บทที่ 62 โทร์วแมนริงส์ (7)
วันถัดมา
ในตอนเช้าสมาชิกในเซอร์เคิลทั้งหมดที่อยู่ในเมืองมารวมตัวกันที่หน้าบ้านของเบเนียง
นี่เป็นสิ่งที่จิเซลลันสั่งเมื่อคืนก่อน
"เกิดอะไรขึ้น? มันเช้ามากเลยนะ”
“มีประกาศสำคัญนะสิ”
“ฉันหวังว่ามันจะไม่ใช่การประกาศยุบเซอร์เคิลนะ…”
“เรื่องนั้นจะไม่เกิดขึ้นหรอก”
แม้ว่าพวกเขาจะพูดอย่างนั้น แต่สมาชิกที่มารวมตัวก็รู้สึกไม่สบายใจ
เมื่อมาสเตอร์โอเซลอาร์เจนโต้เสียชีวิตและเซอร์เคิลราวเดอร์ได้ทิ้งพวกเขาไป มันเป็นจุดเริ่มที่ทำให้เกิดการล่มสลายของโทร์วแมนริงส์
หลังจากนั้นแม้แต่สมาชิกที่มีความรู้สึกเป็นเจ้าของเซอร์เคิลก็ยังลาออก
ตอนนี้มีเพียงคนที่ยังให้ความสำคัญกับความต่อเนื่องของเซอร์เคิลมากกว่าชีวิตของพวกเขาที่ยังคงอยู่
นั่นคือสาเหตุที่พวกเขาวิตกกังวล
ไม่ว่าพวกเขาต้องการที่จะรักษาเซอร์เคิลไม่ให้หลุดออกจากกันมากแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์ถ้าหากเบเนียงประกาศว่าเธอจะสลายเซอร์เคิลทิ้ง
ณ จุดนี้เธอเป็นคนเดียวที่มีความสามารถพอที่จะจัดการกับหน้าที่ของเซอร์เคิลมาสเตอร์ได้
“ภาระอาจจะหนักเกินไปสำหรับมาสเตอร์เบเนียง”
“ไอ้บาซิลิสก์เทลพวกนั้น...เราน่าจะทำลายไอ้พวกนั้นตอนที่เรายังมีอำนาจ”
“ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะสามารถสร้างพันธมิตรได้เร็วขนาดนี้”
“มาสเตอร์เฟลิกซ์เป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์ เมื่อถึงเวลาที่เราสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างก็เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว”
ขณะที่สมาชิกสนทนากันประตูหน้าบ้านก็เปิดออกและเบเนียงก็เดินออกมา
เธอยืนอยู่หน้าประตูและค่อยๆสังเกตฝูงชน
“สวัสดีตอนเช้าสมาชิกที่รักของโทร์วแมนริงส์”
เสียงของเธอดังก้องในอากาศยามเช้า
สมาชิกชอบเสียงของเธอเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่แห่งนี้ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยป่าทึบมันไม่เพียงพอที่จะพูดได้ว่าเสียงของเบเนียงนั้นไพเราะราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้า
“ฉันมีประกาศสำคัญที่จะต้องทำในวันนี้ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันจึงเรียกพวกคุณทุกคนมาที่นี่ตั้งแต่เช้า”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำประกาศสมาชิกในเซอร์เคิลก็เริ่มคุยกันเสียงดังอีกครั้ง
พวกเขายังมองไปที่ใบหน้าของเบเนียงเพื่อดูว่าพวกเขาจะพบคำใบ้เกี่ยวกับลักษณะของการประกาศดังกล่าวหรือไม่
เบเนียงยิ้มเพื่อคลายความวิตกกังวล
“ฉันอยากจะแนะนำเซอร์เคิลราวเดอร์คนใหม่ให้กับเซอร์เคิลของเรา”
"ฮะ?"
“ราวเดอร์?”
“ท…มันกะทันหันเกินไป”
มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดโดยสิ้นเชิง
เซอร์เคิลราวเดอร์เป็นที่สองในการบังคับบัญชาของเซอร์เคิลและในเวลาเดียวกันพวกเขาแบ่งปันความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้บริหารและสมาชิกของเซอร์เคิลมากกว่ามาสเตอร์เซอร์เคิลเสียอีก
นอกจากนี้พวกเขามีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมภายนอกมากกว่าเซอร์เคิลมาสเตอร์ดังนั้นในแง่นี่ถือได้ว่าเขาเป็นหน้าเป็นตาของเซอร์เคิลเลยทีเดียว
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเซอร์เคิลราวเดอร์จึงเป็นสมาชิกที่ต้องมีความสามารถมากที่สุดในเซอร์เคิล
มันคือการแสดงเบื้องหน้าที่แข็งแกร่งให้กับเซอร์เคิลอื่นๆได้เห็น
“เธอกำลังแต่งตั้งออเนอ เอียเซิกหรือเปล่า?”
