ตอนที่ 8 - เข้าใจผิด
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
พอนาฬิกาชี้ไปที่เลข11กับ6 เอมิเลียจึงเข้านอนไป.
ตาเธอปิดทันทีที่หัวเธอถึงหมอน หน้าอกเธอยุบขึ้นยุบลงขณะหายใจ. แสงจันทร์สาดส่องผ่านกระจกหน้าต่างมาเป็นทรงสี่เหลี่ยมที่พื้นไม้.
ในห้องนั้นเงียบสงบมากแต่ในอีกฟากหนึ่งของห้องกลอนประตูก็ถูกบิด.
เสียงประตูดังเอี๊ยดเบาๆขณะที่มันถูกเปิดออก. เจ้าเอล์ฟโผล่ออกมาจากความมืดนั่น สายตาแหลมคมของเขากวาดไปมาทั่วห้อง.
เขายกนิ้วยาวเรียวขึ้นมา ที่นิ้วนั้นมีฝุ่นควันฟุ้งขึ้นมาด้วยเวทย์มนต์แห่งความมืดจากนั้นมันก็วนไปรอบๆดูราวกับควันที่เรืองแสง.
สิ่งที่เอมิเลียไม่รู้ก็คือเวทย์มนต์ของเจ้าดาร์คเอล์นั้นได้ฟื้นกลับมาดังเดิมแล้ว. เขาพยายามแกล้งทำตัวอ่อนแอมาตลอดและตอนนี้เขาก็กำลังยืนอยู่ท่ามกลางความมืดราวกับนักล่าที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ.
ริมฝีปากบางๆของเขาโค้งขึ้นมาอย่างน่ากลัว. ดวงตาสีแดงก่ำที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลของเขาจ้องไปที่ร่างที่ไม่ไหวติงและชุดลินินสีขาวของเอมิเลีย.
“ข้าจะฆ่าเจ้า นังผู้หญิงชั่วช้าน่ารังเกียจ”
มีเงาสีดำโผล่ขึ้นมาที่ใต้เท้าของเจ้าเอล์ฟ จากนั้นเงาที่รูปร่างเหมือนหนวดนั่นก็เลื้อยไปบนพื้นราวกับอสรพิษพร้อมกับเสียงร้าวและเสียงฟ่อๆ. พื้นทองคำที่มีเวทย์มนต์ปกคลุมอยู่ตอนนี้กลับถูกย้อมไปด้วยสีดำดูราวกับไม้ที่ไหม้เกรียม.
เงานั่นเลื้อยขึ้นไปบนม่านข้างๆเตียงของเอมิเลียอย่างรวดเร็ว ที่หางของมันมีของเหลวดูสกปรกไหลย้อยลงมา, มันมองลงมาดูเอมิเลียจากด้านบนแล้วส่งเสียงขู่ฟ่อราวกับอสรพิษ เจ้าหนวดนี่พร้อมจะกลืนกินเธอทุกเมื่อ.
“ฆ่านางซะ” เจ้าเอล์ฟพูดออกมาเบาๆจากนั้นก็ยกแขนยาวๆขึ้นมาแล้วแบมือไปทางเธอแล้วก็กำมือขึ้น.
เจ้าหนวดอ้าปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคมออกมา. มันหย่อนตัวลงมาและกำลังจะกัดเธอ.
แต่ในตอนนั้นเองก็มีแสงสีขาวกะพริบออกมาที่ข้างหน้าตาของเขา. มือของเขากำลังจะกำสนิทแล้ว แต่ก็ชะงักไปเพราะเขาเห็นผ้าพันแผลสีขาวที่พันข้อมือเขาร่วงลงไปบนพื้น.
ผ้าพันแผลที่พันตัวเขาไว้…
เขานึกถึงตอนที่ผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาทุกๆวัน, ตอนที่เธอค่อยๆทายาให้เขา. ถึงแม้เธอจะโมโหตอนนั้นแต่เธอก็ทายาให้เขาอยู่ดี.
