ตอนที่ 2 ตัวประกอบงั้นรึ
ตอนที่ 2
ตัวประกอบงั้นรึ
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายใบหน้าของลู่หานเต็มไปด้วยความทรมานเมื่อพิษภายในร่างกายเริ่มกัดกินร่างกายอีกครั้ง
ร่างของบุรุษวัยประมาณยี่สิบที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเริ่มเปล่งเสียงไอเล็กๆออกมา “แฮ่ก!!! แฮ่ก!!! แฮ่ก!!!”
สตรีผู้งดงามที่ยืนอยู่ข้างเตียงก็พุ่งกายเข้าหาเพื่อดูอาการของศิษย์น้องด้วยความเป็นห่วงทันที แม้ใบหน้าที่งดงามนั้นจะไม่แสดงความรู้สึกออกมามากเท่าไหร่แต่ภายในใจนั้นเต็มไปด้วยความกังวล
เมื่อครู่ลู่หานส่งเสียงไอออกมาเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมาจากบาดแผลที่ได้รับจากจ้าวอสรพิษ ยามนั้นที่ได้อ่านบทละครตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดของลู่หานสักเท่าใดแต่เมื่อมาประสบพบเจอกับตัวเองก็ตระหนักได้ทันทีมาความเจ็บปวดที่บังเกิดขึ้นนี้มันราวกับร่างกายจะแหลกเหลว
มือทั้งสองข้างของลู่หานยกขึ้นมากดแน่นลงที่บริเวณหน้าอก ลมหายใจของลู่หานเริ่มถี่ระรัวเหตุเกิดเพราะพิษของจ้าวอสรพิษภายในร่างกายเริ่มกัดกินภายใน
ใบหน้าอันหล่อเหล่าเป็นทุนเดิมนั้นกลับเริ่มซีดเผือดเม็ดเหงื่อมากมายไหลชึมออกมาจนเปียกชุ่มไปทั่วทั้งใบหน้า
มู่หลานให้เริ่มสังเกตุเห็นว่าอาการเริ่มจะไม่ดีนางพาร่างที่กำลังเจ็บปวดทรมานอยู่ที่เตียงของลู่หานลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง
สองมืออันอ่อนนุ่มของนางเริ่มสัมผัสลงไปที่แผ่นหลังของลู่หาน พลังบ่มเพาะถูกเรียกเร้นออกมาจากฝ่ามืออันนุ่มนวลของนางส่งผ่านเข้าปกคลุมร่างที่กำลังถูกพิษกัดกินอยู่
ใบหน้าที่กำลังซีดเผือดของลู่หานเริ่มบรรเทาความเจ็บปวดลง พิษของจ้าวอสรพิษภายในร่างกายเริ่มทุเลาเบาบางลง พิษภายในร่างกายโดนสยบลงด้วยพลังบ่มเพาะอันอบอุ่นของมู่หลานที่กำลังส่งผ่านเข้ามาภายในร่างกาย
เมื่ออาการเริ่มดีขึ้นมู่หลานก็พาร่างของลู่หานนอนเรียบลงไปกับเตียงเช่นเดิม
ลู่หานเพิ่งผ่านพ้นความเจ็บปวดอันแสนจะทรมานมาจากพิษของจ้าวอสรพิษ เขาเองก็ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าความเจ็บปวดมันจะมากขนาดนี้
ก่อนหน้านี้เขาเป็นเพียงได้แต่ผู้ที่อ่านโดยสายตาไม่เคยรับรู้ถึงความเจ็บปวดทรมานที่ตัวละครได้รับเมื่อเจอกับตัวเช่นนี้ก็ไม่มีคำใดจะบรรยายออกมา ลมหายใจที่ถี่ระรัวเริ่มกลับมาเป็นปกติ
เหตุการณ์นี้เป็นเพียงแค่บทนิยายนีงที่เขาเคยอ่านผ่านตามาเท่านั้น เมื่อเห็นว่าลู่หานเจ็บปวดเขาก็ไม่ได้คิดอันใดทำแค่อ่านผ่านไปเท่านั้นเมื่อมาเจอเข้ากับตัวเช่นนี้เขาก็เริ่มรู้สึกสงสารในตัวประกอบตัวนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว
“เจ้าเป็นอันใดหรือเปล่าศิษย์น้อง” มู่หลานเข้าใกล้เพื่อดูอาการของลู่หานที่เพิ่งจะผ่านพ้นความเจ็บปวดมา
เมื่อสติของลู่หานที่เทื่อครู่หลุดลอยไปกับความเจ็บปวดกับคืนมาเขาก็เริ่มคิดถึงบทนิยายช่วงนี้อีกครั้ง
การบาดเจ็บของลู่หานครั้งเป็นเพราะว่าลู่หานเข้าไปช่วยเหลือศิษย์พี่หญิงที่เป็นนางเอกของเรื่องโดยการบาดเจ็บในครั้งนี้ไม่มีผู้ใดภายในสำนักอักษรสวรรค์ล่วงรู้เพราะว่า มู่หลานนางดึงดันจะไปสังหารจ้าวอสรพิษที่เป็นอสูรวิญญาณระดับสูงด้วยตัวคนเดียวนางลงเขาไปแล้วพลาดท่าจนเกือบโดนจ้าวอสรพิษสังหารแต่เพราะได้ลู่หานเข้าช่วยเหลือจนบาดเจ็บนางถึงรอดมาได้
ช่วงเวลานี้ลู่หานจะมีบทบาทขึ้นมาหน่อยเพราะว่ามู่หลานที่เป็นนางเอกของเรื่องจะมาคอยดูแลศิษย์น้องของตนเองเพราะรู้สึกผิดกับอาการบาดเจ็บครั้งนี้ของลู่หานที่เกิดขึ้นเพราะนาง
“ข้าต้องการน้ำ...” ลู่หานเปล่งเสียงอันแหบแห้งออกมาจากลำคอ
มู่หลานที่นั่งดูอาการอยู่ข้างกายก็เริ่มใช้สายตากวาดมองไปรอบห้องแห่งนี้ปรากฏว่ามันไม่มีน้ำอยู่เลย สตรีผู้งดงามหาผู้ใดเปรียบพากายของตนมุ่งออกไปข้างนอกเพื่อหาน้ำให้กับลู่หาน
ดวงตาคู่นั้นของลู่หานที่กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงมองแผ่นหลังที่งดงามของนางจนวิ่งออกไปจากห้อง
“ตัวประกอบงั้นเหรอ...”
“นี่เราเกิดใหม่เป็นได้แค่ตัวประกอบงั้นเหรอ!!!” ลู่หานพึมพำออกมาถึงความอดสูของตนเอง เขาเองก็เป็นแฟนนิยายตัวยงตัวเอกส่วนใหญ่มีแต่ไปเกิดภายในร่างของผู้ที่มีพรสวรรค์และเก่งกาจแต่ดูเขาสิมาอยู่ในร่างของตัวประกอบ
เช่นนี้จะไม่ให้เขาโอดครวญในโชคชะตาของตนเองได้เช่นไร ลู่หานไม่ได้เป็นตัวประกอบแต่เพียงชื่อเท่านั้นเขาไม่มีพรสวรรค์อันใดเลยทั้งพลังในการบ่มเพาะและวรยุทธก็ต่ำต้อย
ภายในสำนักอักษรสวรรค์แห่งนี้ผู้ที่เป็นศิษย์ขั้นสองและเป็นศิษย์ของมหาปราชญ์แห่งยุคโดยตรงมีเพียงแค่ 8 คนเท่านั้น โดยคนทั้งแปดเองก็จะถูกเลือกจากมหาปราชญ์แห่งยุคโดยตรง
โดยทำเลที่ตั้งของสำนักอักษรสวรรค์ที่เขาอยู่มันจะประกอบไปด้วยภูเขาทั้ง 9 ลูก โดยจะมีภูเขาลูกใหญ่ตรงกลางเป็นแกนกลางของสำนักและมีภูเขาอีก 8 ลูกล้อมรอบเป็นวงกลม โดยภูเขาทั้ง 8 จะเชื่อมโยงหากันและยังมีทางเดินเชื่อมโยงไปที่ภูเขาตรงกลางที่เป็นแกนกลางของสำนักได้ตลอดเวลา โดยภูเขาทั้ง 8 ลูกจะเป็นที่อาศัยอยู่ของศิษย์ขั้นที่สองของสำนักอักษรสวรรค์ทั้งแปดคน
ภูเขาทั้งแปดมันก็เหมือนกับด่านแรกในการท้าทายสำนักอักษรสวรรค์ ศิษย์อีกเจ็ดคนเป็นผู้ที่เก่งกาจในด้านที่แตกต่างกันไปแต่ทุกผู้ก็ล้วนแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่เก่งกาจด้วยกันทั้งสิ้น
