Ep.880 - หายนะ
5/5
Ep.880 - หายนะ
“เป็นใครกัน? แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่โจวฮ่าวหรือคนกลุ่มเฟิงหลี!”
อย่างแรกเลย คือโจวฮ่าวไม่น่าสูญเสียตัวเชื่อมมิติ ต่อให้ทำหาย ก็ยังเหลือของพรรคพวกคนอื่นๆอีกมากมาย สามารถใช้ร่วมกันได้ ส่วนกรณีที่ทุกคนเสียตัวเชื่อมมิติกันหมด ยิ่งเป็นไปไม่ได้
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าหากผู้เคราะห์ร้ายข้างล่างเป็นโจวฮ่าวจริงๆ อีกฝ่ายคงเขียนคำว่า ‘ไอ้บ้าฉินเฟิง มาช่วยฉันที’ มากกว่า
“สงสัยเป็นลูกรักของพระเจ้าคนอื่นของหัวเซี่ย รีบไปช่วยเขา!”
เมื่อได้ข้อสรุปในใจ ฉินเฟิงก็สั่งหมาจักรกลขับเรือเหาะลงเบื้องล่าง
ช่วงเวลานี้ตัวแทนจากเผ่าพันธุ์อื่นได้ทยอยกันจากไป หนานกงเฟยหยางยืนอยู่บนดาดฟ้าอาคารสูงสุดท่ามกลางซากปรักหักพัง แต่ช่างน่าสงสาร เขาไม่เห็นวี่แววว่าจะมีมนุษย์คนไหนเข้ามาช่วยเหลือเลย คนอื่นๆคงกลับไปกันหมดแล้ว
แววตาของหนานกงเฟยหยาง ยิ่งนานยิ่งหมดหวัง
“ไม่มีใครเหลือแล้วรึไง? ทำไมไม่มีใครอยู่เลย! ช่วยฉันด้วยเถอะ พาฉันออกไปที!” ความภาคภูมิในฐานะลูกรักของพระเจ้ามลายหายไปจนหมดสิ้น
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตัวเขาเป็นแค่รุ่นเยาว์จากตระกูลสาขา ที่บังเอิญโชคหล่นทับ ได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ยังไม่เคยลิ้มรสความพลาดพลั้งใดๆ เหตุการณ์ในครั้งนี้ เลยทำร้ายจิตใจเขาอย่างรุนแรง
เขารู้สึกเสียใจจริงๆ เสียใจที่ตนโอหัง แม้ช่วงก่อนหน้านี้เขาจะเห็นลูกรักของพระเจ้าจากหัวเซี่ยคนอื่นๆผ่านตาแล้วก็ตาม แต่ตอนนั้นทุกคนต่างแก่งแย่งแข่งขัน สุดท้ายเลยไม่ได้เข้าไปรวมกลุ่มกับใคร เขายอมละทิ้งโอกาสร่วมมือกับคนอื่นๆ
ช่างเป็นอะไรที่น่าเสียดาย เพราะยารักษาความเสียใจมันไม่มีในโลก
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงฟู่ ฟู่ ของเครื่องจักรกลไกสะท้อนใกล้เข้ามา ปรากฏเรือเหาะบินลงจากท้องฟ้า เผยโฉมสู่สายตาเขา
ดวงตาของหนานกงเฟยหยางเปียกชื้น ดังนั้นพร่ามัวยากจะมองเห็น เขารีบปาดน้ำหูน้ำตา จับจ้องเรือเหาะที่กำลังแล่นมาอย่างรวดเร็ว
ต่อมา เสียงๆหนึ่งตะโกนจากในเรือเหาะ
“เกิดอะไรขึ้น? นายทำตัวเชื่อมมิติหายหรอ? ว่าแต่ทำไมถึงมีสภาพแบบนี้ …”
ฉินเฟิงมองขึ้นๆลงๆ กวาดตาสำรวจหนานกงเฟยหยาง และพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีอาการบาดเจ็บ แต่รูปลักษณ์ไม่ต่างจากคนหมดสภาพ ลูกรักของพระเจ้าอายุ 19 ปี จู่ๆกลับร้องไห้งอแงเหมือนเด็กซะอย่างงั้น
อย่างไรก็ตาม เวลานี้หนานกงเฟยหยางไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีหรือสภาพน่าสมเพชของตนอีกต่อไป เขาร้องตะโกนด้วยความตื้นตัน “นายพลฉิน! นายพลฉินคุณยังไม่จากไปจริงๆ ยอดไปเลย!”