ขณะที่คิดเช่นนั้น นิ้วมือของเขาก็แน่นิ่งไป. เขายืนคิดอยู่ตรงนั้นขณะมองไปที่พื้นอยู่นานมากประหนึ่งว่าอยู่ในภวังค์.
เจ้าหนวดหยุดโจมตีกลางคันและกำลังลังเล.
เอมิเลียที่กำลังนอนหลับอย่างอร่อยอยู่นั้นก็ส่งเสียงออกมาเบาๆ พร้อมกับพลิกตัวไป ทำให้เจ้าหนวดส่งเสียงฟ่อออกมาทันที. มันแยกเขี้ยวอย่างดุร้ายขณะมองไปที่เอมิเลีย.
เจ้าเอล์ฟกัดฟันด้วยความสับสน ‘เหตุใดข้าถึงลังเล?’
‘ไม่เห็นจะเกี่ยวเลยว่านางช่วยข้าไว้, นางเป็นผู้ติดตามพระเจ้าแห่งแสงสว่าง. ผู้ใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับศาสนาแห่งแสงจะต้องตาย! ไม่มียกเว้น!’
เขากำมืออย่างแน่นจนเล็บฝังลึกลงไปในฝ่ามือ. พอเขาตั้งใจแล้วว่าจะฆ่าเธอจริงๆ จู่ๆเขาก็รู้สึกตัว จนเรียกเจ้าหนวดสีดำกลับไปที่ข้างกาย. ปีศาจน่าเกลียดนั่นหายวับไปกับอากาศทันที.
‘ครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าแล้วกัน ครั้งหน้าเจ้าไม่โชคดีแบบนี้แน่ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ดู’
จากนั้นเจ้าเอล์ฟก็เดินออกจากวังไปอย่างเงียบๆ.
ในคืนหนาวเหน็บนี้ มีอัศวินบางคนกำลังเดินตรวจตราทั่วถนนโล่งๆอยู่.
หนึ่งในอัศวินนั้นก็ส่งเสียงหาวออกมาเบาๆใต้เกราะนั่น. เขาส่ายหัวเบาๆ พยายามจะทำให้ตัวเองตื่นเข้าไว้พร้อมกับกะพริบตาให้ความง่วงหายไป. สองสามคืนมานี้เขาไม่ได้นอนเต็มอิ่มเลยและกำลังบ่นอยู่ในใจว่าทำแต่งานไม่ได้พักเล้ย.
ด้วยความที่ง่วนอยู่กับความง่วงของตัวเอง อัศวินตาใกล้ปิดคนนั้นก็ไม่ทันได้สังเกตุเห็นผมสีเงินที่แว่บผ่านไป. มันผ่านเขาไปเร็วมากจนเขาไม่รู้ตัวเลย.
เจ้าดาร์คเอล์ฟนั้นเร้นกายอยู่ในความมืด. เขาใช้ประโยชน์จากความมืดของเมืองเดินย่องผ่านอัศวินหลายคนโดยไม่ต้องทำอะไรมากเลย. แล้วเขาก็ไปหยุดที่ใต้เงาต้นไม้ต้นหนึ่ง ดูราวกับราชันย์ที่ควบคุมความมืด.
เจ้าเอล์ฟกำลังนึกภาพว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำหน้ายังไงถ้ารู้ว่าเขาออกจากวังไปแล้ว. นางคงจะโมโหมากๆ. คิ้วนางคงจะชนกันตรงกลางน่าตลกแน่ๆ.
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ! แกเป็นใคร? แกกำลังทำอะไรน่ะ!”
พอหันหลังกลับมาเขาก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ. ดูจากเสื้อผ้าของเขาแล้วเขาน่าจะเป็นบิช้อป. เขาหรี่ตาลงแล้วเอาหลังมือมาขยี้ตาพร้อมกับพูด “ดาร์คเอล์ฟ? แกกล้าดียังไงถึงลอบเข้ามาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้?!”
