ตอนที่แล้วร้อยเอ็น เล่นรัก ... เรื่องที่ 3 เหยื่ออันโอชะ ... ตอนที่ 1. วิธีมองหาเหยื่อของชายแท้ร้อนเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปร้อยเอ็น เล่นรัก ... เรื่องที่ 6 หาเงินเล่นเกม ... ตอนที่ 1. เงินก้อนแรก

ร้อยเอ็น เล่นรัก ... เรื่องที่ 4 แรงงานต่างด้าว ... ตอนที่ 1. แรงงานต่างด้าว


ร้อยเอ็น เล่นรัก - ร้อยเรียงเรื่องเล่า....

เรื่องที่ 4 แรงงานต่างด้าว

ตอนที่ 1. แรงงานต่างด้าว

สวัสดีครับ หลังจากอ่านมา 3 เรื่องแล้ว รู้สึกเป็นยังไงกันบ้างเอ่ย ผมอ่านไปก็เสียวไปจนต้องจัดการตัวเองหลายรอบละ ยิ่งอ่านก็ยิ่งฟิน วันนี้เลยตัดสินใจมาเขียนเรื่องของตัวเองบ้าง ถ้าชอบหรือไม่ชอบยังไงก็ต้องขออภัยล่วงหน้านะครับ ผมยังไม่เคยเขียนอะไรยาวๆมาก่อน อาจจะมีสับสนบ้าง งงๆบ้าง หรือใช้คำซ้ำไปซ้ำมาบ้างก็ต้องขอโทษไว้ก่อนนะครับ แต่รับรองว่าเรื่องของผมเนี่ย เสียวสุดๆเหมือนกัน

ผมชื่อวิเชียร ปีนี้ก็อายุ 35 เข้าไปละครับ สถานะโสด เป็นลูกคนโตของครอบครัวคนจีน โดนกดดันให้แต่งงานตั้งแต่อายุ 20 กับคนที่ป๊ากับม้าเลือกให้ แต่ก็ไม่นานครับ ตี๋ๆจืดๆแบบผมมันไม่เร้าใจ เมียตบเมียแต่งเลยหอบผ้าหอบผ่อนพร้อมกับเงินครึ่งล้านหนีไปกับผู้ชายอื่น ป๊าม้าเข็ดเลยครับไม่บังคับให้ผมแต่งงานกับใครอีก แกไม่ได้ดลัวเสียหน้าหรอก แต่กลัวเสียเงินมากกว่า

ที่บ้านผมเป็นร้านอาหารครับ เป็นธุรกิจครอบครัวที่ตกทอดมากว่า 100 ปี ขออนุญาตไม่บอกว่าร้านอะไร เพราะกลัวว่าจะมีคนแอบตามมาส่อง เป็นร้านดังพอสมควร มีรีวิวเยอะแยะ ลูกค้ามากันไม่ขาดสาย ตามธรรมเนียมเลยครับ ลูกชายคนโตต้องมาดูแลร้านต่อ ส่วนน้องๆผมก็แยกย้ายไปตามวิถีชีวิตที่เลือกเอง ไม่มีใครสนใจจะเข้ามารับช่วงเลยสักคน

ด้วยความที่เป็นร้านดัง คนพลุกพล่าน ผมเลยต้องจ้างคนงานชาวต่างชาติเยอะพอสมควร แต่ที่โดดเด่นเข้าตานั้นชื่อนาตูซู มาจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้กับจ.ประจวบ (จากหมู่บ้าน มุด่อง) ด้วยความที่อยู่ใกล้บ้านเรา นาตูเลยพูดไทยได้คล่องปรื๋อ แต่เพราะฐานะที่ยากจนเลยทำให้ไม่ได้เรียนหนังสือ พอจบภาคต้นก็มาขายแรงงานในไทย เริ่มตั้งแต่เป็นเด็กบนเรือประมง เป็นคนใช้แรงงานที่โรงสี ด้วยการทำงานหนักนี้เอง นาตูเลยเป็นคนที่รูปร่างดีมาก เร้าใจไอ้หน้าจืดอย่างผมสุดๆ

