บทที่ 65 โทร์วแมนริงส์ (10)
ผู้บริหารคนสุดท้ายที่เฟรย์สอนคือจิเซลลัน
เฟรย์มองไปที่เขาและพูด
“ออเนอจิเซลลันคุณเป็นพ่อมดระดับ 5 ดาวถูกไหม?”
"ถูกตัอง"
5 ดาวก็ไม่ได้เลวร้ายนัก
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ถือว่าดีเช่นกัน
มีปัญหามากมายที่กระจัดกระจายออกไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดมีข้อบกพร่องที่สำคัญบางประการ
“คุณรู้ไหมว่านี้คือขีดจำกัดของคุณ”
“ผมรู้ดีอยู่แล้ว”
เฟรย์มองไปที่จิเซลลันที่พยักหน้าอย่างใจเย็น
ไม่มีทางที่เฟรย์จะหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นได้
สาเหตุนี้มาจากการพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขามากกว่าความขาดความสามารถ
เฟรย์สังเกตว่าจิเซลลันเริ่มเรียนเวทมนตร์ตอนอายุมากแล้ว
แม้ว่าสิ่งนี้อาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งนี้เป็นอันตรายอย่างมาก
‘ฉันควรให้ยาอายุวัฒนะกับเขาดีหรือเปล่า?’
หากเขาได้รับยาอายุวัฒนะที่เหมาะสมสิ่งสกปรกในร่างกายของเขาก็จะถูกกำจัดออกไปและการสัมผัสมานาของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามนี่เป็นปัญหาที่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
การใช้ยาอายุวัฒนะอาจจะไม่ได้ผลมากนักสำหรับจิเซลลัน
หากจะให้มีประสิทธิภาพสูงสุดมันจะดีกว่าที่จะมอบให้กับเฟอานน์หรือเบเนียงแทน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเฟรย์ก็ยื่นของบางอย่างให้กับจีเซลลัน
“รับสิ่งนี้ไปเถอะ”
มันคือกริชคุงยูนิล
เมื่อเขาเห็นกริชการแสดงออกของจิเซลลันก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“นี่…มันเป็นกริชที่น่าทึ่งมาก…”
“มันเป็นของที่ระลึกจากยุคแห่งแสง มันมีอักษรรูนสองอันคือบลิ้งและรีเทรนสลักอยู่และกริชเองก็ค่อนข้างคม ถ้าคุณฝึกที่จะใช้มันให้ดี มันจะมีประโยชน์มากทีเดียว”
“แต่ทำไมคุณถึงให้ไอเทมแบบนี้กับพ่อมดอย่างผมล่ะ…”
“คุณใช้มีดสั้นมากี่ปีแล้ว?”
“…!”
แววตาประหลาดใจฉายผ่านดวงตาของจิเซลลัน
"…คุณรู้ได้อย่างไร?"
“ร่างกายของคุณไม่ได้มีมาแต่กำเนิด กล้ามเนื้อของคุณยังตึงอยู่…ฉันไม่คิดว่าคุณจะพลาดการฝึกแม้แต่วันเดียว”
จิเซลลันยิ้มอย่างขมขื่น
“ผมซ้อมทุกเช้า ถ้าผมลืมซ้อมไปแม้แต่วันเดียวผมจะเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ อย่างที่ราวเดอร์เฟรย์บอกผมเคยเป็นทหารรับจ้างมาก่อน ผมทำมันมานานกว่าสิบปีแล้ว”
"สิบปี ด้วยประสบการณ์มากมายในโลกของทหารรับจ้างคุณถือได้ว่าเป็นทหารผ่านศึก…คุณเริ่มเรียนรู้เวทมนตร์ในช่วงนั้นใช่มั้ย?”
