ตอนที่ 54 ฉีโย่วประหลาดใจ
“คุณเสียใจเรื่องของเธอเหรอ?”
เหยาซื่อแตะศีรษะฉีโย่ว เธอยังคงงุนงง
“เธอไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้น ฉันรู้ แม้ว่าเธอจะไม่ชอบฉันก็ตาม...”
ฉีโย่วถูกทำร้าย เธอโกรธมาก ทว่ามันเจ็บยิ่งกว่าเมื่อคนที่เธอรักใคร่ กลับมาแทงข้างหลังเธอ
สถานการณ์ของจีหมานชิงชัดเจนสำหรับฉีโย่ว เธอไม่ต้องมีจุดจบแบบนี้ หากเธอใช้ชีวิตอย่างปกติ
“น้องสาวของเธอล่ะอยู่ที่ไหนคะ” ฉีโย่วจำเด็กหญิงตัวเล็กร่างผอมได้
“คุณหมายถึงเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่คุณเข้ามากอดคุณนั่นเหรอ? เราพบเธอแล้ว กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงกับเธอดี...”
“อย่านะ!” ฉีโย่วระเบิดเสียงตะโกนออกมา
“ปล่อยเธอไป โอเคไหม”
เหยาซื่อขมวดคิ้วคิดว่าเธอใจดีเกินไป ทว่าเขาไม่รู้ว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นได้เตือนให้ฉีโย่วนึกถึงความสิ้นหวังที่เธอเคยประสบมาก่อน
ตอนนี้จีหมานชิงตายไปแล้ว เธอต้องการที่จะก้าวต่อไป จากเรื่องเลวร้ายเหล่านั้น...
“ได้”
เหยาซื่อพูดเบา ๆ พลางดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นอกหน้าต่าง
“คุณหิวไหม? ผมจะลงไปหาซื้ออาหารเช้าให้คุณ”
ฉีโย่วมองออกไปนอกหน้าต่างและพบว่าข้างนอกสว่างแล้ว นี่เป็นคืนที่ยากลำบากจริง ๆ
“อืม...”
ฉีโย่วตอบอย่างเขิน ๆ และแตะท้องแบนราบของเธอ
เหยาซื่อยืดแขนของเขาออกไปเพียงเล็กน้อย
...
เหยาซื่อซื้ออาหารเช้ามาสองที่ ที่ด้านล่างแล้วรีบกลับขึ้นมา เขาแทบจะวิ่งมาที่ประตูเมื่อเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของฉีโย่วดังออกมา
“ออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าแตะต้องฉัน ออกไป!”
พยาบาลรีบหยิบยาบนพื้นและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
เหยาซื่อบุกเข้าไปในห้องพัก พบกับพยาบาลสาวที่ถือถาดพร้อมกับยา เธอมองไปที่เหยาซื่ออย่างช่วยไม่ได้ พร้อมกับส่ายหน้าและพยายามถอยหนี
“ให้ผม”
เหยาซื่อรับยาจากพยาบาล วางอาหารเช้าบนโต๊ะและนั่งลงเพื่อปลอบประโลมฉีโย่วที่กำลังโกรธอยู่บนเตียง
“ทำไมถึงโกรธล่ะ? คุณกำลังทำให้พยาบาลกลัวนะ”
“เธอบอกว่าขาของฉันจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้!”
ฉีโย่วสะอื้นอย่างเสียใจ น้ำตาคลอเบ้า
“เหยาซื่อ เธอโกหกใช่ไหม”
เหยาซื่อค่อย ๆ เช็ดน้ำตาของเธอออกด้วยนิ้วที่อ่อนนุ่ม แกะผ้าก๊อซอย่างระมัดระวังและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้กับเธอ
“ใช่ไหม? ตอบฉันสิ”
ฉีโย่วเพิ่มเสียงของเธอให้ดังมากขึ้น
“เป็นเด็กดีนะ ไม่งั้นแผลของคุณอาจติดเชื้อ!”