ยกเว้นแต่ลู่หาน ลู่หานเป็นศิษย์คนที่แปดของมหาปราชญ์แห่งยุค เขาไร้ซึ่งพรสวรรค์ร่างกายเองก็เป็นระดับมนุษย์การบ่มเพาะเองก็เป็นระดับมนุษย์แทบจะไม่มีคุณสมบัติใดที่เก่งกาจพอที่จะเป็นศิษย์ของมหาปราชญ์แห่งยุคได้เลย
เมื่อลู่หานรับรู้ว่าตนเองมาเกิดใหม่ในร่างของตัวประกอบภายในนิยายที่มีนามเดียวกันก็อดจะน้อยใจในโชคชะตาไม่ได้ การมาเกิดใหม่ในร่างของตัวประกอบเช่นนี้ไม่สนุกเลยสักนิดสู้กลับไปนอนอ่านนิยายในห้องที่มีแอร์เย็นๆเสียดีกว่าอีก
“ตัวประกอบงั้นรึบ้าน่าความรู้ทั้งหมดของฉันที่เป็นแฟนตัวยงของนิยายเรื่องนี้มาตั้งหลายปี คิดงั้นเหรอว่าฉันจะยอมเป็นแค่ตัวประกอบ” ลู่หานที่นอนนิ่งอยู่กับเตียงเอ่ยเสียงเข้มพร้อมกับแววตาทั้งสองที่เริ่มฉายแววแห่งความมุ่งมั่นออกมา
ในเมื่อปฏิเสธโชคชะตาไม่ได้แล้วเขาก็จะเปลี่ยนมันเองประโยคนั้นดังก้องอยู่ภายในจิตใจของลู่หาน เขาสลักมันเอาไว้ในส่วนลึกที่สุดภายในจิตใจและจะไม่มีทางลืมเลือน
คำกล่าวภายในนิยายเรื่องจ้าวกระบี่สวรรค์สยบฟ้ามีผู้หนึ่งกล่าวอันไว้ว่า มหาปราชญ์แห่งยุคสูงส่งเทียมฟ้ารับรู้ไกลนับพันลี้
เจ้าสำนักอักษรสวรรค์คือท่านมหาปราชญ์แห่งยุคผู้ที่ผู้คนกล่าวเอาไว้ว่ารับรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในระยะพันลี้ แต่บัดนี้เขาเหนือกว่ามหาปราชญ์แห่งยุคซะอีกเขาล่วงรู้ทั้งอดีตและอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้นของผู้คนทั่วทั้งใต้หล้า การจะเปลี่ยนแปลงบทตัวประกอบของลู่หานนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นสำหรับเขา บัดนี้เนื้อเรื่องทั้งหมดมันเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น
สามวันหลังจากที่ลู่หานตั้งมั่นว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวประกอบของตนเอง ร่างกายเริ่มฟื้นตัวจากพิษของจ้าวอสรพิษที่กัดกินร่างกาย การที่ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้รวดเร็วเช่นนี้ปฏิเสธไม่ได้ที่ต้องขอบคุณมู่หลานผู้ที่เป็นศิษย์พี่นางนั้นดูแลเขาอย่างใกล้ชิดและไม่ขาดตก
สามวันที่มู่หลานมาอาศัยอยู่ที่ยอดเขาหวนหลงกับเขา กาลเวลาเริ่มบ่มเพาะความรู้สึกภายในใจของลู่หานตอนที่มีสตรีงดงามหาผู้ใดเปรียบเช่นนางมาอยู่ข้างกายมีหรือบุรุษเช่นเขาจะไม่หวั่นไหว
กระนั้นลู่หานเองก็ยับยั้งชั่งใจของตนเองเอาไว้เพราะว่าอย่างไรเสียมู่หลานนางก็เป็นนางเอกของนิยายเรื่องนี้ ถ้าลู่หานจำไม่ผิดตอนนี้นางได้มีสัญญาหมั้นหมายเอาไว้กับศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักอักษรสวรรค์เรียบร้อยแล้ว
ผ่านไปครบเจ็ดวันร่างกายเริ่มฟื้นคืนเช่นเดิมเพราะว่ามู่หลานนำยาชั้นดีมารักษาลู่หาน ร่างกายเริ่มเดินเหินได้ตามปกติเหลือแต่เพียงพลังบ่มเพาะเท่านั้นที่ยังไม่ฟื้นคืน