(บิช้อป - คือเซ้นต์ที่ได้ศึกษาจบไปแล้ว. ตอนนี้ผมไม่เข้าใจแล้วครับว่าเอมิเลียเป็นหัวหน้าเฉยๆหรือโป๊บ/บิช้อปยังไงกันแน่ แต่คิดว่าน่าจะตามเนื้อเรื่องไปก่อนแล้วกันครับ)
บิช้อปคนนั้นดูเกรี้ยวกราด เขาไม่แม้แต่จะหยิบคทาของตัวเองออกมาเลย เขาร่ายเวทย์มนต์แสงอ่อนๆที่ฝ่ามือแล้วพุ่งเข้าไปหาดาร์คเอล์ฟ.
“มีเวทย์มนต์ที่ชั้นอยากจะลองทดสอบอยู่พอดี. โชคดีจริงๆที่แกโผล่มาวันนี้ โชคร้ายจังนะแกน่ะ” บิช้อปยิ้มอย่างวิปลาศ. ภาพเอล์ฟใกล้ตายนั้นเป็นภาพที่งดงามมาก และ ณ จุดนี้เขาจำไม่ได้แล้วว่าเขาได้ฆ่าดาร์คเอล์ฟทั้งในคุกมืดและห้องทดลองไปแล้วกี่ตน. เขาไม่เคยเบื่อที่จะเห็นพวกนั้นตายเลย.
แสงที่บิช้อปร่ายออกมานั้นดูตัดกับความมืดมากๆ สว่างจ้าเสียจนตาจะบอด. เจ้าเอล์ฟร้องฟ่อแล้วมองเขากลับมาด้วยสายตาขยะแขยง. เขาเริ่มเตรียมพร้อม.
‘เจ้าสวะโสโครกน่ารำคาญ’
ความมืดนั้นมีเหล่าเอล์ฟเป็นนายของมัน แม้จะมีแสงแว่บขึ้นมา ความมืดก็ยังคงเหนือกว่าความสว่างนั่นอยู่ดี เจ้าปีศาจหนวดที่ดุร้ายกระโจนออกมาจากเงาของเขา. มันอ้าปากกว้างออกจนของเหลวเหนียวๆสีแดงหยดลงมา.
บิช้อปตาเบิกกว้างออกด้วยความกลัว. เขารีบหันกลับแล้วจะวิ่งหนีไปแต่ก็ไปได้ไม่แค่กี่ก้าวเจ้าหนวดนั่นก็จับขาเขาไว้ได้. ขาของเขาถูกดึงอย่างแรงจนล้มไปกองกับพื้น. เขาพยายามคลานหนีอย่างสุดชีวิตขณะที่เจ้าหนวดงับเข้าไปที่เนื้อของเขา.
เจ้าปีศาจหนวดส่งเสียงร้องพอใจออกมาหลังกลืนบิช้อปเข้าไปได้ทั้งตัว. จากนั้นมันก็ถอยร่นกลับไปที่เงา.
“ถุยออกมา. ทั้งหมดเลย” เจ้าดาร์คเอล์ฟตำหนิพร้อมเตะเจ้าหนวด.
เจ้าหนวดนั่นหัวดื้อมาก มันไม่ยอมทำตามคำสั่งเลย. พอมันมองหาเจ้าเอล์ฟและเห็นว่าเขาจริงจังมาก มันจึงอ้าปากออกด้วยความไม่พอใจแล้วถุยซากของบิช้อปออกมา.
“นายทำอะไรน่ะ?”
ทันใดนั้นเอง เจ้าหนวดก็สะดุ้งแล้วซ่อนศพไว้ข้างหลังจากนั้นก็รีบมุดกลับเข้าไปในเงา.
มันเป็นเสียงของเอมิเลีย. เธอออกมาในสภาพชุดนอนพร้อมกับดาบทรงจันทร์เสี้ยวในมือขณะที่เอามือปัดกิ่งไม้ออก. เธอขมวดคิ้วใส่เจ้าดาร์คเอล์ฟ.
“ชั้นบอกนายแล้วใช่มั้ยว่าห้ามออกมา? นายจะออกไปไหนมาไหนตามใจไม่ได้นะ” เอมิเลียกล่าว.
