บทที่ 346
ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังลั่น ข่งเซียงเทียนตัวสั่นสะท้านเมื่อเห็นดวงตาของตนถูกบีบแตกละเอียดคามือชายหนุ่มตาบอด ดาบในมือสั่นสะท้านตามผู้เป็นนายใบดาบค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง ความร้อนถูกแผ่ออกมาจากร่างข่งเซียงเทียน เนี่ยฟงแสยะยิ้มพุ่งเข้าประชิดเมื่อมาถึงระยะเขาถีบเท้าพุ่งทะยานข้ามข่งเซียงเทียนออกไปด้านนอก
“ท่านมองเห็นทางหรือไม่ขอรับ”
ข่งเซียงเทียนระเบิดพลังปราณพุ่งติดตามชายหนุ่มตาบอดออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับฟาดฟันดาบในมือปราณดาบสีแดงพุ่งทะยาน เนี่ยฟงเมื่อลงมาถึงพื้นรีบหาได้สนใจสิ่งใดก้มลงไปหยิบก้อนหินบนพื้นขึ้นมา หลิวหยูฟางและหลิวเสี่ยวหลินตื่นตกใจ เปรี้ยง ปราณดาบปะทะบางอย่างเสียงดังสนั่น ข่งเซียงเทียนหัวเราะเสียงดังลั่นแต่ก็รีบเงียบเสียงทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มตาบอดก้าวเดินออกมาจากม่านควัน ข่งเซียงเทียนถีบเท้าพุ่งเข้าประชิดฟาดฟันดาบในมือ เนี่ยฟงแสยะยิ้มซัดก้อนหันในมือออกไป ข่งเซียงเทียนรีบตวัดดาบในมือต้านรับ เคร้ง เคร้ง เคร้ง เนี่ยฟงใช้ความเร็วเข้าประชิดตัวต่อยหมัดทั้งสองไปที่หน้าท้อง เปรี้ยง เปรี้ยง พร้อมกับถีบเท้าถอยออกมาด้วยความตื่นตกใจ
“เกิดสิ่งใดขึ้นไอ้หนู”
“ข้ามีความรู้สึกบางอย่างบริเวณรอยแผลที่แขนซ้ายตรงรอยสักขอรับ”
เนี่ยฟงรีบโคจรลมปราณเพื่อตรวจสอบพบว่าบริเวณรอยสักมีสีเข้มขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นเองข่งเซียงเทียนก็พุ่งเข้ามาประชิดพร้อมกับตวัดดาบในมือ เสียงสะบัดมือดังแว่วมีดสั้นเล่มหนึ่งปรากฏในมือขวาเนี่ยฟงยกมีดสั้นต้านรับ เคร้ง เคร้ง ไม่ถึงสามลมหายใจมีดสั้นก็ถูกทำลายลงเพราะความร้อนจากดาบ เกือบครึ่งเค่อเนี่ยฟงใช้ความเร็วพุ่งเข้าต่อยหมัดซ้ายไปที่หน้าท้องพร้อมกับถอยหลบออกมาจนรอยสักมีสีเข้มรอบแขน ข่งเซียงเทียนเองรู้สึกเจ็บปวดชายโครงด้านขวาไม่น้อยเขาระเบิดพลังปราณออกมาอย่างสุดกำลัง ตูม พื้นดินใต้เท้าแตกเป็นใยแมงมุมเพราะความร้อนฟาดฟันดาบในมือ ปราณดาบสีแดงสามเล่มพุ่งเข้าปะทะชายหนุ่มตาบอด เปรี้ยง ข่งเซียงเทียนแสยะยิ้มรีบตั้งท่ารอไม่ถึงครึ่งลมหายใจชายหนุ่มตาบอดก็ปรากฏตัวด้านหน้า เขารีบฟาดฟันดาบในมือลงอย่างรวดเร็ว เนี่ยฟงเองเร่งโคจรลมปราณไปที่มือซ้ายต่อยออกไปรอยสักส่องแสงสว่างวาบ เปรี้ยง ดาบในมือขวาหักสะบั้นร่วงลงพื้น ข่งเซียงเทียนถึงกับตื่นตกใจไม่ถึงครึ่งลมหายใจทุกอย่างก็มืดลงความเจ็บปวดที่ดวงตาซ้ายส่งผ่านถึงสมอง
“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ ความรู้สึกที่มองสิ่งใดไม่เห็น”
เนี่ยฟงกระทืบเท้าลงพื้น เปรี้ยง ปลายดาบที่ร่วงลงพื้นกระเด็นลอยขึ้นมา เขารีบใช้มือซ้ายคว้ารับพร้อมกับซัดมันออกไปทางขวามือ เคร้ง ปลายดาบปะทะกับเคียวกระเด็นร่วงลงพื้น