เมื่อมู่หลานเห็นว่าลู่หานอาการเริ่มดีขึ้นนางก็ขอกลับไปอยู่ที่ยอดเขาของนางเพราะว่านางนั้นจากที่นั่นเพื่อมาดูแลรักษาลู่หานหลายวันแล้วเกรงว่าจะเกิดเรื่อง
ภูเขาทั้ง 8 เป็นด่านแรกของสํานักอักษรสวรรค์ เหล่าศิษย์ทั้งแปดคนเองก็ต้องทำหน้าที่รักษายอดเขาของตนเองอย่างเคร่งครัดเพราะเป็นคำสั่งของผู้เป็นอาจารย์
เมื่อศิษย์พี่มู่หลานที่แสนจะงดงามจากไปยอดเขาหวนหลงแห่งนี้ที่ลู่หานดูแลรักษาอยู่ก็เงียบงันอีกครั้ง ยอดเขาแห่งนี้ไร้ซึ่งผู้คนมีเพียงแค่ลู่หานเท่านั้นที่อาศัยอยู่ผิดจากยอดเขาลูกอื่นที่ศิษย์ขั้น 2 คนอื่นต่างมีผู้คุ้มกันหรือว่าบริวารมากมาย
ยอดเขาหวนหลงภูเขาตั้งตระหง่านสูงเด่นเป็นสง่ามีพื้นที่มากมายหลายร้อยหมู่ทุ่งหญ้าเขียวขจีปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณมีเพียงบ้านเล็กๆหลังนึงเท่านั้นที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางยอดเขาแห่งนี้
เรือนไม้หลังเล็กที่มีขนาดแค่สองห้องนอนหนึ่งห้องโถงผู้ที่นั่งอยู่ภายในห้องโถงขนาดไม่ใหญ่มากนักคือบุรุษที่เพิ่งย่างเข้าวัยยี่สิบปีไปได้ไม่นาน รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเป็นทุนเดิมสวมใส่อาภรณ์สีน้ำเงินเข้มสง่างาม กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งประธานภายในห้องโถงแห่งนั้นพลางกำลังครุ่นคิด
หนึ่งมือยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่มพร้อมกับคิ้วทั้งสองที่ประดับอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลานั้นเริ่มขมวดมุ่นเข้าหากันพลางครุ่นคิดอันใดบางอย่างอย่างขะมักเขม้น
ลู่หานตอนนี้เขากำลังใช้ความคิดไปกับหลายๆอย่างการที่เขาจะเปลี่ยนแปลงบทตัวประกอบของตนเองมันต้องมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาช่วย บัดนี้เขานั้นยังไม่หายดีจากผลของพิษของจ้าวอสรพิษยังทำอันใดมากมิได้ เลยได้แต่นั่งครุ่นคิดไปก่อนเมื่อถึงเวลาเขาจะได้ลงมือทำอย่างไม่ต้องรีรอ
นิยายเรื่องจ้าวกระบี่สวรรค์สยบฟ้าผู้ที่ฝึกฝนพลังวิญญาณจะถูกเรียกว่าผู้ฝึกยุทธ์ โดยผู้ฝึกตนจะมีพลังบ่มเพาะไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย
ถ้วยน้ำชาที่ถูกยกดื่มก็ถูกวางกลับลงไปที่เดิมแต่ใบหน้าที่กำลังครุ่นคิดนั้นยังคงอยู่ต่ออีกสักพักก่อนที่ลู่หานจะคิดอันใดได้ ใบหน้าอันหล่อเหลาเป็นทุนเดิมนั้นเปลี่ยนไปมุมปากทั้งสองข้างยกยิ้มเล็กๆอย่างมีเลศนัยพร้อมกับใบหน้าที่พยักหน้าพลันให้รู้ว่าตัดสินใจอันใดสักอย่างได้
“มีทางแล้วแผนการเปลี่ยนบทตัวประกอบของข้า!!!” ลู่หานพึมพำอยู่ในลำคอด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของลู่หานในยามนี้ไม่ว่าผู้ใดเห็นก็รู้ว่าเขาต้องมีแผนการอันใดสักอย่างแน่นอน
จบตอน