เจ้าเอล์ฟหันควับกลับมาทางเอมิเลีย. เขาดูโมโหมากราวกับแมวที่โดนเหยียบหาง “นี่แกจะขังชั้นไว้ในห้องใต้ดินนั่นตลอดไปรึไง?” เขากล่าว.
“ใครบอกว่าจะขังนายไว้ในนั้นตลอดไปล่ะ?” เอมิเลียโก่งคิ้วแล้วกล่าวต่อ “ประตูมันไม่ได้ล็อคและก็เปิดได้ตลอดไม่ใช่เหรอ? นายก็แค่อย่าให้คนอื่นเห็นก็พอ”
“ดูยังไงก็ขังชัดๆ” เจ้าเอล์ฟเถียง.
เธอนึกขึ้นมาได้อีกครั้งว่าเจ้าเอล์ฟเสียความทรงจำไป. เนื่องจากเขาอยู่แต่ในห้องใต้ดินเขาเลยคิดว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับการโดนขัง เพราะไม่มีทางออกอื่นอีกเลย.
เอมิเลียทำไปทั้งหมดก็เพื่อตัวเจ้าเอล์ฟทั้งนั้นแต่เธอก็มัวคิดแต่เรื่องปัญหาของตัวเองอยู่จนลืมคิดถึงความรู้สึกเจ้าเอล์ฟไป.
เธอจึงเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา. ถ้าเธอเป็นเจ้าเอล์ฟ เธอก็คงแอบหนีออกมาเหมือนกับที่เขาทำนั่นแหละ “เพื่อความปลอดภัยของตัวนายเองนะ. โบสถ์นี่มีการคุ้มกันหนาแน่นมากมีโอกาสสูงที่นายจะโดนจับได้นะ. นายจะออกไปแบบนี้ไม่ได้. เดี๋ยวชั้นจะพานายออกไปเองถ้ามีโอกาส โอเคมั้ย?”
เจ้าเอล์ฟใส่เสื้อผ้าขาดๆที่มีคราบเลือดเปรอะอยู่เต็มไปหมด. เท้าของเขาก็ไม่ได้ใส่อะไรเลย เอมิเลียจึงรู้สึกสงสารขึ้นมา.
เขาเหมือนกับทารกหลงทางที่มีแต่แผลเต็มไปหมด. ต่อให้เขาจะเก่งแค่ไหนก็ตาม เอมิเลียคิดว่าเขาคงไม่สามารถหนีพ้นพวกทหารไปได้แน่. เขาคงจะถูกฆ่าตายตรงนั้นทันทีเลย.
‘ถ้ามีข่าวจากทีมลาดตระเวนว่าเขาไม่ใช่ฆาตกร เราจะพาเขาไปส่งที่ชายแดน’ เอมิเลียสัญญากับตัวเอง.
เจ้าดาร์คเอล์ฟสังเกตุเห็นสายตาสงสารของเอมิเลีย “แกคิดว่าชั้นอ่อนแอขนาดนั้นเลยหรอ?” เขาถาม พื้นรอบๆตัวพวกเขาเริ่มสั่นหน่อยๆจากเสียงของเขา.
เขาโกรธและไม่พอใจมากๆที่เธอคิดว่าเขาอ่อนแอ. เขาอุตส่าห์ปล่อยมือเมื่อตะกี้นี้ เพื่อไว้ชีวิตเธอไป แต่ตอนนี้เธอกลับคิดว่าเขาอ่อนแองั้นหรอ.
เอมิเลียรีบส่ายหัวแล้วอธิบาย “ไม่ใช่อย่างงั้นซักหน่อย ชั้นแค่กลัวว่านายจะถูกจับก็แค่นั้น”
คำพูดของเธอฟังไม่ขึ้นเลยแม้แต่น้อย. แถมเจ้าเอล์ฟยิ่งทวีความโกรธมากขึ้นไปอีก. เอมิเลียกลืนน้ำลาย เธอรู้แล้วว่าต่อให้พูดอะไรไปก็คงฟังไม่ขึ้นเพราะเธอเป็นส่วนนึงของศาสนาแห่งแสง.