นาตูซู (ซู เป็นนามสกุล) อายุ 26 เข้า 27 ปีในปีนี้ ที่บ้านฐานะยากจนจนต้องมาเร่ขายแรงงานในไทยหวังว่าจะมีเงินก้อนเพื่อกลับไปทำงานที่บ้านเกิดเมืองนอน สถานะตอนนี้คือไม่มีเมีย เนื่องจากทานจนลืมหาเมีย ใบหน้าคมคายเหมือนคนทางใต้ ใบหน้ารูปเหลี่ยมเป็นสันกลับชวนมองมากกว่าจะเห็นว่าเป็นคนหน้าเหลี่ยมๆป้านๆ นัยน์ตาคมกริบเต็มไปด้วยขนตางอนเป็นแพ คิ้วหนารับกับจมูกโด่ง แต่ไม่ได้โด่งสวยงามแบบคนหล่อทั่วไป มันโด่งแบบหักงุ้มเหมือนมีคนเอาไม้ไปฟาดตรงสันให้มันยุบเข้าไปนิดนึง แต่ก็รับกับใบหน้าเป็นอย่างดี ริมฝีปากไม่หนาหรือบางจนเกินไปน่าจูบชิบ ความสูงน่าจะเกือบ 180 เพราะเวลายืนข้างผมก็พอๆกัน ทั้งๆที่ผมสูง 183 เซ็นเลยทีเดียว

ผมแอบมองนาตูมานาน ตั้งแต่เข้าทำงานกับผมตอนนี้เข้าปีที่ 3 ผลงานของนาตูเข้าตามากๆ(ไม่ได้อคติอะไรเล้ยยย) ขยันขันแข็ง ใช้งานอะไรไม่เคยอิดออด ผิดกับลูกน้องบางคนที่บ่นไม่หยุดตอนที่ร้านมีลูกค้าเยอะจนเสิร์ฟไม่ทัน แต่นาตูกลับไม่ปริปาก พูดน้อย ทำงานหนัก แถมยังซื่อสัตย์ เพราะผมเคยลองใจโดยการให้เฝ้าร้านตอนที่ปิดตรุษจีน พอกลับมานึกว่าบ้านจะโดนกวาดเรียบ แต่ทุกอย่างไม่เป็นเช่นนั้น ของมีค่าต่างๆอยู่ครบ จนรู้สึกประทับใจคนๆนี้เข้าไปอีก...แต่ก็ทำได้แค่ประทับใจ เพราะไม่รู้จะหาโอกาสไหนเลียบๆเคียงๆ เนื่องจากเราเป็นเจ้านาย ลูกน้องเรียกเฮียทุกคำ ถึงแม้อยากได้ ก็ต้องอดทนไว้

ลืมบอกไปว่าบ้านของผมนั้นปลูกอยู่หลังร้านเลยครับ ลูกน้องที่ไม่มีที่อยู่จะอยู่ชั้นบนของร้าน รวมไปถึงนาตูด้วยครับ มันไม่ได้เป็นห้องหับมิดชิด แต่มันเป็นห้องโล่งๆที่ปูที่นอนให้นอนเรียงกัน มีเพียงพัดลมและทีวีเป็นเพื่อนเท่านั้น ยิ่งทำให้ผมเข้าหานาตูยากเข้าไปอีก จากปีที่หนึ่งเข้าปีที่สอง...ได้แต่มองตาปริบๆ

แต่เหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างผมไม่น้อย เพราะป๊าผมเกิดป่วยหนักจนลุกไม่ไหว แถมแกไม่ชอบให้พยาบาลมาดูแล โวยวายลั่นบ้าน ผมต้องดูแลจนแทบไม่ได้พักผ่อน น้องๆก็มาเยี่ยมบ้างแต่ก็ไม่มีใครมาประคบประหงมเพราะต่างก็ไปมีครอบครัวกันหมด ภาระทุกอย่างเลยตกมาที่ไอ้วิเชียรนั่นแหละ ทั้งดูแลร้านและป๊าจนหัวหมุนไปหมด

“เห้ย พวกเอ็งมีใครอยากได้เงินพิเศษกันบ้างมั้ย” ผมถามลูกน้องหลังปิดร้าน ปกติเราปิดสี่ทุ่ม กว่าจะเก็บกวาดเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน ลูกน้องแต่ละคนก็เหนื่อยล้าอยากกลับไปพักผ่อนกันหมด

“เฮียจะใช้พวกเราทำอะไรครับ” เสียงนาตูถามแทนเพื่อนๆ เพราะพูดภาษาไทยคล่องที่สุดแล้ว

