำให้เสมอ
ตอนอาบน้ำก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากห้องน้ำแคบและเล็กมาก หลังจากเช็ดตัวจนแห้ง สวมชุดนอนลายทางสีเหลืองสดใสผมก็นอนซุกรักแร้พี่ชายอย่างเคยชิน
“พี่ปืนคับ”
“หืม ว่าไงไอ้ตัวเล็ก”
“น้องก้องอยากรู้อะว่าทำไมพี่ปืนต้องเอามือรูดๆหนอนน้อยไปมาด้วยอ่า” สีหน้าพี่ปืนดูลำบากใจไม่หยอก
“เป็นเด็กเป็นเล็กอยากรู้ไปทำไมเนี่ย เดี๋ยวโตขึ้นก็รู้เองแหละ”
“ไม่เอาอ่า น้องก้องอยากรู้ พี่ปืนว่าจะเล่าไม่ใช่เหรอ อย่าผิดสัญญาสิ” ผมงอแง
“เห้อ ไอ้วุ่นวายเอ๊ย” พี่ชายยีหัว ผมหัวเราะชอบใจก่อนจะกอดหน้าอกแน่นๆของพี่ชาย
“นะนะ น้องก้องอยากรู้”
“อะ ก็ได้ แต่สัญญานะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”
“สัญญา”
“เกี่ยวก้อยก่อน สัญญาแล้วห้ามคืนคำ ไม่ว่าใครถามก็ไม่ตอบออกไป” มันเป็นจังหวะเพลงของพวกเราตอนเกี่ยวก้อยสัญญา ผมพยักหน้าหงึกๆตอนเกี่ยวนิ้วต่างขนาด พี่ปืนยิ้มหวานมาให้
“คืองี้” พี่ชายลุกมาพิงหลังกับหัวเตียงในท่ากึ่งนั่ง “พอน้องก้องโตขึ้นเนี่ย หนอนน้อยของน้องก้องก็จะโตขึ้นด้วย รู้ใช่มั้ย”
“อึ๊” ผมส่ายหน้า อันนี้ไม่รู้จริงนะ “รู้แต่ว่าของพี่ปืนใหญ่กว่าแขนน้องก้องอีก”
“ไอ้เด็กวุ่นวายนี่” แกทำท่าจะหัวเราะใส่ เหมือนจะภูมิใจในตัวเองซะงั้น “อะต่อๆ พอมันโตขึ้นเนี่ย มันจะแข็ง..”
“ของน้องก้องไม่โตยังแข็งเลย” ผมสวนขึ้นทันควัน
“ก็ได้ๆ คือไม่ว่าตอนไหนมันก็แข็งได้นะหนอนน้อยของผู้ชายน่ะ” ผมพยักหน้าเชิงรับรู้
“แต่ของเด็กกับผู้ใหญ่มันต่างกันตรงที่ ของเด็กจะไม่มีน้ำออกมา”
“น้ำอะไรอ่า”
“เอ่อ” ท่าทางแกจะเครียดพอดู เพราะไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี “มันเป็นน้ำข้นๆเหนียวๆออกมาจากหนอนน้อยน่ะ”
“แล้วทำไมมันออกมาอะคับ”
“เห้อ ... มันออกมาเพราะว่าหนอนน้อยผู้ใหญ่มันแข็ง พอแข็งแล้วมันก็ปวด พี่ก็เลยต้องรูดไปไปมาให้หายปวดไง”
“อ๋อ”
“พอหายปวด มันก็จะอ๊วกออกมาเป็นน้ำข้นๆ”
“แล้วน้ำข้นๆมันเป็นยังไงอะคับ” ยิ่งนึกถึงตอนนั้นก็เหมือนตัวเองเป็นเจ้าหนูจัมมัย
“มันก็ข้นๆ มีกลิ่นหน่อยๆ”
“กลิ่นแบบนี้เหรอคับ” ผมก้มไปดมที่รอยแฉะตรงเป้า พี่ปืนตกใจร้องเห้ยและเอามือมาปิดไว้อย่างรวดเร็ว
“ทำอะไรน่ะไอ้ตัวเล็ก”
“ก็ลองดมกลิ่นอ๊วกของหนอนพี่ปืนไงคับ” ท่าทางพี่ชายจะดูอึดอัดไม่น้อยนะ แต่เพราะไม่มีกางเกงให้เปลี่ยน แกเลยต้องจำใจใส่ตัวเดิม ท่าทางจะยังไม่ทันได้ปลดปล่อยเลยด้วยซ้ำเพราะโดนน้องชายตัวดีขัดจังหวะตั้งสองครั้งสองครา
“ดะ ดมแล้วเป็นไงบ้าง”
“ก็แปลกๆ บอกไม่ถูกอะคับ” พี่ปืนขยับนิ้วมือไล้กับเป้าของแกนอกกางเกง “จะหอมก็ไม่หอม จะเหม็นก็ไม่เหม็น” พี่ชายลูบๆคลำๆตามจนพลังงานบางอย่างโผล่ตัวมาอีกรอบ
“ละแล้วน้องก้องอยากดมอีกมั้ย”
“ดมได้เหรอครับ” ผมถามอย่างตื่นเต้น ไม่รู้ตัวเลยว่าโดนพี่ชายอ่อยแรงอยู่