“สุนัขรับใช้ของเจ้าเทพแห่งแสง*. ข้าจะฆ่าเจ้า” เจ้าเอล์ฟกล่าวด้วยความโมโห.
*(ท่อนนี้ของ eng แปลเป็นหัวขโมยแห่งแสง ผมไม่มั่นใจนะครับเลยใช้เทพแห่งแสงเอาจะได้ดูสมเหตุสมผล)
เจ้าเอล์ฟเสกแส้แสงเส้นหนึ่งออกมาจากปลายนิ้วแทนที่จะเรียกเจ้าปีศาจหนวดออกมาจากเงา. เขาฟาดมันไปทางเอมิเลียจนเสียงของแส้แหวกลมออก.
เอมิเลียถอยหลบแส้กลับไป “นายเลิกก่อปัญหาได้มั้ย เสียงดังเกินไปแล้ว! เดี๋ยวคนก็มาที่นี่หรอก!”
เจ้าเอล์ฟประชด “นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการรึไง? เจ้าอยากจะส่งตัวข้าให้คนอื่นอยู่แล้วหนิ?”
เอมิเลียชะงักไปแว่บหนึ่ง “นาย...รู้ได้ยังไง?”
เขาไม่พูดอะไรออกมาเอาแต่จ้องใส่เอมิเลียอย่างเดียว จากนั้นก็ยกมือสะบัดแส้อีกครั้ง. เขาสะบัดแส้อย่างแรงจนพื้นแยกตัวออก.
พอเห็นเขาเป็นแบบนี้เอมิเลียเองก็เริ่มโมโหขึ้นมา จนตะคอกออกไป “ก็มีแต่นายที่อยู่ในตรอกนั่นคนเดียว นายพูดเองไม่ใช่เหรอ? หรือมีใครอื่นอีกล่ะ?”
เจ้าดาร์คเอล์ฟขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “ข้าบอกแล้วว่าข้าจำไม่ได้! ไม่เข้าใจรึไง!”
เจ้าเอล์ฟเริ่มหวดแส้เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเอมิเลียเริ่มทนไม่ไหว. เธอเริ่มมีความสงสัยขึ้นในหัว.
เจ้าดาร์คเอล์ฟตนนี้แม้จะมีแผลเต็มไปทั้งตัวและขยับตัวยังได้ไม่สะดวกนัก แต่กำลังของเขาก็มหาศาลยิ่งกว่าอาร์ชบิช้อปในศาสนาเธอซะอีก. ดูท่าแล้วเขาคงจะไม่ธรรมดาแน่ๆ.
เขาอาจจะอยู่มาหลายปีแล้ว ทั้งโหดเหี้ยมทั้งมือที่เปื้อนเลือดมานับไม่ถ้วน.
บุรุษที่ทั้งอันตรายและบาดเจ็บเจียนตายแบบนี้จู่ๆโผล่มาที่ตรอกใกล้ๆเหตุสังหารหมู่มันไม่บังเอิญไปหน่อยหรอ?
ยิ่งเธอคิดมันก็ยิ่งเข้ารอยมากขึ้น. เธอนึกภาพออกเลยว่าเจ้าดาร์คเอล์ฟคงจะยืนดูกองซากศพที่เขาเป็นคนฆ่าพร้อมหัวเราะออกมาอย่างโรคจิต. เอมิเลียรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที.
ถ้าเป็นอย่างงั้น. เอมิเลียหลับตาลง, เธอไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้แล้ว.
เธอหมุนข้อมือแล้วเก็บดาบไว้ที่เอวจากนั้นก็รวมสมาธิแล้วเรียกด้ายสีดำที่ฝังอยู่ในตัวเขาออกมา.
ด้ายเวทย์มนต์นั้นโผล่ออกมาแล้วพันไปรอบๆตัวเขาในทันที.