ขณะนี้ หนานกงเฟยหยางไม่ได้คิดว่าฉินเฟิงก็เป็นลูกรักของพระเจ้าเหมือนกันกับเขา แต่ยกอีกฝ่ายเสมือนฟางเส้นสุดท้ายในสายตา จ้องมองฉินเฟิงด้วยความตื่นเต้น แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะกระโดดกอดเขา และถ้าได้กอดจะไม่ขอยอมปล่อย!
ฉินเฟิงขมวดคิ้วทันใด ในหัวใจพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไอ้ท่าทีผีสางนี่มันอะไรกัน?
“ตอบคำถามฉัน!” ฉินเฟิงใช้น้ำเสียงรุนแรง
หนานกงเฟยหยางสะท้านคราหนึ่ง ด้วยสถานะที่อ่อนแอ บวกกับสภาวะจิตใจที่พังทลายลง เดิมเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งน่าอับอาย หนานกงเฟยหยางไม่มีความคิดจะพูดออกไป ทว่าภายใต้น้ำเสียงเข้มงวดของฉินเฟิง เฟยหยางสารภาพหมดเปลือกทันที
“ตัวเชื่อมมิติ … ถูกขโมย!?”
เมื่อเรื่องนี้หลุดจากปาก หนานกงเฟยหยางก็ราวกับเป็นเด็กงอแง บรรยายอาชญากรรมของสหายต่างเผ่าพันธุ์แต่ละคนด้วยความโกรธแค้น ตอนนี้เขาแทบอดใจไม่ไหวที่จะฉีกพวกมันออกเป็นชิ้นๆ
ฟังถึงจุดนี้ สีหน้าของฉินเฟิงน่าเกลียดจนดูไม่ได้
ศัตรูได้รับตัวเชื่อมมิติของพวกเขาไปยังไม่พอ แต่เผ่าพันธุ์นึง ยังได้ไปคนละชิ้น?
เมื่อย้อนนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ฉินเฟิงก็สัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ร้าย
“แล้วนายได้บอกพวกเขารึเปล่า เกี่ยวกับเรื่องผู้พิทักษ์ของพวกเรา?”
“ผู้พิทักษ์? มันคืออะไร?” หนานกงเฟยหยางพอถูกตั้งคำถามก็ชะงักไป ด้วยสถานะของหนานกงเฟยหยางตอนนี้ บวกกับชาติกำเนิดของเขา เลยเป็นไปไม่ได้ที่จะล่วงรู้เรื่องราวของผู้พิทักษ์!
ฉินเฟิงเปลี่ยนคำถามของเขา “ตอนที่นายร่วมมือกับพวกเขา พวกเขาได้จี้ถามนายรึเปล่า ตัวอย่างเช่น ถามว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในมิติคือใคร?”
หนานกงเฟยหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมสีหน้าของฉินเฟิงถึงดูน่าเกลียดขนาดนี้ แต่เรื่องนี้ มีมูลแน่นอน
ไม่เพียงแค่นั้น เจ้าเผ่าต่างมิติพวกนั้น ดูเหมือนจะสนใจมิติของตนเป็นอย่างมาก เคยสอบถามเขาหลายครั้งเกี่ยวกับมิติผู้ใช้พลังเลเวล S
“ใช่ พวกมันเคยถาม …” ถึงจุดนี้ ไม่ทราบว่าทำไมเฟยหยางถึงเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะหลุดปากหลายเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไป
ใบหน้าของฉินเฟิง มืดมนลงยิ่งกว่าเดิม
“ช่างมันเถอะ! ตอนนี้รีบกลับกันก่อน!”