“ก็ทีละเล็กทีละน้อยเมื่อเวลาผ่านไป ผมมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้จริงๆหลังจากที่ผมอายุสามสิบ”
ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องโกหกเรื่องนั้น
มันช่างน่าเสียดาย
ถ้าหากจิเซลลันเริ่มเรียนรู้อย่างจริงจังตั้งแต่อายุยังน้อยเขาก็จะไปถึงระดับที่สูงขึ้นกว่าตอนนี้แน่นอน
และแน่นอนว่ามันยังค่อนข้างน่าทึ่งที่เขายังสามารถไปได้ถึงระดับ 5 ดาว
นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หากปราศจากการทุ่มเทอย่างหนักและความมุ่งมั่น
“ฉันคิดว่าคุณควรจะเป็นนักดาบเวทมนตร์ดีกว่า”
“นักดาบเวทย์มนตร์…”
“เพียงแค่ระดับ 5 ดาวคงเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะชนะอย่างท่วมท้นระหว่างการแข่งขันกระชับมิตร แต่ถ้าเราใช้ความสามารถทางกายภาพของคุณมันจะเป็นเรื่องที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง”
เฟรย์มองไปที่กริชในมือของจีเซลแลน
“กริชเล่มนั้นต้องใช้ทักษะเยอะมากในการใช้ให้คล่อง แต่ถ้าคุณสามารถใช่มันได้อย่างคล่องแคล่วมันจะมีประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ”
“…ผมไม่มั่นใจว่าจะทำได้”
เฟรย์ยิ้ม
มันเป็นรอยยิ้มแบบเดียวกับที่เฟรย์มอบให้เบเนียงและเฟอานน์และมันก็ทำให้จีเซลลันถึงกับขนลุก
"คุณจะทำมันได้"
* * *
สองเดือนผ่านไป
นั่นเป็นเวลานานพอที่เฟรย์เริ่มได้รับการยอมรับอย่างสมบูรณ์ในโทร์วแมนริงส์
ไม่ใช่แค่การยอมรับ
ไม่มีสมาชิกในเซอร์เคิลคนไหนกล้าบ่นเกี่ยวกับตำแหน่งของเฟรย์ในฐานะเซอร์เคิลราวเดอร์อีกต่อไป
แต่พวกเขาส่วนใหญ่กลับรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เฟรย์เป็นราวเดอร์ของโทร์วแมนริงส์
“ทั้งหมดห้าคนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันกระชับมิตรนี้นั่นร่วมถึงออเนอจิเซลลันและเฟอานน์ ฉันจะต้องเลือกสมาชิกอีกสามคน”
เฟรย์มองไปรอบๆสมาชิกในเซอร์เคิลที่รวมตัวกันขณะที่เขาพูดคำเหล่านี้
“แน่นอนฉันจะคัดเลือกผู้เข้าร่วมอย่างละเอียดตามลำดับความสามารถและพวกเขาจะได้รับรางวัล”
หลังจากพูดสิ่งนี้เขาก็ดึงสิ่งของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของเขาซึ่งทำให้สมาชิกในเซอร์เคิลตกใจอย่างมาก
“สิ่งประดิษฐ์ของเหล่าวีรบุรุษ!”
“ประโยชน์ของมันมีมากมาย…”
"ถูกตัองฉันจะมอบรางวัลเหล่านี้ให้กับผู้เข้าร่วม”
สมาชิกในเซอร์เคิลอยู่ในความโกลาหล
ในเวลาเดียวกันใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ
สิ่งประดิษฐ์นั้นมีค่ามาก มันเป็นไอเทมที่เซอร์เคิลขนาดกลางและขนาดเล็กมีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นและส่วนมากตกอยู่ในมือของผู้บริหารในเซอร์เคิลของพวกเขา
นั่นคือเหตุผลที่สมาชิกในเซอร์เคิลธรรมดาเหล่านี้ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าพวกเขาจะได้มันมาครอบครองเพียงแค่มีส่วนร่วมในการแข่งขั้น
แม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะได้รับไอเทมพวกนี้พวกเขาก็เต็มใจที่จะทำเพราะพวกเขาไม่สามารถหาไอเทมพวกนี้ได้ง่ายๆ
นี่เป็นโอกาสที่พวกเขาจะไม่มีวันได้รับอีกเป็นครั้งที่สอง!
การเป็นผู้บริหารจะไม่เป็นเพียงความฝันอีกต่อไปหากพวกเขาสามารถคว้าโอกาสนี้และก้าวหน้าไปอย่างมั่นคง
เฟรย์ยิ้มขณะที่เขามองดูสมาชิกในเซอร์เคิลที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เฟอานน์ที่ยืนอยู่ด้านข้างได้แต่มองด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
“เขารับมือกับผู้คนได้ดีมาก เกือบจะถึงจุดที่สมาชิกในเซอร์เคิลเริ่มพอใจเขาแล้ว และตอนนี้เขาก็ได้จุดไฟใส่พวกเขาในเวลาที่ดีที่สุด”
“ยิ่งไปกว่านั้นเราอาจจะเติมเต็มตำแหน่งของผู้บริหารที่ว่างอยู่ได้ อันที่จริงมีสมาชิกที่มีความสามารถไม่กี่คนที่โดดเด่นขึ้นหลังจากได้รับคำแนะนำจากราวเดอร์เฟรย์ หากพวกเขาได้รับการปรับปรุงอีกเล็กน้อยพวกเขาก็จะเป็นผู้เข้าชิงที่ดีสำหรับตำแหน่งฟอร์สออเนอ”
“เขาเป็นราวเดอร์ที่สมบูรณ์แบบ”
เฟอานน์มองเฟรย์ด้วยสายตาหวาดกลัว
“แต่เขาก็ไร้ความปราณี”
“ถูกต้องเลยละเฟอานน์”
เบเนียงมีการแสดงออกเช่นเดียวกันบนใบหน้าของเธอ
เฟรย์สามารถลบห้องมานาของเธอได้สำเร็จ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดนิสัยที่เธอพัฒนาขึ้นมาหลายปีในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้
แน่นอนว่าเฟรย์สังเกตเห็นสิ่งนี้ทันทีซึ่งหมายความว่าเธอต้องสัมผัสกับนรกรูปแบบใหม่
จิเซลลันหัวเราะแห้ง ๆ
“ราวเดอร์เฟรย์เป็นผู้สอนที่ยอดเยี่ยม”
"ฮะ?"