“ตุ่บ!”
เขาหล่นลงบนพื้นทันที.
เอมิเลียถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก. โชคดีที่เธอคิดเผื่อไว้ เธอทิ้งของบางอย่างไว้ในตัวเจ้าดาร์คเอล์ฟตอนที่เขายังไม่ได้สติ. ไม่งั้นเธอคงไม่มีวันชนะเขาได้แน่.
เอมิเลียนั่งลงด้านหน้าเจ้าเอล์ฟแล้วจ้องเขา “อย่าขยับเชียว” นี่คือคำสาปพันธนาการที่ว่ากันว่าแม้แต่พระเจ้าก็ถูกพันธนการได้. มันจะไม่มีวันหลุดออกเด็ดขาด.
เจ้าดาร์คเอล์ฟจ้องกลับมาที่เธอด้วยความชิงชัง.
เอมิเลียยักไหล่แล้วเลิกคิดที่จะพูดหว่านล้อมเขา. เธอเดินรอบๆเขาขณะที่คิดว่าจะพากลับไปยังไงดี.
ตอนนั้นเองเธอก็เหลือบไปเห็นว่ามีคนกำลังวิ่งมาที่อีกฝั่ง. มีอัศวินเฝ้ายามคนหนึ่งกำลังมา.
เอมิเลียลนมากจึงรีบเอาเจ้าเอล์ฟไปซ่อนที่พุ่มไม้ข้างๆแล้วร่ายเวทย์มนต์เพื่อซ่อมแซมพื้นที่เป็นรอย.
ทันทีที่ซ่อมเสร็จอัศวินก็มาถึงพอดี.
“ท่านหัวหน้า?”
อัศวินกล่าวออกมา.เขาประหลาดใจมากที่เห็นเอมิเลียมายืนข้างนอกกลางดึกแบบนี้. เธอดูเหมือนผีในชุดยาวสีขาวเลย.
“ชั้นเองค่ะ” เอมิเลียกล่าวพร้อมกับปัดเศษใบไม้ที่ชุดเธอออก “ชั้นนอนไม่หลับน่ะค่ะเลยออกมาเดินเล่นหน่อย”
อัศวินคนนั้นพยักหน้าพร้อมกับก้มหัวลงเพื่อเลี่ยงหน้าอกขาวๆของเอมิเลีย.
“ท่านไปเฝ้ายามต่อเถอะค่ะ อย่าห่วงชั้นเลย” เอมิเลียกล่าวพร้อมกับแอบจ้องไปทางที่เจ้าเอล์ฟซ่อนอยู่ เธอภาวนาว่าอย่าให้เจ้าเอล์ฟจอมดื้อนั่นขยับตัวเลย.
“ครับ” อัศวินพยักหน้าแล้วเดินผ่านเอมิเลียไป. ขณะที่กำลังจะเดินจากไปเขาก็นึกบางอย่างออกแล้วหันมากระซิบ
“ท่านครับ เราพบเบาะแสเหตุสังหารหมู่เพิ่มด้วยครับ. ที่ศพศพหนึ่งมีเศษขนเหยี่ยวอยู่ด้วยครับ และที่บาดแผลเองก็มีรอยของเจ้าเหยี่ยวอยู่ด้วยครับ. พวกเราสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นปีศาจเหยี่ยวครับที่ฆ่าชาวบ้านพวกนั้น”
เอมิเลีย: ……
เอมิเลียยืนตัวนิ่ง เธอประหลาดใจมาก. พอเห็นเธอไม่ขยับตัวอัศวินคนนั้นก็คำนับอีกครั้งแล้วเดินออกไปเฝ้ายามต่อ.
หลังจากยืนงงอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง เอมิเลียก็เดินไปทางพุ่มไม้แล้วแหวกมันออกจนเห็นดวงตาสีแดงก่ำของเจ้าเอล์ฟ แล้วก็กล่าวอย่างสุภาพว่า “ชั้นเข้าใจผิดเองจ้า พ่อหนุ่ม”