“เฮียอยากได้คนดูแลป๊าคนนึง คอยป้อนข้าว ป้อนยาและนอนเป็นเพื่อนตอนกลางคืน” พอตอบไปหลายคนก็ไม่ได้สนใจ ลำพังงานที่ร้านก็หนักพอดู ถ้าจะต้องมาดูแลคนแก่ขี้โวยวายอีกคงไม่ดีเป็นแน่แท้

“ไม่มีเลยเรอะ” ผมถามย้ำ ถึงแม้เงินพิเศษจะจูงใจแต่ก็ไม่มีใครสนใจ ได้แต่ถอนหายใจแบบปลงตก

“ผมทำได้ครับ” นาตูออกปาก ผมยิ้มร่าเลยครับ เป็นอย่างใจคิดจริงๆ

นาตูเลยต้องย้ายตัวเองมานอนห้องป๊าตั้งแต่นั้น ตอนเช้าก็หาข้าวหายามาป้อน ด้วยความที่ป๊าเห็นนาตูมาหลายปีเลยไม่ได้โวยวายเหมือนพยาบาลพิเศษ ทำให้ผมเบาใจไปมากโข นาตูดูเหมือนจะโอเคด้วยที่มาช่วยตรงนี้ เพราะหลังจากมื้อเช้าก็ต้องไปเตรียมร้าน อยู่ขายจนถึงเที่ยงก็ต้องมาดูแลคนแก่ต่อ ป๊าผมเหมือนจะรู้ว่ามันเป็นช่วงคนเยอะที่สุดของวันเลยไม่ได้เร้าหรือกับนาตูมากนัก พอกินข้าวเสร็จก็ปล่อยให้ออกมาทำงานต่อจนล่วงถึงเย็นก็มาเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ทำแบบนี้วนลูปไปจนป๊าผมเสีย นาตูเลยได้พักผ่อน

“อ้าว นาตู จะไปไหนล่ะ” ผมถามเมื่อเห็นลูกน้องคนโปรดเก็บข้าวของตัวเองออกมาจากห้องป๊า

“กลับไปนอนที่ร้านครับ” ผมใจหายวาบเลยครับ เพราะไม่คิดว่าจะเร็วปานนี้

“อืม ป๊าก็เสียแล้วนี่เนาะ” ผมทำท่าเห็นด้วย “แต่นาตูสนใจจะดูแลเฮียต่อมั้ย เฮียจ่ายเท่าเดิม”

“ดูแลยังไงครับ” นาตูถามแบบพาซื่อ ผมอยากจะบอกจริงๆเลยว่าดูแลถึงไส้ใน แต่ต้องทำขรึมไว้ก่อน

“ก็ดูแลเรื่องความสะอาดบ้าน ซักเสื้อผ้า รีดผ้า ทำกับข้าวให้เฮียน่ะ”

“แล้วที่ร้านล่ะครับ” นาตูถาม เพราะถ้ามาทำแบบนี้ก็แทบไม่มีเวลาไปทำงานเลย

“ก็ไม่ต้องไปทำละ เฮียจ้างนาตูทำงานกับเฮียเลย จ่ายเงินเดือนเพิ่มอีก 5,000 จากที่เคยได้ตอนเสิร์ฟที่ร้าน”

“หะ ห้าพันเหรอครับ” นาตูตาโตสิครับ เงินนี่ไม่ใช่น้อยๆ จากที่เคยได้ 8 พันกว่าบาท เพิ่มมาอีกก็ยังมากกว่าตอนมาคอยดูแลป๊าผมด้วยซ้ำ

“อื้ม คิดว่าเฮียพูดเล่นรึไงล่ะ” ผมย้ำให้นาตูมั่นใจ ตอนนี้ท่าทางเชิงบวกแล้วครับ “แต่มีเงื่อนไขนะ”

“เงื่อนไข”

“ใช่ นาตูจะต้องนอนที่บ้านนี้ ในห้องเฮีย และห้ามเอาเรื่องทีเฮียเพิ่มเงินไปบอกใครเด็ดขาด” คนที่หอบหิ้วของทำท่าครุ่นคิด ผมยืนกอดอกรอคำตอบที่รอคอย...

“ตกลงครับ” yes!!!!

“งั้นก็เอาข้าวของไปเก็บที่ห้องเฮีย เดี๋ยวเฮียจะสอนงานนาตูเอง”

“ครับเฮีย” ว่าง่ายเข้าไว้ครับ แล้วชีวิตจะดีเอง นาตูเอ๋ย....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด