บทที่ 344
ในระหว่างที่เนี่ยฟงนอนหมดสติ เขาได้ถูกพาตัวขึ้นเกวียนลากสัตว์อสูร รอยสักรูปกิเลนอัสนีสีน้ำเงินที่หัวไหล่ขวาจางหายไป แต่มีรอยสักเปลวเพลิงและสายฟ้าปรากฏทับรอยต่อแขนซ้ายที่ขาด ตลอดสามวันที่เดินทางขบวนที่นำตัวเนี่ยฟงมาก็มุ่งหน้าเข้าเมืองขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ขบวนมุ่งตรงที่ไปด้านท้ายของเมืองเข้าบ้านใหญ่ เกวียนลากที่นำตัวเนี่ยฟงมามุ่งหน้าอ้อมไปทางด้านหลังไม่นานเขาก็ถูกนำตัวไปยังกระท่อมไม้ไผ่สานตรงป่าไม้ไผ่ ชั่วน้ำเดือดหญิงสาวที่อยู่ในกระโจมก็เดินเข้ามาในกระท่อมไม้ไผ่มุ่งหน้ามายังเตียงนอนที่เนี่ยฟงนอนอยู่ หญิงสาวรีบคว้าจับมือขวาตรวจชีพจรถึงกับตื่นตกใจ เปิดผ้าห่มที่ปกคลุมร่างกายชายหนุ่มตาบอดบาดแผลทั่วร่างจางหายไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงบาดแผลแขนซ้ายที่ขาดด้วยเช่นกัน นางสังเกตเห็นรอยสักเปลวเพลิงและสายฟ้าปรากฏทับรอยแขนที่ขาด เสียงสะบัดมือดังแว่วถังน้ำและผ้าเช็ดตัวปรากฏออกมาข้างเตียง หญิงสาวค่อยๆเช็ดตัวชายหนุ่มอย่างช้าๆพร้อมกับแก้มทั้งสองเริ่มแดงประดุจลูกตำลึง หลังจากเช็ดตัวเสร็จสิ้นหญิงสาวก็เดินออกจากบ้านไม้ไผ่
เวลาล่วงเลยมาอีกสามวันเนี่ยฟงยังคงไม่รู้สึกตัวนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงหญิงสาวนางนั้นแวะเวียนเข้ามาตรวจสอบชีพจรและเช็ดตัวให้แก่ชายหนุ่มตาบอด เนี่ยฟงเองหาได้รับรู้สิ่งใดตอนนี้จมดิ่งอยู่ภายในห้องมืดเพื่อเสาะหาสาเหตุที่เกือบตกตายเมื่อปะทะเก่อมู่ไป๋ อีกทั้งยังเสียกงล้อสะท้านฟ้าไปอีก พลังปราณหมุนวนผ่านจุดต่างๆในร่างกายตามคัมภีร์หยุนเซ็น วงอักขระศักดิ์สิทธิ์ถูกแก้ไขอย่างเร่งด่วนเถาวัลย์สีฟ้าแปลเปลี่ยนเป็นเชือกสายฟ้าแทน ส่วนเกราะสายฟ้าถูกเพิ่มความแข็งแกร่งถึงขีดสุด น่าเสียดายคือเนี่ยฟงต้องสูญเสียหลินฉีไปแล้วแต่ได้พลังใหม่จากแขนซ้ายมาทดแทน สมุนไพรที่มีอยู่ถูกนำมาสร้างเม็ดยาเพิ่มพลังปราณจนหมดรวมไปถึงแก่นสัตว์อสูร ตอนนี้ดาบในจุดตันเถียนเล่มที่หกส่องสว่างออกมาบ้างแล้ว รุ่งเช้าของวันที่สี่เนี่ยฟงก็เริ่มรู้สึกตัวเมื่อแผ่ลมปราณตรวจสอบรู้ว่าตัวเขาอยู่ในกระท่อมไม้ไผ่หลังหนึ่ง ทันใดนั้นเองประตูกระท่อมไม้ไผ่ก็เปิดออกมา
ในขณะนั้นเองห้องโถงขนาดใหญ่ภายในตระกูลแห่งหนึ่งภายในเมืองมีการจัดชุมนุมชาวยุทธ์ มีชาวยุทธ์มากมายเข้าร่วมมีการเลี้ยงอาหารและสุราอย่างยิ่งใหญ่ผู้คนต่างดื่มกินอย่างสนุกสนาน เนื้อหาสำคัญคือหาวิธีจัดการกับพรรคสุขาวดีฟ้าดิน ชายชราผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่มีมัดกล้ามผมสั้นสีดอกเลานั่งอยู่ตรงกลาง
“ข้าข่งเซียงเทียนขอต้อนรับชาวยุทธ์ผู้มีเกียรติทุกท่านที่เคยถูกพรรคสุขาวดีฟ้าดินเล่นงานถูกทำร้าย ตัวข้าเองได้รับจดหมายเตือนเช่นกันว่าอย่ายุ่งเกี่ยว แต่พวกท่านล้วนแล้วแต่อยู่ฝ่ายธรรมะตัวข้าจะไม่ออกหน้าก็เกินไป”
มีชาวยุทธ์หลายคนเอ่ยวาจาเห็นชอบเสียงดังลั่นข่งเซียงเทียนแสยะยิ้ม
“เช่นนั้นเมื่อครั้งดาบดับอสูรปรากฏพวกเราต้องรวมพลังกันอย่าให้ดาบตกไปอยู่ในมือพวกสุขาวดีฟ้าดิน ไม่เช่นนั้นพวกเราคงอยู่ดินแดนแห่งนี้ไม่ได้แน่ เราน่าจะคัดเลือกผู้นำเพื่อครอบครองดาบวิเศษเล่มนี้พวกท่านเห็นชอบว่าสมควรเป็นผู้ใดเชิญเอ่ยวาจา”
มีหลายคนตะโกนชื่อข่งเซียงเทียนเสียงดังลั่น ทันใดนั้นเองก็มีคนเอ่ยชื่อออกมาทำให้ผู้คนในห้องเงียบเสียงหันไปมองผู้ที่เอ่ยวาจาเป็นชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่สวมชุดสีเทาขลิบแดง หลายคนตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
“บัดซบมันคือคงชิงหยางคนของพรรคสุขาวดีฟ้าดิน”
หลายคนตื่นตกใจสะบัดมือขวากำชับอาวุธในมือแน่น ข่งเซียงเทียนแสยะยิ้มเอ่ยวาจาออกมาเช่นกัน
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หากผู้ใดสังหารคงชิงหยางได้คนผู้นั้นจะได้รับตำแหน่งผู้นำสำหรับครอบครองดาบดับอสูร”
สิ้นเสียงกล่าวของข่งเซียนเทียนหลายคนฟาดฟันดาบในมือออกไปทันใดนั้นเองผู้คนส่วนใหญ่ที่ลงมือต่างลงไปนอนกับพื้นดินทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด
“ในอาหารมีพิษร้าย”
คนที่เหลือต่างจี้สกัดจุดตามร่างกายเพื่อป้องกันพิษ คงชิงหยางหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น สะบัดมือขวากำชับขวดยาสีขาวนวลเอาไว้ในมือ
“ที่พวกเจ้าได้รับมันคือพิษที่สกัดมาจากแมลงมีพิษเจ็ดสิบกว่าชนิด ส่วนยาแก้พิษอยู่ในขวดยาขวดนี้”
หลายคนหันไปสองขวดยาในมือคงชิงหยางอย่างไม่วางตา
“เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ผู้ใดที่สามารถสังหารข่งเซียนเทียนได้ หรือสังหารคนในตระกูลข่งได้ก็ให้มารับยาถอนพิษจากข้า แน่นอนว่าตัวข้ารักษาคำพูดเสมอ”
สิ้นเสียงกล่าวคนรับใช้สองคนถูกสังหารอย่างรวดเร็ว คงชิงหยางยกยิ้มเปิดจุดขวดยาซัดเม็ดยาให้ชายฉกรรจ์สองคนที่สังหารคนรับใช้ ชายฉกรรจ์ทั้งสองรีบกลืนเม็ดยาพร้อมกับทดลองโคจรลมปราณพบว่าพิษในร่างถูกขจัดหมดแล้ว ชายฉกรรจ์ทั้งสองรีบก้มคารวะข่งเซียงหยาง
“ข้าต้องขออภัยท่านข่งเซียงเทียนด้วย พวกข้าเองก็รักชีวิตเช่นกันขอลา”
เมื่อกล่าวสิ้นเสียงชายฉกรรจ์ทั้งสองก็รีบพุ่งทะยานออกไปจากห้องโถง ข่งเซียงเทียนกำหมัดในมือแน่นต่อยหมัดขวาออกไป ปราณหมัดสีแดงสองหมัดพุ่งทะยานสังหารชายฉกรรจ์ทั้งสองอย่างแม่นยำ เปรี้ยง
“ข้าเองเข้าใจในสิ่งที่พวกท่านกล่าว แต่ในเมื่อคนของข้าถูกสังหารข้าเองก็คงจะอยู่นิ่งไม่ได้ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันข้าจะเป็นคนสังหารตัวบัดซบคงชิงหยางผู้นี้เพื่อชิงยาถอนพิษให้พวกท่านดีหรือไม่”
ข่งเซียงเทียนก้าวเดินออกมาข้างหน้าพร้อมกับสะบัดมือขวากำชับดาบในมือแน่น ไม่ถึงสามลมหายใจใบดาบก็กลายเป็นสีแดง คงชิงเทียนเองสะบัดมือขวากับขวดยากำชับเคียวขนาดใหญ่ในมือด้วยเช่นกัน
“พวกเจ้าจะร่วมมือกับข่งเซียนเทียนก็ได้ หากไม่กลัวว่าพิษจะกำเริบแล้วพวกท่านจะตกตายไปก่อนที่จะได้ยาถอนพิษ”
ข่งเซียงเทียนหาได้กล่าวสิ่งใดตอบถีบเท้าพุ่งทะยานเข้าประชิดพร้อมกับกำชับดาบในมือเข้าปะทะ เคร้ง เคร้ง เคร้ง มีชาวยุทธ์มากมายพุ่งหลบหนีออกมาจากห้องโถงใหญ่ตระกูลข่ง และมีจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่พุ่งทะยานออกจากตระกูลข่งมุ่งหน้าไปยังท้ายเมือง
ภายในบ้านไม้ไผ่หญิงสาวยังคงทำหน้าที่ของตนเช่นเดิมคือตรวจชีพจรและเช็ดตัวให้แก่ชายหนุ่มตาบอดหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นหญิงวางกำลังจะเดินออกไปจากกระท่อมเนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาออกมา
“ขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือข้า”
หญิงสาวถึงกับตื่นตกใจหันไปมองชายหนุ่มตาบอดที่ตอนนี้เขาลุกขึ้นมานั่งบนเตียงไม้ โชว์มัดกล้ามที่หน้าท้องแต่หญิงสาวยังไม่ทันจะกล่าวสิ่งใดมีเสียงตะโกนดังลั่นมาจากหน้าบ้าน หญิงสาวตัดสินใจหาได้กล่าวสิ่งใดกับชายหนุ่มนางรีบออกไปจากกระท่อมอย่างรวดเร็ว เนี่ยฟงทำได้เพียงยกยิ้มสะบัดมือขวาสวมเสื้อผ้าเป็นชุดสีเทาเช่นเดิม หลังจากนั้นเขาก็แผ่ลมปราณตรวจสอบเขาเดินออกมาด้านหน้าบ้านพบเห็นแคร่ไม้จำนวนมากตากสมุนไพรหลายสิบชนิดเอาไว้
ทางด้านข่งเซียงเทียนยังคงปะทะกับคงชิงหยางอยู่ในห้องโถงชั่วน้ำเดือดเป็นข่งเซียงเทียนเองที่ถีบเท้าพุ่งออกมาด้านนอก เพราะตอนนี้พลังธาตุไฟที่ทั้งสองปลดปล่อยออกมาเริ่มลุกไหม้เผาทำลายภายในห้องโถงแล้ว เหล่าคนรับใช้เมื่อเห็นว่าทั้งสองออกไปด้านนอกก็เริ่มเข้ามาช่วยกันดับไฟ เสียงปะทะยังคงดังลั่นอย่างต่อเนื่องพื้นดินโดยรอบแห้งแตกเพราะความร้อน มีชาวยุทธ์จำนวนไม่น้อยที่นอนตกตายอยู่ด้านนอกเพราะพิษร้ายจากคงชิงหยาง ทหารจำนวนมากช่วยเหลือชาวบ้านหลบหนีออกจากบริเวณบ้านตระกูลข่ง และช่วยกันขนย้ายผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่มุ่งหน้าไปยังด้านท้ายของเมือง
ทางด้านท้ายเมืองก็วุ่นวายอยู่เช่นกันชาวยุทธ์มากมายต่างร้องตะโกนเสียงดังที่หน้าทางเข้าบ้านหลังหนึ่ง ไม่นานชาวยุทธ์ทั้งหมดก็ถูกเชิญตัวเข้าไปด้านในเพื่อรักษาพิษร้าย แน่นอนผู้ที่ทำการรักษาคนทั้งหมดคือหญิงสาวที่ช่วยเหลือเนี่ยฟงนั้นเอง เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังลั่นออกมาเป็นระยะ