“เขายังไม่กลับมาเลยเพราะเขายังคงทำภารกิจระยะยาวในจีโอทาบูอยู่”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นออเนอจิเซลลัน”
“อันที่จริง…เขาก็สมควรที่จะได้รับมัน”
จิเซลลันเป็นสมาชิกที่อยู่ในเซอร์เคิลมานานที่สุดและเป็นเหมือนบิดาในเซอร์เคิล
ดังนั้นสมาชิกสามารถยอมรับได้ถ้าหากเป็นเขา
แต่พวกเขาสงสัยว่าจิเซลลันจะมีความสามารถเพียงพอสำหรับบทบาทนี้หรือไม่ก็เท่านั่นเอง
นิสัยและประสบการณ์ของเขาไม่มีที่ติ มีเพียงแต่พรสวรรค์ของเขาที่ฉุดรั้งเขาไว้
‘มาสเตอร์เบเนียงรู้ดี นั่นคือเหตุผลที่เธอรักษาตำแหน่งเซอร์เคิลราวเดอร์ให้ว่างเอาไว้…’
‘เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ?’
พวกเขาทั้งหมดให้ความสนใจกับคำพูดของเบเนียงในขณะที่พวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและความคาดหวังของตัวเอง
อีกครั้งประตูบ้านก็เปิดออกและมีคนก้าวออกมา
สมาชิกที่คิดว่าน่าจะเป็นใบหน้าของจิเซลลันแต่ต้องเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
"ผู้ชายคนนี้…"
“เขาไม่ใช่แขกของเราเหรอ?”
“นั่นมันเฟรย์เบลคนิ”
"อย่างไรก็ตามทำไมเขาถึงออกมาจากบ้านของมาสเตอร์เบเนียง?”
เฟรย์ยืนอยู่ใกล้ๆกับเบเนียงโดยไม่สนใจสายตาของคนหลายสิบคนตรงหน้าเขา
จิเซลลันและเฟอานน์ซึ่งติดตามเขาออกจากบ้านได้นั่งประกบข้างของเขา
“…”
การแสดงออกของสมาชิกในเซอร์เคิลดูแปลกใจ
เพราะฉากดังกล่าวทำให้พวกเขาเหมือนเห็นผู้บริหารกำลังติดตามผู้บังคับบัญชาของตน
จากนั้นเสียงของเบเนียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ให้ฉันแนะนำพวกคุณอย่างเป็นทางการ นี่คือเฟรย์เบลค ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเขาจะเป็นเซอร์เคิลราวเดอร์คนใหม่ของโทร์วแมนริงส์”
“อะไร! นั่นมันอะไร…?”
“จากคนนอกสู่เซอร์เคิลราวเดอร์ …?”
นี่คือสิ่งที่สมาชิกในเซอร์เคิลส่วนใหญ่รวมตัวกันและเริ่มประท้วงทันที
เฟรย์มองเบเนียงที่พยักหน้าเล็กน้อย
“ฉันชื่อเฟรย์เบลคและตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะเป็นเซอร์เคิลราวเดอร์ของพวกคุณ ฉันแน่ใจว่าพวกคุณหลายคนอยากจะร้องเรียนเกี่ยวกับการที่ฉันกลายมาเป็นเซอร์เคิลราวเดอร์ ท้ายที่สุดนี่มันไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณจะยอมรับกันได้ง่ายๆ”
สมาชิกในเซอร์เคิลส่วนใหญ่จ้องมองเฟรย์ด้วยความไม่พอใจ
แม้ว่าพวกเขาจะแสร้งทำเป็นไม่ แต่ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมรับเจ้าหนูหน้าอ่อนคนนี้ว่าเป็นหัวหน้า
เบเนียงเห็นสิ่งนี้และกำปั้นของเธออย่างเงียบๆ
เธอนึกถึงคำพูดที่เฟรย์เคยบอกเธอเมื่อคืนก่อน
‘สมาชิกในเซอร์เคิลจะไม่เชื่อฟังง่ายๆ ผมมีความคิดดีๆขอผมลองจัดการเองหน่อยนะ '
เบเนียงจิเซลลันและเฟอานน์ต่างมองมาที่เขาอย่างประหม่า
‘คุณต้องพูดให้ดีๆนะเฟรย์’
“พวกคุณสงสัยในคุณสมบัติของผมหรอ?”
"…ฮะ?"
เบเนียงทำเสียงประหลาดใจโดยไม่รู้ตัวขณะที่จิเซลลันจ้องไปที่เฟรย์ด้วยความตกใจ
“เป็นเพราะไม่มีใครมีความสามารถในเซอร์เคิลนี้ มือใหม่อย่างฉันซึ่งเพิ่งเข้าร่วมเมื่อวานเลยได้รับอนุญาตให้เป็นเซอร์เคิลราวเดอร์ยังไงละ”
“เขาพูดว่าอะไรนะ?”
“เขาแค่พูดว่า…”
ใบหน้าของสมาชิกในเซอร์เคิลเปลียนเป็นความโกรธที่น่ากลัว
อย่างไรก็ตามในขณะที่ได้รับสายตาที่ดุร้ายของพวกเขาเฟรย์ยิ้มเพียงเท่านั้น
“หากพวกคุณมีข้อร้องเรียนใดๆ ฉันจะยอมรับมัน ฉันแค่ต้องพิสูจน์ความสามารถของฉัน หากมีใครก็ตามที่มีความสามารถพอที่จะแตะคอเสื้อของฉันได้ฉันก็จะลาออกจากตำแหน่งเซอร์เคิลราวเดอร์และจะให้ของขวัญแก่พวกคุณด้วย”
เขาชี้ไปที่ต่างหูของเขา
“นี่คือต่างหูไต้ฝุ่นเป็นไอเทมที่สร้างขึ้นโดยตรงโดยของลูคัสโทรว์แมนซึ่งพวกคุณเคารพอย่างสุดซึ้ง”
เฟรย์มองตามสายตาที่จับจ้องของสมาชิกในเซอร์เคิล
“ตอนนี้เราจะเริ่มกันเลยไหม?”
* * *
“…คุณคิดว่าเฟรย์กำลังทำอะไรอยู่?”
จิเซลลันพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อถามคำถามของเฟอานน์
“การตัดสินใจครั้งนี้มีโอกาสสูงมากที่จะถูกต่อต้านจากสมาชิกในเซอร์เคิลแต่เฟรย์…ไม่สิราวเดอร์เฟรย์ยืนกรานที่จะทำมัน ฉันคิดว่ามีสองเหตุผลสำหรับเรื่องนี้”
"สอง?"
“อย่างแรกคือการรวบรวมความไม่พอใจของสมาชิกในเซอร์เคิลไว้ที่ตัวเขาเอง นี่อาจจะไม่ได้รับการพิจารณาจากมาสเตอร์เบเนียงและอีกอย่าง…ฉันคิดว่าเขาต้องการทดสอบสมาชิกในเซอร์เคิลด้วยตัวของเขาเอง”
จิเซลลันยักไหล่
“อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงการคาดเดาของฉันเราต้องรอดูกันต่อไป อีกอย่างพวกเราทั้งสามได้ตัดสินใจที่จะเดิมพันกับเขาไปแล้วนิ”
เฟอานน์พยักหน้าและหันกลับไปมองเฟรย์อย่างซับซ้อน
* * *
เฟรย์ยืนอยู่ในที่โล่งกว้าง
สมาชิกในเซอร์เคิลที่โกรธแค้นล้อมรอบเขา ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความขุ่นเคืองใจ
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสมาชิกของเซอร์เคิลที่กำลังล่มสลายแต่พวกเขาก็ยังคงมีความภาคภูมิใจ
“ผมขอประลองคนแรก”
"ชื่อ"
“ฟิโอกันทาร์”
“สายอะไร”
“ผมเป็นพ่อมด”
“เริ่มได้ทุกเมือ”
“…คุณจะไม่เตรียมตัวเหรอ?”
เฟรย์ที่เอามือห้อยข้างตัว ทำตัวดูเหมือนเขาไม่จำเป็นต้องป้องกันตัวเองในขณะนั้น
เป็นเรื่องปกติที่ฟิโอจะถามคำถามเช่นนี้ แต่การแสดงออกของเฟรย์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“ถ้าฉันคิดว่าการโจมตีของคุณรุนแรงพอละก็ ฉันถึงจะป้องกัน”
"…ไฟเออร์บอล!"
มันเป็นคาถาพื้นฐานระดับ 2 ดาว อย่างไรก็ตามมันเป็นคาถาที่ฟิโอถนัดสุดนั้นก็คือเวทย์ไฟ
เฟรย์ไม่ได้ขยับ
เพื่อความแม่นยำเขาไม่แม้แต่จะขยับคิ้ว
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย
เสียงแตก
ก่อนที่ไฟเออร์บอลจะมาถึงตัวเขา เฟรย์ก็โยนลูกไฟออกมา
ลูกไฟที่มีขนาดเดียวและกันพละกำลังเท่ากัน
ลูกไฟทั้งสองชนกันกลางอากาศก่อให้เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ที่สลายไปอย่างรวดเร็ว
ฟิโอตัวสั่นอย่างเงียบๆ
“เวทมนตร์ที่ไร้ร่าย!”
“อย่างน้อยเขาต้องอยู่ในระดับ 5 ดาว! ไม่สิเขาอาจจะเป็นพ่อมดระดับ 6 ดาวด้วยซ้ำ!”
หากเป็นเช่นนั้นเขาก็เป็นเหมาะสมกับต่ำแหน่งราวเดอร์ในเซอร์เคิลที่กำลังย้ำแย่
แต่จากมุมมองของโทร์วแมนริงส์เขาเป็นชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์ที่พวกเขาต้องการตัวมากแม้ว่าพวกเขาจะต้องขอร้องก็ตาม
ตอนนี้สมาชิกในเซอร์เคิลเข้าใจการตัดสินใจที่แปลกใหม่ของเบเนียงแล้ว
“ฟิโอกันทาร์คาถาไฟเป็นความถนัดของคุณหรือเปล่า?”
“ถูกต้องแล้ว”
ฟิโอเต็มไปด้วยความกังวลใจโดยไม่รู้ตัวความรู้สึกกลัวเข้ามาแทนที่ความขุ่นเคืองที่เขาเคยรู้สึกมาก่อน
นี่คือพ่อมดระดับ 6 ดาว
“บอกลักษณะของคาถาไฟให้ฉันฟังหน่อย”
"ใช่? อา...มันคือพลังทำลายล้างที่สูง”
"ถูกต้อง ลักษณะทั่วไปคือมีพลังทำลายล้างมากกว่าคุณสมบัติเวทมนตร์อื่นๆ แน่นอนว่านั่นหมายความว่ามันควบคุมได้ยากกว่า แต่พลังอำนาจของเวทย์ไฟก็น่าดึงดูดพอสมควรแม้จะมีความเสี่ยงก็ตาม”
ฟิโอพยักหน้า
คำพูดของเฟรย์เป็นสิ่งที่พ่อมดทุกคนที่เดินตามเส้นทางแห่งเวทมนตร์ไฟรู้ดี
“ไฟเออร์บอลของคุณที่เพิ่งแสดงให้ฉันเห็นว่ามีความสมบูรณ์แบบที่ดีทีเดียว คุณต้องฝึกฝนทั้งวันทั้งคืนแน่ๆ”
“ขอบคุณ ขอบคุณ”
หัวใจของฟิโอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในทันที
ท้ายที่สุดนั่นเป็นพ่อมดระดับ 6 ที่ยกย่องเขาโดยตรง
ฟิโอรู้สึกราวกับว่าการฝึกหนักของเขาได้รับการตรวจสอบแล้ว
“แน่นอนว่ายังมีบางสิ่งที่คุณต้องแก้ไขอยู่บ้าง รู้สึกเหมือนคุณให้ความสำคัญในการรักษารูปร่างมากเกินความจำเป็น คุณควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มพลัง ท้ายที่สุดแล้วการสร้างไฟเออร์บอลที่มีรูปร่างสมบูรณ์ไม่ได้เพิ่มพลังของมันแต่อย่างใด”
เป็นคำแนะนำที่ใช้ได้จริง อย่างน้อยก็ไม่ใช่คำแนะนำที่ใครจะสามารถเรียนรู้ได้แม้กระทั่งจากครูที่ดีที่สุดในสถาบันการศึกษา
เฟรย์รู้ดีว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่การศึกษาแบบในโรงเรียน
“ผมไม่รู้วิธีเพิ่มพลัง…”
“การฝึกด้านจิตภาพต้องมาก่อน จินตนาการเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพ่อมด อย่างน้อยก็ในอดีตที่ผ่านมา…”
เฟรย์ส่ายหัวขณะมองไปที่ฟิโอด้วยสีหน้าค่อนข้างห่างเหิน
“…เพื่อนคนหนึ่งของฉันได้รับบาดแผลไฟลวกทั่วร่างกาย บาดแผลไหม้รุนแรงมากจนไม่สามารถรักษาให้หายได้แม้จะใช้เวทมนตร์ก็ตาม หลังจากเหตุการณ์นั้นเขาก็กลัวไฟแต่ในที่สุดเขาก็เอาชนะมันได้และหลังจากฝึกอย่างหนักเขาก็กลายเป็นผู้มีอำนาจที่ทรงพลังที่สุดในเวทย์มนต์ไฟ”
ฟิโอฟังเฟรย์อย่างตั้งใจ
เสียงของเฟรย์ซึ่งดูเหมือนจะฟังดูเฉยเมยในตอนแรกอยู่ในหูของเขาเบาๆกลายเป็นสายลมอ่อนๆในป่า
ลองคิดดูครั้งสุดท้ายที่เขามีคนสอนคือเมื่อไหร่กัน?
“นี่เป็นไปได้เพราะเขารู้สึกได้ถึงความดุเดือดของไฟกับร่างกายของเขา แน่นอนว่านั่นเป็นกรณีที่รุนแรงแต่สิ่งสำคัญคือต้องนึกถึงภาพในระดับนั้น ตั้งแต่วันนี้คุณควรพยายามสร้างภาพที่เป็นรูปธรรมของไฟในขณะเดียวกันก็คำนึงถึงความเสี่ยงด้วย”
“ขอบคุณ - ขอบคุณสำหรับการสอนของคุณ”
“เอาละกลับไปได้แล้ว”
ฟิโอก้มศีรษะด้วยความเคารพกับท่าทางของชายหนุ่มอายุ 20 ปีที่อยู่ตรงหน้าเขาและก้าวถอยหลัง
จากนั้นหนึ่งในสมาชิกที่อยู่ด้านข้างก็เข้ามาหาเขาและสะกิดข้างๆเขา
"เมื่อกี้มันอะไรกัน? นายตะโกนออกไปว่านายจะขัดขวางเขาในตำแหน่งราวเดอร์นิ?”
“ไม่นะนั่นคือสิ่งที่ฉันคิดจะทำจริงๆ…”
“เขาแข็งแกร่งแค่ไหน?”
ฟิโอถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนกระซิบ
“…ฉันไม่รู้ แต่เขาน่าจะเป็นพ่อมดระดับ 6 ดาวเป็นอย่างน้อย เขาเป็นคนที่มีความสามารถที่เซอร์เคิลของเราต้องการมาก”
“นายสูญเสียความภาคภูมิใจและเริ่มก้มศีรษะของนายแล้วหรือ?”
สมาชิกในเซอร์เคิลดูถูกเขาแต่ฟิโอยังคงส่ายหัว
“มันไม่ใช่อย่างนั้น ฉันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดให้พวกนายได้ แต่พวกนายควรขอคำแนะนำจากเขา เพราะคำแนะนำจากราวเดอร์เฟรย์จะช่วยพวกนายแน่”
"โอ้ไม่นะ"
ฟีโอเรียกเขาว่าราวเดอร์ไปแล้ว?
สมาชิกในเซอร์เคิลขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไอ้คนไร้ค่า ฉันนะแตกต่างจากแก ไม่ว่าพ่อมดคนนั้นจะน่าทึ่งแค่ไหนฉันก็ไม่มีวันก้มหัวให้เขา แกอยู่นี่และดูสิ่งที่ฉันจะทำให้ เซอร์เคิลราวเดอร์นั้นหน้าแหกแน่”
หลังจากหัวเราะเขาหันหลังและเดินไปหาเฟรย์
ฟิโอเพียงแค่กอดอก
หลังจากนั้นไม่นาน
“…ราวเดอร์เฟรย์เป็นสมบัติของเซอร์เคิลของเราจริงๆ”
“…”
ฟิโอจ้องมองเขาด้วยสีหน้าเงียบๆแต่สมาชิกคนนั้นไม่ได้สังเกตเห็นฟีโอที่กำลังกำหมัดและจ้องมองเฟรย์ไม่ใช่เพราะแค้นแต่เป็นการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความชื่นชม