บทที่ 64 โทร์วแมนริงส์ (9)
คนต่อไปที่เฟรย์ต้องสอนหลังจากเบเนียงคือเฟอานน์
เขาจ้องมองเฟรย์ด้วยความหวาดกลัวในขณะที่เขานึกถึงความหมองคล้ำและไร้ชีวิตชีวาในดวงตาของเบเนียงเมื่อเธอกลับมาที่บ้าน
เฟรย์ถามโดยไม่สังเกตเห็นความวิตกกังวลของเฟอานน์
“ศิลปะการป้องกันตัวของคุณมีชื่อว่าอะไร?”
“มันถูกเรียกว่า 'แบควังกวอน'” (ราชามวยขาว)
“…”
มันเป็นชื่อที่ไม่มีรสนิยมเอาซะเลย
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้จึงชอบใช้คำว่า "ราชา" ในชื่อเทคนิคของพวกเขา
หากพวกเขาไม่ยึดติดกับชื่อที่เป็นสากลเฟรย์ก็มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถสร้างชื่อที่ฟังดูดีขึ้นได้กว่านี่เยอะ
เฟรย์ส่ายหัวและนึกถึงคาซาจินในทันที
“ก่อนอื่นมาลองดูหน่อยก็แล้วกัน เพื่อที่ฉันจะได้รู้ทักษะของคุณ”
เฟอานน์พยักหน้าด้วยสีหน้าแข็งกระด้าง
เขาเคยเห็นเฟรย์สอนที่หมู่บ้านมาก่อน
แน่นอนว่าในบรรดาผู้ที่ไม่พอใจส่วนมากจะเป็นพวกนักรบเวทย์มนต์
พวกเขาโจมตีเฟรย์ด้วยความมุ่งมั่นอย่างสุดขีด แต่พวกเขาไม่สามารถแตะต้องคอเสื้อของเฟรย์ได้เลย
ตอนนั้นเองที่เฟอานน์ตระหนัก
ชายหนุ่มคนนี้ตรงหน้าเขาไม่ได้เป็นแค่พ่อมดที่มีพรสวรรค์ แต่เขายังเป็นนักรบเวทมนตร์ระดับเฟิร์สคลาสอีกด้วย
อย่างน้อยที่สุดเขาก็เป็นคู่ต่อสู้ที่เฟอานน์ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะเอาชนะได้
"เข้ามา"
ตึงๆ
เฟอานน์ลดระยะลงอย่างรวดเร็วหมัดของเขาพุ่งเข้าหาใบหน้าของเฟรย์
ฮัก
เฟรย์หลีกเลี่ยงการโจมตีได้เพียงแค่ขยับศีรษะ
‘เร็ว’
มันเป็นการโจมตีที่รุนแรง
ถ้ามันโดนหน้าของเขาจังๆเขาจะต้องเสียโฉมแน่นอน
เฟอานน์ไม่ได้ผิดหวัง แม้การโจมตีของเขาไม่สามารถทำอะไรได้เขาหดแขนกลับอย่างรวดเร็วและโจมตีหน้าท้องของเฟรย์ด้วยมือซ้ายของเขา
เฟอานน์รู้ว่าเพราะเขาอยู่ใกล้มากการโจมตีเช่นนี้จะอยู่ในจุดบอดของคู่ต่อสู้
อย่างไรก็ตามเฟรย์จับทางหมัดของเขาได้ราวกับว่าเขาคาดหวังการโจมตีไว้แล้ว
“กั๊ก…”
เขารู้ได้อย่างไร?
ไม่มีเวลาให้คิดเรื่องนั้น
เฟอานน์บิดร่างกายของเขาและเขย่ามือของเขาให้เป็นอิสระ
ใช้แรงหมุนเขาหันและปล่อยลูกเตะออกไป
แม้ว่าจะถูกเรียกว่าแบควังกวอนแต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันประกอบด้วยเทคนิคที่มีเพียงหมัดเท่านั้น
มีหลายครั้งที่คนๆหนึ่งจะใช้เท้าเข่าศอกมือและแม้แต่หน้าผากเพื่อโจมตี
กว๊าก
“…!”
มันถูกบล็อกอีกครั้ง
เฟรย์สามารถหยุดการโจมตีของเฟอานน์ได้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว
ถ้ามันโดนเขาอาจจะยุติการต่อสู้ได้ในครั้งเดียว
เขากัดฟันแน่นและดึงเท้ากลับ
เฟรย์ไม่ได้ไล่ตามเขาและยังคงยืนอยู่ในจุดเดิม
'ฉันต้องเข้าใจทักษะของคุณ'
นี่คือสิ่งที่เฟรย์บอกเขาและนั่นคือสิ่งที่เขาแสดงให้เห็นในตอนนี้
ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะขยับไปไหน
แต่ถึงเวลาแล้วที่เฟอานน์จะต้องแสดงให้เฟรย์เห็นว่าแบคกวังกวอนของเขาเป็นศิลปะการต่อสู้แบบใด
ต้าๆ!