“ได้สิ นี่ไง” มือน้อยถูกพี่ชายจับไปวางบนกางเกง สัมผัสถึงของแข็งที่ผงกตัวไปมา
“มันดิ้นได้ด้วยอะ” ผมจับส่วนหัวที่เยิ้มแฉะลูบไปมา
“ซี้ดดดดด นะ น้องก้องอยากลองดูใกล้ๆมั้ยล่ะ” ผมพยักหน้า พี่ชายเลยถอดกางเกงออก เผยให้เห็นหนอนน้อยขนาดใหญ่ชูตัวเต็มที่ ตอนนั้นเห็นแล้วยังติดตามาถึงตอนนี้ เพราะมันดูใหญ่มาก มีขนสีดำปกคลุมตรงหัวหน่าว ลูกกลมๆสองลูกสีคล้ำใหญ่ไม่แพ้กัน หัวบานใหญ่สีออกแดงเข้มไร้หนังหุ้มปลายมีคราบน้ำใสเอ่อตรงปากรู เส้นเลือดโปนโอบล้อมลำยาวที่ดูเหมือนจะงอคล้ายกล้วยหอม
“เอาหน้ามาใกล้ๆสิ ลองใช้จมูกดมๆก่อน อย่างนั้นแหละ ทีนี้อยากลองชิมมันมั้ย”
“มันกินได้เหรอคับ”
“กินได้สิ อร่อยด้วยนะ” พี่ชาย หลอกเด็ก
“แล้วกินยังไงอะคับ”
“กะ ก็อ้าปากกว้างๆก่อน แล้วก็ดูดๆตรงนี้” พี่ปืนชี้ส่วนหัวบานใหญ่เหมือนเห็ด ซึ่งเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ส่วนที่เหลือไม่ได้ใหญ่เท่านี้ แต่มันก็ดูอลังการในสายตาเด็กน้อยอยู่ดี
“นั่นแหละ ค่อยๆอม ดูดหน่อยเหมือนดูดไอติมอะ” ผมก็ลองทำตามที่บอก น้ำเค็มๆเฝื่อนๆสีใสส่งกลิ่นฉุนตอนที่ครอบปากลงมา หัวเห็ดมันใหญ่มาก คับปากไปหมดจนเมื่อย
“เดี๋ยวน้องก้องอมมันไว้แบบนี้ก่อนนะ พี่จะลองรูดเอาน้ำออกมา” พี่ชายจับหน้าผมไว้แน่น ปากน้อยก็ครอบหัวเห็ดจนพูดไม่ได้ แถมบั้นท้ายของไอดอลขยับขึ้นๆลงๆอีก แกพยายามดันส่วนอื่นเข้าในปากแต่เหมือนจะเป็นไปได้ยาก เลยแค่เด้งส่วนหัวเห็ดไปมา “ดูดหน่อย แรงอีกนิด อย่าให้ ดะ โดนฟันนะ นั่นแหละ เก่งมากครับ ดูดแรงอีกหน่อย”
ผมเมื่อยปาก แถมยังแทบสำลัก น้ำลายไม่รู้มาจากไหนเยอะแยะไหลเยิ้มไปหมด พี่ชายก็เด้งตัวเข้าออกเร็วกว่าเก่า น้ำตาเด็กน้อยแทบจะไหลเพราะเจอความใหญ่ส่งตัวเข้ามา พี่ชายทำหน้าบิดเบี้ยวเหมือนตอนอาบน้ำเมื่อเย็นนี้ ร่างแกร่งจับเกร็งก่อนจะขยับสะโพกถี่ยิบ ผมคับปากจนจะสำลัก น้ำตาไหลเยิ้มไปหมดเพราะความแข็งแกร่งแทงเข้าออกจนแทบถึงคอหอย พี่ปืนร้องกระเส่าให้ผมดูดแรงขึ้นๆไปพร้อมๆกัน หัวน้อยๆโดนจับโยกไปมาจนจะเวียนหัว ไม่นานพี่ปืนก็กระตุกตัวแน่น ตรึงใบหน้าผมให้คาบคาท่อนเนื้อใหญ่ลึกสุดปาก น้ำข้นหนืดร้อนระอุพวยพุ่งมาไม่ขาดสาย ผมดิ้นพล่านเพราะสำลักแต่เหมือนพี่ชายจะไม่ยอมปล่อย รีดน้ำเชื้อที่คั่งค้างมานานเข้ามาในช่องปากเด็กน้อยจนล้นทะลัก
“แค่กๆๆ” ผมไอและหอบหายใจแรง น้ำตาไหลเพราะอาการสำลัก แถมน้ำข้นขุ่นของพี่ชายก็ร่วงพรูออกปากส่งกลิ่นคลุ้ง
“ปะ เป็นอะไรมั้ยครับคนเก่ง” ลีลาหลอกล่อเด็กแพรวพราวนี่คงเป็นสัญชาติญาณเพศผู้แน่ๆ
“มะ ไม่เป็นไรครับ” เด็กน้อยไร้เดียงสาที่รักพี่ชายสุดหัวใจตอบอย่างหนักแน่น “ไม่เห็นอร่อยเลยอะ” ผมพยายามคายน้ำรักของพี่ปืนออกให้มากที่สุด พี่ชายเอาแต่ยิ้มและยีเส้นผมไปมา ใบหน้าดูเหมือนจะพึงพอใจแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน