ตอนที่ 38.4 - ชาสิ่ว (ฟรี)
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
สิ่งที่ควรจะพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว. เธอไม่อยากทำให้การทำงานของหัวหน้าเชฟต้องล่าช้าไปกว่านี้จึงรีบตามอาจารย์หวังเข้าไปในครัว.
ครัวของร้านหอมดั่งสวรรค์นั้นกว้างมาก. ที่ฝั่งนึงของครัวมีชั้นวางของที่มีแต่ผักและผลไม้สดอยู่เต็มไปหมด. ส่วนพวกเนื้อกับปลานั้นเขาบอกเธอว่าแช่แข็งไว้ที่ห้องแช่พิเศษด้านหลัง.
อาจารย์หวังมีชุดมีดกับเตาพิเศษเป็นของตัวเอง. พอเห็นว่าชิยูอยากเรียนการทำเนื้อชาสิ่ว เขาจึงแสดงให้เธอเห็นอย่างละเอียดทุกขั้นตอนเลยทีเดียว.
“คุณหนูคงจะเดาวัตถุดิบหลักของเนื้อชาสิ่วได้สินะครับ?.
ชิยูพยักหน้า “ถ้าหนูเดาไม่ผิดล่ะก็น่าจะเป็นหมูค่ะ” ก็นะ ถึงเธอจะบอกว่าหมู แต่คำตอบที่ถูกจริงๆก็คือมันหมูที่ไม่มีเนื้อปนอยู่เลยต่างหาก. ใช่แล้ว, มันล้วนๆ.
“ไม่เลวครับ” อาจารย์หวังยิ้ม. เขาเดินไปทางหมอซึ้งแล้วเปิดฝาออก ด้านในมีหม้อต้มอีกใบอยู่. พอเปิดฝาหม้อต้มนั้นออกก็เห็นน้ำซุปสีขาวๆอยู่ด้านใน.
กลิ่นของน้ำซุปนั้นหอมมากๆแถมมีความรู้สึกหวานหน่อยๆด้วย. อาจารย์หวังจ้องไปที่น้ำซุปแล้วกล่าว “เดี๋ยวก็ได้ที่แล้วครับ” ขณะที่เทน้ำซุปนั้นใส่หม้ออื่นอยู่นั้น ชิยูก็สังเกตุเห็นชิ้นเนื้อ/ไขมัน 4ชิ้นอยู่ด้านใน มันดูราวกับก้อนหยกสีเหลืองด้านในหม้อต้มเลย.
ก้อนไขมันนั้นดูใกล้จะละลายเต็มทีแล้วแถมยังเด้งไปมาเหมือนกับเต้าหู้นิ่มๆด้วย. ลักษณะของมันมีสีทองอ่อนๆ.
“อาจารย์ครับ น้ำมันร้อนแล้วครับ” เชฟหลี่กล่าวขณะทำหน้าที่ผู้ช่วยอย่างสมเกียรติ.
ชิยูจำได้ว่าเนื้อชาสิ่วนั้นมีสีเหลืองทองอยู่ด้านในและมีสีชาดที่ด้านนอก. ที่น่าสนใจกว่านั้นคือผิวของเนื้อมันกรอบ นั่นก็แสดงว่าเนื้อต้องผ่านการทอดมาแล้วแน่.
แต่พอเธอมองไปที่เนื้อยุ่ยๆที่ใกล้จะละลายตลอดเวลาแล้ว เขาจะทอดมันให้ไม่ละลายกลายเป็นบ่อไขมันที่กระทะได้ยังไงกันนะ?
ขณะเธอกำลังสงสัยอยู่นั้นอาจารย์หวังก็หยิบแก้วน้ำมาหนึ่งใบแล้วเทราดลงบนก้อนไขมันนั่น. ที่ผิวนอกนั้นมีเกล็ดน้ำแข็งบางๆโผล่ขึ้นมาในขณะเดียวกันเนื้อที่ยุ่ยๆอยู่นั้นก็แข็งตัวขึ้น. ตอนนี้คงไม่ต้องกลัวว่าเนื้อมันจะละลายไปกับน้ำมันร้อนๆแล้วล่ะนะ.
ชิยูมองอาจารย์หวังด้วยความปลาบปลื้ม. เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าอาจารย์เป็นผู้ฝึกวิชาด้วย.
พอเขารู้สึกว่าเธอประหลาดใจ อาจารย์หวังก็อธิบายให้ฟัง “ผมมีปราณธาตุน้ำน่ะครับแต่ก็ไม่มีพรสวรรค์พอจะพัฒนาวิชาได้. ความสามารถของผมจึงมีดีแค่แช่แข็งอาหารอย่างรวดเร็วเท่านั้น”
ชิยูพยักหน้าขณะที่มองอาจารย์หวังหย่อนก้อนเนื้อแช่แข็งลงไปในน้ำมันร้อนๆ. เกล็ดน้ำแข็งนั้นหายไปทันทีและน้ำมันก็เริ่มแตกกระเด็นออกมาเพราะน้ำ. พอน้ำมันหยุดกระเด็น ก้อนเนื้อสีทองอร่ามก็ลอยขึ้นมาด้านบน.
เขานำเนื้อออกมาวางลงบนกระทะก้นแบนอย่างรวดเร็ว. จากนั้นก็โรยเครื่องปรุงลงไปตามด้วยซอสข้นสีแดงๆ. หลังจากปล่อยให้เดือดเล็กน้อยแล้ว เนื้อชาสิ่วก็เป็นอันเสร็จสิ้น.
ตอนนี้เธอรู้ทุกขั้นตอนหมดแล้ว ชิยูจึงขอชิมน้ำซุปสีขาวเมื่อตะกี้นี้และซอสสีแดง. พอเสร็จแล้วเธอก็ขอบคุณเขาแล้วออกร้านไป.
แม้เขาจะทำเรื่องในวันนี้ก็ตามแต่ชิยูก็ต้องขอบคุณเฟิ้งโหลวที่ให้ยืมอำนาจของเขา. ถ้าไม่มีเขาล่ะก็เธอคงไม่ได้เข้าครัวได้ง่ายๆแบบนั้น. แต่พอเห็นความรู้สึกหดหู่หน่อยๆของเฟิ้งโหลวแล้ว เธอจึงตัดสินใจว่าค่อยขอบคุณเขาดีๆทีหลังแล้วกัน.
“วันนี้ชั้นหมดเรื่องแล้ว ขอบใจนายมากๆนะ” จากนั้นเธอก็พูดใบ้ “ถ้านายยังอยากจะทำอะไรล่ะก็ ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ”
เฟิ้งโหลวฝืนยิ้ม “เธอหมดเรื่องแล้วชั้นก็ขอตัวนะ. ถ้าอยากจะพบชั้นก็ไปหาได้ที่เรือนเฟิ้งนะ”
“ได้เลย” ชิยูไม่ปฏิเสธคำชวนของเขา.
ว่ากันตามตรงแล้วเฟิ้งโหลวคนนี้เป็นคนดีมากๆ. เขาทั้งมีน้ำใจ, มีเหตุผลและอยู่ด้วยแล้วสบายใจ. แต่เขาก็เป็นคนชักช้าในเรื่องของหัวใจและเลือกแก้ปัญหาด้วยวิธีอ้อมๆซะมากกว่า. ถึงอย่างนั้นข้อเสียเล็กน้อยพวกนี้คงซ่อนตัวตนจริงๆของเขาได้ไม่นานหรอก ทุกๆคนมีวิธีจัดการเรื่องของตัวเองทั้งนั้นแหละ.
พอเฟิ้งโหลวไปแล้ว ชิยูก็เดินเตร็ดเตร่ที่ถนนไปพักหนึ่ง พยายามฆ่าเวลาไปเรื่อยๆจนไปพบโรงแลกเปลี่ยนเข้า.
ด้านในมิติลับของเธอนั้นก็มีบางอย่างที่ประหลาดเกิดขึ้น. ผลชาดจอแสสิบกว่าลูกเริ่มจะสุกอีกแล้ว, มันก็ปกติอยู่หรอก. แต่ที่ไม่ปกติก็คือต้นนั้นอีกต้นเพิ่งจะงอกมาเมื่อวานนี้. มันเติบโตเร็วมากๆ ไม่มีใครรู้เลยว่ามันโตเร็วกว่าด้านนอกขนาดไหน. ชิยูรู้ว่ามิตินั้นช่วยให้พืชผลไม้โตเร็วขึ้น แต่ก็ไม่รู้เลยว่ามันโตเร็วขนาดไหน.
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นเลย. ปัญหาที่น่ารำคาญที่สุดตอนนี้ก็คือการพักอยู่ในโรงเตี๊ยมนั้นไม่สะดวกเลย. เธอตัดสินใจแล้วว่าน่าจะซื้อบ้านซักหลังนึง.
โรงแลกเปลี่ยนนั้นเป็นที่ที่เอาไว้แลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆ. ถ้าอยากจะขายของก็สามารถมาเช่าที่นี่และขายของด้วยตัวเองได้ หรือจะนำของมาให้โรงแลกเปลี่ยนแล้วให้พวกเขาขายให้ก็ได้เช่นกัน. นี่เป็นวิธีเร็วที่สุดและสะดวกที่สุดในการแลกเปลี่ยนแล้วแถมคนขายสามารถปกปิดสถานะตัวเองได้ด้วยแต่ข้อเสียอย่างเดียวก็คือกำไรจะลดลงอย่างมาก.
สำหรับชิยูแล้วการที่จะเปิดร้านขายของด้วยตัวเองนั้นทั้งเสี่ยงและไม่สะดวกมากๆ. เธอเลยรีบเอาผลชาดจอแสกว่า50ลูกให้โรงแลกเปลี่ยนจัดการให้แทน. พอตีราคาทั้งหมดแล้ว พวกเขาจึงมอบการ์ดคริสตัลที่มีตำลึงเงิน1.2ล้านด้านในให้ พร้อมๆกับบัตรเชิญ.
พอรับมาดูแล้วชิยูก็เห็นว่ามันเป็นบัตรเชิญงานประมูลประจำสัปดาห์ของที่นี่. เนื่องจากของที่ชิยูนำมาขายมีมูลค่าเกิน1ล้านตำลึงเงินพอดี พวกเขาจึงเชิญให้เธอมาร่วมงานประมูลของสัปดาห์ถัดไป.
ชิยูเก็บบัตรเชิญเข้ากระเป๋าแล้วไปเดินดูของ.
ที่ตลาดนั้นมีของขายทุกๆอย่างเลยแต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นของที่เกี่ยวกับการฝึกวิชาซะมากกว่า. ทั้งยาโน่นยานี่, ทั้งคัมภีร์วิชาลับต่างๆ. บางร้านคนเยอะมากจนเธอเดินผ่านไปดูของที่เขาขายไม่ได้เลย.
แต่ชิยูก็ไม่ได้สนใจพวกของเกี่ยวกับการฝึกวิชานี้มากนักจึงหันไปดูของที่ร้านคนน้อยๆซะมากกว่า.
พอหมดวันแล้ว ชิยูจึงล้มเลิกความคิดที่จะซื้อบ้านซะ. เธอควรจะรอดีกว่าเอาเงินไปใช้มากมายแบบนั้น.
พอกลับมาถึงที่โรงเตี๊ยมเธอก็ไปนั่งขัดสมาธิที่เตียงเพื่อทำสมาธิ. ซันผังก็ยังคงนอนหลับสบายใจอยู่ที่มุมเตียง.
หนึ่งวันก่อนงานประมูลจะเริ่มนั้น ชิยูก็ได้ยินข่าวลือเหมือนๆกันในทุกๆที่เธอไปว่า: เด็กใหม่คนนั้นโด่งดังไปทั่วสำนักหลวงเลย แค่มาวันแรกเขาก็เอาชนะที่หนึ่งของเทอมก่อนได้……
จากผู้แปล: จากนี้ตอนที่อัพทุกวันจันทร์จะเป็นตอนฟรีนะครับ