เป็นอีกครั้งที่เฟอานน์พุ่งไปข้างหน้าและโจมตีอย่างรุนแรง
เฟรย์หลีกเลี่ยงการโจมตีทั้งหมดนี้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยและบล็อกการโจมตีที่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
'นี่มันน่าหงุดหงิดชะมัด'
นั่นคือสิ่งที่เขารู้สึกอย่างแท้จริง
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้ต่อสู้กับเฟรย์ แต่มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังต่อสู้กับคนที่กำลังตรวจสอบจุดแข็งและจุดอ่อนทั้งหมดของเขาอย่างถี่ถ้วน
ไม่ว่าเขาจะโจมตีอย่างไรก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถสร้างความเสียหายได้เลย
‘มันเหมือนกับการชกหิน’
เฟอานน์โจมตีอย่างต่อเนื่องนานเกือบหนึ่งนาทีเต็ม
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อและเขาก็หอบเล็กน้อย
"พอได้แล้ว"
“…”
เฟอานน์หยุดการโจมตีของเขา
เขาไม่คาดคิดว่าจะไม่สามารถโจมตีโดนตัวของเฟรย์ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เฟรย์มองไปที่การแสดงความขุ่นเคืองและความอับอายของเฟอานน์ก่อนที่จะพูด
“ออเนอเฟอานน์คุณมีทักษะในระดับคราสสองของนักรบเวทย์มนต์หรืออาจจะต่ำกว่านั่นเล็กน้อย”
เฟอานน์อ่อนแอกว่าเลียมสันมากซึ่งถือได้ว่าเป็นนักรบระดับสองเหมือนกัน
แม้ว่าระดับนี้จะค่อนข้างน่าประทับใจ แต่มันก็ไม่เพียงพอสำหรับการเป็นผู้บริหารของเซอร์เคิล
อย่างน้อยเขาก็น่าจะไปให้ถึงระดับเดียวกับเฟรย์หากเป็นเขาที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เพียงอย่างเดียวมาตลอดชีวิต
“…”
เฟอานน์กัดริมฝีปากของเขาอย่างรุนแรงจนถึงจุดที่มันกลายเป็นสีขาว
เฟรย์เดินเข้ามาหาเขาและตบบ่าเขา
“สิ่งนี้อาจทำให้ความภาคภูมิใจของคุณเจ็บ”
"…ใช่"
“นั่นเป็นสิ่งที่ดีเฟอานน์ อย่าลืมความแค้นที่คุณกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ความภาคภูมิใจเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ที่เดินบนเส้นทางแห่งเวทมนตร์ คนอื่นอาจไม่เข้าใจแต่บางครั้งคุณอาจต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องความภาคภูมิใจนั้น”
“อาจมีสถานการณ์ที่คุณอาจจะต้องแสดงความภาคภูมิใจแม้จะต้องเสี่ยงกับชีวิตของคุณ”
"ถูกตัองไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการ คุณพร้อมที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเกียรติยศของโทร์วแมนริงส์ รายละเอียดอาจจะแตกต่างกันแต่มันก็เหมือนกันในบริบทนี้”
"…ผมเข้าใจแล้ว"
เฟอานน์พยักหน้าขณะที่เขารู้สึกว่าเขาเข้าใจสิ่งที่เฟรย์พูด
จากนั้นเขาก็มองไปที่เฟรย์ด้วยสายตาแปลกๆ
“คุณเป็นมังกรหรือเปล่าราวเดอร์เฟรย์?”
"ทำไมคุณพูดแบบนั้น?"
“เป็นเพราะรู้สึกว่าคุณอายุไม่น้อยไปกว่าผม พวกเขาไม่ได้บอกผมก็จริงแต่ผมแน่ใจว่าสมาชิกในเซอร์เคิลและมาสเตอร์เบเนียงเองก็คิดเหมือนกัน”
เฟรย์หัวเราะ
“เป็นเพราะฉันช่วยมาสเตอร์เบเนียงซึ่งเป็นลูกครึ่งมังกรหรือเปล่า?”
"ใช่แล้ว"
“เหตุผลของคุณน่าขบขัน แต่ฉันเป็นมนุษย์ ฉันแค่รู้มากกว่าคนอื่นนิดหน่อยก็เท่านั้น”
เฟอานน์นึกถึงการพบเจอครั้งก่อนของพวกเขาก่อนที่จะถาม
“ศิลปะการต่อสู้ก็เป็นหนึ่งในนั้นหรือ?”
"ถูกตัอง แน่นอนทักษะศิลปะการป้องกันตัวของฉันยังบกพร่อง ฉันแค่อาจจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นนักรบเวทมนตร์ระดับสองเท่านั้น”
"ฮะ? เป็นเช่นนั้นจริงๆหรือ? ผมสาบานได้เลยว่าคุณเป็นนักรบเวทมนตร์ระดับเฟิร์สคลาส…”
ไม่แปลกที่เฟอานน์จะเข้าใจผิด
อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องจริงที่ทักษะของเฟรย์อยู่เพียงในฐานะนักรบเวทมนตร์ระดับสองเท่านั้น
อย่างไรก็ตามมันเป็นเพราะสายตาที่เฉียบคมบวกกับประสบการณ์ของเขาที่ทำให้เขาเอาชนะเฟอานน์ได้อย่างท่วมท้น
" คุณบอกว่ากระบวนท่าของคุณมีชื่อว่าแบควังกวอนใช่มั้ย? ดูเหมือนว่าจะเป็นศิลปะการป้องกันตัวแบบมาตรฐาน มันเป็นการโจมตีที่เรียบง่ายและเทคนิคก็มีน้อย”
เฟอานน์ยิ้มอย่างขมขื่น
"ถูกต้อง มันทำให้ฝ่ายตรงข้ามอ่านทางได้ง่ายซึ่งหมายความว่าหลังจากการแลกเปลี่ยนไม่กี่ครั้งฝ่ายตรงข้ามจะสามารถจดจำรูปแบบได้”
“นั่นเป็นเพราะการที่คุณขาดความขยันในการฝึก มาตรฐานไม่ได้ถูกเรียกว่ามาตรฐานเพื่อให้ดูดี แต่แบควังกวอนจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเลเวลของคุณเพิ่มขึ้น แม้แต่นักรบระดับเฟิร์สคลาสก็อาจไม่พบข้อบกพร่องในการเคลื่อนไหวของคุณ ในทางกลับกันการโจมตีของคุณจะทำลายการป้องกันของฝ่ายตรงข้ามได้”
"จริงหรอ?"
ใบหน้าของเฟอานน์มีความสุขแวบหนึ่ง
นี่เป็นเพราะเขามีความสุขที่ศิลปะการต่อสู้ที่เขาฝึกฝนเป็นที่ยอมรับ
“ศิลปะการต่อสู้ของคุณสามารถแสดงผลลัพธ์ได้ไม่ว่าคู่ต่อสู้ของคุณจะอ่อนแอกว่าแข็งแกร่งกว่าหรือแข็งแกร่งพอๆกับคุณก็ตาม ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย อืม…มันอาจจะเหนื่อยไปบ้างแต่...”
“คุณหมายถึงอะไร?”
“เนื่องจากมันไม่มีทางลัดบนเส้นทางของนักรบเวทย์มนต์ คุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขึ้นบันไดทีละขั้น”
มันแตกต่างอย่างมากกับเบเนียงที่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วหลังจากทำลายห้องมานาของเธอและแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อย
เฟอานน์พยักหน้าเพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจ
“อ่า…ผมเข้าใจแล้ว”
"แน่นอน"
เฟรย์หัวเราะออกมา
“มีวิธีที่จะช่วยให้คุณขึ้นบันไดได้อย่างรวดเร็ว”
"…หา?"
“เพื่อนสนิทคนหนึ่งของฉันมีวิธีการฝึกเฉพาะของนักรบเวทย์มนต์ ถ้าคุณสามารถทนกับการฝึกฝนคุณจะกลายเป็นนักรบเวทมนตร์ระดับเฟิร์สคลาสได้ในเวลาเพียงสามเดือน”
ถ้าคุณสามารถทนได้
เฟรย์พูดสิ่งนี้อีกครั้งในหัวของเขาและหัวเราะสั้นๆ
น่าเสียดายสำหรับเฟอานน์ เขาไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งนี้
ภาพในหัวของเบเนียงได้หายไปจากความคิดของเขาแล้ว
เขามองเฟรย์ด้วยสายตาที่ลุกโชน
“คุณช่วยสอนผมได้ไหม?!”
* * *
การเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพขั้นพื้นฐาน
แม้ว่าชื่อจะฟังดูเรียบง่ายแต่เฟอานน์กลับรู้สึกว่าควรเปลี่ยนชื่อเป็น "การทรมานร่างกายแทน"
เฟอานน์นอนคว่ำหน้าลงบนพื้นแข็ง
ไม่สิอาจจะบอกว่ามันผิด
ความจริงก็คือเขาทรุดลงและไม่มีแรงจะขยับแม้แต่นิ้ว
‘ฉันต้องแกล้งว่าสลบอยู่…’
สาด-
น้ำเย็นสาดลงบนใบหน้าของเขาและเฟอานน์ก็รีบลุกขึ้น
“ยังทำไม่ถึงครึ่งทางเลยนะ จะมานอนอยู่อย่างนี้ได้ยังไง?”
"ฆ่า…"
"ฆ่า?"
“ฆ่าผมเลยดีกว่า…”
เฟรย์ยิ้มและกล่าวว่า
“หยุดเป็นเด็กขี้แยได้แล้ว ไม่ต้องกังวลฉันจะบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อของคุณด้วยมานาของฉัน ฉันยังเอาสมุนไพรที่มีคุณค่าทางโภชนาการบางอย่างมาให้กินเพื่อให้ร่างกายหายเร็วขึ้น”
‘ผมไม่ใช่เด็กขี้แยนะ!’
เฟอานน์อยากจะตะโกนออกมาด้วยพลังทั้งหมดของเขา แต่ในขณะนั้นเขาไม่กล้า