“วิธีที่เขาสอนขึ้นอยู่กับบุคลิกของคนที่เขาสอน เข้มงวดกับบางคนอ่อนโยนกับบางคน เขารู้ว่าจะต้องใช้วิธีไหนเพื่อช่วยเหลือคนพวกนั่นมากที่สุด”
“หึ…งั้นคุณคิดว่าคำสอนที่เข้มงวดที่เขาให้กับมาสเตอร์เบเนียงกับผมเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด?”
“อย่าพูดจาเพ้อเจ้อเมื่อจนกว่าคุณจะได้รู้ความจริง”
“…”
เฟอานน์ที่กำลังพูดมากถึงกับปิดปากทันที
นี่เป็นเพราะเขาไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่าทักษะของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะคำแนะนำของเฟรย์
“ยังไงซะวันนี้เป็นวันที่ออเนอเอียเซิกจะกลับมาหรอกเหรอ?”
“จากที่คุณพูด มันก็น่าจะประมาณนั้น”
“คุณคิดว่าเขาจะยอมรับในตัวของราวเดอร์เฟรย์มั้ย?”
“มันยากที่จะพูดแต่เราจะรู้กันในเร็วๆนี่”
ในขณะนั้นเบเนียงซึ่งแอบฟังอยู่ด้านข้างก็ยิ้มออกมา
“มันน่าขนลุกที่คุณหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ฉันคิดว่าออเนอเอียเซิกมาถึงแล้ว อืม..แถมเขายังพาคนที่มักจะพบเจอได้ยากมาด้วย”
หลังจากนั้นไม่นานคนสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นในระยะไกล
คนหนึ่งเป็นผู้ชายในวัยสามสิบและอีกคนเป็นผู้หญิงที่มีสีหน้าเคร่งเครียด
เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ชายคนนั้นก็โค้งคำนับไปทางเบเนียง
“มาสเตอร์เบเนียงผมกลับมาจากภารกิจแล้ว”
“ทำได้ดีมากออเนอเอียเซิกทุกอย่างโอเคไหม?”
"แน่นอนที่สำคัญกว่านั้นสถานการณ์ในเซอร์เคิลเป็นอย่างไรบ้าง?”
“พวกเราเจอกับวิกฤตนิดหน่อยแต่ตอนนี้ทุกอย่างได้รับการแก้ไขแล้ว”
“วิกฤตอะไร?”
จากนั้นสายตาของเอียเซิกก็หันไปหาเฟรย์ที่ยืนอยู่ในที่ว่างล้อมรอบด้วยสมาชิกในเซอร์เคิล
เฟรย์อยู่ระหว่างการสอนสมาชิกในเซอร์เคิล
เอียเซิกเริ่มสับสน
ดูเหมือนว่าบุคคลคนนี้จะไม่ใช่แขก
"…ผู้ชายคนนั้นคือใคร?"
"เขาคือ…"
"ฮะ? นั้นเฟรย์ไม่ใช่เหรอ?”
ในที่สุดผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเอียเซิกก็พูดขึ้น
จิเซลลันพยักหน้า
“ดูเหมือนว่าคุณอเดเลียจะรู้จักราวเดอร์เฟรย์แล้ว”
"แน่นอนฉันรู้จักเขา ฉันเป็นคนหนึ่งที่บอกกับมาสเตอร์เบเนียงเกี่ยวกับเขา เดี๋ยวนะ.. ราวเดอร์ … ราวเดอร์?”
อเดเลียที่กำลังเอียงศีรษะด้วยความสับสนจู่ๆก็ตะโกนด้วยความประหลาดใจ
“เฟรย์เป็นราวเดอร์หรือ?!”