“เป็นมัน คงชิงหยางยังไม่ตาย”
มีหลายคนร้องตะโกนออกมา
คงชิงหยางหาได้สนใจชายหนุ่มตาบอดรีบพุ่งเข้าไปประคองข่งเซียงเทียนพุ่งทะยานหลบหนีออกไป เนี่ยฟงเร่งโคจรลมปราณไปที่มือขวาพร้อมกับสะบัดมือขวา มีดสั้นสี่เล่มพุ่งทะยานจ้วงแทงไปที่แขนซ้ายคงชิงหยางและด้านหลังของข่งเซียงเทียน ทำให้ข่งเซียงเทียนร่วงลงพื้นดินอีกครั้ง คงชิงหยางระเบิดพลังปราณตวัดเคียวในมือ ปราณเคียวสีแดงหาได้พุ่งเข้าหาชายหนุ่มตาบอดแต่พุ่งเข้าหาฝูงชาวยุทธ์ที่ยืนมองอยู่ เสียงสะบัดมือดังแว่วเกราะสายฟ้าสองอันปรากฏออกมาต้านรับปราณเคียวสีแดง เปรี้ยง คงชิงหยางรีบพุ่งพยุงข่งเซียงเทียนหลบหนีอีกครั้งเขาก้มลงหยิบดาบหักที่ร่วงลงพื้นซัดออกไป ข่งเซียงเทียนร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด คมดาบหักวาดผ่านแขนขวาขาดกระเด็นร่วงลงพื้น เนี่ยฟงรีบพุ่งทะยานออกไปหยิบมือขวาขึ้นมาปลดแหวนออกจากนิ้วหลังจากนั้นเร่งโคจรลมปราณทำลายแขนขวาทันที ตูม หลังจากคงชิงหยางพาข่งเซียงเทียนหลบหนีออกไป ชาวยุทธ์ที่เหลือต่างจ้องมองชายหนุ่มตาบอดด้วยความหวาดกลัว ข่งเซียงเทียนผู้นำตระกูลใหญ่สูญเสียงดวงตาทั้งสองและแขนขวา คงชิงหยางก็ได้รับบาดเจ็บกลับไปไม่น้อยเช่นกัน
เนี่ยฟงรีบตรวจสอบภายในแหวนพบเจอป้ายเหล็กอันหนึ่งเขารีบนำมันออกมา หลิวหยูฟางมองเห็นป้ายในมือเนี่ยฟงถึงกับสบถออกมา
“บัดซบ ข่งเซียงเทียนเป็นคนของพรรคอัคคี”
หลายคนได้ยินชื่อพรรคอัคคีถึงกับตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ในอดีตพรรคอัคคีเป็นหนึ่งในพรรคที่คิดครอบครองแผ่นดินใหญ่ แต่หลังจากที่ประมุขพรรคอัคคีพ่ายแพ้ให้แก่ประมุขพรรคสุขาวดีฟ้าดินเขาก็นำลูกพรรคก็หลบหนีหายไปจากแผ่นดินใหญ่ หลิวหยูฟางรีบออกจดหมายแจ้งแก่ตระกูลใหญ่และเมืองต่างๆถึงการกลับมาของพรรคอัคคีรวมไปถึงแจ้งข่าว ข่งเซียงเทียนและคงชิงหยางเป็นคนของพรรคอัคคี ส่วนผู้นำในการชิงดาบดับอสูรนั้นเนี่ยฟงปฏิเสธที่จะรับเช่นกัน หลังจากส่งมอบแหวนของข่งเซียงเทียนเขาก็กลับไปพักที่กระท่อมไม้ไผ่เช่นเดิม ข่าวที่เกิดขึ้นที่ตระกูลข่งและตระกูลหลิวถูกแพร่กระจายประดุจไฟลามทุ่ง ตอนนี้ชาวยุทธ์ทั้งหมดต่างพุ่งเป้าหมายไปที่ตระกูลเซียงและทัง
ผ่านไปหลายสิบวันเกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้นที่เขาอู่ไถ ท้องฟ้าโดยรอบที่มืดครึ้มนานหลายปีเริ่มมีแสงอาทิตย์สาดลงไปยอดเขา ส่วนกลางคืนนั้นมีลำแสงสีทองพุ่งทะยานจากยอดเขาสร้างแสงสว่างยามค่ำคืน กลุ่มคนมากมายเร่งเดินทางขึ้นสำรวจแต่ก็ไร้วี่แววผู้ใดกลับลงมาจากเขา เป็นเพราะตุลาการทั้งสี่ของพรรคสุขาวดีนำกำลังคนปิดล้อมด้านล่างตีนเขาสังหารชาวยุทธ์ที่คิดขึ้นไปสำรวจบนเขานั้นเอง ทางด้านเนี่ยฟงตอนนี้ออกเดินทางพร้อมกับคนตระกูลหลิวแล้วเช่นกันพวกเขาหยุดพักที่เมืองแห่งหนึ่งทันทีที่เข้ามาในเมืองทั้งหมดล้วนแล้วแต่ต้องแปลกใจสภาพโดยรอบด้านในถูกทำลายลงจากการปะทะของยอดฝีมือ ทหารและชายเมืองต่างออกมาช่วยเหลือจัดเก็บทำความสะอาด กลุ่มตระกูลหลิวเข้าพักที่โรงเตี๊ยมหลังใหญ่บริเวณทางทิศตะวันออกของเมือง โรงเตี๊ยมทั้งหลังหมดถูกเหมาโดยหลิวหยูฟางเพื่อความปลอดภัย