เหยาซื่อไม่ได้ตามใจเธอ เขารั้งเธอไว้เพื่อไม่ให้เธอดิ้น
“เธอพูดจริงเหรอ”
ฉีโย่วไอและสำลักน้ำตาที่ไหลเข้าปากของเธอ
“ฉันอาจจะตายได้เช่นกัน ถ้าฉันไม่สามารถเป็นแอร์โฮสเตสได้อีกต่อไป”
ฉีโย่วพึมพำกับตัวเอง เหยาซื่อทำความสะอาดบาดแผลของเธออย่างระมัดระวังด้วยความโศกเศร้าเงียบ ๆ
หลังจากทำแผลเสร็จแล้ว เหยาซื่อดึงฉีโย่วออกมาจากเตียงและป้อนอาหารเข้าปากเธอ
จิตใจของฉีโย่วห่อเหี่ยว เธอรู้สึกกระปรี้กระเป่าแม้ว่าเพิ่งได้รับบาดเจ็บ แต่ตอนนี้ความกังวลทำให้เธอหมดกำลังใจและทำให้เธอไม่อยากอาหาร
ช้อนต่อไป เหยาซื่อป้อนซูปข้างฟ่างให้เธอ
ฉีโย่วจ้องมองที่เพดานด้วยอารมณ์ที่หลากหลายถามโถมเข้ามาหาเธอ
ด้วยความสำนึกผิด ในไม่ช้าเธอเลิกบ่นกับเหยาซื่อ
เท่าที่เธอกังวลไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับงานของเธอ งานที่เธอรักเท่าชีวิต
เธอไม่ควรหนีไปไหนมาไหนหรือไว้ใจคนแปลกหน้าได้ง่าย ๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเด็กก็ตาม
ฉีโย่วหลับตาลงอย่างผิดหวัง นึกไม่ออกว่าชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไร หากผู้คนไม่สามารถทำสิ่งที่ชอบได้ ชีวิตจะสูญเสียความหมายไปก็ได้ นั่นคือสิ่งที่ฉีโย่วเชื่อ ดังนั้นเมื่อเธอพบเป้าหมาย เธอจึงพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อเป้าหมายนี้
น้ำตาไหลจากดวงตาของเธออย่างเงียบ ๆ ทำให้หมอนที่มีกลิ่นฆ่าเชื้อเปียก
เหยาซื่อเซมือลงเล็กน้อยเขาไม่ใช่คนที่ไม่สามารถแบกรักความเหนื่อยล้าได้ ทว่าความเจ็บปาดทรมานนั้นสาหันเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้ และมันเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกอาวุธทำร้าย
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เขาเห็นว่าเป็นสายจางเจียงเฟิงอี้ จึงยืนขึ้นและออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก
เพราะเขาและฉีโย่วไม่ได้เจอเจียงเฟิงอี้ทั้งวัน เธอจึงรู้สึกเป็นกังวลและโทรหาเขา
“ฮัลโลหน่ายน่าย”
เหยาซื่อปรับอารมณ์ของเขาได้ แต่ความเหนื่อยล้าในน้ำเสียงของเขานั้นยากที่จะซ่อน
“ย่าน่ะ ใจคอไม่ดีเลย หลานกับโย่วโย่วอยู่ที่ไหนกัน”
เจียงเฟิงอี้กดหน้าอกของเธออย่างกะทันหัน
“หน่ายน่าย โย่วโย่วมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยและตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลครับ”
“อะไรนะ? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
เจียงเฟิงอี้เกือบจะเป็นลมด้วยความกังวล
“หน่ายน่าย!”
เมื่อได้ยินเสียงของเจียงเฟิงอี้ เหยาซื่ออดไม่ได้ที่จะกังวลว่าหน่ายน่ายที่สุขภาพไม่ดีอยู่แล้วจะช็อก หากอาการบาดเจ็บของฉีโย่วไม่ใช่ความลับ เขาอยากจะบอกคุณย่าออกไปเช่นกัน
“อุบัติเหตุเล็กน้อยครับ ไม่ต้องกังวลนะหน่ายน่าย เราจะกลับบ้านกันเร็ว ๆ นี้”
“โอ้ ขอบคุณคุณพระคุณเจ้า ไม่เป็นไรหรอก อยู่ที่นั่นแหละ พักผ่อนให้ดีล่ะ”
เหยาซื่อฟังเจียงเฟิงอี้อย่างอดทนและพูดคุยกับเธอจนกว่าเธอจะโล่งใจ
“เธอดูเหมือนจะมีสถานะสำคัญในครอบครัวของนายนะ”
เหยาซื่อวางโทรศัพท์ลงและเห็นซิงเฉินซี่ยืนพิงกำแพงฝั่งตรงข้าม
“ฉันแปลกใจที่นายแต่งงานเร็วมากแบบนี้”
ซิงเฉินซี่ยิ้มจากใจในขณะที่เหยาซื่อมองเขาด้วยหน้าเฉยเมย
“เจ้าสาวตัวน้อยของนายกระโดดออกจากหน้าต่างห้องฉันและหนีออกไปด้วยความช่วยเหลือของฉันเอง ฉันน่าจะขอให้เธอเรียกฉันว่าพี่เสียด้วยซ้ำ”
ซิงเฉินซี่หัวเราะเยาะและแน่ใจว่าหน้าของเหยาซื่อแย่ลง แม้ว่าเขาจะแต่งกายอย่างสุภาพ แต่เขายังแสดงท่าทางวางท่า
“อยู่ห่างจากเธอซะ นายจะทำอะไรฉันก็ได้ แต่ไม่ใช่เธอ”
ซิงเฉินซี่หัวเราะและมองไปที่อื่นทันที
“นายกำลังพูดอะไร? ฉันไม่ใช่คนเลวร้ายสักหน่อย”
“ฉันมาที่นี่เพื่อมาเยี่ยมภรรยาของนาย แม้ว่าบาดแผลของเธอจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ผลกระทบก็อาจจะร้ายแรงใช่ไหมล่ะ?”
ซิงเฉินซี่เลิกคิ้วและถอยไปสองก้าวทันที เมื่อเขารู้สึกได้ถึงความไม่พอใจที่มากขึ้นของเหยาซื่อ
“แต่ฉันมียาดี ที่ช่วยให้บาดแผลไม่ทิ้งแผลเป็นด้วยนะ”
ซิงเฉินซี่ไออย่างตั้งใจ หลังจากเรียนจบแพทย์ที่ต่างประเทศมาหลายปี
เขาเพิ่งจะกลับมาที่นี่เพราะได้รับการว่าจ้างจากโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมือง A
แล้วฉีโย่วก็ถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลเดียวกัน จากรายงานการรักษาของฉีโย่วที่อยู่ในมือของเขา
ซิงเฉินซี่คิดว่า ‘ฉันจะปล่อยให้โอกาสที่สวรรค์ส่งมาหลุดลอยไปได้อย่างไร?’