ระหว่างกล่าว ฝีเท้าฉินเฟิงพลันหยุดกึก พลังสมาธิระเบิดออกมา พลุ่งพล่านอย่างรุนแรง เจาะเข้าไปในจิตใจของหนานกงเฟยหยาง หรือให้พูดว่า เข้าไปในจิตวิญญาณก็ได้
สมองของหนานกงเฟยหยางส่งเสียงหึ่ง หึ่ง รู้สึกคล้ายกับว่าร่างกายของตนถูกเข้าควบคุม มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับเมื่อครู่ทุกประการ
อึดใจต่อมา เขาเกิดความรู้สึกว่า บางสิ่งบางอย่างถูกพลังสมาธิอันทรงพลังของฉินเฟิงห่อหุ้มเอาไว้ ก่อนชะล้างมันออกไป การชะล้างนี้ช่วยให้ร่างของหนานกงเฟยหยาง ผ่อนคลายลงเป็นอย่างมาก
เฟยหยางเข้าใจได้ทันที เกรงว่านั่นคงเป็นตราประทับที่เผ่ามีปีกวางไว้ในตัวเขา หากไม่มีสิ่งนี้ หนานกงเฟยหยางย่อมไม่ยอมเชื่อฟัง ตกอยู่ในการควบคุม เพราะเจ้าสิ่งนี้เอง เขาเลยยอมนำตัวเชื่อมมิติและอุปกรณ์รูนมิติของตนออกมา
เอาจริงๆหนานกงสังเกตได้ถึงตราประทับนี้ตั้งนานแล้ว ในใจเขาเกิดความรู้สึกเสมอมา ว่ามีบางอย่างถูกฝังอยู่ข้างใน แต่เจ้าตัวคิดว่าคงเป็นเพราะเขาเดินทางมายังต่างมิติ และต้องแก่งแย่งแข่งขันกับลูกรักของพระเจ้ามากมาย เฟยหยางคิดว่านี่คงเป็นแค่แรงกดดัน เลยเป็นเหตุผลให้เขาไม่เคยคิดถึงมันจริงๆจังๆ
แต่ตอนนี้ ฉินเฟิงลบตราประทับดังกล่าวออกไปแล้ว หนานกงเฟยหยางเลยเข้าใจทุกอย่าง
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันการ”
ถึงจุดนี้ ในที่สุดฉินเฟิงก็หยิบอุปกรณ์รูนมิติของเขาออกมา อัดฉีดกำลังภายในเปิดช่องว่างมิติ เก็บเรือเหาะเข้าในอุปกรณ์รูนมิติ สองคนหนึ่งหมาจักรกล ก้าวเดินเข้าไป
ข้ามผ่านมิติสีดำสนิท เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ฉินเฟิงกับหนานกงเฟยหยางก็ปรากฏตัวบนยอดหอคอยประตูมังกรแล้ว
ผู้พิทักษ์หอคอยมารอรับอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นทั้งสองออกมา ก็โล่งใจ
“หนานกงเฟยหยาง คนในตระกูลเธอเป็นกังวลมาก หนานกงชิเข้ามาถามฉันอยู่หลายครั้ง วันนี้เป็นวันสุดท้าย โชคดีจริงๆที่เธอได้กลับมา รีบติดต่อกับหนานกงชิเร็ว!”
“ขอรับ ท่านผู้ใหญ่” หนานกงเฟยหยางตอบรับร้อนรน
ผู้พิทักษ์หอคอยยิ้ม “ว่าแต่เธอกลับมาช้าซะเหลือเกิน แบบนี้คงกวาดสมบัติมาได้เยอะเลยสิใช่ไหม สนใจทำธุรกิจร่วมกันรึเปล่า? กลุ่มของฉันยินดีร่วมพัฒนาเทคโนโลยีใหม่นะ”
สีหน้าของหนานกงเฟยหยางเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทั้งอับอายและขุ่นข้อง แต่ขณะเดียวกันรู้สึกกังวนสุดแสน เพราะในมือเขา ไม่มีเทคโนโลยีใดๆเลย
คล้ายต้องการขอความช่วยเหลือ ดวงตาเขาเบนมาตกลงบนร่างของฉินเฟิง
ฉินเฟิงสังเกตอาการแปลกๆที่แนบมาพร้อมกับแววตาของหนานกงเฟยหยาง รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
ไอ้หมอนี่มันเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาเกิดรึไง?
“มองฉันทำไม ฉันไม่ใช่คนทำของนายหายซะหน่อย อีกอย่าง เมื่อพวกเรากลับมาแล้ว ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง ที่จะชักนำหายนะร้ายแรงตามมาด้วย!”
ฉินเฟิงเปิดอุปกรณ์สื่อสารของเขา สายนี้ไม่ได้โทรหาไป๋หลี เขาติดต่อผ่านพันธสัญญาโดยตรง เพื่อส่งข่าวการกลับมาให้เธอก่อนแล้ว
ส่วนในอุปกรณ์สื่อสาร ปลายสายที่โทรออก คือหลงถิง!
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ตี๊ด ….
ปลายสายไม่กดรับในทันที ทันใดนั้นเอง ภายในหอคอยประตูมังกร ช่องว่างขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้น
ต่อมา ชายร่างกายแข็งแกร่งกำยำจากเผ่ามังกร ได้ก้าวออกจากช่องว่างมิติ
กลิ่นอายโคตรกดดัน กวาดไปทั่วบริเวณ
--กลิ่นอายของเลเวล S !