เด็กรับใช้รับเงินหนึ่งก้องเงินก็เล่าเรื่องก่อนหน้านี้ออกมา เป็นการปะทะกันของยอดฝีมือสองกลุ่มหนึ่งในนั้นคือพรรคสุขาวดีฟ้าดิน เย็นวันนั้นในขณะที่ทักคนกำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ด้านล่าง ชั่วน้ำเดือดมีกลุ่มชายฉกรรจ์สี่คนเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยมเอ่ยวาจาเสียงดังลั่น
“ข้าเจียงเป่ยมู่ต้องการพบแม่นางหลิวเสี่ยวหลิน”
หลินหยูฟางถึงกับส่ายศีรษะไปมา
“ข้าลืมนึกไปเลยว่าที่มีแห่งนี้มีตระกูลเจียงอยู่”
เจียงเป่ยมู่หันไปมองรอบด้านเมื่อพบเห็นหลิวเสี่ยวหลินนั่งอยู่โต๊ะด้านในรีบเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เขาเหลือบมองเห็นชายหนุ่มตาบอดผู้หนึ่งนั่งใกล้หลิวเสี่ยวหลินจึงสบถออกมา
“ไอ้หนุ่มตาบอดผู้นี้เป็นใคร น้องหญิงเสี่ยวหลิน”
เจียงเป่ยมู่เอ่ยวาจาอย่างสนิทสนม หลิวเสี่ยวหลินคิดเอ่ยวาจาตอบแต่เป็นเนี่ยฟงเองที่เอ่ยวาจาออกมาแทน
“รีบทานเถอะภรรยาข้า ตัวสามีเริ่มที่จะง่วงแล้ว”
เมื่อกล่าววาจาเสร็จสิ้นเขาหันไปมองหลิวหยูฟาง
“ท่านป้าชายผู้นี้เป็นใครขอรับ”
หลิวหยูฟางยังไม่ทันกล่าวสิ่งใด เจียงเป่ยมู่ก็ต่อยหมัดขวาเข้ามา เนี่ยฟงยกยิ้มสะบัดมือขวาที่ถือตะเกียบไม้ฟาดหวดไปที่หมัดขวา เปรี้ยง ตะเกียบไม้หักกระเด็นเจียงเป่ยมู่นิ้วมือแตกหักเลือดไหลหยดลงพื้นจ้องมองชายหนุ่มตาบอดอย่างไม่วางตา
“เชิญคุณชายเจียงเป่ยมู่ ข้าไม่ส่ง”
เขาซัดตะเกียบที่เหลือในมือลงพื้นด้านหน้าเจียงเป่ยมู่จนเป็นรู้ ชายฉกรรจ์อีกสามคนที่มาด้วยรีบหามร่างเจียงเป่ยมู่ออกไปจากโรงเตี๊ยม
“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือ”
“ข้าต้องขอโทษแม่นางด้วยเช่นกันที่กล่าวเช่นนั้นออกไป”
หลิวหยูฟางที่เห็นอาการของหลานสาวก็ยกยิ้ม
“หากคุณชายเนี่ยฟงจะทำตามที่กล่าวเมื่อครู่ตัวข้าเองก็หาได้ขัด”
เนี่ยฟงทำได้เพียงก้มหน้านิ่งหาได้กล่าวสิ่งใด หลิวเสี่ยวหลินเขินอายจนขอตัวขึ้นไปพัก ชั่วน้ำเดือดเนี่ยฟงแสยะยิ้มออกมา
“เห็นทีคุณชายเจียงเป่ยมู่คงอยากแก้แค้นข้าไม่น้อย ถึงรีบนำกำลังคนมาที่นี่มากมายนัก”
ไม่ถึงสิบลมหายใจเจียงเป่ยมู่ก็กลับมาที่โรงเตี๊ยมอีกครั้งพร้อมชายชราผู้หนึ่งด้านหลังมีกลุ่มคนติดตามมานับสิบ ทันใดนั้นเองเนี่ยฟงก็ขมวดคิ้วเอ่ยวาจาออกมา
“ผู้อาวุโสหลิวหยูฟางขอรับ รีบสั่งคนของท่านหลบออกไปจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก่อน มียอดฝีมือกลุ่มใหญ่มุ่งหน้ามาที่นี่”