WS บทที่ 58 สมาชิกราชวงศ์ PART 2
ภายในป่าทึบอันเงียบสงบที่มีเถาวัลย์พันเกี่ยวเลี้ยวลด ต้นไม้ใหญ่เติบโตขึ้นอย่างหนาทึบ ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้เหล่าอัศวินเดินทางได้อย่างยากลำบาก
กองอัศวินได้เคลื่อนพลผ่านป่า มันทำให้เหล่าวิหคบินออกจากต้นไม้อย่างแตกตื่น
พวกอัศวินต่างสวมชุดเกราะสีสว่างลดูประณีตมาก บนชุดเกราะมีรูปสลักของนกประหลาดที่เกิดมาจากเปลวไฟ โดยพวกเขาทำหน้าที่ในการคุ้มกันหญิงสาวกับเด็กหนุ่มทั้งสองคน
“ท่านพี่ เราจะไปถึงอาณาจักรแบล็กมูนได้อย่างปลอดภัยใช่มั้ย” เด็กหนุ่มที่มีสภาพร่างกายที่อ่อนแอมาก เขาถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว
“ไม่ต้องห่วง พวกเราจะไปถึงที่นั่นอย่างปลอดภัยแน่นอน”
เจ้าหญิงเชอรีสกล่าวปลอบเจ้าชายเบนิน แม้เธอจะมีอายุเพียง 17ปี แต่เธอก็ดูเป็นผู้ใหญ่มาก แม้เธอจะเห็นการสังหารโหดมามากมายแต่เธอก็ยังคงความเยือกเย็นอาไว้ได้ เธอคิดว่าเจ้าชายเฟรดเดอริคก็คงไม่รอดแล้ว…
เธอได้หนีออกมาหลายกิโลเมตร เธอได้พบเจอความลำบากมากมายนับไม่ถ้วนจึงทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น เธอจำเป็นต้องเข้ามาควบคุมกองทหารทั้งหมดด้วยมีของเธอเอง นี่เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับเจ้าหญิงที่มีอายุเพียงเท่านี้ที่ก่อนหน้านี้ที่ใช้ชีวิตที่หรูหราและมีสิทธิพิเศษต่าง ๆ
“ผู้บัญชาการแมนซ์ ตอนนี้เราเหลืออัศวินอยู่ที่คน” เชอรีสถามด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
ชายร่างกำยำที่ติดตามเชอรีสอย่างใกล้ชิดได้รีบเข้ามารายงานว่า
“เจ้าหญิงเชอรีส พวกเขาได้พบเจอพวกอัศวินของศาสนจักรตลอดทาง ด้วยพลังที่เหนือว่าทำให้พวกเราเสียกองกำลังไปจำนวนมาก ตอนนี้พวกเราเหลืออัศวินเพียง 800นาย เท่านั้นครับ”
เชอรีสไม่คิดว่าอัศวินของเธอจะลดลงไปมากขนาดนี้ เธอจำได้ว่าตอนแรกมีอยู่ราว ๆ สองพันนาย
โดยอัศวินเหล่านี้เป็นกองอัศวินปักษาอัคคีที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรแห่งแสง
อย่างไรก็ตามเธอต้องเสียอัศวินชั้นยอดไปมากกว่า 60% นั่นทำให้เห็นว่าการเดินทางครั้งนี้ยากลำบากถึงเพียงใด
เชอรีสได้ก้มมองแหวนสีดำที่อยู่ในมือของเธอ เธอลูบมันเบา ๆ จากนั้นความุ่งมั่นก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธออีกครั้ง
“ลุงเฟรดเดอริค พวกเราจะต้องเอาชีวิตรอดให้ได้”
หลังจากนั้นเชอรีสก็ได้ออกคำสั่งให้กองอัศวินเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้หยุดพัก พวกเขาต้องไปอาณาจักรแบล็กมูนให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นพวกศาสจักรที่ตามหลังพวกเธออย่างไม่ลดละจะตามมาได้ทัน
...
*แกร๊บ!!*
เสียงของกิ่งไม้ที่ดังลั่นขึ้นมานั่นทำให้เลห์แมนตื่นตัวขึ้นมาทันที อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นร่างที่กลับมาเขาก็ผ่อนคลายท่าทีลงและรีบเดินไปหาคน ๆ นั้น
“เมอร์ลิน ลูกเจออะไรมั้ย เป็นคนจากศาสนจักรรึเปล่า?” โอลด์ดูกังวลมาก เขากลัวว่าพวกโบสถ์จะขนกองกำลังที่แข็งแกร่งมาจัดการพวกเขา
เมอร์ลินได้ส่ายหัวและเริ่มเล่ารายละเอียดให้โอลด์ฟัง
“ท่านพ่อ เท่าที่ผมสังเกตดูพวกเขาดูเหนื่อยล้ามากดูเหมือนพวกเขาจะผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากมา พวกเขาดูไม่เหมือนพวกศาสนจักรเลย บางทีพวกเขาอาจจะเป็นพวกขุนนางที่เต็มใจที่จะอยู่ใต้พวกศาสนจักร”
เมอร์ลินเดาว่าคนเหล่านี้น่าจะคนจากชนชั้นสูงในอาณาจักรแห่งแสง เขาสังเกตเห็นอุปกรณ์ของสวมใส่ของพวกเขานั้นเป็นของที่ดีเยี่ยมมาก
“ลูกบอกว่าชุดเกราะของพวกเขามีนกที่ลุกเป็นไฟสลักอยู่ใช้มั้ย”
ดูเหมือนเลห์แมนจะสนใจในเรื่องนี้มาก
เมอร์ลินพยักหน้า เขาจำเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนเนื่องจากนกที่ลุกเป็นไฟมันดูคล้ายกับฟินิกซ์ที่เขารู้จักมาจากชีวิตที่แล้วของเขา
“นกตัวเล็ก ๆ ที่ลุกเป็นไฟ...มันต้องเป็นปักษาอัคคีแน่นอน!! บารอนเพอร์แมน ข้าคิดว่ากองทัพนั่นน่าจะเป็นกองอัศวินปักษาอัคคี หนึ่งในสี่กองทหารที่ยิ่งใหญ่ที่ขึ้นตรงกับราชวงศ์แห่งแสง โดยปกติแล้วพวกเขาจะทำหน้าที่คุ้มครองราชวงศ์” เลห์แมนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมอร์ลินพอจะรู้ว่าโอลด์นั้นเคยเป็นอัศวินมาก่อน เนื่องจากการสะสมความดีความชอบในการทำสงครามจึงทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางโดยราชวงศ์ ทำให้เปลี่ยนจากสามัญชนเป็นขุนนางและมีดินแดนเป็นของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงมีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์มาก ด้วยเหตุจึงทำให้เขาถูกศาสนจักรมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงและต้องถูกกำจัดในตอนนั้น
ไม่เพียงแค่เลห์แมนเท่านั้น ศาสนจักรยังพยายามจัดการขุนนางทั้งหมดที่ได้พระราชทานตำแหน่ง โชคดีที่เลห์แมนสามารถเอาชีวิตรอดมาให้ได้
ส่วยบารอนเพอร์แมน ตัวเขานั้นสืบเชื้อสายขุนนางมาอย่างยาวนาน แม้เขาจะไม่ได้จงรักภักดีต่อราชวงศ์เท่าไหร่นักแต่ที่เขาหลบหนีอกมาเพระว่าไม่อย่างอยู่ภายใต้การปกครองของศาสนาจักร
เมอร์ลินได้หันมามองบารอนเพอร์แมน พวกเขาได้ส่งสัญญาณผ่านสายตา พวกเขารู้ดีว่าเรื่องนี้มันยากที่จะหยุดเลห์แมนได้
“ท่านพ่อ ผมยังไม่แน่ใจว่าพวกเขาเป็นราชวงศ์จริง ๆ รึเปล่า อย่างไรก็แผนการนี้ ทางศาสนจักรได้เตรียมการมานาน มันคงจะยากที่พวกราชวงศ์จะสามารถหลบหนีออกมาได้ ดังนั้นพวกเราควรระมัดระวังไว้” เมอร์ลินพยายามปรามเลห์แมน ว่าไม่ให้ทำอะไรผลีผลาม
อย่างไรก็ตามเลห์แมนได้โบกปัดไปและพูดออกมาอย่างจริงจัง
“คนที่นำกองอัศวินปักษาอัคคีเป็นคนของราชวงศ์แน่นอน ในตอนที่พ่อได้รับพระราชทานตำแหน่งบารอนจากราชวงศ์ ตอนนั้นพ่อได้รับการต้อนรับจากเจ้าชายเหรเดอริคเป็นการส่วนตัว ทำให้พ่อได้รู้ว่าท่านเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงสุดของกองอัศวินปักษาอัคคี
สิ่งที่ลูกพูดมาเมื่อกี้มันก็ฟังดูเป็นเหตุเป็นผลพอจะฟังได้นะ พวกเขาต้องถูกไล่ล่ามาอย่างนัก ตอนนี้ร่างกายน่าจะเหนื่อยเต็มทน พวกเขาต้องการความช่วยเหลืออย่างแน่นอน
เราจะรออยู่ที่นี่ก่อนเพื่อที่จะดูสัญลักษณ์ของพวกเขา พ่อจะยืนยันเองว่าพวกเขาเป็นกองอัศวินปักษาอัคคีจริงหรือไม่”
หลังจากที่เมอร์ลินได้ยินคำพูดที่จริงจังของเลห์แมนนั้น เขาก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย พ่อของเขามีความตั้งใจที่แน่วแน่มาก หากเขายืนยันได้ว่าเป็นราชวงศ์จริง ๆ เขาก็คงยื่นมือไปช่วยแน่นอน
แบบนี้จะทำให้พวกเราตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น เนื่องจากสมาชิกราชวงศ์เป็นที่หมายตาของศาสนจักร เมื่อเป็นแบบนี้พวกเขาต้องรีบเดินทางก่อนที่พวกโบสถ์จะรู้ในเรื่องนี้
ทางด้านบารอนเพอร์แมน ตัวเขารู้นิสัยของเลห์แมนเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาก็เลยปล่อยเลยตามเลยในเรื่องนี้
“ก็ได้รอจะรออยู่ที่นี่แต่เราตัวระวังตัวให้ดี ให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด”
เลห์แมนพยักหน้า จากนั้นเขาก็ได้สั่งเตรียมกองอัศวินและสั่งตั้งขบวนรับพร้อมที่จะปะทะกับกองกำลังที่กำลังจะมาถึง